เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.
|
อังคาร, 08 กันยายน 2009 |
เมื่อราวกลางปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้เกิดเรื่องราวสะเทือนใจต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เมื่อรัฐบาลอิสลามิคตอลีบัน ตัดสินใจทำลายพระพุทธรูปประทับยืนขนาดใหญ่ ๒ องค์ ความสูง ๕๓ เมตร และ ๓๘ เมตร ที่เมืองบาเมี่ยน ( Bamian ) หรือเมืองบามิยาน ( Bamiyan ) บนหน้าผาหินทรายที่ยาวกกว่า ๑.๓ กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล ๒,๕๕๐ เมตร ห่างจากนครคาบูล เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถาน ไปทางตะวันตกประมาณ ๓๓๐ กิโลเมตร
องค์พระพุทธรูปยืนขนาดมหึมาอายุกว่า ๑,๗๐๐ ปี พังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยแรงระเบิดที่เจาะฝังอยู่ตามจุดต่าง ๆ ขององค์พระ รวมทั้งจากการระดมยิงด้วยเครื่องยิงระเบิดเข้าใส่พร้อม ๆ กัน ...แต่เรื่องราวและตำนานของหุบเขาแห่งพระเจ้า และรูปยืนเสมือนของมหาบุรุษเหนือโลกุตระที่คูหาถ้ำแห่งนี้ ไม่ได้จบสิ้นไปพร้อมกับการทำลายในครั้งนั้น กลุ่มคนที่เข้าทำลายต่างหาก ที่กำลังจะจบสิ้นไปพร้อมกับตราบาปและคำประณาม ที่โลกกำลังจะจารึกไว้ให้ ในความทรงจำตลอดไป...
พระพุทธรูปยืนที่เมืองบามิยาน ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในบันทึกของพระถังซัมจั๋ง ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ( นอกจากชื่อพระถังซัมจั๋งแล้ว ยังมีชื่อเรียกในเอกสารต่าง ๆ คือ พระซานจั๋ง หลวงจีนสวานจั้ง หลวงจีนเ***้ยนจัง หลวงจีนยวนฉางหรือซวนชาง ( Yaun Chwang ) หลวงจีนฮวนซัง ( Hsuan tsang ) ซึ่งทั้งหมดก็คือชื่อของพระถังซัมจั๋งที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง ) เรื่องราวของการเดินทางไกล จากซีอาน นครหลวงของราชวงศ์ถัง มาสู่ดินแดนแคว้นมคธราฐและพุทธสถานของพระพุทธองค์เป็นเวลายาวนานกว่า ๑๗ ปีถูกบันทึกไว้ใน ไซอิ๋วกี่ ที่แปลความหมายว่า “ บันทึกเกี่ยวกับประเทศฝ่ายตะวันตก” แต่ที่เรามักจะจำได้และคุ้นเคยกับคำว่าไซอิ๋วกี่นี้ กลับเป็นนิยายการผจญภัยและการปราบปีศาจร้ายตามรายทางของเห้งเจียหรือซุนหงอคง (ลิง) ตือโป้วก่าย ( หมู ) และซัวเจ๋ง ( เต่า ) ลูกศิษย์ผู้ติดตามพระถังซัมจั๋งไปยังชมพูทวีป เพื่อไปอัญเชิญพระไตรปิฎกกลับมาสู่ประเทศจีน
ภาพลายเส้น พระพุทธรูปยืนที่บามิยานโดยชาวยุโรปในศตวรรษที่ 18 |