โบราณวัตถุในจังหวัดภูเก็ต |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
อาทิตย์, 10 กุมภาพันธ์ 2008 | |
๓.๒.๑(๑) โบราณวัตถุผศ.สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้ --------------------
โบราณวัตถุในวัดไชยธาราราม(วัดฉลอง)ต้องยอมรับว่า บารมีพ่อท่านสมเด็จเจ้า(แช่ม) ได้ช่วยให้ถาวรวัตถุในวัดฉลองพัฒนาไปอย่างมิมีติดขัด ศรัทธามหาชนยังคงท่วมท้นใจสืบมาแต่ครั้งวีรกรรมศิษยานุศิษย์พ่อท่านสมเด็จเจ้าผจญวุ่นจีน พ.ศ. ๒๔๑๙ กุลีเหมืองแร่ได้ก่อกำเริบจนพระยาวิชิตสงครามเจ้าเมืองภูเก็จต้องหลีกไปตั้งหลักสร้างจวนเมืองภูเก็จที่บ้านท่าเรือ พวกก่อความวุ่นวายในครั้งนี้ทางเมืองหลวงเรียกว่าอั้งยี่ ส่วนภูเก็จเรียกว่า วุ่นจีน เกิดเหตุเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๙ (มห.ภูเก็จ ๒๓๑๒)
เมื่อวุ่นจีนเข้าปล้นตีเมืองจนวุ่นวาย ได้ขยายเขตไปจนถึงเขตบ้านฉลอง ใกล้วัดโคกโตนด(วัดลัฏฐิวนาราม)มีบ้านเรือนอยู่หลายหลัง วุ่นจีนก็เผาทิ้งเสียจนกำเนิดชื่อทิ้งไว้ว่า บ้านไฟไหม้ ปัจจุบันมีบ้านเรือนไทยถิ่นภูเก็จอยู่เพียงหลังเดียว และได้อาศัยรูปแบบบ้าน"ขุนมรดก" ประกอบกับกุฏิพ่อท่านสมเด็จเจ้า ฯ เป็นแบบอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง เมื่อพ่อท่านสมเด็จเจ้า ฯ ไม่ยอมรับนิมนต์หนี ชาวบ้านฉลองจึงต้องป้องกันภัยได้รับผ้ายันต์(ผ้าประเจียด)จากพ่อท่านสมเด็จเจ้า ฯ ปิด คลุมหัวเข้าต่อสู้ให้วุ่นจีนแพ้ แล้วแพ้อีก จนวุ่นจีนได้ตั้งฉายาศิษย์วัดฉลองว่า พวกหัวขาว และแม้ว่าจะได้ตั้งค่าหัวพ่อท่านสมเด็จเจ้าไว้ถึงพันเหรียญ ก็ไม่สามารถทำลายวัดฉลองได้ จำเป็นต้องยอมแพ้พ่ายไปในที่สุด ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จึงได้โปรดเกล้า ฯ นิมนต์พ่อท่านสมเด็จเจ้าเข้าเฝ้าในปี พ.ศ.๒๔๒๐ รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูวิสุทธิวงษาจาริย์ญาณมุนี สังฆปาโมกข์เมืองภูเก็จ สารตราตั้ง"ให้เจ้าอธิการแช่มวัดไชยธาราราม เปนพระครูวิสุทธิวงษาจาริย์ญาณมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองพุเก็ต ขอพระคุณจงเอาธุระพระพุทธสาสนา เปนภาระสั่งสอนช่วยรงับอธิกรณ์และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรในคณะโดยสมควร จงมีสุข สวัสดิเจริญในพระพุทธสาสนาเทอญ ตั้งแต่ ณ วัน ๔ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีขานสัมฤทธิศก พุทธสาสนากาล ๒๔๒๐ พรรษา เปนวันที่ ๓๔๗๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ ฯ|ะ" ตาลปัตรพ่อท่านสมเด็จเจ้า(แช่ม)หลังศึกวุ่นจีน(อั้งยี่)ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๙ วัดฉลองก็ได้รับพระราชทานนามเป็นวัดไชยธาราราม (ไชย=ดีกว่า, เจริญกว่า; ธารา=ลำธาร, สายน้ำ, ทางน้ำ; อาราม,-ราม=สวนอันเป็นที่รื่นรมย์, วัด) พ่อท่านวัดฉลองก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ เป็นพระครูวิสุทธิวงษาจาริย์ญาณมุนี สังฆปาโมกข์ เป็นสมณศักดิ์สูงมากที่พระภิกษุหัวเมืองชั้นนอกจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนั้น พระครูวิสุทธิวงษาจาริย์ญาณมุนี(แช่ม) ได้รับพระราชทานตาลปัตรสมณศักดิ์(พัดยศ)เทียบชั้นสมเด็จเจ้า พี่น้องชาวภูเก็จในช่วงสมัยตอนต้นรัชกาลที่ ๕ จึงถวายสมณศักดิ์สมัญญาพ่อท่านวัดฉลอง(แช่ม)ว่า พ่อท่านสมเด็จเจ้า และเรียกขานสมณศักดิ์สมัญญานี้มาโดยตลอด พ่อทานสมเด็จเจ้า(แช่ม) ยังได้รับพระราชทาน ตาลปัตรเกียรติคุณ ซึ่งวัดไชยธารารามได้เก็บรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เป็นเกียรติประวัติแด่พ่อท่านสมเด็จเจ้า พระครูวิสุทธิวงษาจาริย์ญาณมุนี(แช่ม) และวัดไชยธาราราม ตาลปัตรเกียรติคุณของพ่อท่านสมเด็จเจ้า(แช่ม)แห่งวัดไชยธาราราม(วัดฉลอง) เป็นตาลบัตรที่ยังคงรักษาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นตาลปัตรที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นโบราณวัตถุตาลปัตรเกียรติคุณที่ทรงคุณค่าควรแก่ความภาคภูมิใจ. ไม้เท้าไม้เท้าของพ่อท่านสมเด็จเจ้ามี ๒ อัน อันใหญ่เป็นไม้เท้าที่มีประวัติดังพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชนุภาพ เรื่องพระครูวัดฉลอง มีความยาว ๑๖๐ ซม. ท่อนด้านบนมีความยาวรอบนอก ๗.๓ ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒.๓๒ ซม. เรียวเล็กลงไปถึงปลายมีความยาวรอบนอก ๖ ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๙๐ ซม. ไม้เท้าอีกอันมีขนาดเล็กกว่าอันใหญ่เล็กน้อย ผ้าทิพย์หลัง พ.ศ.๒๔๑๙ อันเป็นการสิ้นสุดศึกวุ่นจีน(อั้งยี่)เมืองภูเก็จแล้ว ชื่อเสียงของวัดฉลอง(วัดไชยธาราราม) ตำบลฉลอง อำเภอทุ่งคา(ชื่อสมัยก่อน) จังหวัดภูเก็จ และพ่อท่านสมเด็จเจ้าแช่ม ก็ปรากฏแพร่หลายสู่ศรัทธามหาชนฝั่งตะวันตกแพร่ขจรขจายไปถึงเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย ได้ทรงนิพนธ์เรื่องราวของพ่อท่านสมเด็จเจ้าแช่มไว้ในนิทานโบราณคดีเรื่องพระครูวัดฉลอง เรื่องวัดฉลองจึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วแผ่นดินไทย นอกจากศรัทธามหาชนจะรู้จักพ่อท่านสมเด็จเจ้าแช่ม และไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีเกร็ดพิสดารแล้ว เมื่อเข้านมัสการพ่อท่านนอก ณ วิหารหลวงพ่อเจ้าวัด ก็จะพบศิลปกรรมของช่างนิรนามที่ได้นิรมิตพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพักตร์กลมอิ่มเอิบเป็นพุทธลักษณะที่งดงามแล้ว ยังได้ตกแต่งฐานพระพุทธรูปพ่อท่านนอกหรือหลวงพ่อเจ้าวัดเป็นรูปชายผ้าสามเหลี่ยมห้อยลงทับ ผ้าทิพย์ ที่ได้รับการตกแต่งลวดลายปูนปั้นนูนรูปเถาวัลย์ดอกไม้บานด้วยความประณีต ผู้ใส่ใจในงานศิลปะต่างก็ยอมรับกันว่า ในบรรดาผ้าทิพย์ที่มีอยู่ในจังหวัดภูเก็จ ผ้าทิพย์ตรงฐานหลวงพ่อเจ้าวัดเป็นผ้าทิพย์ที่มีความงดงามประณีตที่สุด ท้าวนนทรีประสิทธิ ชิณการณ์ ขุมทรัพย์วัฒนธรรมภูเก็จ เล่าว่า ในวิหารพ่อท่านวัดนอกมีนนทิอสูรยืนถือกระบองด้านหน้าพระพุทธรูปที่มีผ้าทิพย์สวยงามนั้น จำนวน ๒ ตน แต่ถูกคนสติไม่ดีทุบทำลายเหลือเพียงตนขวามือพระพุทธรูป ชาวบ้านเรียกว่า ท้าวนนทรี(ประสิทธิ ชิณการณ์ ให้สัมภาษณ์ ๒๕๓๒) ตาขี้เหล็กในการสร้างพระประธานในอุโบสถ มีเศษปูนเหลืออยู่ ช่างปั้นผู้มีอารมณ์ขันได้ปั้นรูปตาแก่นั่งตะบันหมาก ทิ้งไว้ในอุโบสถ เมื่อพระภิกษุกราบไหว้องค์พระประธานก็จำต้องไหว้ตาขี้เหล็กผู้เป็นฆราวาสด้วย พ่อท่านช่วงอดีตเจ้าอาวาสรูปต่อจากพ่อท่านสมเด็จเจ้า เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงได้ย้ายตาขี้เหล็กไปแทนที่ท้าวนนทรีตนที่ถูกคนสติไม่ดีทำลายในวิหารพ่อท่านวัดนอก เด็กวัดได้ไปติดสินบนตาขี้เหล็กบันดาลให้ควายมาชนให้ดูหน้าวัด จะเป็นด้วยเหตุใดก็ตาม ความประสงค์ของเด็กวัดก็สำเร็จ จึงได้แก้บนด้วยการให้ตาขี้เหล็กสูบบุหรี่(ประสิทธิ ชิณการณ์ ให้สัมภาษณ์ ๒๕๓๒) คนที่เชื่อถือต่อมาก็กระทำดังนั้นด้วยเพียงแต่เปลี่ยนความประสงค์เป็นอย่างอื่น แต่สาธุชนจะเปลี่ยนเป็นความดีและอะไรก็ตามที่มีคุณค่าควรแก่การสรรเสริญ. กำแพงวัดฉลองเมื่อปี พ.ศ. 2419 ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองภูเก็จ ด้วยกุลีจีนเหมืองแร่ก่อการกำเริบเข้าทำลายทรัพย์สิน ฆ่าฟันคนไทยและคนจีนที่มีครอบครัวเป็นคนไทยล้มตายลงเป็นจำนวนมาก บ้านฉลอง เป็นหมู่บ้านคนไทยที่คนจีนเข้าก่อการวุ่นวายด้วยแห่งหนึ่ง ชาวบ้านต้องละทิ้งไร่นา บ้านช่อง เข้าอาศัยความเมตตาของพ่อท่านสมเด็จเจ้า(แช่ม)เป็นที่พึ่งอยู่ในกำแพงแก้วพระอุโบสถ จนเมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว ชาวบ้านได้ช่วยกันทำเตาเผาอิฐขึ้นในทุ่งนาทางทิศตะวันออก นำเอาอิฐมาก่อกำแพงวัดขึ้นโดยรอบทั้งสี่ด้าน เว้นเพียงประตูทางเข้าออกไว้ ๔ ทิศ ทั้งนี้เพื่อป้องกันภัยจลาจลด้วยความไม่ประมาท กำแพงเก่าได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต สถาบันราชภัฏภูเก็ตและวัดไชยธารารามจึงได้บูรณะกำแพงบางส่วนขึ้นใหม่ตามรูปแบบเดิม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อคงไว้เป็นอนุสรณ์สืบไป.
กลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จ บรรณาธิการ วัดไชยธารา
|
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( พฤหัสบดี, 22 มีนาคม 2018 ) |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|