วิวัฒนาการเงินตรา
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
พฤหัสบดี, 15 ตุลาคม 2009

วิวัฒนาการธนบัตรไทย

พิมพ์หน้านี้

       ก่อนที่จะมีการนำธนบัตรเข้ามาใช้ร่วมกับเงินตราชนิดอื่น ๆ ในระบบการเงินของประเทศ ชนชาติไทยได้ใช้หอยเบี้ย ประกับ (ดินเผาที่มีตราประทับ) เงินพดด้วง ปี้กระเบื้อง และเหรียญกษาปณ์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน


หอยเบี้ย



ประกับดินเผา



เงินพดด้วง
       จนกระทั่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาบที่ 4 ซึ่งประเทศไทยมีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติและเปิดเสรีทางการค้า ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น จึงไม่สามารถผลิตเงินพดด้วง ซึ่งเป็นเงินตราหลักในขณะนั้นได้ทันต่อความต้องการ รวมถึงมีผู้ทำเงินพดด้วงปลอมออกใช้ปะปนในท้องตลาด จนเดือดร้อนกันทั่วไป

      ดังนั้น ในพุทธศักราช ๒๓๙๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึง โปรดให้จัดทำเงินกระดาษชนิดแรกขึ้นใช้ในระบบเงินตราของประเทศ เรียกว่า หมาย
       หมาย เป็นกระดาษสีขาวพิมพ์ตัวอักษรและลวดลายด้วยหมึกสีดำ ประทับตราพระราชสัญลักษณ์ประจำพระราชวงศ์จักรีรูปพระแสงจักร และพระราชลัญจกรประจำพระองค์รูปพระมหาพิชัยมงกุฎ ด้วยสีแดงชาด เพื่อป้องกันการปลอมแปลง หมายที่โปรดให้จัดทำมี ๓ ประเภท ได้แก่ หมายราคาต่ำ หมายราคากลาง (ตำลึง) และหมายราคาสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่หมายเป็นเงินตราชนิดใหม่ ในขณะที่ราษฎรยังคงคุ้นเคยกับเงินพดด้วงซึ่งเป็นเงินตราโลหะมาแต่โบราณ "หมาย" จึงไม่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายตามพระราชประสงค์


หมายราคาต่ำ



หมายราคากลาง (ตำลึง)


หมายราคาสูง


       ต่อมาระหว่างพุทธศักราช 2415-2416 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดปัญหาเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาต่ำ ซึ่งเป็นเงินปลีกที่ทำจากดีบุกและทองแดงขาดแคลน ประกอบกับมีการนำ ปี้ ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ใช้แทนเงินในบ่อนการพนันมาใช้แทนเงินตรา ในพุทธศักราช 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้จัดทำเงินกระดาษชนิดราคาต่ำเรียกว่า อัฐกระดาษ ให้ราษฎรได้ใช้จ่ายแทนเงินเหรียญที่ขาดแคลน แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมใช้เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับการนำหมายมาใช้ในรัชกาลก่อน



อัฐกระดาษ


       เงินกระดาษชนิดต่อมา คือ บัตรธนาคาร ซึ่งธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศสามธนาคารที่เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ธนาคารชาร์เตอร์แห่งอินเดีย ออสเตรเลีย และจีน และธนาคารแห่งอินโดจีน ได้ขออนุญาตนำบัตรธนาคารออกใช้ เมื่อพุทธศักราช 2432, 2441, และ 2442 ตามลำดับ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นรัฐบาลประสบปัญหาไม่สามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ได้ทันต่อการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ
       บัตรธนาคาร มีลักษณะเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดหนึ่งที่ใช้อำนวยความสะดวกในการชำระหนี้ระหว่างธนาคารกับลูกค้า ดังนั้น การหมุนเวียนของบัตรธนาคารจึงจำกัดอยู่ในวงแคบเฉพาะบุคคลที่มีความจำเป็นต้องติดต่อธุุรกิจกับธนาคารดังกล่าวเท่านั้น อย่างไรก็ดี บัตรธนาคารมีส่วนช่วยให้ประชาชนรู้จักคุ้นเคยกับเงินที่เป็นกระดาษมากขึ้น และเนื่องจากมีระยะเวลาการนำออกใช้นานกว่า 13 ปี (พ.ศ. 2432-2445) ทำให้การเรียกบัตรธนาคารทับศัพท์ว่า แบงก์โน้ต หรือ แบงก์ ในขณะนั้น สร้างความเคยชินให้คนไทยเรียกธนบัตรของรัฐบาลที่ออกใช้ในภายหลังว่า แบงก์ จนติดปากมาถึงทุกวันนี้


บัตรธนาคารชนิดราคา 400 บาท
ของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้




บัตรธนาคารชนิดราคา 80 บาท
ของธนาคารชาร์เตอร์แห่งอินเดีย ออสเตรเลีย และจีน




บัตรธนาคารชนิดราคา 5 บาท
ของธนาคารแห่งอินโดจีน


       ขณะเดียวกันรัฐบาลในสมัยนั้นได้พิจารณาเห็นว่าบัตรธนาคารที่สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศออกใช้อยู่ในขณะนั้น มีลักษณะคล้ายกับเงินตราที่รัฐบาลควรจัดทำเสียเอง ในพุทธศักราช 2433 จึงได้เตรียมการออกตั๋วเงินของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เรียกว่า เงินกระดาษหลวง โดยสั่งพิมพ์จากห้างกีเชคเก้ แอนด์ เดวรีเอ้นท์ (Giesecke & Devrient) ประเทศเยอรมนี จำนวน 8 ชนิดราคา เงินกระดาษหลวงได้ส่งมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อพุทธศักราช 2435 แต่เนื่องจากความไม่พร้อมของทางการในการบริหาร จึงมิได้นำเงินกระดาษหลวงออกใช้


เงินกระดาษหลวงชนิดราคา 100 บาท



เงินกระดาษหลวงชนิดราคา 400 บาท



เงินกระดาษหลวงชนิดราคา 400 บาท


       จนกระทั่งพุทธศักราช 2445 จึงเข้าสู่วาระสำคัญในการออกธนบัตร กล่าวคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตรา พระราชบัญญัติธนบัตรสยาม รัตนโกสินทรศก 121 ขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2445 อีกทั้งโปรดให้จัดตั้ง กรมธนบัตร ในสังกัดกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เพื่อทำหน้าที่ออกธนบัตรและรับจ่ายเงินขึ้นธนบัตร และเปิดให้ประชาชนนำเงินตราโลหะมาแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตรตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2445 จึงนับว่าธนบัตรได้เข้ามามีบทบาทในระบบการเงินของไทยอย่างจริงจังนับแต่นั้นมา
       ธนบัตรที่นำออกใช้ตามพระราชบัญญัติธนบัตรสยาม รัตนโกสินทรศก 121 นั้น มีลักษณะเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินของรัฐบาลที่สัญญาจะจ่ายเงินตราให้แก่ผู้นำธนบัตรมายื่นโดยทันที ต่อมา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติเงินตรา พุทธศักราช 2471 ซึ่งกำหนดให้เงินตราของประเทศประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ตลอดจนให้ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย จึงเป็นการเปลี่ยนลักษณะของธนบัตรจากตั๋วสัญญาใช้เงินมาเป็นเงินตราอย่างสมบูรณ์

       ที่ผ่านมาหลายคนเข้าใจเหมือนผมว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ สยามกัมมาจล เป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย แต่จริงๆแล้ว HSBC เข้ามาตั้งและเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1888 (พ.ศ.2431) เพราะฉะนั้นสิริรวมแล้ว แบงก์นี้ตั้งอยู่ในไทยมาแล้วถึง 119 ปี นานกว่าธนาคาร ไทยพาณิชย์ 100 ปีตั้ง 19 ปี
       ไทยพาณิชย์เป็นธนาคารแรกของไทย แต่ไม่ใช่ธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย เพราะตำแหน่งนั้นเป็นของ Hongkong and Shanghai Banking Corporation Limited หรือ ธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเพื่อความสากลว่า HSBC

       ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนเพชรบุรี เดิมเคยเป็นวังมาก่อน 

       นอกจากจะเป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทยแล้ว HSBC ยังเป็นคนออกธนบัตรใบแรกของประเทศไทยด้วยครับและหลังจากที่เห็นธุรกรรมด้านการเงินดำเนินการโดยสถาบันการเงินต่างชาติมาระยะหนึ่ง รัชกาลที่ 5 ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล เล็งเห็นว่าถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะเป็นปัญหากับประเทศชาติได้ จึงเป็นที่มาของแบงก์สยามกัมมาจล(หรือไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน) นั่นเอง

ข้อมูล - ธนาคารแห่งประเทศไทย


อ่านความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 15
สอนสุพรรณ \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 18.22 น.
http://www.oknation.net/blog/phaen
   ส่งเสริม      สืบสาน      สร้างสรรค์     ศิลปวัฒนธรรม  

 
 
พี่ลูกเสือฯ สะสมไว้หรือปล่าวครับ...

