โปรตุเกส : ชัยเยนทร เมืองแมน |
เขียนโดย ชัยเยนทร์ เมืองแมน | |
อังคาร, 10 กุมภาพันธ์ 2015 | |
หมู่บ้านโปรตุเกสชัยเยนทร์ เมืองแมน . 1. การเข้ามาของชาวโปรตุเกสในประเ้ทศไทย ื นอกจากนี้ ประเทศโปรตุเกสยังเป็นประเทศคริสตศาสนาที่เคร่งครัดและมีจิตใจร้อนรน ในศาสนามิใช่น้อย ชาวโปรตุเกสทุกคนที่เข้ามาในประเทศไทยครั้งนั้น ทุกคนจึงล้วนแต่นับถือคริสตศาสนา และเมื่อสามารถสร้างหลักปักฐานอยู่ใน ก. ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ชาวโปรตุเกสเป็นชาติที่มีอำนาจมาก และมีความเจริญก้าวหน้าในการเดินเรือ จนในที่สุดมีนักเดินเรือที่มีชื่อเสียงมากคือ วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) และบาร์เทอร์โลมิว ดีอาซ (Barthelomue Diaz) จนทำำให้เกิดความคิดที่จะใช้การเดินเรือเพื่อค้นหาดินแดนใหม่ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ปี ค.ศ.1415 เจ้าชายเฮนรี่ (Henry) นักเดินเรือ พระโอรสของพระเจ้ายอห์น ที่ 1 แห่งโปรตุเกส สามารถเดินเรือออกไปทางอาฟริกาและยึดเกาะเซวต้า (Ceuta) ได้ และนับจากนั้นเป็นต้นมา ประเทศโปรตุเกสก็เริ่มออกสำรวจทางทะเลอย่างจริงจังเพื่อค้นหาดินแดนใหม่ๆ สมเด็จพระสันตะปาปาเวลานั้นก็ทรงมอบอำนาจและสิทธิพิเศษหลายประการแก่ประเทศโปรตุเกส ทั้งในการค้นหาดินแดนใหม่ๆ และการทะนุบำรุงศาสนา สิทธิพิเศษประการนี้เรียกว่า Padroado ซึ่งมีรายละเอียดและมีระเบียบมากมาย มีวิวัฒนาการสืบต่อๆ มา ข. การติดต่อสัมพันธ์ครั้งแรกระหว่างสองประเทศ อัลบูเคิร์กยึดมะละกาได้เมื่อปี ค.ศ.1511 และได้เริ่มต้นสถาปนาสัมพันธภาพฉันมิตรกับประเทศสยามในทันที ด้วยการส่งดูอาร์ต เฟอร์นันเดส (Duarte Fenandes) เป็นทูต มาเฝ้าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในปีเดียวกันนั้นเอง เหตุผลที่อัลบูเคิร์กสถาปนาสัมพันธภาพครั้งนี้กับประเทศสยาม เป็นเพราะประเทศสยามเป็นประเทศที่มั่นคงและมั่งคั่ง การจะทำสงครามกับประเทศสยามคงไม่ยากนักก็จริง แต่การรักษาไว้ต่อไปก็ไม่ง่ายนัก อีกประการหนึ่งแม้ประเทศสยามจะเคยอ้างว่ามะละกาเป็นประเทศราชของตน ต้องส่งบรรณาการแก่ประเทศสยามมาตั้งแต่ครั้งสมัยพระรามา ธิบดี อู่ทอง แต่มะละกาก็ไม่ได้กระทำตนเป็นประเทศราช หลายครั้งยังทำตนเป็นศัตรูกับประเทศสยาม ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือในสมัยพระรามาธิบดี อู่ทอง นั้น มะละกายังไม่ได้สถาปนาเป็นบ้านเมือง มะละกาได้รับการสถาปนาเป็นบ้านเมืองในรัชกาลสมเด็จพระรามราชา และประกาศเป็นเอกราชตั้งแต่ปี ค.ศ.1403 ราชวงศ์มะละกาสืบครองบ้านเมืองต่อๆ มากว่า 100 ปี โดยไม่ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยาตลอดมา นักประวัติศาสตร์รวมทั้งข้อมูลทางประวัติ ศาสตร์บางประการอาจระบุว่ามะละกาเป็นประเทศราชของสยามก็เนื่องมาจากว่า สยามในสมัยรัชกาลพระรามาธิบดี อู่ทอง ขยายดินแดนลงมาทางใต้สุด แต่เวลานั้นมะละกายังไม่ได้เป็นบ้านเมืองในความหมายนั้น การกล่าวอ้างเช่นนี้จึงถือเป็นความจริงเพียงส่วนเดียว การที่โปรตุเกสยึดมะละกาไป จึงไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้สยามบาดหมางกับโปรตุเกส และยิ่งกว่านั้นพระมหากษัตริย์สยามยังให้การต้อนรับคณะทูตของโปรตุเกสเป็นอย่างดีอีกด้วย อันที่จริง อัลบูเคิร์กส่งดูอาร์ต เฟอร์นันเดส มาเป็นทูตที่สยามก่อนที่จะยึดมะละกาได้อย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ดูอาร์ต เฟอร์นันเดส ได้เข้าเฝ้าอย่างสง่า ถวายของขวัญเป็นดาบฝังเพชรและจดหมายลงชื่อโดยอัลบูเคิร์ก ในนามของกษัตริย์โปรตุเกส เมื่อดูอาร์ต เฟอร์นันเดส เดินทางกลับมะละกา ทูตสยามได้ติดตามไปด้วย และได้มอบของขวัญเป็นการตอบแทน คณะทูตสยามได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ปี ค.