เบญจวรรณ แก้วเรือง:คติชนหมู่บ้านบางลาน
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
ศุกร์, 16 ธันวาคม 2016

คติชนหมู่บ้านบางลาน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
๑. มุขปาฐะ
๑.๒ คำทุภาษา
๑.๒.๑ คำด่า
๑.๒.๑.๑อีเปรต (วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๒ อีควาย(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๓ อีขาดหุ้น(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๔ ไอ้ชั่ว(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๕ อีเวร(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๖ อีชิงหมาเกิด(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๗ ไอ้สัตว์(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๘ อีหน้าหี(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๙ อียาจก(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๑๐ อีอุบาท(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๑๑ อีดอก(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๑.๑๒ ไอ้เหี้ย (วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๒ คำแช่ง
๑.๒.๒.๑ ไปตายให้พ้น ๆ (โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๒.๒ไปให้รถชนตายต๊ะไอ้เย็ดแม่ (โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๒.๓ขอให้ตายโหง (โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๒.๔ขอให้ฉิบหายวายวอด(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๒.๒.๕ขออย่าให้ได้พุดได้เกิด (โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๖พฤศจิกายน ๒๔๔๙)
๑.๓ คำพังเพย
๑.๓.๑กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๒ ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๓ คางคกขึ้นวอ (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๔ กำปั้นทุบดิน(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๕ กงเกวียนกำเกวียน(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๖ ดินพอกหางหมู(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๗ ก่อร้างสร้างตัว(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๘ กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๓.๙กาฝาก(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๔ คำสาบาน 
๑.๔.๑ หากผิดคำสัญญาขอให้มีอันเป็นไป(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๕ คำอธิษฐาน 
๑.๕.๑ ขอให้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ด้วยเถิด(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๕.๒ ขอให้อย่าเจ็บ อย่าไข้(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๕.๓ ขอให้พอเจอแต่คนดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิต (วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)๑.๕.๔ ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตลูก สิ่งไม่ดีก็ขอให้ออกไป(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๕.๕ขอให้ช่วยคุ้มครองลูกและครอบครัวลูกด้วย(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๖ คำอวยพร 
๑.๖.๑ ขอให้มีการงานดี ๆ (วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๖.๒ ขอให้ทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๖.๓ ขอให้ลูกอยู่เย็นเป็นสุข(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) 
