ปั้นหม้อบ้านลิพอน:ดร.อรุณรัตน์ สรรเพ็ชร |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
ศุกร์, 04 ธันวาคม 2020 | |
. ปั้นหม้อบ้านลิพอน ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เครื่องปั้นดินเผามีความผูกพันกับการดำรงชีวิตของมนุษย์เพราะใช้เป็นเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันบรรจุอาหารและสิ่งของ ชาวบ้านลิพอนบางกอกในอดีต ได้ผลิตหม้อดินขึ้นมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน โดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น อาศัยภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นสู่การผลิตเครื่องปั้นดินเผาโดยใช้ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อย่างครบถ้วนตามลำดับ ดังนี้คือ ปั้นหม้อด้วย ดิน ที่ขุดขึ้นมา ผสมเข้ากับ น้ำ แล้วไล้ขึ้นรูป แล้วเอาผึ่ง ลม ในที่ร่ม ก่อนนำเข้าเผา ไฟ ในเตา
เครื่องปั้นดินเผามีชื่อเรียกตามหน้าที่การใช้งาน คือ หม้อข้าว หม้อแกง สวด (ใช้นึ่ง) หม้อใส่น้ำดื่ม และหม้อขนาดใหญ่เป็นหม้อใส่น้ำไว้ใช้ หม้อทุกประเภทปั้นจากดินปลวกในหมู่บ้านเพราะในหมู่บ้านมีหินทรายจำนวนน้อย ซึ่งดินปลวกเป็นดินที่ใช้ปั้นเป็นภาชนะได้ดี
ยายอรุณ จันทวงศ์ ได้สาธิตกรรมวิธีปั้นหม้อด้วยการนำดินจากจอมปลวกมานวด แบ่งดินออกเป็นก้อนขนาดผลส้มโอ แล้วนำมาขึ้นรูป วางก้อนดินสี่เหลี่ยมบนเสื่อผืนเล็กซ้อนลงบนเลียงร่อนแร่ ใช้นิ้วมือกดดินขึ้นรูปเป็นทรงหม้อ หมุนเลียงเพื่อให้มือบังคับดินทรงหม้อให้บางลงและหม้อขยายตัวขนาดใหญ่ขึ้น ใช้ไม้ตีหม้อเพื่อช่วยให้ดินบางลง โดยมีลูกดุ้งกันดันอยู่ภายในหม้อเพื่อป้องกันไม่ให้ดินแตก เมื่อใกล้เป็นรูปทรงหม้อจะใช้ไม้ตีหม้อที่มีลวดลายตีลงบนผิวของหม้อเพื่อให้เกิดลวดลายตามพิมพ์ไม้ นอกจากก่อให้เกิดลวดลายสวยศิลป์บนผิวหม้อแล้ว ยังทำให้ผู้ใช้จับหม้อได้ถนัดมืออีกด้วย (อรุณ จันทวงศ์ ๒๕๖๓ : นามานุกรม) หม้อดิน หม้อดินดิบ สาดรอง (เสื่อรอง) ก้อนดินปลวก ผงดินปลวก ไม้ตีหม้อ มีขนาดยาวประมาณ ๑ ฟุต กว้าง ๒ นิ้ว หนา ๑ นิ้ว เป็นไม้เนื้อแข็ง แกะสลักลวดลายเป็นทรงเรขาคณิตบนความกว้าง ทั้ง ๒ ด้าน มีลวดลายต่างกัน เป็นลวดลายเส้นขนาน เส้นทะแยง เส้นทะแยงตัดกันให้มีรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน (กัลยา จันทวงศ์ ๒๕๖๓ : นามานุกรม )
