ชาดาร์จีลิงในสิกขิม
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
อังคาร, 27 ตุลาคม 2009

สิกขิม 4 สวิตเวอร์แลนด์ แห่งดินแดนตะวันออก

รายงานโดย :ปวีณา สิงห์บูรณา:
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเมื่อได้ไปเยือนสิกขิม ดาร์จีลิง และกาลิมปงนั้น เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดินแดนในละแวกนี้ของอินเดียมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก

 

และเป็นเหตุผลที่เกื้อหนุนให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในบริเวณนี้เติบโต อีกทั้งยังเกื้อหนุนเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

เมืองกาลิมปงของ West Bengal ที่อยู่ติดกับสิกขิมนั้นมีรายได้หลักจากการเพาะพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ จำหน่ายทั้งในประเทศอินเดีย และส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก กาลิมปงจึงเต็มไปด้วยสีสันของพรรณไม้และดอกไม้ในทุกฤดูกาล จนทำให้สามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง ในขณะที่ดาร์จีลิงขึ้นชื่อเรื่องการปลูกและผลิตชา ว่าเป็นแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดในโลก และสามารถส่งออกชาเป็นสินค้าหลักทำรายได้จำนวนมหาศาลในแต่ละปี จนกระทั่งทำให้อินเดียเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกชาอันดับต้นๆ ของโลก โดยในดาร์จีลิงมีโรงงานผลิตชาอยู่มากกว่า 80 แห่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโรงงานเก่าแก่และมีชื่อเสียง รวมถึงยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมกรรมวิธีต่างๆ ได้อีกด้วย

คนงานจะเริ่มทำงานตั้งแต่การเก็บยอดชาตามพื้นที่ปลูกของแต่ละโรงงาน แล้วนำมาชั่งน้ำหนักให้ได้ตามที่โรงงานกำหนดไว้ต่อวัน หลังจากนั้นยอดใบชาอ่อนที่ผ่านการชั่งน้ำหนักแล้ว ก็จะถูกนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ นับตั้งแต่การเป่าแห้งเพื่อให้แยกน้ำออกจากใบชาให้ได้มากที่สุด การร่อนแยกใบชา การบ่ม การอบแห้ง จนกระทั่งถึงการคัดแยกเกรด และนำไปบรรจุเพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่อไป ในส่วนของขั้นตอนการบรรจุนี้เองที่ทำให้ทราบว่า ระหว่างเส้นทางสองข้างถนนในดาร์จีลิงนั้น มีต้นไม้ตระกูลสนชนิดหนึ่งที่ปลูกไว้เพื่อสำหรับทำกล่องบรรจุชาโดยเฉพาะ และถึงแม้จะมีรายได้มาจากการปลูกและผลิตชาเป็นสินค้าหลักแล้ว แต่ดาร์จีลิงก็ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวควบคู่กันไปอีกด้วย เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงภูมิภาคนี้แล้วก็ต่างอยากจะแวะมาที่ดาร์จีลิงเพื่อชิมรสชาที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกกันสักครั้งหนึ่ง

นอกจากจะแวะมาชิมชารสเลิศแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ในดาร์จีลิง นั่นคือรถไฟขบวนเล็กๆ ที่เรียกกันว่า Toy Train ซึ่งเป็นรถไฟที่ใช้หัวรถจักรไอน้ำตั้งแต่ยุคที่อังกฤษเข้ามาครอบครองดินแดนแถบนี้ ซึ่ง Toy Train ในปัจจุบันมีเพียง 2 โบกี จำนวน 18 ที่นั่ง ไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศการนั่งรถไฟที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยให้บริการด้วยระยะทางสั้น และที่สำคัญสถานีรถไฟของ Toy Train ยังเป็นสถานีรถไฟที่เล็กที่สุด และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

นอกจาก Toy Train รถไฟสายมรดกโลกที่มีชื่อเสียงแล้ว สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงของ ดาร์จีลิง คือ Tiger Hill ในวันที่ฟ้าโปร่ง อากาศดีๆ บนยอด Tiger Hill จะสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัย และเห็นยอดเขา กังเช็นจุงก้า ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รวมถึงยอดเขาอื่นๆ ลดหลั่นกันไป

