จีนอพยพเข้าไทย
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
จันทร์, 21 ธันวาคม 2009
คนจีนอพยพเข้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงไหนครับ vote  

ส่วนใหญ่น่าจะเป็นรุ่นอาม่า แล้วช่วงนั้นทำไมต้องอพยพออกจากจีนครับ

ทำไมคนแต้จิ๋วถึงเข้าไทยเยอะกว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ แต่เหมือนกวางตุ้งจะไม่ค่อยเข้าไทยเท่าไหร่

ทำไมคนที่อพยพออกมาส่วนใหญ่ ถึงเป็นจีนทางตอนใต้ครับ เช่นฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว ไหหลำ ไม่มีพวกปักกิ่ง ซักเท่าไหร่

จากคุณ: ยาจกอุดร Jr.
เขียนเมื่อ: 20 ธ.ค. 52 21:30:11
ถูกใจ: Jesadabodin



      ความคิดเห็นที่ 1  

      มีมาเรื่อยๆตั้งแต่สุโขทัย(หรือก่อนหน้านั้น)แล้วครับ
      ส่วนมากก็เป็นคนค้าขาย เดินทางไปๆมาๆระหว่างจีนกับไทย
      ที่ตั้งรกรากที่นี่เลยก็มีครับ

      แต่ช่วงที่จัดว่าเยอะมากก็เห็นจะเป็นในช่วงไม่เกิน ๑๐๐ ปีที่ผ่านมา
      เพราะช่วงนั้นเมืองจีนก็วุ่นๆ เดี๋ยวเจอศึกโน่นศึกนี่ เดี๋ยวภัยธรรมชาติอีก
      ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าเมืองจีนช่วงนั้นอดอยากแร้นแค้นมาก
      +ได้ข่าวว่าแผ่นดินทางใต้นี้มีโอกาสรออยู่
      ก็ชวนกันลงเรือไปตายเอาดาบหน้า เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

      คนจีนที่อพยพมาไทย ส่วนใหญ่เป็นจีนแต้จิ๋ว น่าจะเพราะเครือข่ายชาวแต้จิ๋ว
      ที่อยู่ในบ้านเราตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสิน(ท่านก็เชื้อสายแต้จิ๋วครับ)

      ส่วนกลุ่มที่อพยพไปทางปักษ์ใต้ มาเลย์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย
      ก็มักจะเป็นชาวฮกเกี้ยนเสียมาก

      แต่ทำไม คนจีนทางตอนเหนือถึงไม่ค่อยอพยพไปที่อื่นกัน?
      ขอรอผู้รู้ท่านต่อไปครับ อันนี้บ่ฮู้คือกัน

       
       

      จากคุณ: กุมารสยาม
      เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 00:31:35
      ถูกใจ: Jesadabodin

 

ความคิดเห็นที่ 2  

ถ้าจขกท.เคยดูละครไทยเรื่องดงดอกเหมย หรือ โบตั๋นกลีบสุดท้าย
ก็จะทราบคำตอบ

จากคุณ: ปรานทยา
เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 01:21:25
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 3  

จีนใต้ ไม่ใช่จีนแท้
จีนแท้ ไม่ทิ้ง จงหยวน ครับ

คนไทโบราณ ก็อพยพจากจีนทั้ง บกและทะเล ตั้งแต่โบราณ เพียงแต่รุ่นหลังๆ ไท-กะได ที่เหลืออยู่ตามชายฝั่ง ไม่ได้พูดไทแล้ว แต่พูด หมินหนานแทน

จีนแต้จิ๋ว เหมือนจะเรียกว่า จีนหลวง เนื่องด้วย พระเจ้าตากสินนะครับ

ส่วนทางใต้ เจ้าของเหมืองแร่ และเจ้าเมืองมีเชื้อสายฮกเกี้ยน ครับ

จากคุณ: Paphmania
เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 02:04:42
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 4  