๑.๗ คำอุทิศ
๑.๗.๑ ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมา ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้วด้วย(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๑๐ ตำนาน
๑.๑๐.๑ เขาตาปูเป็นชื่อเกาะเล็ก ๆ ในอ่าวพังงา เป็นเขาหินปูนที่มีลักษณะพิเศษ คือ มีฐานเล็กแต่ตัวภูเขามีขนาดใหญ่จนทำให้หลายคนแปลกใจว่ายืนอยู่ได้อย่างไร มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหาปลาคนหนึ่งออกไปทอดแห่หาปลา ทอดอยู่นานยังไม่ได้ปลาสักตัวเดียว ครั้งสุดท้ายทอดลงไปติดตาปูมาตัวหนึ่งแกหยิบขึ้นมาแล้วเหวี่ยงทิ้งลงในน้ำแล้วเดินไปทอดแหในที่อื่น ๆ ต่อไป แต่ทอดแหลงไปกี่ครั้งๆ ก็ขึ้นมาแต่ตาปูตัวเดิมอีก แกโมโหมาก ใช้มีดฟันตาปูตัวนั้นอย่างแรง ตาปูขาดกระเด็นไปปักที่กลางทะเล กลายเป็นเขาตาปูมาถึงทุกวันนี้(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๑๐.๒ ตำนานถ้ำน้ำผุด นานมาแล้วมีพระธุดงค์รูปหนึ่ง ได้เดินทางมาถึงตำบลถ้ำน้ำผุด เห็นมีป่าเขาเป็นที่ร่มรื่น และเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงปักกรดจำศีลภาวนาอยู่ ณ ที่นั้น ในขณะที่นั่งวิปัสสนาอยู่นั้นได้ยินเสียงดัง จนแผ่นดินสั่นสะเทือน เป็นเสียงที่ดังจากโพรงหินในป่า ภูเขา พร้อมกับน้ำไหลออกมามากมาย แต่พระภิกษุรูปนั้น ยังคงนั่งบำเพ็ญเพียรต่อไป จนถึงกลางดึกสงัด มีร่างของชายแก่คนหนึ่งนุ่งขาวห่มขาวถือไม้เท้า มีผมยาว หนวดเครายาว เดินออกมาจากถ้ำ ตรงมาหาพระภิกษุนั้นแล้วบอกพระภิกษุว่าอย่ามาบำเพ็ญเพียรที่นี้เลย ด้วยจะหาความสงบไม่ได้ เพราะต่อจากนี้ไป ณ ที่นี้ จะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ คือ จะมีเสียงดังจากใต้ดิน แล้วมีน้ำผุดออกมาเป็นระยะ ๆ ขอให้ไปหาที่ที่สงบกว่านี้ พระภิกษุนั้นรับคำ ชายชรานั้น ขอร้องให้พระภิกษุช่วยบอกชาวบ้านในละแวกนั้น ให้ช่วยกันสร้างศาลเจ้าขึ้นบูชา แล้วร่างนั้นก็หายไป ต่อมาพระภิกษุได้ เล่าเรื่องนั้นให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านบางคนก็เคยเห็นชายชราตรงกับที่พระภิกษุเล่าให้ฟัง เดินหายไปทางถ้ำนั้นอยู่บ่อย ๆ จึงพากันเชื่อถือ แล้วได้ช่วยกันสร้างศาลเจ้าขึ้น บนเนินเขาเพื่อบูชา ในปัจจุบันผุพังไปหมดแล้ว แต่ได้มีผู้มีจิตศรัทธาสร้างขึ้นมาใหม่ คลุมบริเวณที่มีน้ำผุด ชาวบ้านเรียกว่า "ศาลเจ้าบุญเท่าก้อง" และมีพิธีไหว้เจ้ากันในเดือน ๓ ของทุกปี ปัจจุบันถ้ำน้ำผุด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพังงา มีลักษณะแปลกกว่าที่อื่นตรงที่ น้ำจะผุดออกมาไม่เป็นเวลา วันละ ๑ - ๓ ครั้ง ก่อนที่น้ำจะผุดมีเสียงดังสะเทือน ชาวพังงาเชื่อว่าผู้ที่เห็นน้ำผุดเท่านั้นจะมีบุญ ถ้าใครไม่มีบุญน้ำจะไม่ผุดให้เห็น(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙) 
๑.๑๐.๓ ตำนานเขานางหงส์ กาลครั้งหนึ่ง มีชายสองคนชื่อนายเต่าและนายเฒ่า ทั้ง ๒ คน เป็นเพื่อนรักใคร่ชอบพอกันมาแต่มีอายุต่างกันคือ นายเต่ามีอายุมากกว่านายเฒ่าหลายปี นายเต่ามีลูกสาวสวย ชื่อว่า "นางหงส์" นายเฒ่าเป็นคนรูปหล่อและนิสัยดีไม่ได้เฒ่าแก่ตามชื่อนายเต่าเห็นว่าเป็นคนมีหลักฐานมั่นคง จึงตัดสินใจยกลูกสาวให้ เพราะลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา พอถึงวันฤกษ์ดีนายเฒ่าก็ยกขบวนขันหมากมายังบ้านนายเต่า ทางบ้านนายเต่าก็เตรียมจัดทำสำรับกับข้าวอาหารคาวหวานต่างๆ เพื่อเลี้ยงแขกที่จะมาในงาน เมื่อนางหงส์ได้ยินว่านายเฒ่าจะมาสู่ขอตัวเอง นางก็คิดว่า นายเฒ่าคงเป็นคนแก่เฒ่าไม่เจียมตัว นางทั้งโกรธทั้งอายและเสียใจ จึงวิ่งเข้าห้องปิดประตูแล้วร้องด่านายเฒ่าต่างๆ นานา ประกาศว่านางจะไม่ยอมแต่งงานกับนายเฒ่าเด็ดขาด นายเฒ่าโกรธจัดจึงเหวี่ยงขันหมากทิ้ง จนกลายเป็นเขาขันหมาก นายเต่าโมโหลูกสาว จึงเตะกะทะคว่ำลงไป กลายเป็นเขากะทะคว่ำ ในปัจจุบัน
หลายวันต่อมา นางหงส์ไปเที่ยวในงานแห่งหนึ่ง นางแอบเห็นนายเฒ่าเข้าจึงตกตะลึงเพราะนายเฒ่ายังเป็นหนุ่มรูปหล่อ ไม่แก่เหมือนชื่อ นางเสียใจจึงกลับมาจัดข้าวตอกดอกไม้เดินทางไปขอขมาต่อนายเฒ่า พอพบหน้านายเฒ่านางก็ตรงไปกราบขอขมาและขอคืนดีแล้วบอกว่ายินดีจะแต่งงานด้วย ฝ่ายนายเฒ่ายังไม่หายโกรธพอเห็นหน้านางหงส์มาขอขมาจึงตวาดและขว้างปาข้าวตอกดอกไม้ไปต่อหน้า นางหงส์รู้สึกอับอายอย่างมาก จึงวิ่งกลับบ้านวิ่งพลางร้องไห้ไปพลาง จนเหนื่อย แค้นแสนแค้น นางกระเสือกกระสนล้มตายอยู่กลางป่านอนตะแคงกลายเป็น เขานางหงส์ ซึ่งปัจจุบันเป็นเทือกเขาที่สูงชันและสลับซับซ้อนมาก กั้นระหว่างเขตอำเภอเมืองพังงากับอำเภอทัปปุดจนตราบเท่าทุกวันนี้(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๑๒ นิทาน 
๑.๑๒.๑เดิมมีพี่น้อง ๒ คน พี่ชื่อยมดึงเป็นชาย น้องชื่อยมโดย เป็นหญิง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมานางยมโดยเสียชีวิต ตายมเศร้าโศกมากจึงละทิ้งถิ่นเดิมไปตามยถากรรมจนมาถึงปลายคลองแสง ในเขตอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฏร์ธานี และอาศัยอยู่กับตาโจงโดงในละแวกบ้านไกรสร ซึ่งมีอาชีพหาน้ำมันชันจากต้นยาง เนื่องจากตายมดึงเป็นคนขยันจนตาโจงโดงพอใจมาก ถึงกับยกนางทองตึงให้แก่ตายมดึงครั้นอยู่มาวันหนึ่ง มีโขลงช้างป่าเข้ามาทำลายไร่ข้าวและผักผลไม้ของตายมดึง ไล่ไปแล้วก็กลับมากินอีกเป็นหลายคราวจนนายยมดึงโกรธแค้น จะฆ่าช้างทั้งโขลงนั้นให้ได้ยังมีตางุ้ม เป็นชาวบ้านพุมเรียง อำเภอไชยา มีอาชีพค้าขายเดินทางไปต่างเมืองอยู่เสมอ ตางุ้มมีช้างอยู่ ๒ เชือก เป็นช้างพังและช้างพลายเพื่อเป็นพาหนะในการบรรทุกสินค้า คราวนั้นตางุ้มเดินทางจากไชยาไปค้าขายถึงเขาพนมและจะต่อไปยังตะกั่วป่า ขณะตางุ้มพักช้างอยู่นั้น โขลงช้างที่ตายมดึงไล่วิ่งผ่านมา ช้างพลายของตางุ้มเห็นช้างพังงามเข้าก็กระชากปลอกขาดออกวิ่งติดตามนางช้างพังป่านั้นไป ได้อาละวาดต่อสู่กับช้างพลายป่าจนฝูงช้างแตกกระจัดกระจายหนีไปคนละทิศละทางจนเป็นเหตุให้ตายมดึงสำคัญผิดติดตามล่าช้างของตางุ้มเชือกหนึ่งด้วย
ตายมดึงสะกดรอยล่าช้างกับหมาตัวหนึ่ง ตามมาจนถึงคลองสก ซึ่งน้ำเชี่ยวมาก ช้างพังเชือกหนึ่งกำลังท้องแก่ตกใจวิ่งหนี จนพลาดตกลงไปในคลองนั้นแรงกระแทกทำให้ตกลูกออกมา ลูกช้างตัวนั้นกลายเป็นหินอยู่กลางคลองสก จึงเรียกว่า "หินลูกช้าง" มาจนบัดนั้น ตายมดึงยังคงติดตามรอยช้างต่อไป โดยลากหอกตามไป เรื่อย ๆ ทางที่ลากหอกไปนั้น ทำให้ดินและหินแยกเป็นทางน้ำอยู่ในเขตอำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกหมู่บ้านแถบนั้นว่า "บางลากหอก" หรือบางตาม จนมาถึงทุกวันนี้ตายมดึงตามช้างไปจนถึงช่องเขาในป่าลึก ในตำบลคลองสก ณ ที่ นั้นมีม้าตัวหนึ่งเหลียวมาดูตายมดึง เขาช่องนั้น จึงได้ชื่อว่า "ช่องม้าเหลียว" ครั้นไล่ต่อไปจนเกือบจะทันตายมดึงได้เอาดินปืนใส่กระบอกปืนจ้องยิง แต่กระสุนพลาดไปจึงเรียกสถานที่ที่กระสุนตก ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านบางหมานว่า "ช่องลูกปลาย" และด้วยความโกรธที่ยิงช้างไม่ถูกตายมดึง จึงโยนปืนทิ้ง ปืนไปตกบนภูเขาตรงหน้าวัดสองพี่น้อง ตำบลคลองสก จึงเรียนภูเขานั้นว่า "เขาโยน"ตายมดึงเหนื่อยมาก จึงปล่อยให้หมาที่ตามมาด้วยไล่ช้างไปก่อน หมาไล่ไปพบแลน (เหี้ย) แลนวิ่งหนีลงรู ซึ่งอยู่บนเขาตรงหน้าถ้ำวราราม แต่แลนถูกหมาตะครุบได้ตรงส่วนหาง หางแลนจึงหลุดคารูนั้นอยู่ จึงเรียกสถานที่นั้นว่า "แลนคารู" ครั้นแลนหลุดไปได้หมาได้แต่แหงนดู จึงเรียกที่บริเวณนั้นว่า "ย่านหมาแหงน" ฝ่ายตายมดึงได้ใช้พร้าขว้างแลนพลาดไปถูกภูเขา พร้าหัก จึงเรียกสถานที่นั้นว่า "เขาพร้าหัก" ครั้นไล่ต่อไปอีกเกิดฝนตกหนักจำเป็นต้องเอาดินปืนทิ้งไว้ในถ้ำ จึงเรียกถ้ำนั้นว่า "ถ้ำดินปืน"ช้างพลายของตางุ้มถูกตายมดึงตามล่าไม่ลดละต้องเตลิดหนีไปจนถึงแดนเมืองตะกั่วป่า ไปหยุดนอน ณ ป่าแห่งหนึ่งในเขตอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา จึงได้ชื่อว่า "บ้านช้างนอน" พอตายมดึงตามมาเกือบทันช้างก็หนีต่อไปจนผ่านช่องเขาซึ่งอยู่ระหว่างอำเภอท้ายเหมืองกับอำเภอตะกั่วทุ่ง ตายมดึงเห็นแผ่นหินใหญ่วางอยู่จึงยืนลับหอกกับแผ่นหินนั้น ที่นั่นจึงได้ชื่อว่า "เขาหินลับ" สืบมาจนถึงทุกวันนี้ตายมดึงตามล่าจนเข้าเขตเมืองพังงา ก็เป็นที่ป่ารกและฝนตกหนัก จึงปืนขึ้นไปบนภูเขาลูกหนึ่ง แล้วชะโงกดูช้างเชือกนั้น ปัจจุบันบริเวณนั้นจึงเรียกว่า "ทุ่งคาโง่ก" พอตายมดึงเห็นช้างก็รีบลงมาใช้หอกแทงช้างนั้นทันที หอกปักเข้าที่ขาข้างหนึ่ง ทำให้ขาช้างเป็นแผลใหญ่ และพิการเดินไม่ถนัด เรียกบริเวณที่ช้างถูกแทงขานั้นว่า "บ้านแผล" (อยู่ในเขตอำเภอเมืองพังงา) ช้างยังกระเสือกกระสนหนีต่อไปจนหมดแรงก็หมอบนอนอยู่กลางแดด ปัจจุบันเรียกบริเวณนั้นว่า "บ้านตากแดด" ตายมดึงได้ใช้หอกแทงตรงท้องของช้างเลือดไหลทะลักออกมาในที่สุดก็สามารถล้มช้างพลายของตางุ้มได้สำเร็จช้างนั้นกลายเป็นหินเรียกว่า "เขาช้าง" ตรงส่วนที่เป็นท้องของช้าง ซึ่งมีเลือดไหลทะลักออกมานั้น กลายเป็นน้ำตก และท้องช้างกลายเป็นถ้ำใหญ่เรียกว่า "ถ้ำพุงช้าง" และด้วยความแค้นของตายมดึงได้ผ่าท้องช้างล้วงเอาตับไตไส้พุงออกมาต้มแกงกินเป็นอาหาร พอกินเสร็จก็ยกหม้อข้าวหม้อแกงเหวี่ยงลงในวังน้ำใกล้ ๆ นั้น ปัจจุบันเรียกบริเวณนั้นว่า "วังหม้อแกง" ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับตลาดพังงา และต่อมาคำว่า "พิงงา" นี้เอง ได้กลายมเป็น "พังงา"ฝ่ายตางุ้มเจ้าของช้างเที่ยวตามหาช้างของตนไม่พบ ตามมาจนถึงพังงา จึงรู้ว่าช้างของตนถูกฆ่าเสียแล้วก็เสียใจจนขาดใจตายตามช้างไป แล้วร่างของตางุ้มกลายเป็นภูเขาเรียกว่า "เขาตางุ้ม" นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ ซากช้าง คือ "เขาช้าง" นั้นเองบางตำนานเล่าว่าช้างของตางุ้ม เป็นช้างพังและมีงาเล็ก ๆ เมื่อถูกงาออกจึงเรียกว่า "พังงา" และบางตำนานเล่าว่าช้าวที่ถูกฆ่านั้นเป็นช้างของตายมดึงที่ขี่ไปแต่งงาน แล้วช้างหยุดไปทำลายพืชไร่ของเขา จึงถูกฆ่าตำนานที่เกี่ยวกับเขาช้างนี้ เนื่องจากมีมานานผู้เล่าจึงมักนำเอาสถานที่อื่น ๆ ในบริเวณนั้นมาเชื่อมโยงเสริมต่อ จึงพิสดารออกไปมากมาย ดังเช่น พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ในจดหมายเหตุประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ร.ศ.๑๒๘ ว่า "เขาช้างที่กล่าวมาแล้วนั้นมีเรื่องเล่ามาว่า ตายมดึงได้ผูกช้างไว้จะไปช่วยการแต่งงานลูกสาวตาม่องล่าย แต่ช้างได้ไปเหยียบข้าวในนาของตายมดึงเสียไปมาก แล้วก็หนี ตายมดึงไล่ช้างมาตั้งแต่ตะกั่วป่ามาทันเข้าที่นี่ แล้วฆ่าช้างนั้นตาย ตายมดึงถอนงาช้างไปพิงไว้ที่เขาลูกหนึ่ง จึงมีชื่อว่า "เขาพิงงา" อยู่เหนือเขาช้าง เล่ากันต่อไปว่าเมืองนี้เดิมเรียกว่า "เมืองพิงงา" มาภายหลังจึงเพี้ยนไปเป็น พังงาแทน ส่วนช้างที่ตายมดึงฆ่าตายนั้น ที่ผูกอยู่บนหลังช้างได้ตกลงมาคว่ำอยู่ทางท้ายช้าง แล้วกลายเป็นเขาอยู่ต่อท้ายเขาช้างบัดนี้" (โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)

