วิชา | | | | |
กาพย์ฉบับ ๑๖ | | | |
| วิชาน่าเปรียบอาภรณ์ | | เพราะเป็นอุปกรณ์ |
เสริมสร้างสง่าราศี | | | |
| ผู้ร้ายไหนกล้าราวี | | แท้จริงหามี |
โอกาสแย่งยื้อไป | | | |
| วิชายังพาก้าวไกล | | ดำรงอยู่ใน |
สัมมาอาชีพชั่วกาล | | | |
| เลี้ยงตนเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน | เกษมสุขสำราญ |
ด้วยวิชาหาเลี้ยงชีพเอย | | |
| | จากหนังสือ สาระการเรียนรู้พื้นฐาน ม.๒ |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
| โคลงสี่สุภาพ : พระสุริโยทัยขาดคอช้าง |
| บุเรงนองนามราชเจ้า | | จอมรา-มัญเฮย |
ยกพยุหเสนยา | | | ยิ่งแกล้ว |
มอญท่านประมวลมา | | | สามสิบ หมื่นแฮ |
ถึงอยุธเยศแล้ว | | | หยุดใกล้นครา |
| พระมหาจักรพรรดิเผ้า | ภูวดล สยามเฮย |
วางค่ายรายรี้พล | | | เพียบหล้า |
ดำริจักใคร่ยล | | | แรงศึก |
ยกนิกรทัพกล้า | | | ออกตั้งกลางสมร |
| บังอรอัคเรศผู้ | | พิสมัย ท่านนา |
นามพระสุริโยทัย | | | ออกอ้าง |
ทรงเครื่องยุทธพิไชย | | เช่นอุป-ราชแฮ |
เถลิงคชาธารคว้าง | | | ควบเข้าขบวนไคล |
| พลไกรกองน่าเร้า | | โรมรัน กันเฮย |
ช้างพระเจ้าแปรประจัญ | | คชไท้ |
สารทรงซวดเซผัน | | | หลังแล่น เตลิดแฮ |
เตลงขับคชไล่ใกล้ | | | หวิดท้ายคชาธาร |
| นงคราญองค์เอกแก้ว | | กระษัตรีย์ |
มานมนัสกัตเวที | | | ยิ่งล้ำ |
เกรงพระราชสามี | | | มลายพระ-ชนม์เฮย |
ขับคเชนทรเข่นค้ำ | | | สะอึกสู้ดัสกร |
| ขุนมอญร่อนง้าวฟาด | | ฉาดฉะ |
ขาดแล่งตราบอุระ | | | หรุบดิ้น |
โอรสรีบกันพระ | | | ศพสู่ นครแฮ |
สูญชีพไป่สูญสิ้น | | | พจน์ผู้สรรเสริญ |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
บทพากย์เอราวัณ | | | |
| อินทรชิตบิดเบือนกายิน | เหมือนองค์อมรินทร์ |
ทรงคชเอราวัณ | | | |
| ช้างนิมิตรฤทธิแรงแข็งขัน | เผือกผ่องผิวพรรณ |
สีสังข์สะอาดโอฬาร์ | | | |
| สามสิบสามเศียรโสภา | เศียรหนึ่งเจ็ดงา |
ดั่งเพชรรัตน์รูจี | | | |
| งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี | | สระหนึ่งย่อมมี |
เจ็ดกออุบลบันดาล | | | |
| กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ | ดอกหนึ่งแบ่งบาน |
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา | | |
| กลีบหนึ่งมีเทพธิดา | | เจ็ดองค์โสภา |
แน่งน้อยลำเพานงพาล | | |
| นางหนึ่งย่อมมีบริวาร | | อีกเจ็ดเยาวมาลย์ |
ล้วนรูปนิมิตมายา | | | |
| จับระบำรำร่ายส่ายหา | | ชำเลืองหางตา |
ทำทีดังเทพอัปสร | | | |
| มีวิมานแก้วงามบวร | | ทุกเกศกุญชร |
ดังเวไชยนต์อมรินทร์ | | | |
| เครื่องประทับเก้าแก้วโกมิน | ซองหางกระวิน |
สร้อยสายชนักถักทอง | | |
| ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง | ผ้าทิพปกตระพอง |
ห้อยพู่ทุกหูคชสาร | | | |
| โลทันสารถีขุนมาร | | เป็นเทพบุตรควาญ |
ขับท้ายที่นั่งช้างทรง | | | |
| บรรดาโยธาจตุรงค์ | | เปลี่ยนแปลงกายคง |
เป็นเทพไทเทวัญ | | | |
| ทัพหน้าอารักษ์ไพรสัณฑ์ | ทัพหลังสุบรรณ |
กินนรนาคนาคา | | | |
| ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา | | คนธรรพ์ปีกขวา |
ตั้งตามตำรับทัพชัย | | | |
| ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร | โตมรศรชัย |
พระขรรค์คทาถ้วนตน | | |
| ลอยฟ้ามาในเวหน | | รีบเร่งรี้พล |
มาถึงสมรภูมิชัย | | | |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
กาพย์ห่อโคลง : ประพาสธารทองแดง | |
| นกกดดอดอาจสู้ | | พบงูเห่าเอาปีกบัง |
งูโพนพังพานหวัง | | | (ขาดหาย) |