"ซัวเถา" เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลกวางตุ้ง มีประชากรรวมกว่า 4 ล้านคน อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดแต้จิ๋ว ต่อมาแยกออกมาเป็นจังหวัด

และในปีพ.ศ.2525 รัฐบาลประกาศให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปัจจุบันมีรายได้หลักมาจากการส่งสินค้าออก ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องไฟฟ้า เครื่องจักรกล เวชภัณฑ์ การฝีมือ ที่มีชื่อเสียงมากคือ ผ้าปัก เซรามิก แกะสลักหินและไม้แกะสลัก

"ซัวเถา" หรือแต้จิ๋วในอดีต เป็นบ้านพี่เมืองน้องที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษคนไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศ ไทยในปัจจุบัน

ตามบันทึกรัฐบาลจีนระบุชัดว่า ยุคที่จีนทำศึกสงครามกับพวกมองโกลและแมนจูเรีย และยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำสงครามกับญี่ปุ่น คนแต้จิ๋วกว่า 2 ล้านคนซึ่งตกอยู่ในภาวะที่อดอยาก ต่างก็อพยพหนีตาย หอบเสื่อผืน หมอนใบ โล้สำเภาหนีภัยสงครามผ่านมาทางแม่น้ำโขง มาขึ้นฝั่งสยามแถบทิศตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ตราด จันทบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา มากที่สุด



ยุคที่ชาวจีนแต้จิ๋วอพยพเข้ามาเมืองไทยมากที่สุดคือ หลังปีพ.ศ.2310

ในยุคที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงครองราชย์ ทรงมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว มีพระราชบิดาเป็นชาวแต้จิ๋วชื่อ แต้ย้ง หรือต๋า ส่วนพระราชมารดาเป็นคนไทยชื่อนกเอี้ยง ทำให้คนทั้ง 2 ชาติไปมาหาสู่กันมากเป็นพิเศษ

จนมีเรื่องบอกเล่ากันว่าเมื่อคราวที่พระเจ้าตากสิน ออกสู้รบเพื่อกอบกู้เอกราชให้กับชาติไทย ชาวเมืองแต้จิ๋วได้เรี่ยไรเงินนำมาใช้ต่อเรือ เพื่อเป็นพาหนะในการกอบกู้เอกราชให้กับชาติไทยในสมัยนั้นด้วย

นอกจากพระเจ้าตากสิน จะเป็นกษัตริย์ทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทยแล้ว พระองค์ยังเป็นที่รักและเคารพของคนจีนแต้จิ๋วในประเทศจีนอย่างมากอีกด้วย จนมีการเรียกพระนามตามภาษาจีนแต้จิ๋วว่า แต่อ่วงกง หมายถึง กษัตริย์ชาวแต้จิ๋วที่ได้รับการเคารพบูชา

การเดินทางมาซัวเถาครั้งนี้ ไกด์ท้องถิ่น ได้เล่าว่า ในเมืองแต้จิ๋ว ใกล้กับซัวเถา มีสุสานฝังฉลองพระองค์และพระมาลาของสมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราชของไทย ตั้งอยู่หมู่บ้านหัวฝู่ อำเภอเฉิงไห่ ด้วย

คณะได้มีโอกาสเดินทางไปสักการบูชาศาลประจำตระกูลแต้ และสุสาน บรรจุฉลองพระองค์ของพระเจ้าตากสินดังกล่าวด้วย

ไกด์เล่าว่า สันนิษฐานกันว่าหมู่บ้านดังกล่าวเป็นบ้านเกิดของพระราชบิดาพระเจ้าตากสิน เพราะมีศาลประจำตระกูลแต้ และสุสานบรรจุฉลองพระองค์ของพระเจ้าตากสินตั้งอยู่ สร้างความปลาบปลื้มแก่คณะที่เดินทางไปเป็นอย่างมาก

http://www.khonkaenlink.info/tour/tour_thai.asp?id=7733

จากคุณ: นายชัย
เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 03:04:08
ถูกใจ: Jesadabodin

