ธรรมนุญสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต หลักการและเหตุผล เบญจภาคีแห่งธรรมนูญนี้ ประกาศเจตนารมณ์ของกลุ่มว่า เนื่องจากวัฒนธรรมเป็นวิถีชีวิตและวิถีการคิดของชุมชน ประชาชนในท้องถิ่นแต่ละแห่งเป็นเจ้าของวัฒนธรรมของตนเองทุกภูมิภาคของประเทศไทย มีความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า เป็นมรดกตกทอดสั่งสมมาจากบรรพบุรุษหลายยุคหลายสมัย เป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับสังคมไทยและชาวโลกแต่ละสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์เช่นปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวางและรวดเร็วมาก อิทธิพลของเทคโนโลยี การคมนาคมที่ก้าวหน้า ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างไร้พรมแดน วัฒนธรรมจากโลกภายนอกหลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวัน ทำให้ประชาชนตกอยู่ในภาวะสับสน การเลือกสรรกลั่นกรองและการปรับปรุงทางวัฒนธรรมไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สภาพการดำเนินกิจกรรมทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นอยู่ในสภาพต่างคนต่างทำ ขาดการประสานงาน การร่วมมือ ตลอดจนขาดการรวมพลังอย่างเป็นระบบ เป็นเหตุให้ศักยภาพในการดำเนินงานวัฒนธรรมในภาพรวมของอำเภอไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร
ด้ายเหตุเหล่านี้ เบญจภาคีแห่งธรรมนูญนี้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการมีส่วนร่วมระหว่างกันในระหว่างเครือข่าย เครือญาติทางวัฒนธรรม และการรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรชุมชนระดับต่าง ๆ จะช่วยให้กลุ่มมีความเข้มแข็ง เสริมศักยภาพในการดำเนินงานทางวัฒนธรรมในภาพรวมของอำเภอ ช่วยให้สามารถตั้งรับและปรับตัวให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาวการณ์ของสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เบญจภาคีทั้งหลายจึงก่อตั้งสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ตขึ้น โดยธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อความมุ่งหมายในอันที่จะเป็นศูนย์กลางในการติดต่อประสานงานระหว่างสมาชิกและการรวมพลังร่วมมือกันปฏิบัติกิจกรรมทางวัฒนธรรม อีกทั้งจะเป็นเวทีกลางในการส่งเสริมวัฒนธรรมประชาธิปไตยอันจะเป็นการระดมสรรพกำลังในการดำเนินงานทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น โดยท้องถิ่น และเพื่อท้องถิ่นอย่างจริงจัง
หมวด ๑ บททั่วไป
มาตรา ๑ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต ตั้งขึ้นโดยอาศัยหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เรื่อง การจัดตั้งสภาวัฒนธรรมจังหวัด อำเภอ ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๓๘ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.๒๔๘๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๔๘๖ และมติคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๓๘ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๓๘ และแก้ไขให้สอดคล้องตามระเบียบกระทรวงวัฒนธรรม ว่าด้วยสภาวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๒ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากองค์กรดังต่อไปนี้ (๑) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ประธานสภาวัฒนธรรมตำบล (๒) กรรมการจากผู้แทนองค์กรภาคี ที่มาจากการเลือกตั้ง จำนวน ๕ ภาคี ได้แก่ องค์กรภาคธุรกิจ องค์กรภาคเอกชน องค์กรชุมชน องค์กรภาครัฐ องค์กรวิชาการ (๓) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือกรรมการกิตติมศักดิ์ ซึ่งมาจากการสรรหา
มาตรา ๓ ในธรรมนูญนี้ สภา หมายถึง สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต ประธานสภา หมายถึง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต เลขาธิการ หมายถึง เลขาธิการสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต คณะกรรมการ หมายถึง คณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต นายทะเบียน หมายถึง บุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้ทำหน้าที่นายทะเบียนของสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต มาตรา ๔ ตราสัญลักษณ์สภาวัฒนธรรม อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นรูปเพชร อยู่บนยอดเขา มีรูปบุคคล ยืนล้อมรอบจับมือกัน ภายในวงกลม ๒ วง ด้านบนเขียน เป็นภาษาไทยว่า สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต ด้านล่าง เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า MUANG PHUKET CULTURAL COUNCIL มาตรา ๕ ที่ทำการสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภเก็ต ตั้งอยู่ที่ ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต เลขที่ ๗๔/๓๑ ถนนพูนผล ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มาตรา ๖ ให้ใช้ธรรมนูญนี้ ตั้งแต่วันที่ ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบแล้ว มาตรา ๗ ให้ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นผู้รักษาการตามธรรมนูญนี้ หมวด ๒ วัตถุประสงค์ มาตรา ๘ วัตถุประสงค์ของสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต (๑) เพื่อให้เกิดการรวมตัวจัดตั้งองค์กรชุมชนในท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านถึง ระดับจังหวัด เพื่อดำเนินกิจกรรมทางวัฒนธรรมให้นำไปสู่การแก่ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง (๒) เพื่อให้เกิดการรวมพลังระหว่างองค์กรเครือข่ายเครือญาติทางวัฒนธรรมของ ชุมชนในท้องถิ่น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและทรัพยากรต่าง ๆ ในระหว่างเครือข่ายเครือญาติอย่างกว้างขวาง (๓) เพื่อระดมสรรพกำลังในท้องถิ่นให้สามารถดำเนินงานวัฒนธรรม ได้อย่าง ต่อเนื่องและยั่งยืนสืบไป (๔) เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นให้เข็มแข็งและนำไปสู่ความมั่นคงของชาติในที่สุด (๕) เพื่อให้มีหน่วยงานทางวัฒนธรรมของประชาชนในท้องถิ่น ที่สามารถเชื่อมประสานกับหน่วยงานภาครัฐได้อย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพ หมวด ๓ หน้าที่สภา มาตรา ๙ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) เสนอข้อคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ประกอบการจัดทำแผนพัฒนา การดำเนินงานและการติดตามประเมินผลการดำเนินงานวัฒนธรรม (๒) เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดในการดำเนินงานวัฒนธรรมรวมทั้งเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายการดำเนินงานวัฒนธรรม (๓) ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาการดำเนินงานวัฒนธรรมร่วมกับองค์กรภาคีและเครือข่ายวัฒนธรรม (๔) ระดมทรัพยากร บุคลากร และสรรพกำลังต่าง ๆ จากหน่วยงานและองค์กร ต่าง ๆ เพื่อการดำเนินงานวัฒนธรรม (๕) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมขององค์กรภาคีและเครือข่ายวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนา สร้างสรรค์ เผยแพร่ แลกเปลี่ยน สืบทอดและเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม (๖) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรม และผลการดำเนินงานขององค์กรภาคีและเครือข่ายวัฒนธรรมต่าง ๆ (๗) ดำเนินการอื่น ๆ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม จังหวัด กรุงเทพมหานคร หรือหน่วยงานอื่น ๆ ขอความร่วมมือ หมวด ๔ สมาชิก และสมาชิกภาพ มาตรา ๑๐ สมาชิกมี ๓ ประเภท คือ (๑) สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลซึ่งเป็นผู้แทนขององค์กรภาคีของ สภาวัฒนธรรมที่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต (๒) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมท้องถิ่น ซึ่งได้รับการสรรหาจากคณะกรรมการ และได้ตอบรับเป็นสมาชิกของสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต (๓) สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ สมาชิกอื่น ๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต สมาชิกภาพ เกิดขึ้นเมื่อสมาชิกยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกต่อสภาวัฒนธรรมและ ได้รับการตอบรับเป็นสมาชิกแล้ว ให้นายทะเบียนจัดทำบัญชีรายชื่อ ที่อยู่สมาชิกให้เป็นปัจจุบัน มาตรา ๑๑ สมาชิกภาพสิ้นสุดลงเมื่อ (๑) ตาย หรือ องค์กรภาคีที่สมาชิกเป็นผู้แทนยกเลิกองค์กร หรือบุคคลนั้นพ้นจากการเป็นสมาชิกขององค์กร (๒) ลาออก (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท (๕) คณะกรรมการพิจารณาให้พ้นจากสมาชิกภาพ โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของคณะกรรมการทั้งหมด หมวด ๕ สิทธิ และหน้าที่ มาตรา ๑๒ สมาชิกสามัญมีสิทธิ (๑) เสนอความคิดเห็น