วงแหวนดาวเสาร์หาย
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
พฤหัสบดี, 03 กันยายน 2009
นักดาราศาสตร์ชวนดู

"วงแหวนดาวเสาร์หาย"

4 ก.ย. 2552
Pic_30684

 

ปรากฏการณ์ที่ดาวเสาร์เคลื่อนที่มาในแนวระนาบเดียวกับสายตาที่มองจากโลก เกิดขึ้นเป็นประจำทุก 14-15 ปี หากพลาดรออีก 16 ปี..

นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าววันนี้ (3 ก.ย.2552) ว่า ในวันที่ 4 ก.ย.2552 นี้ จะเกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า "วงแหวนของดาวเสาร์หาย" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุก 14-15 ปี โดยเกิดจากการโคจรของดาวเสาร์เคลื่อนที่มาในแนวระนาบเดียวกับสายตาที่มองจาก โลกพอดี โดยดาวเสาร์จะเอียงจนวงแหวนทำมุมกับโลกแค่ 0 องศา รวมทั้งวงแหวนดาวเสาร์มีความหนาน้อยมากเพียง 1.5 กิโลเมตร ทำให้สามารถมองเห็นวงแหวนเป็นเพียงเส้นบางๆ จากที่เคยมองเห็นเป็นวงแหวนสว่างๆ และมีความกว้างพอสมควรรอบ ๆ ดาวเสาร์

ผู้อำนวยการ สดร.กล่าวต่อว่า สำหรับ เส้นบาง ๆ ที่เกิดจากเงาของวงแหวนนั้น ได้แบ่งครึ่งดาวเสาร์ออกเป็น 2 ส่วน นักดาราศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "จุดตัดระนาบวงแหวน" (ring plane crossing) ทำให้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเหมือนวงแหวนหายไป ทั้ง ๆ ที่วงแหวนยังคงอยู่ "ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนมีเมฆมาก อาจจะสังเกตได้ยาก โดยบริเวณที่เห็นได้ชัดต้องเป็นบริเวณที่ไม่มีเมฆ เห็นได้ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ในช่วงเวลาหลังจากดวงอาทิตย์ตกทางด้านทิศ ตะวันออกของวันที่ 4 ก.ย.นี้ โดยผู้ที่รอชมปรากฏการณ์ไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า แต่ต้องดูผ่านกล้องโทรทรรศน์ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายกับสายตาได้

นายบุญรักษา กล่าวอีกว่า หากใครพลาดชมปรากฏการณ์วงแหวนดาวเสาร์หายในครั้งนี้ จะสังเกตเห็นได้อีกครั้งในวันที่ 23 มี.ค.2568 หรืออีก 16 ปีข้างหน้าโดยดาวเสาร์จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 10 องศา นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์อื่นๆ ที่เห็นได้ภายในปี 2552 คือ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ (Leonids) ในช่วงเดือน พ.ย.2552 นี้ จะมี ฝนดาวตก ซึ่งปีนี้จะเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนของวันที่ 17 – 18 พ.ย.2552 ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของท้องฟ้า โดยจะมีอัตราการตกประมาณ 40-50 ดวงต่อชั่วโมง แม้จะไม่มากนัก แต่อาจมีโอกาสเห็นไฟร์บอล (Fire Ball) ที่เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างคล้ายลูกไฟและมีความสวยงามมาก

ผอ.สดร. กล่าวด้วยว่า ยังมีฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids)ในวันที่ 13 ธ.ค.2552 โดยจะเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป โดยปีนี้(พ.ศ.2552)มีการคำนวณว่าอาจจะมีมากถึง 70-80 ดวงต่อชั่วโมง ทั้งฝนดาวตกลีโอนิดส์ และฝนดาวตกเจมินิดส์มีโอกาสมองเห็นได้ชัดกว่าทุกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงข้างแรม และไม่มีแสงจันทร์รบกวน.

 

อ้างอิง

http://www.norsorpor.com/ข่าว/n1656964/นักดาราศาสตร์ชวนดู%20%20วงแหวนดาวเสาร์หาย%20%204%20ก.ย

Thairath

พฤหัสบดี ๓ กันยายน ๒๕๕๒