เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.
|
อังคาร, 01 กันยายน 2009 |
สวัสดีครับชาวหว้ากอทุกท่าน สัปดาห์นี้ก็เก็บความเรื่องลึกลับของทะเลสาบที่ขั้วโลกมานําเสนอครับ แต่ก่อนอื่นก็ขอตอบคําถาม MTFC เรื่องของการลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาวที่สงสัยกันมามาก ถ้ามนุษย์ต่างดาวลักพาตัวชาวโลกจริง ทําไมลักพาตัวแต่ฝรั่ง คนเอเชียแทบไม่เคยถูกลักพาตัวเลย ในหนังสือ Abduction ของ John E. Mack ศาสตราจารย์ทางด้านจิตแพทย์ของโรงพยาบาลเคมบริดส์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกว่าตามรายงานแล้ว การลักพาตัวมนุษย์นั้น มนุษย์ต่างดาวจะลักพาตัวเฉพาะคนที่มีเลือดกรุ๊ป Rh-negative เท่านั้น (หมู่โลหิตที่ไม่มีแอนติเจน-ดี อยู่ที่ผิวของเม็ดโลหิตแดง) ซึ่งคนคอเคเชียนจะมีหมู่เลือดชนิดนี้มากถึง 15-25 เปอร์เซ็นต์ แต่คนเอเชียมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ นี่จึงเป็นคําตอบครับที่ว่า ถ้ามนุษย์ต่างดาวลักพาตัวชาวโลกจริง ทําไมจึงลักพาตัวแต่ในสหรัฐฯหรือยุโรป
กลับมาสู่่เรื่องความลี้ลับของขั้วโลกครับ บนโลกเราที่เราอาศัยอยู่นี้ มีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ยังไม่มีมนุษย์คนไหนได้สัมผัสมาก่อน ฝังอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งหนากว่า 4 กิโลเมตรบนใจกลางทวีปแอนตาร์กติกา บริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำสุดบนพื้นโลกต่ำกว่าจุดเยือกแข็งราวลบ 89 องศาเซลเซียส
ทะเลสาบแห่งนี้ยังคงสถานะของเหลวอยู่ ไม่ได้กลายเป็นน้ำแข็งเหมือนกับผิวด้านบน มันถูกซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นน้ำแข็งมานานอย่างน้อย 13,000 ปีหรืออาจนานถึง 14 ล้านปีมาแล้ว
ภาพจาก www.ufoarea.com จากคุณ | : Mr.Terran | เขียนเมื่อ | : 31 ส.ค. 52 22:17:29 | ถูกใจ | : Darth Prin, suman, Azure_Mile, Nibiru, apollo14, lizard8, เบื่อโลกจัง, Piggie MM, fat boy slim_golf, หงส์ปลายปืน, blossmoed, DON'T CARE NEVER DIE, ReNaris, mookie, kidarmy, ~cenobite+, Saint_K, เคลิ้มสมาคม, annie_gnd, FroZen_Monster, maodarifto, ระหว่างเรา, Grain_G, knine2five |
| |
|
| | | |
| เดือนธันวาคม 2000 สำนักข่าวเนชั่นแนลพับลิกเรดิโอ (National Public Radio) เสนอข่าวเรื่องที่จู่ ๆ นายแพทย์ประจำศูนย์แมคเมอร์โดเกิดป่วยรุนแรงอย่างกระทันหัน
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ 3 คนได้เสียชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่บนขั้วโลกใต้ แต่ไม่มีรายงานระบุสาเหตุการเสียชีวิต มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน
ยังมีรายงาน อีกว่านายแพทย์ที่ประจำสถานีอมันดสัน-สก้อทท์ (Amundson-scott) คนหนึ่งล้มป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนที่มีสาเหตุมาจากก้อนนิ่ว รายงานระบุว่าผู้ที่ล้มป่วยและเสียชีวิตนั้นมีสาเหตุมาจากได้รับเชื้อโรคมา ก่อนถูกส่งมาปฏิบัติภาระกิจที่นี่ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพมาก่อนที่จะถูกส่งมา เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นพาหะนำเชื้อโรคมาแพร่กระจายบนทวีปแอนตาร์กติกา
