ลอยกระทง |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
จันทร์, 02 พฤศจิกายน 2009 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ครูเกษมทัศนคุณ (สมชัย เขมทสฺสี) กาพย์ โคลง กลอน กลอนกลบท คติธรรม สารคดี ฟื้นฟูระบบนิเวศ และพิทักษ์สิ่งแวดล้อม Permalink : http://www.oknation.net/blog/kondee007 วันจันทร์ ที่ 2 พฤศจิกายน 2552 ลอยกระทงทำไมกันในวันเพ็ญเดือนสิบสองและมารู้ประวัตินางนพมาศ กัน
ลอยกระทง ทำไมกันหนอ
ลอยกระทง ทำไม ไหนลองคิด พวกลูกศิษย์ ทั้งหลาย โอ้ชายหญิง รู้ประสงค์ หรือเปล่า เล่าอ้างอิง ควรเป็นสิ่ง อนุรักษ์ เอกลักษณ์ไทย อย่ามัวเมา เอาตลิ่ง สิ่งพลอดรัก พ่อแม่หนัก ใจหวั่น มันไม่ไหว ออกจากบ้าน ห่วงลูก ทุกข์ถอนใจ เหมือนปีใหม่ ทั่วเมือง เรื่องทุบตี บ้างเมาเหล้า นารี ผีเข้าสิง ริมตลิ่ง คงคา น่าบัดสี ไม่เอาอย่าง นางนพมาศ แล้วชาตินี้ ประเพณี อะไร ไหนอวดกัน พวกฝรั่ง มังค่า มาท่องเที่ยว ต้องเดินเสียว ลูกหลง คงน่าขัน ใครจะมา เที่ยวงาน รำคาญครัน ลอยในขัน ที่บ้าน สำราญดี เสียทั้งงบ ประมาณ การจัดสรร เล่นพนัน ประกวดสาว เคล้าบัดสี ร้องไชโย โห่เชียร์ เสียผู้ดี จ้างสตรี มาเดิมพัน ขันต่อรอง
ถ้าปล่อยให้ ไทยนี้ ประเพณีเพี้ยน นั่งปวดเศียร ทั่วไป ไทยทั้งผอง เล่นพนัน ดื่มสุรา บ้าริมคลอง คงคาหมอง จันทร์เศร้า ปวดร้าวใจ ถ้าอยากให้ พระจันทร์ คงคาสุข พึงย้อนยุค เอาอย่าง บางสมัย เอาตัวอย่าง นพมาศ สุโขทัย ลอยเพื่อใคร นั่นรู้ ดูตำรา จะให้ทัวร์ ต่างชาติ มาชมหรือ คำตอบคือ ไม่คุ้ม ชีวิตหนา ถูกลูกหลง ลงตาย วายชีวา ไม่คุ้มค่า มาสนุก กลับทุกข์เอย. ...หยาดกวี... ๒ พฤจิกายน ๒๕๕๒
การลอยประทีป หรือการลอยโคม มีปรากฏหลักฐาน ในวรรณคดีเรื่องนางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งเป็นสนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็น รูปกระทงดอกบัว แทนการลอยโคม เพื่อเป็นการสักการะ รอยพระพุทธบาทที่แม่ น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้น ทักขิณาบถ ของประเทศอินเดีย ปัจจุบัน เรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา นางนพมาศได้ทำกระทงลอย ที่แปลก จากนาง สนมอื่นๆ เมื่อพระร่วงเจ้า ได้เสด็จทางชลมารค ทอดพระเนตรเห็นกระทง ของ
นางนพมาศ ก็ทรงพอพระทัย จึงมีราชโองการ ให้จัดพิธี ลอยกระทง ขึ้นทุกปี ใน
คืนวันเพ็ญเดือน สิบสองของทุกปี พระราชพิธีนี้จึงถือปฏิบัติ มากระทั่งถึงปัจจุบัน
ประมาณ ๗๐๐ กว่าปี มาแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง
อธิบายในพระราชนิพนธ์เรื่อง "พระราชพิธีสิบสองเดือน" ความตอนหนึ่งว่า
ทั้งปวงทั่วกัน ไม่เฉพาะแต่ การหลวง จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่ได้มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ อันใดเกี่ยวข้อง เนื่องในการลอย พระประทีปนั้น แต่ควรนับว่าเป็นราชประเพณี ซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนคร
ยังอยู่ฝ่ายเหนือ"
๑. เพื่อขอขมาลาโทษแด่พระแม่คงคา เพราะได้อาศัยน้ำกินและใช้ และ
มนุษย์ มักจะทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำ จึงควรขอขมาลาโทษท่าน ๒. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ประทับรอย พระพุทธบาท ประดิษฐานไว้บนหาดทราย แห่งนั้น ๓. เพื่อบูชาพระอุปคุต ซึ่งชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพอย่างสูง โดย
ตำนานเล่าว่า อุปคุตนั้น เป็นพระมหาเถระรูปหนึ่ง ที่มีอิทธิ
ฤทธิ สามารถ ปราบมารได้ ท่านจะนั่งสมาธิอยู่บนบัลลังก์แก้ว ใท้อง
มหาสมุทร ๔. เพื่อลอยทุกข์ โศก โรค ภัย และความอัปรีย์จัญไร เหมือนกับการลอบ
บาป ของศาสนาพราหมณ์ ถ้าใครเก็บกระทงไป เท่ากับเก็บความทุกข์
หรือเคราะห์กรรมเหล่านั้น แทนเจ้าของกระทง ตำนานวันลอยกระทง
ประวัติ คือ ครั้งหนึ่ง พญานาคได้ทูลอาราธนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จ
