ดีบุก ในวัดเจ้าปราบ |
เขียนโดย สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ | |
เสาร์, 02 มิถุนายน 2018 | |
เป็นวัดโบราณที่สำคัญวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาณาบริเวณของวัดเจ้าปราบกว้างขวาง ดังในหนังสือสัญญาไทยฝรั่งเศส ครั้งสมเด็จพระนารายณ์ ทางด้านทิศใต้ของบริเวณวัดมีเจดีย์องค์ใหญ่เป็นเจดีย์ประธานของวัดและรากฐานอุโบสถ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ผนังด้านในของกำแพงแก้วทำเป็นช่องสามเหลี่ยมคล้ายๆ กับกำแพงแก้วด้านในรอบพระปรางค์ ที่วัดพระมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าเป็นช่องที่ใส่ชวาลาในวันงานเทศกาล มีบันไดทางขึ้นฐานประทักษิณด้านทิศเหนือและทิศใต้ด้านละ ๒ ทาง อุโบสถหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูทางเข้าด้านหน้า ๓ ประตู ด้านหลัง ๒ ประตู ภายในมีฐานรากของเสากลมสำหรับรองรับหลังคาอุโบสถ ด้านหลังอุโบสถทำเป็นมุขยื่นออกไป มีฐานรากของเสารองรับหลังคาเหลืออยู่ หลังคาอุโบสถมุงด้วยกระเบื้องกาบกล้วย มีกระเบื้องเชิงชายเป็นลายเทพพนม เช่นเดียวกับที่พบตามวัดเก่าๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีฐานสำหรับตั้งใบเสมารอบอุโบสถ ๘ ทิศ ใบเสมาหินที่พบในวัดนี้มีลวดลายคล้ายลายใบเสมาหินที่พบในวัดไชยวัฒนาราม เจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานอยู่หลังอุโบสถบนฐานประทักษิณเดียวกัน เป็นเจดีย์กลมทรงระฆัง ฐานแปดเหลี่ยม องค์เดิมชำรุดเหลือเพียงองค์ะฆัง กรมศิลปากรได้นำชิ้นส่วนที่พังทลายลงมาประกอบกันขึ้นและซ่อมเสริมเป็นองค์เจดีย์สมบูรณ์ที่เห็นกันอยู่ปัจจุบันนี้ ทางด้านทิศเหนือของวัด มีมณฑปทรงจัตุรมุขตั้งอยู่บนฐานประทักษิณสี่เหลี่ยมผืนผ้าย่อมุมไม้สิบสอง มีทางขึ้นตรงชาลาทั้ง ๔ ทิศ มุขทางด้านทิศเหนือและทิศใต้สั้น มุขทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกยื่นออกไปรับกับส่วนของฐานประทักษิณ นายคงเดช ประพัฒน์ทอง ได้ให้ความคิดเห็นไว้ในรายงานการขุดแต่งวัดเจ้าปราบซึ่งพิมพ์ลงในหนังสือโบราณคดีว่า “แต่เดิมมณฑปจัตุรมุขนี้น่าจะเป็นจัตุรมุขแบบสี่ทิศเท่ากัน ต่อมาได้เกิดความคิดว่า ดูขัดกันกับฐานทักษิณที่ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าย่อมุมไม้ จึงแก้ไขมุขตะวันออกและมุขตะวันตกให้ยื่นยาวออกไปรับกัน แต่การแก้ไขครั้งนั้นคงทำขึ้นในระยะเวลาที่ไม่ห่างกัน เพราะเหตุว่าแผ่นอิฐที่ใช้มีขนาดเท่ากัน การเพิ่มเติมคงจะรีบเร่งหรือคนละฝีมือช่าง ทำให้การเรียงอิฐไม่เรียบร้อยตรงส่วนรอยต่อเพิ่มออกไป เป็นแนวอิฐที่ชนกันเฉยๆ ทำให้มุขด้านตะวันออกและมุขด้านตะวันตกแนวอิฐแยกจากกันง่าย” มณฑปนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานรองรับ อาจจะรองรับรอยพระพุทธบาทก็ได้ ถ้าเป็นรอยพระพุทธบาท มณฑปหลังนี้น่าจะเรียกว่า มณฑปพระพุทธบาท วิหาร ตั้งอยู่ระหว่างอุโบสถกับมณฑป เป็นวิหารขนาดเล็ก เหลือเพียงรากฐานแนวอิฐ และแนวของชุกชี เมื่อกรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งวิหาร พบว่าวิหารมีขนาดกว้าง ๗.๒๐ เมตร ยาว ๑๔.๘๐ เมตร มีทางขึ้นทางมุมด้านหน้าทั้ง ๒ ข้าง ตรงกลางมีบันไดขึ้นอีก ๑ ทาง ด้านหลังอุโบสถ มีรากฐานของเจดียรายที่ได้รับการขุดแต่งแล้ว รวม ๖ องค์ นับจากทิศใต้เข้ามา องค์แรกเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง องค์ถัดมาเป็นเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยมองค์ระฆังหักโค่นมาทางทิศตะวันตก เจดีย์องค์ต่อไปเป็นเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม อีก ๒ องค์ เหลือเพียงรากฐาน องค์ทางทิศเหนือเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง เจดีย์รายแต่ละองค์หักพังหมดเป็นการยากที่จะดูรูปแบบเดิมได้ เสามุมกำแพงวัดเป็นเสาหัวเม็ด มีประตูทางเข้าเป็นประตูซุ้มอยู่ที่กำแพงด้านทิศเหนือ ๒ ประตู ด้านทิศตะวันออก ๑ ประตู คลังดีบุก ตั้งอยู่นอกกำแพงวัดด้านตะวันออก เหลือเพียงรากฐานที่ก่อด้วยอิฐ กว้าง ๑๐.๕๐ เมตร ยาว ๒๖.๙๐ เมตร ภายในแบ่งเป็นห้อง ๓ ห้อง ห้องทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเกือบเท่ากันแต่ห้องกลางมีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่น กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดเจ้าปราบ และคลังดีบุก เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๖๐ ตอนที่ ๓๙ วันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๖. อ้างอิง
CR : http://www.qrcode.finearts.go.th
|