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 5  

ช่วง100 ปีหลังแผ่นดินจีนวุ่นวายครับ มีทั้งภัยธรรมชาติและภัยมนุษย์

เริ่มจากสงครามปฎิวัติ ต่อด้วย สงครามขุนศึก ต่อด้วย สงครามโลก แล้วก็สงครามกลางเมือง

คนจีนในช่วงนั้นๆ ก็หนีทั้งความอดยากจากภัยแล้งและภัยสงคราม มาเมืองไทยครับ ช่วงอพยพสุดท้ายคือก่อนจีนจะ
ปิดประเทศครับ หลังจากนั้นการอพยพออกนอกประเทศก็
หยุดลง แต่ก็ยังมีการติดต่อกันบ้างไปเยี่ยมเยียนแลก
เปลี่ยนกันเป็นระยะๆ

จากคุณ: Pongkm (Pongkm)
เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 11:11:29
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 6  

การเดินทางของชาวจีนออกนอกประเทศนั้นมีมาแต่ยุคโบราณแล้วหน่ะครับ โดยเฉพาะการเดินทางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้แล
อย่างในสมัยอยุธยา เราก็มีชุมชนจีนที่ชลบุรี (บางปลาสร้อย), ท่าจีน, บางกอก, บางปะกง, และในตัวเมืองอยุธยาย่านแถวๆป้อมเพชร

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการตั้งเมืองหรือนิคมของคนจีนในมลายู อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาแต่โบราณครับ (อย่างในฟิลิปปินส์ย้อนกลับไปได้ถึงสมัยไล่ๆกับสุโขทัยเลย)
เหตุผลที่ทำให้คนจีนอพยพออกจากประเทศก็มีทั้งภัยสงคราม ความอดอยาก เพื่อการค้า เป็นต้น

เดิมทีคนจีนกลุ่มหลักในประเทศไทยคือชาวจีนฮกเกี้ยนครับ เำพราะคนฮกเกี้ยนเก่งกาจในด้านการเดินเรือและทำการค้ามาแต่โบราณ เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ของมณฑลฟูเจี้ยนเอง แต่ทว่าภายหลังเสียกรุงครั้งที่สองและการขึ้นครองราชสมบัติของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่พระองค์ได้ให้การอุปถัมภ์ชาวจีนแต้จิ๋วที่อาศัยอยู่ในแถบบางปลาสร้อยและบางกอกเป็นอย่างดี ทำให้ชาวแต้จิ๋นอพยพเข้ามาในภาคกลางประเทศไทยกันมากขึ้น ในขณะที่ชาวฮกเกี้ยนนั้นนิยมอพยพเข้าไปภาคใต้ของไทยต่อแดนมลายูเสียมากกว่า

เมื่อคนแต้จิ๋วในภาคกลางของไทยปักหลักกันอยู่นานมากขึ้นก็หลอมรวมเข้ากับศูนย์กลางการปกครองในภาคกลางของไทยได้มากกว่าคนจีนกลุ่มอื่นๆที่อาศัยตามหัวเมืองไกลๆครับ และพอเกิดวิกฤติในจีนช่วงราวๆปี 1870-1949 ที่จีนตกอยู่ในยุคของความวุ่นวาย คลื่นการอพยพออกนอกประเทศของชาวจีนกลุ่มต่างๆก็มีมากขึ้น โดย