ผมชอบบบบบบ...
ความคิดเห็นที่ 14
ภาษาไทย \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 16.53 น.
http://www.oknation.net/blog/snowy

น่าสนใจมากค่ะ ธนบัตร 80 บาท 400 บาท ฯลฯ ไม่เคยเห็นเลยค่ะ
แต่พวกเงินเหรียญมีรู เคยเห็นคุณแม่ คุณยาย เก็บไว้บ้าง

ความคิดเห็นที่ 13
chompoopookha \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 16.12 น.
http://www.oknation.net/blog/chompoopookha

เป็นข้อมูลใหม่จริงๆ ค่ะ เพราะยังคิดอยู่ว่า ไทยพาณิชย์เป็นแบงค์แรกในเมืองไทย แต่กลับเป็น HSBC ไปซะนี่... อึ้งๆ กิมๆ กี่ๆ อิอิอิ... นี่ถ้าเป็น HSBC เอาตรงนี้เป็นจุดขายได้เลยนะ
ความคิดเห็นที่ 12
cozy \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 15.21 น.
http://www.oknation.net/blog/kakalot
HELLO HELLO !!!!

 
 
แบ๊งค์ห้าบาทผมยังไม่ทันเลยพี่
ความคิดเห็นที่ 11
เพลงผ้า \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 15.06 น.
http://www.oknation.net/blog/charothon
" ฉันจะร่ายรินจินตนา..ให้สาสม "

 
 
สวัสดีพี่ลูกเสือค่ะ....

ขอบคุณที่นํามาให้อ่านค่ะ...

ความคิดเห็นที่ 10
auguzzy \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 14.01 น.
http://www.oknation.net/blog/raterko
A man can be destroyed but not defeated.

 
 
รับแซ่บค้าบพี่

เป็นเรื่องเย้ากันเล่นๆ สมัยเรียนอ่ะคับ

คนไทยออกเสียงฝาหรั่งในยุคโน้นได้ฮาอยู่หลายคำทีเดียว

ขอบคุณนะคับพี่ที่ชี้แจง

ว่าแต่ตอนนี้อยู่ที่ตรังหรือกท.คับ

ของฝากผมล่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
bon09 \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 13.51 น.
http://www.oknation.net/blog/krasean

ของสะสมหรือเปล่าคะ
ความคิดเห็นที่ 8
จ่าจินต์ \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 13.37 น.
http://www.oknation.net/blog/jawee
สิ่งที่มีค่าของผมไม่ได้อยู่ที่การมองเห็นหากแต่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น

 
 
จ่า..
ไม่มีสักบัตร..
สบายดีนะครับผม..
ความคิดเห็นที่ 7
จักรวาล \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 13.29 น.
http://www.oknation.net/blog/sawitkhaenkhan

โอได้ความรู้
ความคิดเห็นที่ 6
ลาดพร้าวซอยสิบสอง \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 13.22 น.
http://www.oknation.net/blog/thairesearch2539

เงินกระดาษหลวงสวยมากๆ ค่ะ ขอบคุณคุณลูกเสือหมายเลข 9 มากๆ นะคะ ที่กรุณาไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำค่ะ ดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
auguzzy \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 13.08 น.
http://www.oknation.net/blog/raterko
A man can be destroyed but not defeated.

 
 
กำ

แค่ชื่อก้อน่ากัวแล้วอ่ะ

สะ หยาม กำ มา จน
ความคิดเห็นที่ 4
มัชฌิมาปกร \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 12.59 น.
http://www.oknation.net/blog/kintaro
http://www.oknation.net/blog/kintaro2- ภาพ http://www.oknation.net/blog/kintaro3- กลอน

 
 

http://www.oknation.net/blog/kintaro/2009/10/15/entry-1
--------------------
อยากมีเงินเยอะ ๆ ครับพี่
กำลังทำงานอยู่ครับ

ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 3
soonthorn \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 12.52 น.
http://www.oknation.net/blog/soonthorn-filmkayab
    Filmkayab    ภาพงดงามที่สุด คือ ใจของเรา 

 
 
หวัดดีครับ
ครั้งหนึ่งผมเคยถ่ายภาพเหรียญ เงินตราเก่ามากๆ
จนถึงทองคำเป็นก้อนได้เป็นบุญตา
เจ้าของมาเฝ้าทั้งวันทั้งคืน
ความคิดเห็นที่ 2
feng_shui \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 12.40 น.
http://www.oknation.net/blog/buzz
feng_shui

 
 
สะสมไม่ทันค่ะ

อิ อิ
ความคิดเห็นที่ 1
market \n อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ ')"> -->วันที่ : 15/10/2009 เวลา : 12.39 น.
http://www.oknation.net/blog/market

เก็บสะสมธนบัตรเก่าๆเหมือนกันค่ะ แต่แค่มือสมัครเล่นนะคะ

อ้างอิง

และแสดงความคิดเห็นได้ใน>>>>V

http://www.norsorpor.com/go2.php?t=m&u=http%3A%2F%2Fwww.oknation.net%2Fblog%2Fchainews%2F2009%2F10%2F15%2Fentry-1