เลียบ ชนะศึก : สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
ศุกร์, 25 เมษายน 2008 | |
ประวัติและผลงาน เลียบ ชนะศึกนายเลียบ ชนะศึก เป็นชาวถลาง อาสาปฏิบัติงานวัฒนธรรมเป็นอาชีพ เดินทางด้วยพาหนะที่นายเลียบ ชนะศึก ตั้งชื่อเรียกเองว่า รถเครื่องร้ายเหว้นจบ ได้รับค่าตอบแทนด้วยคำว่า ขอบคุณ มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๕๐ ปี งานอาสาวัฒนธรรมก็สิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ สิริอายุรวม ๘๑ ปี นายเลียบ ชนะศึก เป็นบุตรนายคลอ และนางเอี่ยม ชนะศึก มีพี่สาว ๑ คน คือนางลาภ มีบุตร ๙ คน นางเสนอภรรยาให้กำเนิดนางบุญบาย สมรสกับนายชนะ บุรีรักษ์ เป็นบุตรเขย บุตรคนที่ ๒ นางเบญจะ สมรสกับนายวิริยะ ก่ออินทร์ เป็นบุตรเขย บุตรคนที่ ๓ นางเนียน สมรสกับนายแปว ธรรมดี เป็นบุตรเขย: นางจับจิตต์ นามสกุลเดิม สณฑ์เพชร ผู้ภรรยา ให้กำเนิดบุตรคนที่ ๔ ของนายเลียบ ชนะศึก คือนายยืนยง ชนะศึก สมรสกับนางนภารัตน์ เป็นบุตรสะใภ้ บุตรคนที่ ๕ นางสาวอมฤต ชนะศึก บุตรคนที่ ๖ นางสมหญิง สมรสกับนายอ๊อด บุญอินทร์ เป็นบุตรเขย บุตรคนที่ ๗ นางงามขำ สมรสกับนายปรีชา ฤกษ์อรุณรัตน์ เป็นบุตรเขย บุตรคนที่ ๘ นางสมใจ สมรสกับนายนิยม ประดิษฐ์ขวัญ เป็นบุตรเขย และบุตรคนสุดท้องคือ นายสมยศ ชนะศึก และนายเลียบ ชนะศึก มีบุตรบุญธรรม ๑ คนคือนางจุรีพร ตั้งเจริญพล
รับปริญญา
นายเลียบ ชนะศึก สำเร็จการศึกษาประถมปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดพระนางสร้าง อำเภอถลาง เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ นายเลียบ ชนะศึกสำเร็จมัธยมปีที่ ๓ จากโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔ อันเป็นปีเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นวางกองกำลังไว้ทั่วเกาะภูเก็ต นายเลียบ ชนะศึก จึงต้องประกอบอาชีพทำนาที่บ้านเหรียงบ้านเดิมของตน พร้อมศึกษางานแพทย์พื้นบ้านจากพ่อคลอ ชนะศึก จนมีความสามารถเป็นแพทย์สมุนไพร ผู้ป่วยจึงเอ่ยชื่อเรียกนายเลียบชนะศึกว่าหมอเลียบมาตั้งแต่นั้น พ.ศ.๒๕๑๕ - ๒๕๒๙ นายเลียบ ชนะศึกเป็นแพทย์ประจำตำบลเทพกระษัตรี ๑๔ ปี พ.ศ.๒๕๒๓ เข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จร่วมกับนายประสิทธิ ชิณการณ์(ขุมทรัพย์วัฒนธรรมภูเก็จ) และนายสกุล ณ นคร(อดีตบรรณาธิการ นสพ.ปักษ์ใต้) พัฒนาหอวัฒนธรรมภูเก็จในมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตเป็นศูนย์ปฏิบัติการ ตระเวนรวบรวมสมบัติวัฒนธรรมเข้าหอวัฒนธรรมภูเก็จไม่น้อยกว่า หนึ่งหมื่นรายการ ด้วยพาหนะคู่ชีพ “รถเครื่องร้าย เหว้นจบ” หอวัฒนธรรมภูเก็จร่วมจัดงานวัฒนธรรม ในเทศกาลปีใหม่ไทยของจังหวัดภูเก็ต ณ ศูนย์กีฬาสะพานหิน นายพูนเพิ่ม สุวรรณาคารได้สร้างเรือนรนภูเก็จให้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการวัฒนธรรม นายเลียบ ชนะศึก และนางจับจิตต์ผู้ภรรยา เต็มใจที่จะแสดงตนเป็นพ่อบ้านแม่บ้าน ขนย้ายมรดกวัฒนธรรมอันเป็นสมบัติของตนมาตกแต่งรนสุวรรณาคาร ที่สะพานหิน เช่นบุดสมุดข่อยมากกว่า ๕๐ ฉบับ และสาธิตทุกวัน ตลอด ๑๐ วัน ๑๐ คืน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ นายเลียบ ชนะศึกจึงเป็นชื่อที่ผู้คนรู้จักเพิ่มจากคำเรียกขาน หมอเลียบ มาตั้งแต่ครั้งนั้น นางจับจิตต์คู่ชีวิตของนายเลียบ ชนะศึก พร้อมลูกและหลานทุกคนของนายเลียบ ชนะศึก ได้เห็นความสุขของนายเลียบ ชนะศึกที่ได้บริจาคปัญญาเป็นวิทยาทาน ทุกคนเต็มใจช่วยรับแขกของนายเลียบ ชนะศึกด้วยไมตรียิ่ง นายเลียบ ชนะศึกออกจากบ้านไปเป็นวิทยากร ณ แห่งหนใดก็ตาม ทุกคนก็จะติดต่อให้ผู้เข้าพบที่บ้านสมประสงค์ตลอดมาด้วยความความกระตือรือร้น; นายเลียบ ชนะศึกเกรงว่า คนที่มาพบนายเลียบ ชนะศึกจะรับงานที่ต้องการไปไม่สมบูรณ์ นายเลียบ ชนะศึกก็สร้างขนำน้อยปลายนา(ไม่แขวนกุญแจ)เก็บมรดกที่นายเลียบ ชนะศึกรัก ไว้ให้ค้นคว้า ให้สืบหาตามอัธยาศัย ไม่จำกัดวันเวลา เดือน ปี ที่สำคัญแห่งน้ำใจดีของนายเลียบ ชนะศึก แม้ตู้รับบริจาคตามอัชฌาสัย นายเลียบ ชนะศึก ก็ไม่ยอมให้เข้ามาแผ้วพานรอบขนำน้อยของตน
