ลูกเสือหมายเลข9
วันจันทร์ ที่ 18 มกราคม 2553 ภูเก็ต...บ้านของ บ้าบ๋า-ยาหยา
สาวภูเก็ตในชุดยาหยา |
ผม"คุ้นเคย"กับภูเก็ตพอประมาณ เพราะมีช่วงหนึ่งที่เดินทางไปภูเก็ตทุกเดือน และคุณนายก็เคยเปิดมินิมาร์ตที่ภูเก็ต แถวถนนเจ้าฟ้า ผมไม่รู้มากนักว่าครอบครัวเรา"ผูกพัน"หรือเชื่อมโยงกับภูเก็ตแค่ไหน เคยถามคุณพ่อก็ไม่ได้คำตอบว่ามี"ญาติ"อยู่ที่ภูเก็ต แต่ปู่ที่มาจากเมืองจีนมี "เพื่อน" จำนวนมากในภูเก็ต มากในระดับที่พ่อบอกว่าหากผมไปภูเก็ต ให้ไปถามหาคนโน้นคนนี้ได้เลย..และมี"คนดัง"บางคนในภูเก็ตเคยไปพักที่ปีนังด้วยกันสมัยลุงและอา ไปเรียนหนังสือที่ปีนัง นอกจากคุ้นเคยแล้ว สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งของผมกับคนภูเก็ตก็คือการเป็น"ลูกครึ่ง" ลูกครึ่งที่เราเป็นนั้น ตั้งแต่เด็กๆเราถูกเรียกว่า"บ้าบ๋า" ซึ่งในพจนนานุกรม เขาเขียนไว้ว่า ....บ้าบ๋า น. เรียกชายที่เป็นลูกครึ่งจีนกับมลายูที่เกิดในมลายูและอินโดนีเซียว่า บ้าบ๋า คู่กับ ย่าหยา ซึ่งหมายถึงหญิงลูกครึ่งจีนกับมลายูที่เกิดในมลายูและอินโดนีเซีย พูดง่ายๆก็คือ บ้าบ๋า หมายถึงคุณผู้ชาย ส่วน ย่าหยา หมายถึงคุณผู้หญิง..เตอนเด็กๆผมจึงเป็น"นายน้อย" เพราะเป็น"บ้าบ๋า" ![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/239/239/images/baba8.jpg)
สาวภูเก็ตในชุดยาหยา แล้วบ้าบ๋า..จริงๆคือใคร ? ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้ คนเมืองตรังยังใช้คำว่า"บ้าบ๋า"กันมากน้อยแค่ไหน แต่ที่ภูเก็ต คำนี้ยังรู้จักกันดี เพราะคนภูเก็ตรู้ดีว่า"บ้าบ๋า" หมายถึงหญิงหรือชายที่เป็นลูกผสมระหว่างคนจีนกับคนพื้นเมือง ซึ่งต่างจากความหมายในมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะใน 2 ประเทศนี้ เขาหมายถึง"ผู้ชาย" ที่เป็นลูกผสมระหว่างคนจีนกับคน พื้นเมือง ถ้าเป็นลูกผสมเพศหญิงเรียกว่า ยองยา โนนยา หรือย่าหยา สำหรับคนภูเก็ต นอกจากใช้คำ"บ้าบ๋า" เรียกกลุ่มลูกผสมกลุ่มนี้แล้ว ยังนำคำว่า"ย่าหยา"มาเรียกชุดแต่งกายของหญิงชาวบ้าบ๋าด้วย โดย"ชุดย่าหยา" คือการนุ่งผ้าถุงปาเต๊ะ ใส่เสื้อที่ตัดเย็บแบบเข้ารูป โดยชายเสื้อด้านหน้ายาวแบบเสื้อของสตรีมุสลิม ไปภูเก็ต หากไม่เดินเล่นเฉพาะหาดป่าตอง ผมเชื่อว่าคุณจะเห็นภาพผู้หญิงสวมชุดย่าหยางดงามแน่ๆ ![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/239/239/images/baba2.jpg)