ทรงของหม้อแกง มีลักษณะปากกว้างกว่าหม้อข้าว (เนียด ไกรเลิศ ๒๕๖๓ : นามานุกรม) ส่วนกลางหม้อป่องออกเกิดเป็นมุมเหลี่ยมแหลม ช่างปั้นตกแต่งผิวหม้อใต้ปากหม้อให้เป็นลายนูนต่ำคล้ายเส้นเชือกพันกัน มีลวดลายลงมาถึงมุมเหลี่ยมแหลม ใต้ลงไปส่วนก้นหม้อลวดลายจะบางลง ผิวหม้อด้านในจะเรียบเกลี้ยงขึ้นมาจนถึงขอบหม้อ เพื่อไม่ให้อาหารออกจากหม้อได้ง่าย ไม่ค้างติดหม้อให้เกิดบูดเน่า ส่วนริมขอบปากหม้อ ช่างจะทำเป็นรอยเส้นยาวเป็นวงกลม ๑ ชั้นบ้าง ๒ ชั้นบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้สัมผัสในเวลามืดค่ำได้ว่าพื้นที่หม้อสิ้นสุดแล้ว ควรจับให้ลึกลงมากน้อยตามน้ำหนักของหม้อ เป็นการทนุถนอมหม้อให้มีโอกาสใช้ได้นานขึ้น การปั้นฝาหม้อก็มีศิลปะขนาดเหมาะกับปากหม้อ ตรงขอบฝาหม้อจะมีทรงมนโค้ง แม้ว่าปากหม้อจะมีขนาดไม่เท่ากัน ขอบฝาหม้อจะวางต่ำลง สูงขึ้นมา สูงจนถึงระดับเส้นขอบหม้อได้ ฝาหม้อแต่ละใบจึงใช้แทนฝาหม้อเดิมได้อย่างเหมาะเจาะ (อรุณ จันทวงศ์ ๒๕๖๓ : อ้างอิง) (สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ ๒๕๖๑ : ภูเก็จจดหมายเหตุ) ก่อนการใช้หม้อดิน ชาวบ้านจะ “สิก” หม้อ เพื่อเคลือบผิวหม้อด้านในด้วยถ่านใบพิกุลหรือตั้งหม้อบนเตาแล้วใส่น้ำตาล (น้ำผึ้ง) ให้ละลายจนไหม้ เย็นลง จึงใช้ผ้าเช็ดให้พื้นผิวหม้อด้านในเรียบเป็นมัน ถ้าเป็นบาตรก็ “สิก” ด้วยวิธีเดียวกัน จะช่วยให้เศษดินเผาหรือฝุ่นละอองที่ติดค้างก้นหม้อใหม่หลุดออก (กัลยา จันทวงศ์ ๒๕๖๓ : นามานุกรม) อันเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่กระทำก่อนการใช้หม้อใหม่ .
กัลยา จันทวงศ์ เพศหญิง เกิด ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๗ ภูมิลำเนาบ้านลิพอนอยู่ที่ ๗๙/๓ บ้านลิพอนบางกอก หมู่ที่ ๒ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 83110 ให้ข้อมูล ดร.อรุณรัตน์ สรรเพ็ชร เมื่อ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เนียด ไกรเลิศ เพศหญิง เกิด พ.ศ.๒๔๘๖ ภูมิลำเนาบ้านลิพอน อยู่ที่ ๑๓๘ บ้านลิพอนบางกอก หมู่ที่ ๒ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 83110 ให้ข้อมูล ดร.อรุณรัตน์ สรรเพ็ชร เมื่อ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ เพศชาย เกิด ๑ สิงหาคม ๒๔๘๙ ภูมิลำเนาวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต อยู่ที่ ๑๗๕ หมู่ที่ ๑ บ้านหินรุ่ย ตำบลเทพกระษัตรี ถนนเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ให้ข้อมูล ดร.อรุณรัตน์ สรรเพ็ชร เมื่อ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ฝากเสียงสัมภาษณ์ นามานุกรม . กัลยาปั้นหม้อ ของนามานุกรม กัลยา จันทวงศ์ ใช้ไม้ตีหม้อทำลวดลาย เนียด ปั้นหม้อปั้นหม้อบ้านพอน หม้อข้าวหม้อแกง