๑.๑๓ เนื้อเพลงเปล 
๑.๑๓.๑ จันทร์เจ้า(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
จันทร์เจ้าเอ๋ย ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า
ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง
ขอเตียงตั่งให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู
ขอยายชูเลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง
๑.๑๓.๒ นกกาเหว่า(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
เจ้านกกาเหว่าเอ๋ย ไข่ให้ไว้แม่กาฟัก แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทธรณ์
คาบเอาข้าวมาเผื่อ คาบเอาเหยื่อมาป้อน ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
ปีกเจ้ายังอ่อน คลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน พาลูกไปหากินที่ปากน้ำพระคงคา
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา กินกุ้ง กินกั้ง กินหอย กระพังแมงดา
กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง ปีกเจ้ายังอ่อนคลอแคลท้อแท้จะสอนบิน
พาลูกไปหากินที่ปากน้ำพระคงคา ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา
กินกุ้ง กินกั้ง กินหอย กระพังแมงดา กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง
๑.๑๓.๓โยกเยก(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ 
กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยก
๑.๑๓.๔ ไก่เถื่อน(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
ไก่เถื่อนเหอ ขันเทือนทั้งบ้าน
ลูกสาวขี้คร้าน นอนให้แม่ปลุก
ฉวยได้ด้ามขวาน แยงวานดังพลุก
นอนให้แม่ปลุก ลูกสาวขี้คร้านการเห้อ
๑.๑๖ เนื้อเพลงประกอบการละเล่น
๑.๑๖.๑จ้ำจี้(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
จ้ำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น
พายเรืออกแอ่น กะแท่นต้นกุ่ม
สาวสาวหนุ่มหนุ่ม อาบน้ำท่าไหน
อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด
เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยมเยี่ยมมองมอง
นกขุนทองฮู้
๑.๑๖.๒ งูกินหาง(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
พ่องู : “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน”
แม่งู : “กินน้ำบ่อโสกโยกไปก็โยกมา” พร้อมแสดงอาการโยกตัวไปมา
พ่องู : “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน”
แม่งู : “กินน้ำบ่อทรายย้ายไปก็ย้ายมา” พร้อมแสดงอาการส่ายไปส่ายมา
พ่องู : “แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน”
แม่งู : “กินน้ำบ่อหินบินไปก็บินมา” พร้อมแสดงอาการบินไปบินมา
พ่องู : “กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว”
๑.๑๖.๓ มอญซ่อนผ้า(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง 
ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ
๑.๑๖.๔ รีรีข้าวสาร(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
รีรีข้าวสาร สมมะนานข้าวเปลือก 
เด็กน้อยตาเหลือก เลือกท้องใบลาน 
คดข้าวใส่จาน คอยพานคนข้างหลังไว
๑.๒๑ บทสวดมนต์ 
๑.๒๑.๑ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