สาวภูเก็ตในชุดยาหยา วิกิพีเดีย..อธิบายเรื่องนี้โดยผมขอสรุปมาสั้นๆได้ใจความว่า .. "บ้าบ๋า"และ"ย่าหยา" เป็นชาว"เปอรานากัน" (Peranakans) ซึ่งเป็นกลุ่มชาวจีนฮกเกี้ยนที่มีเชื้อสายมลายูหลังมาตั้งหลักปักฐานในเมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย เมื่อต้นทศวรรษที่ 14 แล้วแต่งงานกับชาวมาเลย์ท้องถิ่น จากนั้น เมื่อมีทายาท สายเลือดผสมระหว่างชายชาวจีนกับหญิงมาเลย์ หากเป็นชายจะเรียกขานว่า บาบ๋า หรือบ้าบ๋า (Baba) เป็นคำที่ภาษามาเลย์ที่ยืมมาจากภาษาเปอร์เซีย ส่วนผู้หญิงจะเรียกว่า โนนยา (Nyonya) เป็นคำภาษาชวาที่ยืมมาจากภาษาดัทช์ คำว่า Dona หมายถึงผู้หญิงต่างประเทศแต่งงาน อาหารของเปอรานากัน มีลักษณะผสมระหว่างสองวัฒนธรรม ซึ่งหารับประทานได้ในประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลพวงจากการแต่งงานข้ามเชื้อชาติ เหล่าสาวโนนยาจึงนำส่วนดีที่สุดของอาหารสองชาติมารวมกัน โดยนำส่วนประกอบของอาหารจีน เช่น หมู ซีอิ๋ว เต้าหู้ยี้ มาปรุงกับเริมปะห์ (Rempah) เครื่องผัดของชาวมลายู กะทิ และอาจใส่น้ำมะขาม และมีหมูเป็นส่วนประกอบของอาหารด้วย อาหารที่นิยมได้แก่ แกงหมูน้ำมะขาม (บาบีอาซัม) และหมูสะเต๊ะ ที่มีน้ำจิ้มถั่วลิสงใส่สับปะรดเพื่อเพิ่มรสชาติ ภาษาของชาวเปอรานากันคือภาษาบาบ๋ามาเลย์ (Bahasa Melayu Baba) ถือเป็นภาษาถิ่นหนึ่งของภาษามาเลย์ (Bahasa Melayu) โดยมีการยืมคำในภาษาฮกเกี้ยน ค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันเป็นภาษาที่ใกล้ตาย และใช้กันในกลุ่มคนรุ่นเก่า ในขณะที่คนรุ่นใหม่หันไปพูดภาษาอังกฤษกัน พอจะเข้าใจคำว่า"บ้าบ๋า"กันหรือยังครับ... ![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/239/239/images/baba7.jpg)
สาวภูเก็ตในชุดยาหยา ทุกวันนี้ ภาษาบ้าบ๋าหรือฮกเกี้ยน ยังคงใช้ในภูเก็ตครับ ทั้งนี้ วัฒนธรรมภาษาไทยถิ่นภูเก็ตมีความหลากหลายเป็นมรดกภาษาของกลุ่มชนนั้นๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มยืมคำจากภาษาอื่น ซึ่งอาจเป็นคำยืมโดยตรงจากภาษานั้นหรือคำยืมมาจากภาษาอื่นอีกทอดหนึ่ง ภูเก็ตก็เหมือนตรังอย่างหนึ่งคือมีชาวจีนฮกเกี้ยนอยู่มาก และเมื่อชาวฮกเกี้ยนออกเสียงคำที่ยืมมาจากภาษาอื่น เช่น ภาษามลายู หรือภาษาอังกฤษ ก็จะเพี้ยนไปจากภาษาเดิม แต่สุดท้าย คำศัพท์เหล่านั้นได้แพร่หลายกลายมาเป็นคำภาษาถิ่นภูเก็ต ซึ่งเป็นภาษาถิ่นไทยใต้ที่มีเอกลักษณ์โดยเฉพาะและไม่เหมือนใครมีและไม่มีใครเหมือน มีหลายคำที่ผม"คุ้นเคย" แต่คนนอกอาจจะไม่รู้ ตัวอย่างเช่น คำยืมภาษามลายู เช่นคำว่า ชันชี มาจากภาษามลายูคือ Janji แปลว่า สัญญา หรือ นัดหมาย หรือแม้แต่คำว่า "ยานัด" ที่ใช้เรียกสับปะรด ก็มาจากภาษามลายูคือ Nanas ส่วนคำที่มาจากภาษาจีนฮกเกี้ยนปนอังกฤษก็มี เช่น ..