นิราศ : จรรย์พร
เขียนโดย จรรย์พร ชูสังข์   
จันทร์, 11 ธันวาคม 2017

 

 

 

นิราศหาด Freedom

โอ้สุขใจนิราศพร้อมเพื่อนศิษย์

กำหนดกันวันศุกร์ได้ฉุกคิด                    บอกมวลมิตรเตรียมของที่ต้องขน

ทั้งอาหารภัณฑ์แพรแต่ละคน                                    มารวมพลเริ่มต้นวอร์มร่างกาย

          เมื่อสั่งเสียเสร็จสรรพขยับรถ                           โดยตั้งกฎวิ่งเก้าสิบไม่เสียหาย

เพื่อประหยัดน้ำมันกันวอดวาย                                  การใช้จ่ายยุคนี้ต้องระวัง

          รวมเพื่อนพ้องเดินทางเกินกว่าห้า                       รวมรถราสามคันหลากอลัง

ดำวีออสขาวซีวิคท่อดังดัง                                        เราก็ยังไม่มีให้ขับกัน

          ฮอนด้ามูฟฮอนด้าคลิ๊กหลายสันต์สี                     สามคันนี้ที่เราเลือกจัดสรร

ขับเรื่อย ๆ เมาส์เพลินสนุกมันส์                                  ทั้งขบขันตลกอลเวง

          ศิริภรณ์ผู้รู้พานำทาง                                   ทุกคนต่างตื้นเต้นและครื้นเครง

ตลอดทางล้วนมีเสียงบรรเลง                                     ร่ำร้องเพลงกึกก้องไม่หวั่นเกรง

          เมื่อถึงที่เราร้องกันเฮลั่น                                วิ่งลงกันบันไดชันใช่ข่มเหง

สองข้างทางเดินลงแม้นวังเวง                                       เราร้องเพลงจ้อแจ้ไม่กลัวใคร

         นับบันไดทางลงเกือบร้อยขั้น                              แต่เพื่อนฉันเดินเพลินเกินหวั่นไหว

ก้าวเดินลงทางชันแม้จะไกล                                        แค่ยิ้มให้หัวใจก็สู้ตาย

          อุปสรรคมากมายกว่าจะถึง                             เราก็ดึงมือกันไม่แหนงหน่าย

เพื่ออยากจะให้เพื่อนนั้นสบาย                                   เหนื่อยแทบตายก็ยังเกื้อกูลกัน

          สรีวรรณผู้โปรดการถ่ายรูป                             ทำสกู๊ปชีวิตก่อนลงสัน(เขา)

บุญญิสารีบวิ่งมาเร็วพลัน                                         แล้วผลัดกันกดแชะเข้าตรงกลาง

          ยืนจ้องมองทะเลจากมุมสูง                             ทำให้จูงตาจูงใจมิเลือนลาง

มองลงไปกี่ทีไม่หมองหมาง                             สุดปลายทางพรางชื่นรื่นอุรา

 

          ถึงชายหาดต่างพากันวิ่งเล่น                            ดูตื่นเต้นทรายขาวพราวน้ำฟ้า

มีต่างชาติมากมายดีต่อตา                                        ปล่อยมายายั่วยวนดูเพลินจริง

          นอกเรื่องขอรำพึงถึงฝรั่ง                                อยาก say hi ทักไปจัง good mooning

ถ้าได้เป็นเมียฝรั่งดีเสียจริง                                        จะแนบอิงพิงอกซบเช้าค่ำ

          มองมองมากี่ครั้งยังต้องทึ้ง                              คนใจถึงอย่างเราใจไม่ดำ

ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังต้องขำ                                          คนผิวคล้ำอยากมีผัวหัวแดงดี

          เบื่อชายไทยหัวดำขำไม่ออก                            ชอบกลิ้งกลอกหลอกฟันแล้วชิงหนี

เห็นนารีเป็นคนหรือก้อนขี้                                       ทำท่าทีเหมือนหล่อพ่อดูรวย

          ผู้ชายไทยดูดีตรงไหนบ้าง                               พอรักจางก็ไม่สนคนไม่สวย

แล้วมองหาสตรีที่รวยรวย                                        หน้าสะสวยใช้เงินไปวันวัน

          เมื่อถึงที่หาทำเลให้เหมาะเจาะ                         ต่างก็พากันหัวเราะและขำขัน

เขานอนเปลเรานั่งเสื่อสนุกพลัน                                  เธอและฉันหยอกกันตามประสา

          มองทะเลคราใดใจสดชื่น                                ระเริงรื่นชื่นบานสุขหรรษา
น้ำซัดหาดสาดกระเซ็นเย็นอุรา                                  สุดขอบฟ้ากว้างไกลใจอาวรณ์