เป็นไปได้ไหมว่านักวิทยาศาสตร์พวกนั้นได้แอบทำการเจาะพื้นน้ำแข็งบริเวณทะเลสาบ วอสทอกเพื่อเก็บตัวอย่างก้อนน้ำแข็ง และโดยไม่คาดฝันพวกเขาได้สัมผัสกับ "อะไรบางอย่าง" ที่มนุษย์ไม่มีภูมิคุ้มกัน "อะไรบางอย่าง" ที่ไม่มีอยู่บนผิวโลกมานานอย่างน้อย 13,000 ปีมาแล้ว
ภาพทะเลสาบวอสทอกที่นาซ่าใช้ดาวเทียมถ่ายไว้ | |
|
| | | |
| ทะเลสาบ Vostok ที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวโดยประมาณ 250 กิโลเมตร กว้าง 50 กิโลเมตร และอยู่ภายใต้น้ำแข็งที่ปกคลุมหนาถึง 4000 เมตร
ทะเลสาบ ใต้น้ำแข็งแห่งนี้ถูกค้นพบในปี 1996 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียและอังกฤษ ที่ตั้งของทะเลสาบแห่งนี้อยู่ใต้ สถานีสำรวจทวีปแอนตาร์กติคของรัสเซียที่มีชื่อว่า Vostok อันเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบแห่งนี้ การค้นพบทะเลสาบใต้น้ำแข็งแห่งนี้ ถือเป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เพราะเชื่อกันว่า ทะเลสาบแห่งนี้ได้ถูกธรรมชาติแยกตัวมันจากสิ่งแวดล้อมมานานมาก น้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ถึง 4000 เมตรต้องใช้เวลานับหลายล้านปีถึงจะมีความหนาขนาดนี้ได้ ซึ่งหมายถึงทะเลสาบแห่งนี้ยังคงสภาพที่มันเคยเป็น เมื่อหลายล้านปีก่อนเอาไว้ได้
ภาพจาก www.earthsci.org | |
|
| | | |
| แว๊บกลับมาที่ขั้วโลกเหนือกันบ้างครับ ข้อสันนิษฐานเรื่องที่ตั้งของอาณาจักรที่ขั้วโลกเหนือนั้น เริ่มมาจากข้อเขียนของเฮเคทที่ว่า อาณาจักรไฮเปอร์บอเรีย ตั้งอยู่ทางเหนือสุดและมีแสงสว่างทั้งยามทิวาราตรี ก็เลยมีความเชื่อว่า อาณาจักรของเฮเคท ตั้งอยู่ที่เกาะกรีนแลนด์ เพราะเป็นดินแดนเหนือสุด กับมี "อาทิตย์เที่ยงคืน"ในหน้าร้อนตรงกันทุกอย่าง ตํานานบอกว่าก่อนหน้านี้นับหมื่นๆ ปีมาแล้ว เคยมีอาณาจักรอยู่กลางหิมะอันมหาศาลนี้เป็นมั่นคง
โรแบร์ต์ ชาร์รูซ์ บอกว่า อพอลโลนั้นที่จริงหาใช่เทพเจ้าไม่ แต่เป็นคนที่มีเนื้อหนังเหมือนมนุษย์ทั่วไปนี่แหละ ความเก่งกาจของเขา ทำให้ชาวกรีกยกย่องขึ้นเป็นเทพเจ้าในภายหลัง การที่เขามีพระมารดาเป็นชาวไฮเปอร์บอเรีย ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเก่งกาจ เพราะชาวเมืองนั้นมีความเก่งในตัวอย่างประหลาดๆ ตามที่ได้ระบุมาแล้วแต่ต้น เมื่ออพอลโลเดินทางจาก อาณาจักรของพระมารดามาสู่กรีซ ก็นำเอาความรู้และความเก่งกาจของบ้านเมืองเขามาเผยแพร่ เพราะว่าชาวไฮเปอร์บอเรียเจริญรุ่งเรืองมาก่อนกรีซนับหมื่นปี จึงมีความรอบรู้สูงส่งกว่าชาวกรีก ซึ่งมีใจใฝ่การศึกษาอยู่แล้ว จึงชื่นชมอพอลโลและยกย่องให้เป็นเทพเจ้าไปเลย
แผนที่ที่เขียนโดย Abraham Ortelius มีไฮเปอร์บอเรียอยู่ในแผนที่ ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Hyperborea | |
|
| | | |