1. ชาวกวางตุ้งนั้น เนื่องจากตามสนธิสัญญากับอังกฤษและหลายๆประเทศ รวมไปถึงหลักการแต่โบราณของราชสำนักจีน ที่มักจะเปิดเมืองท่าทำการค้าขายโดยใช้กว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งเป็นหลัก ทำให้กวางตุ้งกลายเป็นเมืองเปิดแห่งแรกที่มีชาวต่างชาติเข้าไปตั้งกิจการครับ และชาวกวางตุ้งก็เลยเป็นคนกลุ่มแรกๆที่ได้อพยพไปยังดินแดนที่ห่างไหล อย่างเช่นการรับสมัครคนงานไปสร้างทางรถไฟในสหรัฐ ที่ได้พาแรงงานชาวจีนจำนวนมหาศาลเข้าไปในสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนกวางตุ้งนี้แลครับ ทำให้คนกวางตุ้งนิยมไปอยู่ในสหรัฐและยุโรปกันมาก

2. ชาวฮกเกี้ยน เนื่องด้วยชาวฮกเกี้ยนเก่งกาจในด้านการเดินเรือมาแต่เก่าก่อน พวกเขาเดินทางทั้งค้าขายและเป็นโจรสลัดในน่านน้ำทะเลจีนใต้มาแต่โบราณ และออกไปตั้งหมู่บ้านหรือชุมชนเล็กๆหลากหลายแห่งในอาเซียนครับ ทั้งในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มลายู และภาคใต้ของประเทศไทย พวกเขาจึงกระจัดกระจายไปในประเทศต่างๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หน่ะครับ

3. ชาวจีนแต้จิ๋ว คนแต้จิ๋วไม่มีทักษะทางการเดินเรือมากเท่ากับชาวฮกเกี้ยน และชาวแต้จิ๋วก็เป็นคนจีนกลุ่มเล็กๆเท่านั้นครับ คนแต้จิ๋วอาศัยอยู่สุดขอบของมณฑลกวางตุ้ง ในดินแดนที่เรียกว่ายังกันดารอยู่มาก พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกมากนักในการเดินทางไปในดินแดนต่างๆ เนื่องด้วยคนแต้จิ๋วกลุ่มแรกๆได้ปักหลักกิจการและรุ่งเรืองขึ้นในประเทศไทยครับ พวกเขาก็เลยเน้นที่จะอพยพตามคนรู้จักหรือญาติพี่น้องที่สามารถให้การอุปถัมภ์พวกเขาได้มายังประเทศไทยครับ
นั่นทำให้ประชากรจีนในประเทศไทยนั้น ภายหลังรัชกาลที่ 1 คนฮกเกี้ยนที่เคยเป็นชนกลุ่มหลักเดิมมีอัตราการเพิ่มจำนวนน้อยกว่าคนแต้จิ๋วครับผม และทำให้คนแต้จิ๋วกลายเป็นคนจีนกลุ่มหลักในไทยไป

อีกทั้งในยุคแรกๆ คนจีนที่อพยพเข้ามามักจะมาตัวคนเดียวและิเป็นผู้ชายครับ เนื่องด้วยพวกเขาได้มาอาศัยในภาคกลาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรไทย จึงเป็นการได้เปรียบที่พวกเขาจะหลอมรวมกันชนชั้นปกครองเดิมของไทยเรา และกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการปกครองอาณาจักรไปด้วยในฐานะขุนนางรุ่นใหม่ๆ

จากคุณ: อุ้ย (digimontamer)
เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 11:13:51
ถูกใจ: Jesadabodin

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 7  

ส่วนคนจีนกลุ่มอื่นๆนั้น คนจีนทางเหนือจะไม่ค่อยอพยพไปต่างประเทศครับ เพราะพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลมาแต่โบราณ และไม่ค่อยมีทักษะการเดินเรือค้าขายเหมือนคนจีนทางใต้ ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่มีน้อยมากที่จะอพยพหนีภัยความยากจนไปต่างประเทศ คนจีนทางเหนือที่ไปอาศัยในต่างประเทศมักจะเป็นคนร่ำรวย หรือคนที่มีการศึกษา มากกว่าเป็นแรงงานหรือชาวนาหน่ะครับ

จากคุณ: digimontamer
เขียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 52 11:16:48
  

อ้างอิง

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8678531/K8678531.html