| นกกดอดอาจสู้ | | งูขลัง |
งูขบเอาปีกบัง | | | เข็ดเขี้ยว |
งูเลิกพังพานหวัง | | | ขบตอด |
ตอด บ รอดเลยเลี้ยว | | | หลีกเลี้ยวสูญหนี |
| | | | |
| ดูหนูสู่รูงู | | | งูสูดสู้หนูสู้งู |
หนูงูสู้ดูอยู่ | | | รูปงูทู่หนูมูทู |
| ดูงูขู่ฝูดฝู้ | | | พรูพรู |
หนูสู่รูงูงู | | | | สูดสู้ |
| งูสู้หนูหนูสู้ | | งูอยู่ |
หนูรู้งูงูรู้ | | | | รูปถู้มูทู |
| | | | |
| นกแก้วแจ้วเสียงใส | | คลอไคล้คู่หมู่สาลิกา |
นกตั้วผู้เมียคลา | | | ฝ่าแขกเต้าเหล่าโนรี |
| นกแก้วแจ้วรี่ร้อง | | เร่หา |
ใกล้คู่หมู่สาลิกา | | | แวดเคล้า |
นกตั้วผัวเมียมา | | | สมสู่ |
สัตวาฝ่าแขกเต้า | | | พวกพ้องโนรี |
| เทโพและเทพา | | ตะเพียนกาพาพวกจร |
อ้ายบ้าปลาสลุมพร | | | ผักพร้าเพรี้ยแลหนวดพราหมณ์ |
| เทโพพาพวกพ้อง | | เทพา |
ปลาตะเพียนปลากาพา | | คู่เคี้ย |
สลุมพรอ้ายบ้าปลา | | | หลายหมู่ |
ปลาผักพร้าม้าเพรี้ย | | | ว่ายไหล้หนวดพราหมณ์ |
| | | | เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
กลอนนิทาน : พระอัยมณี | | |
| สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่ | ด้วยรู้แน่ว่าบิดาจะพาหนี |
ให้ห่วงหลังกังวลด้วยชนนี | | เจ้าโศกีกราบก้มบังคมคัล |
บิดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งห้าม | | จะวอนตามเขาไปใยในไพรสัณฑ์ |
อยู่เป่าปี่ตีเกราะเสนาะครัน | | แล้วรับขวัญลูกน้อยกลอยฤทัย |
| นางผีเสื้อเมื่อแรกก็แปลกจิต | ครั้นทรงฤทธิ์ปลอบลูกชายหายสงสัย |
จึงรีบออกนอกคูหาแล้วคลาไคล | | ไปเขาใหญ่ในป่าพนาวัน |
| ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม | ปลอบประโลมลุกชายจะผายผัน |
จึงหยิบปี่ที่เป่าเมื่อคราวนั้น | | เอาผ้าพันผูกดีแล้วลีลา |
ให้ลูกรักผลักแผ่นศิลาล้ม | | สมอารมณ์รีบออกนอกคูหา |
เลียบลีลาศหาดทรายชายคงคา | | แลชลาล้วนคลื่นเสียงครื้นโครม |
| ฝ่ายเงือกน้ำสำหรับทะเลลึก | ไม่วายนึกถึงองค์พระทรงโฉม |
พอแจ่มแจ้งแสงทองผ่องโพยม | | ปลอมประโลมลูกเมียเข้าเคลียคลอ |
จะไปลอยคอยองค์ทรงสวัสดิ์ | | ให้สมนัดซึ่งสัญญาเธอมาหนอ |
แล้วออกจากกวนวังไม่รอรั้งรอ | | ค่อยเคลื่อนคลายว่ายคลอกันไคลคลา |
พอเห็นองค์ทรงยศโอรสราช | | อยู่ชายหาดพร้อมกันก็หรรษา |
จึงชวนลูกสาวนั้นกับภรรยา | | คลานขึ้นมาชายฝั่งแล้วบังคม |
| พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย | ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งผ้าผม |
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม | ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง |
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด | | ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง |
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง | แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป |
จึงตรัสว่าตาเงือกมาคอยรับ | | ช่างสมกับวาจาจะหาไหน |
เราล่อลวงนางผีเสื้อก็เชื่อใจ | | เดี๋ยวนี้ไปแรมทางกลางอรัญ |
ช่วยเมตตาพาตรงไปส่งที่ | | พระโยคีมีเวทวิเศษขยัน |
กลางคงคาปลาร้ายก็หายพรรณ | | จะป้องกันภัยพาลประการใด |
| เงือกผู้เฒ่าเคารพอภิวาท | ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย |
เสด็จขึ้นทรงบ่าจะพาไป | | พระหน่อไทให้ขี่ภริยา |
อันอำนาจชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ | | ปลาไม่กล้ำกรายกลัวทั่งทิศา |
ด้วยกลิ่นอายคล้ายท่านผู้มารดา | | เมื่อจับข้าข้าจึงอ่อนหย่อนกำลัง |