๑.๒๑.๒บูชาพระรัตนตรัย (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
อะระหังสัมมาสัมพุทโธภะคะวา, พุทธังภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)
๑.๒๑.๓ บทแผ่ส่วนกุศล(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
อิทัง เม มาตาปิตูนังโหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
อิทัง เม ญาตีนังโหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานังโหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
อิทัง สัพพะเทวะตานังโหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
อิทัง สัพพะเปตานังโหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
อิทัง สัพพะเวรีนังโหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
อิทัง สัพพะสัตตานังโหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
๑.๒๓ ปริศนาคำทาย 
๑.๒๓.๑ ไอ้ไหรเห้อต้นเท่าลำเรือ ใบห่อเกลือไม่มิด (ต้นสน) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙) 
๑.๒๓.๒ ไอ้ไหรเห้อเด็ก ๆ นุ่งผ้า พอใหญ่ขึ้นมาเอาผ้าโพกหัว (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๓ ไอ้ไหรเห้อต้นเท่าขา ใบวาเดียว (ต้นกล้วย) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๔ไอ้ไหรเห้อเด็กดำนอนในมุ้งขาว เรือนปั้นหยาทาสีเขียว (น้อยหน่า) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๕ไอ้ไหรเห้อหัวเหมือนกอไผ่ หางเหมือนไม้พาย (กุ้ง) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๖ไอ้ไหรเห้อลูกแก่ แม่ตาย (ต้นกล้วย) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๗ ไอ้ไหร่เห้อใบหยัก ๆ ลูกรักเต็มคอ (มะละกอ) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๘ไอ้ไหรเห้อเย็นออกเป็นฝูง เหมือนกับจูงกันมา (ค้างคาว) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๙ ไอ้ไหรเห้อสองตีนบังแดด แปดตีนเดินมา (ปู) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๓.๑๐ ไอ้ไหรเห้อก้นชี้ฟ้า หน้าไถดิน (หอย) (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๕ ภาษาที่ใช้กับสัตว์ 
๑.๒๕.๑ ไอ้ลูกหมากินข้าวยัง(จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๕.๒ไอ้เหมี๊ยวมากินข้าวมา (จิรวัฒน์ แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๖พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖ ภาษิต 
๑.๒๖.๑ขายผ้าเอาหน้ารอด(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๒ ขว้างงูไม่พ้นคอ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)

๑.๒๖.๓ เขียนเสือให้วัวกลัว(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๔เข้าเมืองตาลิ่ว ต้องลิ่วตาตาม(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๕ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๖ขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๗ ข้าวใหม่ปลามัน(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๘ ข้าวยากหมากแพง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๙ ขี้แพ้ชวนตี(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๑๐ ขี้ไม่ให้หมากิน (วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๑๑เข้าด้ายเข้าเข็ม(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๖.๑๒ขี้ช้างจับตั๊กแตน (วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙ สำนวน 
๑.๒๙.๑ ตีงูให้กากิน(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๒กาคาบพริก(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๓ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๔ชุบมือเปิบ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๕ตักบาตรอย่าถามพระ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๖ตัดหางปล่อยวัด(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๗ชักแม่น้ำทั้งห้า(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๘ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๙กลับหน้ามือเป็นหลังมือ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๑.๒๙.๑๐ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒. อมุขปาฐะ 
๒.๓การละเล่นของเด็ก 
๒.๓.๑น้อยออก(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๒กระโดดยาง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๓เดินกะลา(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๔ม้าก้านกล้วย(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๕หมากเก็บ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๖หม้อข้าวหม้อแกง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๘ซ่อนแอบ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๙เป้ายิงฉุบ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๑๐รีรีข้าวสาร(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๓.๑๑จุ้มจี่จุ้มบวด(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๕ความเชื่อ 
๒.๕.๑ ห้ามนอนหัวค่ำ
สมัยโบราณผู้เฒ่าผู้แก่จะห้ามมิให้ลูกหลานนอนหัวค่ำ เพราะจะถูกผีอำ หรือไม่ก็จะมาขโมยเอาวิญญาณของเราไป หรือหลอกล่อให้เราไปอยู่ด้วย(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)

๒.๕.๒ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกเพราะจะทำให้เจ็บป่วย อายุสั้น เพราะเป็นทิศของคนตาย
(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๕.๓ห้ามเล่นเงาตอนกลางคืน
เพราะจะทำให้เด็กเกิดเหตุร้ายตามมา ไม่ว่าจะเป็นผี วิญญาณร้าย ทั้งหลายที่ผ่านมา อาจจะมองเห็นเด็กได้จากเงาของเด็กนั้น ซึ่งจะทำให้พวกผี วิญญาณเหล่านี้ จะคอยตามไปรบกวนหรือหลอกหลอนเด็กได้ เมื่อยามนอนหลับ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๕.๔ ห้ามร้องเพลงตอนทานอาหาร
เพราะจะทำให้ได้สามีแก่และเป็นเมื่อเราร้องเพลงเราอาจสำลักเศษอาหารได้(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๖เครื่องมือประกอบอาชีพ 
๒.๖.๑ พร้า(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๖.๒ แห(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๖.๓จอบ(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๖.๔ มีดกรีดยาง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๖.๕หัวไฟตัดยาง(วิบูลย์ศรี แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐ ประเพณี 
๒.๑๐.๑ ประเพณีลอยกระทง(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๒ ประเพณีแต่งงาน(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๓ประเพณีสงกรานต์(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๔ประเพณีบวชนาค(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๕ประเพณีสารทเดือนสิบ(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๖ประเพณีตรุษจีน(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๗ประเพณีกินเจ(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๘ประเพณีแห่เทียนพรรษา(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๐.๙ประเพณีชักพระ(โกวิท แก้วเรือง ให้ข้อมูลเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