ระหว่างเส้นทางดาร์จีลิงสู่กังต๊อก เมืองศูนย์กลางของรัฐสิกขิมนั้น เป็นเส้นทางที่สวยงาม และอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยต้นสน และต้นสัก จำนวนมาก ระหว่างเส้นทางมีจุดหนึ่งที่เรียกว่า “Lovers Meet” ซึ่งเป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำทีสตา และแม่น้ำรังกิต ทั้งนี้แม่น้ำทีสตานั้นเป็นเสมือนพรมแดนธรรมชาติที่กั้นระหว่างรัฐ สิกขิม และ West Begal โดยจุดบรรจบของแม่น้ำสองสายที่เรียกกันว่า “Lovers Meet” นั้น มาจากตำนานพื้นบ้านที่เล่าว่า แม่น้ำทั้งสองสายเป็นตัวแทนของคู่รัก ชายหนุ่มและหญิงสาวที่แอบมาพบกัน โดยฝ่ายหนึ่งมีงูนำทาง ทำให้กลายเป็นแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยว ในขณะที่อีกฝ่ายมีเหยี่ยวนำทางจึงไหลเป็นเส้นตรง จนกระทั่งได้มาพบกันในที่สุด และกลายเป็น “Lovers Meet” อย่างที่เห็นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ และเป็นสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของคู่รักที่ชวนกันมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

เมืองกังต๊อกซึ่งเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญของรัฐสิกขิม ดินแดนที่ได้ขึ้นชื่อว่า Switzerland of the East และไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของกังต๊อก เพียงแค่ยืนนิ่งๆ มองดูสายหมอกที่ค่อยเคลื่อนผ่านยอดเขาไปอย่างช้าๆ เป็นสาเหตุให้ใครหลายๆ คนอยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ

นอกจากนี้แล้ว กลางเมืองกังต๊อกยังมี Cable Car ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะชมเมืองทั้ง 360 องศา และยังใช้เป็นพาหนะสำหรับคนที่นี่แทนรถยนต์ สำหรับการเดินทางขึ้นไปยังสถานที่ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไป และนอกจาก Cable Car ที่สามารถจะชมทัศนียภาพของเมืองกังต๊อกแล้ว อีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และสามารถมองเห็นเมืองกังต๊อกได้ทั้งหมด นั่นก็คือจุดที่เรียกว่า Ganeshtok อันเป็นที่ตั้งของวัดฮินดู ซึ่งสูงถึง 6,100 ฟุตจากระดับน้ำทะเล เรียกกันว่า A majestic views of Gangtok และจากจุดนี้จะสามารถมองเห็นพระราชวังของกษัตริย์แห่งสิกขิม ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอีกฝั่งหนึ่ง โดยในปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาโดยทางการของสิกขิม

ในปี 2010 ที่จะถึงนี้ ทางการได้มีการประกาศให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวของสิกขิมค่ะ ซึ่งจะมีการจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ ในแต่ละเดือน สลับสับเปลี่ยนกันไปทั่วทั้งรัฐ ซึ่งเรียกกันว่า Discover Sikkim Festival ที่จะเริ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป

สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจจะไปท่องเที่ยวยัง สิกขิม สามารถเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสนามบิน Kolkata จากนั้นจึงเดินทางต่อด้วยสายการบินภายในประเทศเพื่อไปยังสนามบิน Bagdogra ก่อนจะเดินทางเข้าสู่สิกขิมโดยรถยนต์ หนึ่งในสายการบินที่ให้บริการตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิและต่อไปจนถึง Bagdogra คือ Jet Airways ซึ่งเป็นสายการบินของประเทศอินเดีย ที่สนับสนุนการเดินทางของทีมงานโลก 360 องศา ในครั้งนี้ และนอกจากเส้นทางสู่สิกขิมแล้ว สายการบิน Jet Airways ยังเปิดเส้นทางการบินไปเมือง Gaya และสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองพาราณสี ทำให้คนไทยบินตรงจากเมืองไทยไปยังวัดไทยพุทธคยาได้ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี โดยมีเที่ยวบินประมาณ 9 โมงเช้า จากกรุงเทพฯ-กายา แล้วต่อด้วย กายา-พาราณสี และมีเที่ยวบินประมาณบ่าย 2 โมง จากพาราณสี–กรุงเทพฯ โดยจะเปิดทำการบินในช่วงเดือนต.ค. 2552-มี.ค. 2553

การเดินทางสู่เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งดินแดนตะวันออกแห่งนี้ ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คนที่เคยไปเยือน กับการได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ พบกับรอยยิ้มของผู้คน และเลือกซื้อหาของขวัญของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการได้จิบชารสเลิศท่ามกลางขุนเขา เพื่อที่จะเก็บไว้ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน ติดตามชมทุกความประทับใจได้ทางรายการ โลก 360 องศา วันเสาร์ 21.30-22.00 น. ทาง ททบ. 5 ค่ะ

อ้างอิง
http://www.norsorpor.com/ข่าว/n1737186/สิกขิม%204%20สวิตเวอร์แลนด์%20แห่งดินแดนตะวันออก
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( เสาร์, 13 สิงหาคม 2011 )