ปลัดร่วมประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเซีย เผยไทยใช้ 8พันล้านลงทุนสร้างมูลค่าวัฒนธรรมฟื้นเศรษฐกิจ ชงเวทีให้เศรษฐกิจพอเพียง
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)ในฐานะผู้แทนนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีวัฒนธรรมแห่งเอเซีย (Asia Cultural Ministerial Round-table Meeting) ซึ่งมีประเทศต่างๆเข้าร่วม 22 ประเทศ ณ โรงแรมฮอลิเดอินน์ เมืองเออร์ดอส เขตปกครองตนเองมองโกเลียในสาธารณรัฐประชาชนจีน
เขาระบุว่า ภายใต้วิกฤตทางการเงินทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทางรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ประชาชนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางการแก้ไขเศรษฐกิจและแนวทางการใช้ชีวิตแบบยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์
"หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีทั้งหมด 3 แนวทาง คือ ความพอประมาณ รู้จักผลิตและการบริโภคให้อยู่ในระดับพอประมาณความมีเหตุผล รู้จักตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล รอบคอบ และการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง 3 หลักนี้ได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติว่า เป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศและสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน"
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมไทย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังพัฒนาประเทศโดยใช้มิติทางวัฒนธรรมจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่ห้องสมุด โรงละคร พิพิธภัณฑ์ วัด ศูนย์ทางศาสนา สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม และโบราณสถานรวมถึงอุทยานวัฒนธรรมอุทยานประวัติศาสตร์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมมากยิ่งขึ้น โดยนักท่องเที่ยวรวมถึงคนไทย เด็กนักเรียน นักศึกษาด้วยโดยมีกิจกรรมต่างๆ ครอบคลุมถึงการทำอาหารไทย การสอนเด็กเล่นดนตรี การเรียนภาษาใหม่ๆ หรือภาษาท้องถิ่น การฝึกความรู้ด้านช่าง นวดแผนโบราณ ฯลฯ
ทั้งนี้ กำลังมีการพิจารณาจะเปิดให้บริการแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวข้างต้นให้ยาวนานมากขึ้นเพื่อให้บริการประชาชนที่อยู่ในภาวะความเครียดจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจ ซึ่งจากการดำเนินงานภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ผลงานของกระทรวงวัฒนธรรมเป็นที่พอใจของประชาชนอยู่ในลำดับที่ 4 จาก 19 กระทรวง
"ในสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลของประเทศต่างๆ ในเอเชียต่างตระหนักว่าวัฒนธรรมสามารถสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นมรดกวัฒนธรรม"หรือ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์" (Creative Economy) ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้ให้ความสำคัญ โดยได้จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเงิน 8,000 ล้านบาท ในระหว่างปี 2552-2555 เพื่อดำเนินการโครงการพิเศษจำนวน 14 โครงการ
เช่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โครงการเทศกาลวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ โครงการฟื้นฟูแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตและเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้แก่ชุมชน โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมเพื่อสร้างรายได้สู่ประชาชน และโครงการมรดกวัฒนธรรมไทยในโลกดิจิตอล" ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว