อนุสาวรีย์ถลางชนะศึก |
อาจารย์สิรินพัณ พันธุเสวี รับมอบหมายจากกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔ ใช้หอกบ้านนางชม วุฒิมงคล(ฤกษ์ถลาง)เป็นต้นแบบออกแบบอนุสาวรีย์ เมื่อมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร ประสานการใช้งานอนุสรณ์สถานถลางชนะศึกตามแผนแม่บทของ อบจ.ภูเก็ต
สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ โทร. 083 1025 606
ท่านผู้หญิงจัน(ท้าวเทพกระษัตรี) ยืนสง่างาม สุขุม ใบหน้าแสดงความเปี่ยมปิติที่ได้รับชัยชนะ มือขวาถือดาบปลายแหลมยกสูงขึ้นแสดงชัยชนะ มือซ้ายยกไปแตะที่แขนซ้ายคุณมุก “พอแล้วน้อง ไม่ต้องตามล่าไปถึงพม่าหรอก เพียงแค่นี้ ยี่หวุ่นก็ไม่กล้าหวนกลับมาอีกแล้ว”
คุณมุก(ท้าวศรีสุนทร) ยืนสง่างาม มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวจริงจังที่จะตามติดพิชิตยี่หวุ่นให้ถึงพม่า มือซ้ายถือดาบปลายแหลมชูขึ้นสุดแขนแสดงความมีชัย “ข้าฯจะตามล้างยี่หวุ่นให้ถึงที่ซุกหัวนอน”
พญาถลางทองพูน ณ ถลาง (ลงจากหลังช้าง)ใช้ของ้าวเป็นด้ามธง ยืนจับด้ามธง มือขวาจับ ด้ามธงผลักให้สูงขึ้น มือซ้ายคว่ำลงจับด้ามธงกดลง หน้าตาดวงตามุ่งมั่นที่จะได้รับการโปรดเกล้าฯ ขึ้นครองเมืองถลางต่อไป
พญาถลางเทียน ประทีป ณ ถลาง หันหลังให้ด้ามธง มือซ้ายคว่ำลงแตะที่ด้ามธง(อยู่ระหว่าง มือซ้ายและขวาของพญาถลางทองพูน) “ชัยชนะพม่าครานี้ จะส่งผลให้กรมพระราชวังบวรมหา สุรสิงหนาทโปรดข้าฯ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองถลางได้ด้วยความมั่นใจ” มือขวาจับปืนยาวยกชูขึ้น “นี่คือชัยชนะ ของชาวถลาง” ประวัติศาสตร์ : พญาถลางทองพูน บุตรจอมเฒ่าเจ้าเมืองถลางบ้านดอน ได้ขึ้นครองเมืองถลางบ้านดอน หลังพญาพิมลอัยาขัน สามีท่านผู้หญิงจันถึงแก่กรรม มีศักดิ์เป็นลูกผู้พี่ของท่านผู้หญิงจัน มีศักดิ์เป็นลุงของ พญาถลางเทียน เป็นต้นสกุล ณ ถลาง พญาถลางเทียน เป็นบุตรคนที่สองของท่านผู้หญิงจัน เคยเป็นเจ้าเมืองภูเก็จ พบแหล่งแร่ดีบุกที่บ้านสะปำ ติดต่อกับพ่อค้าชาวยุโรป สั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ส่งไปเมืองหลวงตามเส้นทางตะโกลาเขาศก หลังเสร็จศึก ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นพญาทุกรราช รองเจ้าเมืองถลาง ช่วยปกครองแปดหัวเมือง(ถลาง ภูเก็จ ภูงา ตะโกลา (ตะกั่วป่า) คุระ คุรอด ก็รา กระโสม(ตะกั่วทุ่ง))ฝั่งอันดามัน และได้ขึ้นครองเมืองถลางเมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นพญาเพชรคีรีศรีพิไชยสงครามรามคำแหง ต้นสกุล ประทีป ณ ถลาง
ทหาร๑ มือซ้ายถือคันธนูยกสูงขึ้น สะพายกระบอกธนู มือขวาดึงมีดสั้นที่เหน็บที่สะเอวออกมา พอให้เห็นว่าเป็นมีด “เข้ามาประชิด ข้าฯต้องเสียบมีดปักอกเอ็ง”
ทหาร๒ มือซ้ายหงายจับด้ามหอกยาวยกขึ้น มือซ้ายคว่ำจับด้ามหอกกดลง กระชับมั่นอยู่ในมือ ทั้งสองพร้อมที่จะพุ่งทะลวงเข้าเสียบอกศัตรู เหน็บกริชที่สะเอว กระบอกกริชถูกอาวุธศัตรูกระทบ จนแตกออกเห็นคมกริช กริชเป็นสัญลักษณ์หมายถึงความหลากหลายความเชื่อแต่มาร่วมหนึ่งน้ำใจเดียว สู้ศึกด้วยกัน