ไปโปรดแสดงธรรมในนาคพิภพ เมื่อพระองค์เสด็จกลับ พญานาคทูลขอ
อนุสาวรีย์ ไว้กราบไหว้ บูชา พระพุทธองค์ทรงประดิษฐ์ รอยพระบาทไว้ที่หาด
ทราย เพื่อให้ นาคทั้งหลาย สักการบูชา
เมื่อทรงทราบว่า พ้นเขตกรุงกบิลพัสด์แล้ว จึงประทับเหนือหาดทรายขาว และตั้งใจจะบรรพชา จึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ และใช้พระขรรค์ตัด พระเมาลี โยนขึ้นไปบนอากาศ พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับไว้ และ นำไปบรรจุไว้ยังจุฬามณี เจดีย์สถานในเทวโลก
อริยเมตไตรยเทวโพธิสัตว์ ในอนาคต จะมาจุติบนโลก และตรัสรู้เป็นพระ
พุทธเจ้า ยังเคยเสด็จมาไหว้ จึงถือว่าการบูชาพระจุฬามณี เป็นการบูชา พระ
ศรีอริยเมตไตรยด้วย การลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้ากลับจากเทวโลก เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวช จนได้บรรลุสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลัง
จากเผยแผ่ ธรรมคำสั่งสอน แก่สาธุชน โดยทั่วไปได้ระยะหนึ่ง จึงเสด็จไปจำ
พรรษาอยู่บนชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้นจำ
พรรษาจนครบ ๓ เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับโลก เมื่อท้าวสักกเทาวราช
ทราบพุทธประสงค์ จึงเนรมิต บันไดทิพย์ขึ้น อันมีบันไดทอง บันไดเงิน และ
บันไดแก้ว ทอดลงสู่ประตูเมืองสังกัสสนคร
หลายได้พร้อมใจ ทำการสักการบูชา ด้วยพวงมาลาทิพย์ การลอยกระทงตาม
ตำนานนี้เหมือนกับการตักบาตรเทโว การลอยกระทงเพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์
บรรทมอยู่ในมหาสมุทร นิยมทำใน วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ และ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ จะทำในกำหนดใดก็ได้
การลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหม เผือกสองผัวเมีย ทำรังอยู่บน ต้นไม้ ในป่าหิมพานต์ วันหนึ่งกาตัวผู้ออกไปหากิน แล้วกลับเข้ารังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาซึ่งกำลังกกไข่ ๕ ฟอง รอด้วยความ
กระวนกระวายใจ จนมีพายุมา ทำให้พัดรังของกาเผือกกระจัดกระจาย ไข่ตกลงน้ำ ส่วนแม่กา ถูกลมพัดไปคนละทาง เมื่อแม่กาย้อนกลับมาดูไข่ที่รัง ก็ไม่พบ จึง
ร้องไห้จนขาดใจตาย ไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหม อยู่บนพรหมโลก ส่วนไข่ทั้ง ๕
ฟอง ลอยน้ำไปในสถานที่ต่าง ๆ บรรดาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่
ราชสีห์ มาพบเข้า จึงนำไปรักษาตัวละฟอง ครั้งถึงเวลาฟัก กลับกลายเป็นมนุษย์
ทั้งหมดกุมารทั้ง ๕ ต่างเห็นโทษภัยในการเป็นฆราวาสและอานิสงส์ในบรรพชา
จึงลามารดา เลี้ยงไปบวช เป็นฤาษี ต่อมา ฤาษีทั้ง ๕ ได้มีโอกาสพบปะกันจึง
ถามถึงนามวงศ์ และมารดาของกันและกัน จึงทราบว่าเป็นพี่น้อง ฤาษีทั้ง ๕ มีนามดังนี้
ต่างตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าจะได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้าขอให้ร้อนไปถึงพระมารดา ด้วย
แรงอธิฐานจึงร้อนไปถึง ท้าวพกาพรหม จึงเสด็จลงมาและจำแลงเป็นกาเผือก
แล้วเล่าเรื่องหนหลังให้ฟัง พร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดา เมื่อถึงคืน วันเพ็ญเดือน
๑๑ เดือน ๑๒ ให้เอาด้ายดิบผูกไม้เป็นตีนกา ปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำ
แล้วท้าวพกาพรหมก็เสด็จกลับไป ตั้งแต่นั้นมา จึงมีการลอยกระทงบูชาท้าวพกา
พรหม และเพื่อเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท ที่แม่น้ำ นัมมทานที ส่วนฤาษีทั้ง ๕
ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้ การลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์