          เสียงทะเลคลื่นตบกระทบหิน                          ฉันยืนยินนิ่งเฉยใจรอนรอน

จึงทิ้งตัวบนเสื่อเพื่อลงนอน                                       คิดถึงตอนพี่ยามาแนบกาย

          ศิริภรณ์อ้อนวอนชวนเพื่อนพ้อง                        เราทั้งผองเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลาย

ขืนมัวนอนแบบนี้มันเสียดาย                                     เราทั้งหลายลุกขึ้นให้ว่องไว

          น่าสงสารศิริภรณ์ไม่มีเพื่อน                             จึงเรียกเตือนบุญญิสาให้ลงไป

แม้แดดแรงแม้ผิวจะดำแค่ไหน                                   สองนางไม่สนใจใครจะว่า

          ระหว่างรอสองสหายลงเล่นน้ำ                         จรรย์พรเห็นเด็กฝรั่งร้องปากอ้า    

อ๋อ! เพราะแม่ลากเข็นลูกนั้นนา                                 และแววตาจ้องมองไม่ให้เดิน

 

          มองซ้ายขวามีแต่พวกฝรั่ง                               บ้างก็นั่งทากันแดดเพื่อเผชิญ

เห็นหนึ่งคู่ชายชายดูแล้วเขิน                                     ทากันแดดเพลินเผลอคิดเลยไกล

ฝรั่งหล่อเดินมุ่งมาตรงหน้า                              มาถามว่าห้องน้ำไปทางไหน

 ส่วนตัวเราก็แอบหลงมีใจ                                       คิดว่าใครเดินมาจีบเลยทำเมิน

          ครั้นเมื่อสองสหายขึ้นจากน้ำ                           วิ่งมาถามความเล่าถึงพี่เฟิร์น

เห็นท่าทางพี่เขานั้นดูเขิน                                         เมื่อเราเดินลงไปเพื่อไปหา

          ก่อนจะเดินลาจากหาดแห่งนี้                          ก็ได้ยินเสียงฝรั่งเรียกร้องหา

บุญญิสาคนเดิมวิ่งเข้ามา                                          ช่วยฝรั่งลุงป้าข้ามโขดหิน

          เดินทางกลับฝ่าอุปสรรคเกือบร้อยขั้น                  พวกเรานั้นบ่นกันขาลากดิน

ค่อย ๆ เดินเดี๋ยวก็ถึงทางร้อยมิล                                 ขอใจผินมุ่งไปเราไม่หวั่น

          ฐิติพงศ์ถึงที่หมายก่อนใคร ๆ                           หันกลับไปหาเพื่อนอยู่ตรงนั้น

ศิริภรณ์เดินหอบตัวสั่นสั่น                                        เห็นเหงื่อหลั่นเต็มเสื้อหลั่งเปียกปอน

          สรีวรรณเดินนำอารียา                                 บุญญิสาเดินมาพร้อมจรรพร

ต่างคนต่างบ่นพร่ำอาวรณ์                                        เดินจำจรหยุดนั่งช่างเพลียกาย

          ฝรั่งทำหน้างงดูสงสัย                                   ว่าทำไมพวกเราดูเหนื่อยหน่าย

จึงหยุดพูดกับเราให้ผ่อนคลาย                                   โธ่! เสียดายน่าจะวิ่งดีกว่าไหม

          ได้สิก็เค้าเพิ่งจะมาถึง                                   ไม่คำนึงห่วงหลังสักเท่าไหร

ลองเดินขึ้นเหมือนอย่างพวกเราไหม                             แล้วจะรู้ว่ามันเหนื่อยมากมาย

          กว่าจะถึงทำเอาเราเกือบตาย                          ทั้งเพลียกายหน่ายจิตคิดเศร้าเฉย

สภาพแต่ละคนดูไม่ได้                                            ขั้นคุณยายหัวเราะฟันหลอเลย

ขึ้นมาถึงนั่งพักกันที่รถ                                  ดูสลดไม่สดเหมือนเชลย

หายเหนื่อยแล้วพวกเราไม่นิ่งเฉย                                 นึกถึงเลยที่พักที่จากมา

 

          ความเหนื่อยล้ามีมากในวันนี้                           เป็นวันที่สนุกสุดหรรษา

โบกมือกันบ๊ายบ่ายร่ำอำลา                                      ไม่นานหนาเราจะกลับมาเยือนเอย

 

จรรย์พร  ชูสังข์ ประพันธ์ 
***

คติชน คติชน