พ.ศ.๒๕๓๒ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมของอำเภอถลางจากศูนย์วัฒนธรรมอำเภอถลาง โรงเรียนเมืองถลาง นายเลียบ ชนะศึก จะร่วมเป็นเพื่อนงานศพทุกงานตลอดคืนในเขตอำเภอถลาง กิจกรรมที่ช่วยให้เจ้าภาพและผู้เข้าร่วมเป็นเพื่อนงานศพพึงใจใน “ว่ามาลัย” ติดต่อกันมาเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า ๔๐ ปี นายเลียบ ชนะศึก เคยบอกแก่ผู้ร่วมงานว่า “งานเราต้องว่ามาลัยนะ” แต่พวกเราก็หามาลัยมาว่าให้ท่านไม่ได้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาตินำนายเลียบ ชนะศึก เข้าเฝ้ารับเสด็จ ฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๔ เพื่อรับพระราชทานโล่เชิดชูเกียรติในฐานะบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมภาคใต้ สาขากีฬาและนันทนาการ อาศรมวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มอบรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยพื้นบ้านดีเด่นให้นายเลียบ ชนะศึก เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ งานสำเร็จสำคัญของนายเลียบ ชนะศึก อีกเรื่องหนึ่งคือพื้นที่นาหลวงในอำเภอถลาง ซึ่งเคยเป็นชัยสมรภูมิครั้งศึกถลาง ๒ ๓ ๒ ๘ กรรมการได้เห็นพ้องต้องกันที่สรรค์สร้างให้ที่นั้นเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของแผ่นดิน; เดิมเคยเรียกชื่อพื้นที่ใกล้เคียงนี้ว่า “นาโคกพม่า” หลังการสัมมนาประวัติศาสตร์ถลาง ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ได้เปลี่ยนเป็น “โคกชนะพม่า” ให้เป็นอนุสรณ์ที่วีรชนถลาง ชนะศึกพม่า เมื่อปี พ.ศ.๒๓๒๘ ก่อนการฉลอง ๒๐๐ ปีวีรสตรีเมืองถลาง เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ นั้นคณะกรรมการได้พิจารณาชื่อที่จะไม่ให้กระเทือนต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า “สมรภูมิถลางชนะศึก” มูลนิธิท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทรและกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จ เสนอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นองค์กรจัดสร้างแผนแม่บท “อนุสรณ์สถานถลางชนะศึก” ส่วนหนึ่งในแผนแม่บท กำหนดให้มีบ้านท้าวเทพกระษัตรี ซึ่งนายเลียบ ชนะศึก ปรารถนาจะเห็นตั้งแต่ครั้งที่สร้างป้ายบ้านท้าวเทพกระษัตรีที่เกาะบ้านเคียน๑ ปรารถนาจะเห็นที่วัดม่วงโกมารภัจจ์๑ ปรารถนาจะเห็นในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง๑ เมื่อไม่สามารถสร้างในพื้นที่ทั้ง ๓ ได้ เพราะพื้นที่ไม่อำนวย นายเลียบ ชนะศึก จึงพุ่งมุ่งมาที่อนุสรณ์สถานถลางชนะศึก ซึ่งมีพื้นที่จำนวนมากถึง ๙๖ ไร่ เตรียมแบบแปลนบ้าน เตรียมไม้ เตรียมเสา เตรียมไม้ผูกเรือน เตรียมกระบอกไม้บรรจุจดหมายเหตุ เตรียมต้นทองหลาง เตรียมต้นตะเคียน ไว้ปลูกข้างคูน้ำเขตสถานที่ ทุกครั้งที่นายเลียบ ชนะศึกพบผู้ใด นายเลียบ ชนะศึกสนุก ที่จะเล่าเรื่องบ้านท้าวเทพกระษัตรี เล่าเรื่องจดหมายเหตุ เล่าเรื่องการถลุงแร่ดีบุก เล่าเรื่องการทำนารอบบ้านท้าวเทพกระษัตรี เตรียมวางศิลาฤกษ์บ้านท้าวเทพกระษัตรี ... วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ เวลา ๑๔.๓๙ น. ก็มาถึง ก่อนที่นายเลียบ ชนะศึกจะได้เห็นบ้านท้าวเทพกระษัตรี นายเลียบ ชนะศึก ได้ขับร้องเพลงเปลเป็นวิทยาทานทุกครั้งที่ร้องขอให้ขับกล่อม นอนเสียหนุ่ยนอน นอนให้สบาย พวกเราก็ขอใช้เนื้อเพลงที่นายเลียบ ชนะศึก เคยขับกล่อม นอนเสีย พ่อเลียบนอน พ่อเลียบนอนให้สบาย
------------
*** ประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์Binbon Swan Liab Pracha |
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อังคาร, 27 กุมภาพันธ์ 2018 ) |