พม่า พระอุปคุตต์นี้ เป็นพระอรหันต์ หลังสมัยพุทธกาล โดยมีตำนานเล่าว่า พระ เจ้าอโศกมหาราช มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้โปรด ให้สร้าง พระสถูป เจดีย์ และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "อโศกา ราม" ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นมคธ หลังจากพระสถูปต่าง ๆ ๘๔๐๐๐ องค์สำเร็จแล้ว พระเจ้าอโศกทรงมีพระราชประสงค์ จะนำพระบรมสารีริกธาตุ ของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ไปบรรจุตามสถูปต่าง ๆ และมีการเฉลิมฉลอง ยิ่งใหญ่ เป็นเวลา ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน คุตต์ที่จำศีลอยู่ในสะดือทะเล องค์เดียวเท่านั้น ที่สามารถ ปราบพญามารได้ หลัง จากนั้นพญามารก็สำนึกตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ส่วนพระอุปคุตต์ หลังจาก ได้ปราบพญามารแล้วจึงลงไปจำศีลอยู่ที่สะดือทะเลตามเดิม พระอุป คุตต์นี้ไทยเรียกว่า พระบัวเข็ม ชาวไทยเหนือหรือชาวพม่าจะนับถือพระอุปคุตต์ มาก ประวัตินางนพมาศ นางนพมาศ เป็นธิดาของพระศรีมโหสถกับนางเรวดี
ราชการในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท ในยุคสุโขทัย เป็นที่โปรดปรานจนได้เป็น สนมเอกตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์
ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นใหม่ในมัยรัตนโกสินทร์ เพราะภาษาที่ใช้ แตกต่างจากภาษาที่ใช้ในวรรณคดีที่แต่งในยุคเดียวกันคือ คือศิลาจารึก หลักที่ ๑ และ ไตรภูมิพระร่วง
รูปดอกโกมุท (ดอกบัว) เพื่อใช้ในพระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป (ลอยกระทง) ซึ่งประเพณีนี้ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ตำรับท้าวศรี จุฬาลักษณ์เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หนังสือนางนพมาศ และนางนพมาศได้ทำ คุณงามความดีเป็นที่โปรดปรานของพระร่วง มีอยู่ ๓ ครั้ง ดังนี้
ประทีป (ลอยกระทง) นางได้คิดประดิษฐ์โคมลอยรูปดอกโกมุท (ดอกบัว) มีนกเกาะดอกไม้สีสวย ต่างๆ กัน เป็นที่โปรดปรานของพระร่วงมาก
มีเจ้าประเทศราชขึ้นเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการด้วย ในพิธีนี้พระเจ้า แผ่นดินทรงรับแขกด้วยเครื่องหมากพลู นางนพมาศได้คิดประดิษฐ์พาน หมากสองชั้นร้อยกรองด้วยดอกไม้งดงาม พระร่วงทรงโปรดปรานและรับ สั่งว่า ต่อไปผู้ใดจะทำการมงคลก็ดี รับแขกก็ดี ให้ใช้พานหมากรูปดังนาง นพมาศประดิษฐ์ขึ้น ซี่งเป็นต้นเหตุของพานขันหมากเวลาแต่งงาน ซึ่งยัง คงใช้จนถึงปัจจุบัน
ตรัย ต้องบูชาด้วยพนมดอกไม้กอบัวนี้ นางนพมาศเป็นบุคคลที่ได้สมญา ว่า "กวีหญิงคนแรกของไทย" ดังเช่นที่เขียนไว้ว่า "ทั้งเป็นสตรี สติปัญญา ก็น้อยกว่าบุรุษ แล้วก็ยังอ่อนหย่อนอายุ กำลังจะรักรูปและแต่งกาย ซึ่ง อุตสาหะพากเพียร กล่าวเป็นทำเนียบไว้ ทั้งนี้เพื่อหวังจะให้สตรีอันมี ประเภทเสมอด้วยตน พึงให้ทราบว่าข้าน้อยนพมาศ กระทำราชกิจใน สมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงมหานครสุโขทัย ตั้งจิตคิดสิ่งซึ่งเป็นการควรกับเหตุ ถูกต้องพระราชอัชฌาสัยพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ปรากฏชื่อเสียงว่าเป็นสตรีนัก ปราชญ์ ฉลาดในวิชาช่างอยู่ชั่วกัลปาวสาน " นี่คือนางนพมาศ สนมเอกของสมเด็จพระร่วงเจ้า ผู้สามารถประดิษฐ์ความคิดได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ จนสืบกลายมาเป็น ประเพณีต่อมาอยู่ช้านาน ...หยาดกวี... ๒ พฤจิกายน ๒๕๕๒
พระร่วงทรงพอพระทัยในความคิดนั้น ตรัสว่าแต่นี้ต่อไปเวลามีพิธีเข้าพรรษาจะ
อยู่บ้างปฏิบัติตนในการเข้ารับราชการของนางสนมกำนัลทั้งหลาย อ้างอิง http://www.oknation.net/blog/kondee007/2009/11/02/entry-1
--------------------------------- อ้างอิง http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8501952/X8501952.html
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อังคาร, 03 พฤศจิกายน 2009 ) |