ภูเก็จเมืองแก้ว
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
อาทิตย์, 09 สิงหาคม 2009

ภูเก็จเมืองแก้ว

 

ผศ.สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์

๑๓ มีนาคม ๒๕๓๖


ศรัทธาสูงสุดของชีวิตได้น้อมมอบถวายไว้แด่พระศาสนา สิ่งล้ำค่าสุดสูงคือองค์พระศาดาหลักธรรมคำสอนและผู้สืบสานสารธรรมพุทธศาสนิกชนจึงได้รวมขานสิ่งล้ำเลิศสุดประเสริญแห่งองค์พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ว่า แก้วสามดวง

นักปราชญ์ได้ยกสิ่งสูงค่าให้เป็น แก้ว มหาชนก็สร้างแก้วให้มีค่า ไม่ว่าจะเป็นเพชร มณี มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดาหาร เพทาย ไพฑูรย์ คือ แก้วเก้าส่งผลให้มีทหารแก้ว ขุนนางแก้ว กวีแก้ว เมียแก้ว ลูกแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว และเมืองแก้ว

ภารกิจของเมืองอันนี้มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะนำ “แก้ว” ไปใช้ ต้องได้รับการพิสูจน์ตรวจสอบด้วยการณกาลให้กล่าวขวัญถึงแก้วกอปรแล้วเป็นแก่นเมือง

ทรัพยากรแห่งดิน และสินแห่งน้ำอันอุดม สมบูรณ์ของเกาะภูเก็จ ได้ปรากฏหลักฐานสืบกาลมาตั้งแต่ พ.ศ. ๗๐๐ ที่คลอดิอุส ปโตเลมี กล่าวไว้ในชื่อ JUNK CEYLON และจีนเรียก SILAN ผ่านมาถึง พ.ศ. ๑๕๖๗ ได้ขานเรียกเกาะภูเก็จว่ามณิครัมที่แปหมายว่าเมืองแก้ว บรรดาสามายนามที่เกี่ยวข้องกับเมืองก็ต้องสอดคล้องกับเมืองแก้วให้รับกันได้ จึงต้องมีเจ้าแห่งเมืองว่า “ออกญาเพชร” ว่าการเมืองแก้วที่อุดมด้วยสินแร่ อำพัน มุก สัตว์ป่าและป่าไม้

ตอนต้นรัชกาลที่ ๕ มีเหตุการณ์จลาจลอั้งยี่เกิดขึ้นในแผ่นดินภูเก็จ เป็นเหตุให้เกิดวีรกรรมของพ่อท่านสมเด็จเจ้าวัดฉลอง ในปี พ.ศ. ๒๔๑๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เป็น “พระครูสุทธิวงษาจาริย์ญาณมุนีสังฆปาโมกข์” ภูเก็จจึงมีพระแก้วในหัวใจสืบมาอีกรูปหนึ่ง

ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงตอนต้นสมัยรัชกาลที่ ๖ ก็มีขุนนางแก้วประดับภูเก็จอีกคือ พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบี๊ ณ ระนอง)

กาลสืบมาถึงปัจจุบัน ภูเก็จได้รับการขานชื่อระบือก้องไปทั่วโลกว่า “ไข่มุกแห่งอันดามัน” “ไข่มุก” นั่นก็คือแก้ว


เกือบสมบูรณ์แล้ว… ภูเก็จเมืองแก้วแห่งสยามประเทศ หากชื่อจังหวัดไม่ตกเป็นทาสทางภาษาอาณานิคมให้กับมลายู

 


ภูเก็จใช้ชื่อนี้สืบเนื่องมานานปรากฏหลักฐานเก่าแก่ในจดหมายเหตุเมืองถลาง ฉบับที่ ๑ ถึง ๒ ครั้ง ฉบับที่ ๔ บรรทัดแรก ๑ ครั้ง เมื่อมีการบันทึกคำ ภูเก็จที่ใดตรงนั้นก็ปรากฏ ภูเก็จ เสมอ เริ่มมาใช้สลับสับสนปนเป็นไปเป็นภาษาต่างด้าวประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ภูเก็จ ที่เป็นชื่อไทยอันหมายถึง เมืองแก้ว กำลังจางหายไป ผู้มีหัวใจที่รักความเป็นไทย เมื่อเห็นหลักฐานการใช้ชื่อภูเก็จแล้ว จึงร่วมกันปลดแอกภาษาเทศ “ภูเก็ต” ทิ้งไว้ให้เป็นรอยด่างทางประวัติศาสตร์บรรทัดหนึ่ง หวนกลับมาใช้ ภูเก็จ อันเป็นมงคลนามของไทยว่าภูเก็จ…เมืองแก้วอย่างสมภาคภูมิ.

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อาทิตย์, 09 สิงหาคม 2009 )