สัตว์ในน้ำจำแพ้แก่ผีเสื้อ | | เปรียบเหมือนเนื้อเห็นพยัคฆ์ให้ชักหลัง |
อย่าเกรงภัยในชลที่วนวัง | | ขึ้นนั่งยังบ่าข้าจะพาไป |
| | | | สุนทรภู่ |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
พ่อแม่รังแกฉัน | | | |
| | | | มีซินแสแก่เฒ่าได้เล่าไข |
ถึงเรื่องงิ้วว่าเล่นกันเช่นไร | | มีข้อใหญ่นั้นก็เป็นเช่นละคร |
แต่ข้อหนึ่งแกเล่าเขาประสงค์ | | มุงจำนงในข้างเป็นทางสอน |
ชี้ทางธรรม์มรรยาทแก่ราษฎร | | เหมือนละครสุภาษิตไม่ผิดกัน |
เราบวชนาคโกนจุกในยุคก่อน | | มีกล่าวกลอนเพราะพริ้งทำมิ่งขวัญ |
การขันหมากยุคเก่าท่านเล่ากัน | | มีสวดฉันท์เรียกว่า”สวดมาไลย์” |
มีเฮฮาสนุกเครื่องปลุกใจ | | สมกับได้มีงานการมงคล |
ในหมู่บ้านย่านกลางเมื่อปางก่อน | มีโรงสอนธรรมทานกุศล |
เพื่อเป็นเครื่องเรืองปัญญาประชาชน | ในตำบลอัตคัดไกลวัดวา |
เรียกศาลาโรงธรรมประจำบ้าน | | เหมือนสถานที่ฝึกทางศึกษา |
บางคราวมีกุศลปนเฮฮา | | เพื่อให้พาเพลิดเพลินเจริญใจ |
ฝ่ายจีนเข้ามิได้อย่างที่ว่า | | เอางิ้วมาฝึกหัดดัดนิสัย |
ย่อมดูดดื่มซึมซาบปลื้มปลาบใจ | เหมือนอย่างได้รู้เห็นที่เป็นจริง |
| งิ้วเรื่องหนึ่งแก่เล่าครั้งเยาว์อยู่ | ได้ไปดูจำไว้ได้ทุกสิ่ง |
เกาะในจิตติดแน่นแม้นกับปลิง | | เลยเป็นสิ่งสอนใจจนใหญ่มา |
ตามเรื่องนั้นว่ามีเศรษฐีหนึ่ง | | เป็นคนซึ่งสูงชาติวาสนา |
มีทรัพย์สินเหลือล้นคณนา | | มีบ้านช่องแน่นหนาด้วยขาไท |
ท่านเศรษฐีมีบุตรสุดที่รัก | | แกฟูฟักใฝ่จิตพิสมัย |
บุตรคนเดียวแสนจะห่วงดังดวงใจ | หวังจะสืบวงศ์ดำรงไป |
มีโรงเรียนไกลบ้านอาจารย์สอน | | กลัวลูกอ่อนลำบากไม่พรากได้ |
อุตส่าห์จ้างครูบามาแต่ไกล | | ให้สอนในบ้านตนสู้ปรนปรือ |
ฝ่ายลูกเรียนคนเดียวให้เปลี่ยวจิต | มักเบือนบิดเบื่อชังเรื่องหนังสือ |
อยากได้เพื่อนพูดจาและหารือ | | พ่อก็อือออตามด้วยความรัก |
เกณฑ์พวกเด็กในบ้านให้อ่านด้วย | เพื่อให้ช่วยชวนใจให้สมัคร |
ครั้นมีเพื่อนเรียนอยู่พร้อมพรัก | | กลับชวนชักเล่นกันไม่หมั่นเรียน |
ครูก็ดีจี้ไชมิได้หยุด | | | แกเห็นสุดเอาใจจึงได้เฆี่ยน |
หวังให้กลัวอาชญาตั้งหน้าเพียร | | แต่กลับเพี้ยนผิดคาดถึงขาดกัน |
| | | | พระยาอุปกิตศิลปะสาร |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
เสภาขุนช้าง-ขุนแผน | | | |
| เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ | ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล |
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย | | ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ |
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก | | ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน |
เทียวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ | | ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน |
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก | | คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน |
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน | | จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว |
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน | | เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว |
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว | | แม่อย่ามัวหมอง นักจงหักใจ |
| นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน | อำนวยพรพรายน้อยละห้อยให้ |
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย | | จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน |
ลูกผู้ชายลายมือนั้นถือยศ | | เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน |
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน | | จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ |
ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก | | | ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล |
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย | | แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา |
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น | | แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา |
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ | โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง |
| | | | สุนทรภุ่ |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน | | |
โคลง | | | | |
| แกงไก่มัสมั่นเนื้อ | | นพคุณ พีเอย |
หอมยี่หร่ารสฉุน | | | เฉียบร้อน |
ชายใดบริโภคภุญช์ | | | พิศ หวังนา |
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน | | อกให้หวนแสวง |
กาพย์ | | | | |
| มัสมั่นแกงแก้วตา | | หอมยี่หร่ารสร้อนแรง |
ชายใดได้กลืนแกง | | | แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา |
| ยำใหญ่ใส่สารพัด | | วางจานจัดหลายเหลือตรา |
รสดีด้วยน้ำปลา | | | ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ |
| ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม | เจือน้ำส้มโรยพริกไทย |
โอชาจะหาไหน | | | ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง |
| หมูแนมแหลมเลิศรส | | พร้อมพริกสดใบทองหลาง |
พิศห่อเห็นรางชาง | | | ห่างห่อหวนป่วนใจโหย |
| ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น | | วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย |
รสทิพย์หยิบมาโปรย | | | ฤาจะเปรียบเทียบทันขวัญ |
| เทโพพื้นเนื้อท้อง | | เป็นมันย่องล่องลอยมัน |
น่าซดรสครามครัน | | | ของสวรรค์เสวยรมย์ |
| ความรักยักเปลี่ยนท่า | ทำน้ำยาอย่างแกงขม |
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม | | ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น |
| ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ | | รสพีเศษใส่ลูกเอ็น |
ใครหุงปรุงไม่เป็น | | | เห็นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ |
| เหลือรู้หมูป่าต้ม | | แกงคั่วส้มใส่ระกำ |
รอยแจ้งแห่งความขำ | | | ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม |
| ช้าช้าพล่าเนื้อสด | | ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม |
คิดความยามถนอม | | | สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ |
| ล่าเตียงคิดเตียงน้อง | | นอนเตียงทองทำเมืองบน |
ลดหลั่นชั้นชอบกล | | | ยลอยากนิทรคิดแนบนอน |
| เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า | | รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน |
เจ็บไกลใจอาวรณ์ | | | ร้อนรุ่มรุ่มกลุ้มกลางทรวง |
| รังนกนึ่งน่าซด | | โอชารสกว่าทั้งปวง |
นกพรากจากรังรวง | | | เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน |
| ไตปลาเสแสร้งว่า | | ดุจวาจากระบิดกระบวน |
ใบโศกบอกโศกครวญ | | ให้พีเคร่าเจ้าดวงใจ |
| ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง | เป็นโฉมน้องฤาโฉมไหน |