๒.๑๘ ศาสนพิธี 
๒.๑๘.๑ พิธีขึ้นบ้านใหม่(ธวัชชัย ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
๒.๑๘.๒พิธีสวดบ้าน(ธวัชชัย ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
๒.๑๘.๓พิธีไหว้ภูมิ(ธวัชชัย ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
๒.๑๘.๔พิธีตั้งศาลตายาย(ธวัชชัย ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
๒.๑๘.๕พิธีตั้งเจ้าที่ในสวน(ธวัชชัย ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
๒.๒๐ อาหาร 
๒.๒๐.๑ แกงพุงปลา(ปรีดา ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
ส่วนผสม 
๑.ปลาย่าง
๒.มะเขือ
๓.หัวมัน
๔.ถั่วฝักยาว
๕.ไตปลาสำเร็จรูป
๖.หน่อไม้
๗.มะเขือแว้ง
๒.๒๐.๒ผัดผักกาดดอง(ปรีดา ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
ส่วนผสม 
๑.ผักกาดดอง
๒.ไข่ไก่
๓.หมู
๔.เกลือ
๕.น้ำตาล
๖.ผงชูรส

 

 

๒.๒๐.๓ คั่วกลิ้งหมู(ปรีดา ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
ส่วนผสม 
๑.หมูสับ
๒.เครื่องเทศ
๓.ข่า
๒.๒๐.๔ ผัดเผ็ด(ปรีดา ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
ส่วนผสม 
๑.เครื่องแกงพริก
๒.๒๐.๕ปลา(ปรีดา ว่องสกุล ให้ข้อมูลเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙)
ส่วนผสม 
๑.ปลา
๒.เครืองแกงทิ
๓.ใบมะกรูด
นามานุกรม
วิบูลย์ศรี แก้วเรือง เกิดวันพุธ ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๕อายุ ๔๕ ปี เพศหญิง ที่อยู่ ๑๓/๑ หมูที่ ๖ ตำบลโคกเคียน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ๘๒๑๑๐ เบอร์โทรศัพท์ 0๘๙๘๗๒๑๒๕๘ ให้ข้อมูลนางสาวเบญจวรรณ แก้วเรือง เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๔๙
โกวิท แก้วเรือง เกิดวันพุธ ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๕อายุ ๔๕ ปี เพศชาย ที่อยู่ ๑๓/๓ หมูที่ ๖ ตำบลโคกเคียน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ๘๒๑๑๐ เบอร์โทรศัพท์ 0๘๔๘๕๘๖๑๘๒ ให้ข้อมูลนางสาวเบญจวรรณ แก้วเรือง เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๙
จิรวัฒน์ แก้วเรือง เกิดวันอาทิตย์ ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๘อายุ ๒๑ ปี เพศชาย ที่อยู่ ๑๓/๑ หมูที่ ๖ ตำบลโคกเคียน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ๘๒๑๑๐ เบอร์โทรศัพท์ 0๘๕๖๙๑๙๖๘๒ ให้ข้อมูลนางสาวเบญจวรรณ แก้วเรือง เมื่อวันที่ ๑๘พฤศจิกายน ๒๔๔๙
ธวัชชัย ว่องสกุล เกิดวันพุธ ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๘อายุ ๖๑ ปี เพศชาย ที่อยู่ ๑๓/๒ หมูที่ ๖ ตำบลโคกเคียน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ๘๒๑๑๐ เบอร์โทรศัพท์ 0๘๑๒๓๔๓๘๕๖ ให้ข้อมูลนางสาวเบญจวรรณ แก้วเรือง เมื่อวันที่ ๑ธันวาคม ๒๔๔๙
ปรีดา ว่องสกุล เกิดวันพุธ ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๘อายุ ๖๑ ปี เพศหญิง ที่อยู่ ๑๓/๒ หมูที่ ๖ ตำบลโคกเคียน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ๘๒๑๑๐ เบอร์โทรศัพท์ 0๘๒๓๓๔๔๔๑ ให้ข้อมูลนางสาวเบญจวรรณ แก้วเรือง เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๔๙

คติชน :คติชนวิทยา