. เครื่องปั้นดินเผามีชื่อเรียกตามหน้าที่การใช้งาน คือ หม้อข้าว หม้อแกง สวด (ใช้นึ่ง) หม้อใส่น้ำดื่ม และหม้อขนาดใหญ่เป็นหม้อใส่น้ำไว้ใช้ หม้อทุกประเภทปั้นจากดินปลวกในหมู่บ้านเพราะในหมู่บ้านมีหินทรายจำนวนน้อย ซึ่งดินปลวกเป็นดินที่ใช้ปั้นเป็นภาชนะได้ดี อรุณ จันทวงศ์ ได้สาธิตกรรมวิธีปั้นหม้อด้วยการนำดินจากจอมปลวกมานวด แบ่งดินออกเป็นก้อนขนาดผลส้มโอ แล้วนำมาขึ้นรูป วางก้อนดินสี่เหลี่ยมบนเสื่อผืนเล็กซ้อนลงบนเลียงร่อนแร่ ใช้นิ้วมือกดดินขึ้นรูปเป็นทรงหม้อ หมุนเลียงเพื่อให้มือบังคับดินทรงหม้อให้บางลงและหม้อขยายตัวขนาดใหญ่ขึ้น ใช้ไม้ตีหม้อเพื่อช่วยให้ดินบางลง โดยมีลูกดุ้งกันดันอยู่ภายในหม้อเพื่อป้องกันไม่ให้ดินแตก เมื่อใกล้เป็นรูปทรงหม้อจะใช้ไม้ตีหม้อที่มีลวดลายตีลงบนผิวของหม้อเพื่อให้เกิดลวดลายตามพิมพ์ไม้ นอกจากก่อให้เกิดลวดลายสวยศิลป์บนผิวหม้อแล้ว ยังทำให้ผู้ใช้จับหม้อได้ถนัดมืออีกด้วย ไม้ตีหม้อ มีขนาดยาวประมาณ ๑ ฟุต กว้าง ๒ นิ้ว หนา ๑ นิ้ว เป็นไม้เนื้อแข็ง แกะสลักลวดลายเป็นทรงเรขาคณิตบนความกว้าง ทั้ง ๒ ด้าน มีลวดลายต่างกัน เป็นลวดลายเส้นขนาน เส้นทะแยง เส้นทะแยงตัดกันให้มีรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทรงของหม้อแกง มีลักษณะปากกว้างกว่าหม้อข้าว ส่วนกลางหม้อป่องออกเกิดเป็นมุมเหลี่ยมแหลม ช่างปั้นตกแต่งผิวหม้อใต้ปากหม้อให้เป็นลายนูนต่ำคล้ายเส้นเชือกพันกัน มีลวดลายลงมาถึงมุมเหลี่ยมแหลม ใต้ลงไปส่วนก้นหม้อลวดลายจะบางลง ผิวหม้อด้านในจะเรียบเกลี้ยงขึ้นมาจนถึงขอบหม้อ เพื่อไม่ให้อาหารออกจากหม้อได้ง่าย ไม่ค้างติดหม้อให้เกิดบูดเน่า ส่วนริมขอบปากหม้อ ช่างจะทำเป็นรอยเส้นยาวเป็นวงกลม ๑ ชั้นบ้าง ๒ ชั้นบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้สัมผัสในเวลามืดค่ำได้ว่าพื้นที่หม้อสิ้นสุดแล้ว ควรจับให้ลึกลงมากน้อยตามน้ำหนักของหม้อ เป็นการทนุถนอมหม้อให้มีโอกาสใช้ได้นานขึ้น การปั้นฝาหม้อก็มีศิลปะขนาดเหมาะกับปากหม้อ ตรงขอบฝาหม้อจะมีทรงมนโค้ง แม้ว่าปากหม้อจะมีขนาดไม่เท่ากัน ขอบฝาหม้อจะวางต่ำลง สูงขึ้นมา สูงจนถึงระดับเส้นขอบหม้อได้ ฝาหม้อแต่ละใบจึงใช้แทนฝาหม้อเดิมได้อย่างเหมาะเจาะ ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาของชาวบ้านลิพอน ก่อนใช้งานตามหน้าที่ของหม้อ จะมีภูมิปัญญาชาวบ้านด้วยการ “สิก” คือเผาไม้หอมในก้นหม้อ . . . *** คติชนวิทยา คติชนวิทยา ปั้นหม้อบ้านลิพอน ต้นฉบับ : อรุณรัตน์ สรรเพ็ชร |
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( พฤหัสบดี, 17 ธันวาคม 2020 ) |