จูลูด ที่หมายถึง บุหรี่มวนโตมวน ก็มาจากคำว่า Cheroot , คำว่า ตาเบ๊ะ ที่หมายถึง วันทยาหัตถ์ ก็มาจากคำว่า Tabek , โกปี หรือกาแฟ นี่ก็มาจาก Kopi เช่นเดียวกับที่สั่งคู่กัน คือ เส่ล้อง ที่หมายถึง ชาฝรั่งหรือ ชาซีลอน ก็มาจากคำว่า Ceylon ขณะที่คำว่า กู่หลี้ ที่หมายถึง กุลี หรือ กรรมกร ก็คือ Kuli แต่อีกไม่นาน..คำพวกนี้ก็คงหายไปจากภูเก็ต เมื่อคนรุ่นใหม่ใช้ภาษาไทยกลางมากขึ้น ![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/239/239/images/baba5.jpg)
The Little Nyonya ![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/239/239/images/baba4.jpg)
The Little Nyonya ผมไม่ได้ไปภูเก็ตมาเกือบ 2 ปี ..ทำไมผมเขียนเรื่องนี้ เหตุผลก็คือ ผมเห็นโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ว่าตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมนี้ ในเวลา 20.20 น. จะฉายภาพยนตร์ชุดใหม่คือ The Little Nyonya โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า "บ้าบ๋า ย่าหยา...รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย" ภาพยนตร์ชุดนี้ เป็นภาพยนตร์ของสิงคโปร์..ซึ่งก็เป็น"จีนฮกเกี้ยน" เหมือนตรังและภูเก็ต The Little Nyonya เป็นละครซีรีส์ประวัติศาสตร์ที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ เป็นเรื่องราวของชาวบ้าบ๋า ย่าหยา ซึ่งถูกกลืนหายไปกับสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนำเสนอเกี่ยวกับความรักและการต่อสู้ชีวิตอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาของสาวน้อยผู้อาภัพ ที่ถูกปลูกฝังคุณธรรมและวัฒนธรรมที่ดีงามมาจากบรรพบุรุษ แต่ชีวิตเธอกลับถูกกำหนดด้วยจารีตประเพณีที่เป็นขวากหนามยากเกินกว่าจะฝ่าฟัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นละครที่มีเรตติ้งสูงที่สุดของช่อง 8 สิงคโปร์ ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ติดตามชมเฉลี่ย 993,000 คนต่อวัน ยกเว้นในตอนจบที่มีผู้ชมมากถึง 1,672,000 คน หรือคิดเป็น 33.85 % ของผู้ชมทีวีในสิงคโปร์ และไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศที่นำภาพยนตร์เรื่องนี้มาฉาย ผมไม่รู้ว่าละครเรื่องนี้ดีแค่ไหน แต่ผมก็อยากรู้เรื่อง"บ้าบ๋า-ย่าหยา" จึงต้องรอชมครับ อ้างอิง http://www.oknation.net/blog/chai/2010/01/18/entry-1 |