หรือให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการในเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในหน้าที่ของสภาวัฒนธรรม เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของวัฒนธรรม (๒) ขอทราบเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของสภาวัฒนธรรม โดยยื่น กระทู้ถามเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธาน (๓) เข้าประชุมอภิปราย แสดงความคิดเห็น เสนอญัตติ เสนอตัวเข้ารับเลือกตั้งเป็นกรรมการและลงคะแนนเสียงในการประชุมสภาวัฒนธรรม การดำเนินการของสมาชิกตาม (๑) (๒) และ (๓) ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในธรรมนูญ มาตรา ๑๓ สมาชิกกิตติมศักดิ์และสมาชิกวิสามัญมีสิทธิ (๑) เสนอความคิดเห็น หรือให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการในเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในหน้าที่ของสภาวัฒนธรรม เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของวัฒนธรรม (๒) ขอทราบเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของสภาวัฒนธรรม โดยยื่นกระทู้ถามเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธานสภา (๓) เข้าประชุมอภิปรายและแสดงความคิดเห็น มาตรา ๑๔ สมาชิกของสภามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามธรรมนูญ และมติของสภาวัฒนธรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย หมวด ๖ คณะกรรมการบริหารสภา มาตรา ๑๕ ให้สภาวัฒนธรรมบริหารงานในรูปคณะกรรมการ โดยมีโครงสร้างของ คณะกรรมการ ดังนี้ (๑) ประธานสภา (๒) รองประธานสภา (๓) เลขาธิการ (๔) ผู้ช่วยเลขาธิการ (๕) กรรมการฝ่ายอื่น ๆ ตามความเหมาะสม
มาตรา ๑๖ ประเภทและที่มาของกรรมการ (๑) กรรมการโดยตำแหน่ง ให้ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลเป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอ ให้ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัด (๒) กรรมการที่เป็นผู้แทนจากองค์กรภาคีและกรรมการที่ได้มาจากการสรรหา (๓) กรรมการอื่น ๆ ได้แก่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือ กรรมการกิตติมศักดิ์ตามที่กำหนดไว้ในธรรมนูญ จำนวนกรรมการ (๒) และ (๓) ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในธรรมนูญ เว้นแต่กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรภาคีให้มีสัดส่วนเท่า ๆ กันทุกภาคี รวมแล้วไม่เกิน ๒๕ คน มาตรา๑๗ วิธีการได้มาของกรรมการ ตามมาตรา ๑๕ และ มาตรา ๑๖ (๒) และ (๓) ให้ใช้วิธีการเลือกตั้ง โดยให้มีประธานสภา ๑ คน รองประธานสภา ๒ คน เลขาธิการ ๑ คน และมีผู้ช่วยเลขาธิการ และกรรมการฝ่ายอื่น ๆ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ มาตรา ๑๘ ให้กรรมการทุกประเภทมีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ ๓ ปี ในกรณีที่ คณะกรรมการชุดเดิมหมดวาระลง ให้มีการสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่ภายใน ๔๕ วัน และให้คณะ-กรรมการชุดเดิมรักษาการไปก่อนจนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่ มาตรา ๑๙ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ (๑) หมดวาระ (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) เป็นบุคคลล้มละลาย (๕) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเว้นแต่เป็นความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท (๖) มีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง หรือมีพฤติกรรมที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และคณะกรรมการพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่ง โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของคณะกรรมการทั้งหมด (๗) สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของสมาชิกทั้งหมด ยื่นรายชื่อเพื่อขอให้คณะกรรมการพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยการดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตาม (๖) (๘) ขาดประชุมติดต่อกันเกิน ๓ ครั้ง โดยไม่มีการลา หรือไม่ส่งผู้แทนเข้าประชุมและไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยคณะกรรมการลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการที่มาประชุม ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งตาม (๒) ถึง (๘) ให้สำนักงานเลขาธิการแจ้งให้คณะกรรมการทราบและดำเนินการสรรหากรรมการแทน ภายใน ๓๐ วัน เว้นแต่มีวาระคงเหลือไม่เกิน ๙๐ วัน ทั้งนี้ ให้กรรมการดังกล่าวอยู่ในวาระเท่ากับกรรมการที่ตนแทน มาตรา ๒๐ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ ดังนี้ (๑) กำหนดนโยบาย แผนงาน และแนวทางดำเนินงานวัฒนธรรมในท้องถิ่น (๒) ประสานงานและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านวัฒนธรรม ในท้องถิ่น (๓) กำหนดมาตรการในการดำเนินงานให้ครอบคลุมความหมายและขอบข่าย งานวัฒนธรรม (๔) ให้ความเห็นชอบโครงการและอนุมัติงบประมาณเพื่ออุดหนุนและสนับสนุนกิจกรรมทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น (๕) ส่งเสริมและกระตุ้นให้องค์กรในท้องถิ่นมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการ ดำเนินงานวัฒนธรรมในรูปการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมและรูปแบบอื่น ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น (๖) ส่งเสริมให้มีการระดมทุนจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานวัฒนธรรม (๗) ส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรภาคีและเครือข่ายวัฒนธรรมมีการประสานสัมพันธ์กันในระบบเครือข่ายทางวัฒนธรรม (๘) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการศึกษาและวิจัยวัฒนธรรมในท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง และกว้างขวาง (๙) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น รวมถึงให้มีการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นอย่างกว้างขวาง (๑๐) ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างท้องถิ่นและระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง (๑๑) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดตั้งสภาวัฒนธรรมและการขออนุญาต จัดตั้งสมาคม มูลนิธิ ที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับวัฒนธรรมในท้องถิ่นก่อนนำเสนอขออนุมัติจัดตั้งจาก ผู้มีอำนาจอนุญาตจัดตั้ง (๑๒) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อดำเนินการใด ๆ ในกิจการ ของสภาวัฒนธรรม (๑๓) ปฏิบัติงานอื่นใดที่ได้รับมอบหมายจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร มาตรา ๒๑ ให้กรรมการมีสิทธิดังนี้ (๑) ได้รับค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดตามสมควรจากสภาวัฒนธรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติกำหนด (๒) ได้รับการประกาศเกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดที่สำนักงานคณะ- กรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ หรือกระทรวงวัฒนธรรม หรือหน่วยงานอื่น ๆ พิจารณาเห็นสมควร หมวด ๗ การดำเนินงานของสภาวัฒนธรรม มาตรา ๒๒ การบริหารจัดการและการดำเนินงานต่าง ๆ ของคณะกรรมการและสำนักงานเลขาธิการให้เป็นไปตามธรรมนูญ นี้ มาตรา ๒๓ สภาวัฒนธรรมอำเภอ มีสำนักงานเลขาธิการ ตั้งอยู่ ณ สำนักงานวัฒนธรรมอำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อทำหน้าที่ในด้านธุรการของคณะกรรมการ โดยมีเลขาธิการเป็นหัวหน้า สำนักงาน มีเจ้าหน้าที่ได้ตามจำนวนที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นเหมาะสม มาตรา ๒๔ การบริหารจัดการของสำนักงานเลขาธิการให้ดำเนินการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ดังนี้ (๑) บริหารสำนักงานและอำนวยการ จัดหาบุคลากรเพื่อการดำเนินงานของ สภาวัฒนธรรม ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (๒) บริหารงบประมาณ การเงิน การบัญชีและพัสดุครุภัณฑ์ของสภา- วัฒนธรรม (๓) จัดการประชุมสภาตามธรรมนูญสภา (๔) บริหารข้อมูลข่าวสาร เพื่อเป็นศูนย์สารสนเทศ และการประชาสัมพันธ์ (๕) ประสานและจัดทำแผนพัฒนาและแผนปฏิบัติการดำเนินงานด้าน วัฒนธรรมในท้องถิ่น (๖) ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตาม (๓) (๗) ประสานและเชื่อมโยงการดำเนินงานขององค์กรภาคีและเครือข่าย วัฒนธรรม (๘) หน้าที่อื่นใดตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้หรือในธรรมนูญ หรือคณะกรรมการมอบหมาย มาตรา ๒๕ ให้คณะกรรมการจัดทำแผนการดำเนินงานวัฒนธรรมประจำปี โดยถือปีงบประมาณเป็นหลักทุกปี การจัดทำแผนดังกล่าวให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแผนพัฒนาวัฒนธรรมแห่งชาตินโยบายของรัฐบาล นโยบาย กระทรวงวัฒนธรรม และปัญหาหรือความต้องการทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นเป็นสำคัญ ให้สำนักงานเลขาธิการแจ้งแผนการดำเนินงานตามวรรคแรกต่อหน่วยงานที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กำหนด ภายในเดือนตุลาคมของทุกปี มาตรา ๒๖ ให้คณะกรรมการมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง โดยให้สมาชิกมีส่วนร่วมเป็นอนุกรรมการไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของคณะอนุกรรมการ และให้สำนักงานเลขาธิการรายงานผลการติดตามประเมินผลดังกล่าว ต่อสภา- วัฒนธรรมหน่วยงานหรือองค์กรที่สนับสนุนทุนในการดำเนินงานและสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ดังนี้ (๑) ครั้งที่ ๑ รายงานผลการดำเนินงานระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมโดยรายงานภายในเดือนเมษายน ทุกปี (๒) ครั้งที่ ๒ รายงานผลการดำเนินงานระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน โดยรายงานภายในเดือนตุลาคม ทุกปี หมวด ๘ การประชุม มาตรา ๒๗ ให้มีการประชุมสภาสมัยสามัญปีละครั้ง เพื่อแถลงการบริหารงานงบประมาณและผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งแผนงานดำเนินงานประจำปีให้ที่ประชุมทราบ และกำหนดนโยบายแผนงานหลักของสภา และพิจารณาโครงการต่าง ๆ ที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหาร ตลอดถึงรับ รายงานต่าง ๆ จากสมาชิก มาตรา ๒๘ คณะกรรมการอาจมีมติให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญ หรือสมาชิกรวมกันไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๕ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ทำคำร้องยื่นต่อประธานสภาขอให้เรียกประขุมสมัยวิสามัญก็ได้ ในกรณีหลัง ประธานสภาจะต้องเรียกประชุมภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องของสมาชิก มาตรา ๒๙ การประชุมสภา หากประธานสภาไม่มา หรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้รองประธานที่ได้รับแต่งตั้งตามลำดับทำหน้าที่แทน และหากรองประธานสภาไม่มาหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งในที่ประชุมทำหน้าที่ประธานการประชุมคราวนั้น มาตรา ๓๐ การประชุมคณะกรรกมการทุกครั้ง ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะครบองค์ประชุม มาตรา ๓๑ การแสดงความคิดเห็น และออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมเป็นสิทธิเฉพาะสมาชิก ซึ่งจะลงคะแนนเสียงโดยวิธีเปิดเผยหรือวิธีลับก็ได้ การลงมติใด ๆ ให้ถือเสียงข้างมาก สมาชิกแต่ละคนมีเสียงหนึ่งเสียงในการลงคะแนน หากเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมออกเสียงขี้ขาด มาตรา ๓๒ ให้มีการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยปีละ สามครั้ง หมวด ๙ มาตรา ๓๓ สภาอาจมีรายได้ ดังนี้ (๑) เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน (๒) ดอกผลจากเงินกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรม (๓) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้มอบให้ (๔) รายได้อื่น ๆ การรับ – จ่ายเงินสภาวัฒนธรรม ให้มีการจัดทำบัญชีรายรับ - จ่าย และมี ใบสำคัญรับเงิน หรือหลักฐานอื่นใดที่สามารถตรวจสอบได้ มาตรา ๓๔ ให้ประธานสภา มีอำนาจการอนุมัติและสั่งจ่ายเงินของสภาได้ไม่เกินวงเงินครั้งละ ๓๐,๐๐๐ บาท หากเกินวงเงินนี้ ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรม หมวด ๑๐ การแก้ไขเพิ่มเติมธรรมนูญและการยุบเลิกสภา มาตรา ๓๕ การแก้ไขเพิ่มเติมธรรมนูญจะกระทำได้โดยคณะกรรมการหรือสมาชิกรวมกันไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๕ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมและที่ประชุมสภาลงมติด้วยคะแนนเสียงใม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม มาตรา ๓๖ หากสภาจะต้องยุบเลิกเพระเหตุใดก็ตาม ให้คณะกรรมการร่วมกันรับผิดชอบการชำระบัญชีแล้วหากมีทรัพย์สินอยู่เท่าใดก็ตามให้โอนให้แก่องค์การสาธารณกุศลแห่งใดแห่งหนึ่งหรือหลายแห่งตามมติที่ประชุมสภา บทเฉพาะกาล มาตรา ๓๗ ในระยะเริ่มต้นของการดำเนินงาน ให้กรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกที่มาประชุมก่อตั้งครั้งแรกเป็นคณะกรรมการบริหารสภาตามธรรมนูญนี้ และให้นักวิชาการวัฒนธรรมที่ได้รับ มอบหมายเป็นผู้ช่วยเลขาธิการสภา จนกว่าสภาจะมีความพร้อมทางด้านการจัดการด้านงบประมาณและด้านวิชาการ ทั้งนี้ ตำแหน่งดังกล่าวให้รวมอยู่ในกลุ่มคณะกรรมการบริหารสภาด้วย |