แม่ปราง บุตรสาวหัวปีของท่านผู้หญิงจัน ยืนถือธนู สะพายกระบอกเก็บลูกธนู หันตัวไปด้าน ทิศตะวันออกสู่เมืองถลางบ้านเคียน และเอียงหน้าไปที่บ้าน(อยู่ที่บ้านสะปำ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของอนุสาวรีย์) เพราะเป็นห่วงแร่ดีบุกที่จะเป็นทุนซื้อเสบียงมาเลี้ยงกองทัพถลาง. แม่และเด็กชาย จากข้อเสนอของคุณสกุล ณ นคร ให้ทายาทยืนแสดงท่าดังความข้างต้นนี้ ผมจะนำไปเป็น กิจกรรมเสริมให้ทายาทแต่ละสกุลที่ร่วมศึก แสดงท่าบนแท่นฐานอนุสาวรีย์ (ยกเป็นเวทีกลม สูงขึ้นสัก ๑ เมตร) ประทีป ณ ถลาง เป็น พญาถลางเทียน, ณ ถลาง เป็น พญาถลางทองพูน ส่วนสายสกุลอื่น(สกุลจันทร์ จันทโรจวงศ์ จันทวงศ์ ชนะศึก ฤกษ์ถลาง ไกรเลิศ แก่นตะเคียน ตะเคียนทอง ฯลฯ)ที่มีใจเข้าร่วมประชุม คัดเลือก ๗ คน แสดงเป็น ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร แม่ปราง ทหาร ทหาร แม่และเด็ก และมีแท่นฐานขนาด ๑-๒ คน ไว้แสดงเป็นคู่ ๆ พญาถลางเทียนกับพญาถลางทองพูน ท้าวเทพ กระษัตรีกับท้าวศรีสุนทร ทหาร ๒ คน แม่ปรางกับทหารถือหอก เมื่อคิดเอง เออเอง ก็คิดว่า เราต้องหาเครื่องแต่งกายให้ใกล้เคียงไว้ให้ยืม ต้องหาอาวุธเท่าที่ เสนอไว้ จะจ้างใครทำอาวุธจำลองให้ ยังไม่รู้ เสียเงินอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ใครจะมาแต่งหน้าแต่งตาพอให้ เข้ากล้องได้ ก็ยังไม่รู้ ใครจะช่วยสร้างแท่นฐานให้ ก็ยังไม่รู้ ห้องกำบังเปลี่ยนผ้า แขวนผ้า ใครจะดูแลการถ่ายรูปตลอดงาน ก็ยัง...ไม่...รู้... ท่านว่ายังไงเจ้าขา? สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์
ศึกถลาง พ.ศ.๒๓๒๘
พม่าใช้เรือเล็กเข้ามาตั้งค่ายประชิดเมืองถลางเป็นการได้เปรียบในการศึก ปิดทางออกทะเล ของชาวถลางโดยสิ้นเชิง แม้พม่าจะได้เปรียบทั้งการเดินทางด้วยเรือ การปิดกั้นชาวถลางมิให้ออกทะเล แต่ ลืมนึกไปกระมังว่า เรือต้องอาศัยน้ำ ด้วยสติปัญญาประดุจเทพ ท่านผู้หญิงจันก็ระดมปิดกั้นน้ำที่นบนางดัก เรือพม่าก็หมดฤทธิ์เดช ขย่มข่มขวัญด้วยการปลอมตัวเป็นกองทัพเข้าสมทบค่ายบ้านเคียนอยู่เป็นประจำ สร้างค่ายหลอกออกจากค่ายหลัก เพื่อสำแดงให้พม่าเห็นว่า ในค่ายเต็มแล้ว ต้องทะลักออกมานอกค่าย เขย่าขวัญอย่างนี้ทุกวัน ยิงแม่นางกลางเมืองผสม ใช้ธนูลำเลียงดินประสิวไปทิ้งลงในค่ายโคกพม่า ยิงธนูไฟ เข้าไปสมทบ นี่คือแผนยุทธวิธีพระพิรุณสังหาร ค่ายพม่ามีฟางแห้งเพราะอยู่ในทุ่งนา ท่านผู้หญิงจันสั่งส่ง ดินประสิวเข้าค่ายพม่า ส่งธนูไฟเข้าไปจุดประกาย ค่ายพม่าขาดน้ำเพราะนบนางดักกั้นเป็นเขื่อนขวางไว้ แดดในเดือนมีนาคมก็ร้อนแห้งได้สมกาล พม่าก็แหลกลาญ ที่เหลือก็เผ่นหนีไปอู่ตะเภาเกาะทะ ชาวถลางได้ รบพุ่งต้านต่อกับพม่า รั้งรากันอยู่เดือนเศษ ฝ่ายพม่าเจ็บป่วยล้มตาย ๓๐๐ - ๔๐๐ คน แล้วแตกทัพกลับไป เมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก ตรงกับวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๓๒๘ “วันถลางชนะศึก”
ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ จึงได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท่านผู้หญิงจันและคุณมุก ดำรงอิสริยยศเป็นท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร วีรสตรี ๒ ใน ๔ ในดวงจิตของอนุชนชาวสยามภาคภูมิใจในวีรกรรมสืบมา
สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ |
ถัดไป > |
---|