ศ.1518 D. Aleixo de Menezeo ได้รับมอบอำนาจพิเศษที่มะละกา ได้ส่งดูอาร์ต โกแอลโฮ (Duarte Coelho) เป็นทูตพิเศษเข้ามาในสยามพร้อมทั้งจดหมายและของขวัญ ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินโปรตุเกสจัดมาถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินสยามเป็นการตอบแทน ในการส่งทูตมาครั้งนี้ได้มีการทำสัญญาฉบับแรกระหว่างสยามและโปรตุเกส โดยฝ่ายโปรตุเกส ได้สัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่สยาม และฝ่ายสยามก็ได้ให้อภิสิทธิ์ในด้านศาสนาและการพาณิชย์เป็นการตอบแทน เวลาเดียวกันสยามสามารถส่งชาวสยามไปตั้งถิ่นฐานในมะละกาได้ สัญญาฉบับนี้นับเป็นฉบับแรกที่สยามกระทำกับประเทศยุโรป และเป็นสัญญาที่เอื้อผลประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศอย่างเห็นได้ชัด สยามเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ประเทศโปรตุเกสมีอาวุธในการทำสงครามที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ชาวโปรตุเกสจำนวนมากได้เดินทางเข้ามาในประเทศสยาม และสอนชาวสยามให้รู้จักศิลปะในการสงคราม การสร้างป้อมปราการ สิ่งที่น่าสังเกตประการหนึ่งก็คือ จากการศึกษาเอกสารของฝ่ายโปรตุเกสระบุว่าปีที่ทำสัญญาฉบับนี้ได้แก่ปี ค.ศ.1518 ในขณะที่หนังสือประวัติศาสตร์ไทยระบุว่าเป็นปี ค.ศ.1516 แต่ผู้ทำสัญญฉบับนี้ตรงกันคือดูอาร์ต โกแอลโฮ เป็นเรื่องที่ต้องได้รับการศึกษากันต่อไป ในขณะเดียวกับที่อันโตนิโอ ดา ซิลวา เรโก (Antonio da Silva Rego) นักประวัติศาสตร์โปรตุเกสระบุว่าสัญญาฉบับนี้กระทำโดย อันโตนิโอ เด มิซานดา เด อเซเวโด (Antonio de Mizanda de Azevedo) และแคมโปส (Campos) ในบทความของเขาก็ยืนยันว่าดูอาร์ต โกแอลโฮ มากระชับสัญญาฉบับแรกนั้นให้แน่นแฟ้นขึ้นเท่านั้น เป็นอันว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มขึ้นแล้ว ชาวโปรตุเกสเข้ามาพำนักในสยามเพื่อทำการค้าขายและมีเสรีภาพในการถือศาสนาของตน ในเอกสารโบราณของชาวโปรตุเกสกล่าวไว้ว่า ครั้งนั้นชาวโปรตุเกสได้นำเอาไม้กางเขนขนาดใหญ่ มีตราแผ่นดินของประเทศโปรตุเกสไปปักไว้ที่กลางกรุงศรีอยุธยา เรื่องนี้มิได้ปรากฏในพระราชพงศาวดาร หรือเอกสารของไทยแต่อย่างใด และเอกสารโบราณชิ้นนี้ยังระบุไว้ด้วยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1516 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับโปรตุเกสอย่างเป็นทางการ ไม้กางเขนอันนี้น่าจะเป็นไม้กางเขนที่เก่าแก่ที่สุดตามหลักฐานทางเอกสาร 2. กำเนิดหมู่บ้านโปรตุเกส ในหนังสือของตุรแปง (Turpin) ก็ได้ยืนยันข้อมูลเดียวกันนี้ว่า:ในระยะนั้นมีชาวโปรตุเกส 130 คน ในราชอาณาจักร 120 คน ในจำนวนนี้ถูกบังคับให้ร่วมรบ พระเจ้าแผ่นดินทรงเชื่อมั่นว่าไม่มีใครสามารถชนะพระองค์ได้ ในขณะที่พระองค์ได้รับความร่วมมือจากชาวยุโรปซึ่งเปรียบเสมือนวีรบุรุษของพระองค์... พระองค์ได้พระราชทานผลประโยชน์ให้กับสัมพันธมิตรชาวโปรตุเกส ทรงประกาศให้ชาวโปรตุเกสได้รับการยกเว้นภาษีอากรทุกประเภทเป็นระยะเวลา 3 ปี บาทหลวงโปรตุเกสได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ศาสนาได้ทุกแห่งในราชอาณาจักร . นักศึกษาวิทยาลัยแสงธรรม ปี 4 ศึกษาดูประวัติศาสตร์ที่ อยุธยา โดย คุณพ่อสุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ และอาจารย์บุญหลง ศรีกนก (กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร)
ณ วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม |
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อังคาร, 10 กุมภาพันธ์ 2015 ) |