| และนี่เองครับ ทำให้อพอลโล 14 เอ๊ย.. อพอลโลเฉยๆ กลายเป็นเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ภูมิปัญญา ศิลปศาสตร์ ฯลฯ เพราะในสายตาของชาวกรีกนั้น ความรอบรู้เปรียบเหมือนแสงสว่างที่ส่องขับไล่ความโง่เขลา เมื่ออพอลโลสอนเขาในทุกอย่าง ทั้งศาสตร์และศิลป์ ก็เปรียบเหมือน นำแสงสว่างมาส่องขจัดความโง่ การยกย่องให้เขากลายเป็นเทพแห่งแสงสว่าง จึงเป็นการเปรียบเทียบเท่านั้น ต่อมาเมื่อ อพอลโลได้สอนศิลปศาสตร์อื่น เช่น ดนตรี กวี และโหราศาสตร์ให้อีก เขาก็กลายเป็นเทพแห่งศิลปศาสตร์เหล่านี้ไปอย่างสมบูรณ์
มีข้อน่าคิดนิดหนึ่งที่ว่า ทำไมอพอลโลจึงเป็นหมอดู เอ๊ย.. ไม่ใช่ เป็นเทพแห่งการพยากรณ์ ไปได้ ? เรื่องนี้อาจอธิบายได้ว่า เพราะเขามีเชื้อสายเป็นมนุษย์ต่างดาวน่ะซีครับ จึงสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีตและอนาคตได้ ผิดกับชาวโลกทั่วไป ความสามารถในด้านบอก กล่าวเหตุการณ์ อนาคต ทำให้ชาวกรีกยกย่องอพอลโลเป็นเทพแห่งโหราศาสตร์หรือการพยากรณ์ไปเลย วิหารของพระองค์ที่เดลฟี ไม่เคยขาดผู้คนที่ไปเยือน เพื่อขอคำทำนายทายทัก รวมทั้งราชาและมหาราชทั่วโลก ก็ไปขอคำพยากรณ์ด้วย
ไม่ปรากฏว่าอพอลโลมีมเหสีเป็นตัวตน ใครจะไปรู้ เขาอาจมีเมียเป็นชาวมนุษย์ โลกเดียวกับเขาอยู่ที่ไฮเปอร์บอเรียก็ได้ แต่มีเรื่องเล่าหลายครั้งว่า ทั้งๆ ที่เขารูปงาม จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์ความงามของเพศชาย เมื่อเขาขอความรักกับ แด็ฟนี (Daphne) นางไม้แสนสวย นางก็ตื่นตกใจจนวิ่งหนีเตลิดไป และร้องขอให้พ่อช่วย พ่อซึ่งเป็นเทพแห่งธารกลัวอพอลโลจะกลายเป็นลูกเขยอีกเหมือนกัน จึงบันดาลให้ลูกสาวกลายเป็นต้นไม้ไปทันที
ทำไมชาวโลกจึงปฏิเสธที่จะครองคู่กับอพอลโล ? จะเป็นด้วยพวกนี้รู้ว่ามิใช่ชาวพิภพเช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ? และยังมีอีกเรื่องนะครับ คืออพอลโลเคยหลงรัก แคสแซนดรา (Cassandra) ราชธิดาโฉมงามของพระเจ้าเปรียมแห่งทรอย และนางก็เป็นภิกษุณีแห่งวิหารอพอลโลอยู่แล้วด้วย แต่เมื่อถูกเจ้าของวิหารขอความรัก นางกลับโนเคทำให้อพอลโลกริ้วจนสาปว่าให้นางเป็นภิกษุณีพยากรณ์ที่พูดอะไรก็ ไม่มีใครเชื่อ ซึ่งผลก็คือลงเอยอันโหดร้ายทารุณของนครทรอยและของตัวแคสแซนดราเองในภายหลัง
เทพอพอลโลในตํานานของชาวกรีก | |
|
| | | |
| ที่ศูนย์ปฏิบัติการ พนักงานเรดาห์ผู้ติดตามเครื่องบินตรวจการณ์ลำแรกอยู่ตลอดเวลาแจ้งให้ทราบว่าก่อนที่เครื่องบินตรวจการณ์ลำแรกนั้นจะหายไปจากจอเรดาห์ ปรากฏว่ามียานลึกลับรูปทรงกลม ปรากฏร่วมอยู่ในจออย่างทันทีทันใด 5 ลำด้วยกัน แต่แล้วสักครู่ ยานลึกลับ 5 ลำนี้ก็หายไปจากจอ พร้อมกับเครื่องบินตรวจการณ์เครื่องแรก และหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อจากนักบินประจำเครื่องบินลำนั้นอีกเลย ไม่ทราบว่าเครื่องบินถูกทำลายหรือเกิดอุปัทวเหตุอย่างใดกันแน่
ก่อนที่จะปฏิบัติการใดๆ ต่อไป หัวหน้าศูนย์ทดลองได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังฐานทัพอากาศที่เมืองไคเมียร์ทางตอนเหนือของรัสเซีย เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังมอสโคว์ ขณะเดียวกัน ทางฐานทัพอากาศที่เมืองไคเมียร์ ก็ได้ส่งเครื่องบินตรวจการณ์ชนิดเดียวกันมายังเกาะเซเวอร์นาย่าอีก 4 ลำด้วยกัน เพื่อทำการค้นหาเครื่องบินลำที่หายไป และตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ ต่อจากนั้นอีกสองวัน เครื่องบินที่ส่งมาใหม่รวมทั้งเครื่องเก่าอีกหนึ่งลำ ก็ได้ทำการบินตรวจหาซากเครื่องบินตรวจการณ์ที่หายสาบสูญไปอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ที่แสดงว่าเครื่องบินดังกล่าวประสบอุปัทวเหตุตกลงพื้นน้ำแข็งแม้แต่น้อยและที่ประหลาดยิ่งกว่านั้นรอยแยกของน้ำแข็งที่เหมือนกับทะเลสาบเล็กๆ ซึ่งมีความกว้างถึง 1 – 5 กิโลเมตร ที่ปรากฏให้เห็นอยู่หลายวันก่อน และเป็นที่ซึ่งนักบินบนเครื่องบินที่หายไปบอกว่าเป็นจุดที่จานบินห้าลำโผล่ขึ้นมาได้ถูกน้ำแข็งปกคลุมอย่างไม่มีร่องรอยอีกต่อไป
คณะนักวิทยาศาสตร์บนเกาะเซเวอร์นาย่าได้สั่งให้ทำการค้นหาเครื่องบินที่หายได้อีกหลายวัน แต่ก็ไม่พบสิ่งใดอันเป็นการแสดงถึงอุปัทวเหตุของเครื่องบินลำนั้นได้ ส่วนการปรากฏของยานลึกลับเรืองแสง ที่เชื่อกันว่าเป็น "จานบิน" ก็ได้หยุดไปโดยไม่มีใครพบเห็นอีก ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์ดังกล่าว ได้ให้ข้อสันนิษฐานสรุปเหตุการณ์นั้นว่า บริเวณของมหาสมุทรอาร์คติกทางตอนเหนือของเกาะเซเวอร์นาย่านั้น คงจะเป็นจุดๆหนึ่งบนพื้นโลกซึ่งเป็นจุดบอดของสนามแม่เหล็กโลกที่เรียกว่าจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกกับห้วงจักรวาล และตรงนี้เองที่เป็นจุดๆหนึ่งซึ่งสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยานอวกาศจากโลกอื่น ใช้เป็นจุดติดต่อในการลงบนพื้นโลก แต่ทำไมจานบินเหล่านั้นจึงต้องลงสู่พื้นน้ำใต้มหาสมุทร เป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์จำเป็นจะต้องค้นคว้า และตรวจสอบกันต่อไป
เป็นที่น่าเสียดายว่า ในสหภาพโซเวียตไม่มีการเสนอข่าวปรากฏการณ์ต่างๆของจานบินกันอย่างน่าตื่นเต้นเท่ากับในประเทศตะวันตก ดังนั้นเรื่องราวดังกล่าวนี้จึงรู้จำกัดกันเฉพาะในวงผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี รัฐบาลโซเวียตให้ความสนใจกับเรื่องราวของยานอวกาศจากนอกโลกไม่น้อยไปกว่าสหรัฐอเมริกาหรือชาติอื่นๆ เช่นเดียวกัน และหลังจากเกิดการหายสาบสูญของเครื่องบินตรวจการณ์ในบริเวณดังกล่าวอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ทางรัฐบาลโซเวียตได้สั่งให้มีการตรวจสอบพื้นมหาสมุทรในบริเวณนั้นทันที แต่เพราะเหตุที่การปฏิบัติการดังกล่าว กระทำได้เฉพาะในฤดูร้อนและท้องมหาสมุทรตรงช่องนั้นก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความลึกเกินกว่า 4 กิโลเมตร ดังนั้นจำเป็นจะต้องใช้เวลากันไม่น้อย กว่าเราจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่ใต้พื้นน้ำของบริเวณนั้นกันแน่
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Vostok_Station www.antarcticconnection.com en.wikipedia.org/wiki/Hyperborea www.nasaimages.org www.thaissf.org www.dailyworldtoday.com /ศิลป์ อิสเรศ www.thaisamkok.com/forum/index.php?showtopic=10401 www.thairath.co.th th.wikipedia.org/wiki/ต่วย'ตูน writer.dek-d.com/love_2/story/viewlongc.php?id=74471&chapter=4
สําหรับวันนี้ก็ลาไปก่อนครับ นิทราราตรีสวัสดิ์ ลาไปด้วยภาพเพนกวินแห่งแอนตาร์กติกก้าครับ ลาไปก่อนครับ ลาไปแล้วครับ สวัสดีครับ.Terran | |
|
| | | |
อ้างอิง |