ผักหวานซ่านทรวงใน | | ใครครวญรักผักหวานนาง |
| | | พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
อันของสูงแม้ปองต้องจิต | | |
| ในลักษณ์นั้นว่าน่าประหาด | เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า |
เหตุไฉนย่อท้อรอรา | | | ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที |
เห็นแก้วแวววับที่จับจิต | | ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่ |
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี | | อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ |
อันของสูงแม้ปองต้องจิต | | ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา |
มิใช้ของตลาดที่อาจซื้อ | | ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม |
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง | | คงชวดดวงบุปผชาติสะอาดหอม |
ดูแต่ภุมริมเทียวบินดอม | | จึ่งได้ออมอบกลิ่นสุมาลี |
| | ท้าวแสนปม : พระบาทสมเด็จพระมุงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
| | | | |
| | | | |
| | | | |
ณ หาดทรายทะเลแห่งหนึ่ง | | |
อินทรวิเชียรฉันท์ | | | |
| สายัณตะวันยาม | | ขณะข้ามทิฆัมพร |
เข้าภาคนภาตอน | | | ทิศะตกก็รำไร |
| รอนรอน และอ่อนแสง | นภะแดงสิแปลงไป |
เป็นความอร่ามใส | | | สุภะสดพิสุทธิ์สี |
| เรื่อเรื่อ ณ เมื่อรัต- | | ติจะผลัดก็พลันมี |
มืดมามิช้า | | | | ศศิธรจะจรแทน |
| ริวริว ระริ้วเรื่อย | | ระยะเฉื่อยฉะฉิวแสน |
เย็นกายสบายแดน | | | มนะด้วยระรวยลม |
| ริกริก กระดิกทุก | | ทุมะรุกข์ระเริงรมณ์ |
ใบก้านตระการชม | | | พิศะช่อลออครัน |
| ไรไร ไสวร่อน | | จระว่อนวิหคพรรณ |
เหนือพฤกษะไพรผัน | | | มุขะเพื่อจะเมือรัง |
| ครืนครืน คะครื้นครั่น | | ชละลั่นสนั่นดัง |
โดยทางทะเลฟัง | | | สรคลื่นคะเครงโครม |
| ลิ่วลิ่ว ละลอกปราด | | ประทะหาดและสาดโซม |
ซัดทอยทยอยโถม | | | ทะลุฝั่งกระทั่งถึง |
| แท้ธรรมชาติงาม | | พิศะยามจะย่ำพึง |
เพ่งภาพผิคำนึง | | | ละก็น่านิยมตาม |
| ตูยืน ณ พื้นทราย | | เฉพาะชายทะเลงาม |
ชมเพลินก็พลันความ | | | ตริตระหนักประจักษ์มา |
| เมื่อมองกะคลองเนตร | พิเคราะห์เขตอาณา |
ของไทยสิไพศา- | | | ลยะรอบประกอบชล |
| โนนโน่น แน่ะยาวกว้าง | ณ ระหว่างทะเลวน |
น้ำเชี่ยวและเขียวกล | | | กะจะดำแสดงสี |
| นั่นนั่น แน่ะบอกบ่ง | | โป๊ะประมงประมาณมี |
ดื่นดา ณ อาชี- | | | วะเพราะปลาแหละอาจิณ |
| เรือใบคระไลคล่อง | | ละเลาะล่องชะลอสินธุ์ |
ไปมาและหากิน | | | กิจะเกี่ยวกะมัจฉา |
| ใครใคร ผิไม่นึก | | คติลึกละเอียดมา |
พบเข้าก็เปล่าตา | | | จะมิติดมิผิดผัน |
| เห็นภาพทะเลแผน | | ดุจะแผนอุทกอัน |
ปราศฝั่งฝัน | | | บพิจารณาไกล |
| เห็นภาพพณิชย์กรรม | | กลธรรมดาไป |
ตามถิ่นและทางใคร | | | จะถนัดสมรรถทำ |
| หากใช้พินิจชอบ | | วิเคราะห์รอบจะครอบงำ |
นึกถึงประเทศนำ | | | นยะแน่ว ณ แนวหมาย |
| โลกเราสิเข้ายุท- | | ธะมิหยุดมิหย่อนวาย |
บุคคลและแคว้นหลาย | | ตะละล้วนจะป่วนหัน |
| หาที่กระทำกิน | | และถวิลจะแย่งกัน |
ทุกยุคและทุกวัน | | | ผิวิจารณ์จะตื่นตน |
| ว่าอ้าไผทแผ่น | | ภพะแดนอุทกชล |
ทั้งใหญ่และกว้างยล | | | เฉพาะเนตรถนัดเห็น |
| ของไทยนะ-ของไทย | และก็ไทยนะ-ไทยเป็น |
เจ้าของและบำเพ็ญ | | | จะพิทักษ์จะรักษา |
| ในถิ่นอุทกนั้น | | สิอนันตบรรดา |
สิทธนจะคณนา | | | บมิสุดอนุสสรณ์ |
| แผ่นน้ำ ณ เบื้องหน้า | | อุปมากะอากร |
เกิดเทิดสถาวร | | | ชิวะเรานิรันดร์แล |
| | | | นายชิต บุรทัต |