เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.
|
พุธ, 20 มกราคม 2010 |
ใครพอมีประทานบัตรเหมืองแร่เหลืออยู่บ้าง? ...เมื่อไม่นานมานี้เอง คนในโลกพากันคิดว่าดีบุกมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของผู้คนในโลกนี้ การทำเหมืองแร่ดีบุกได้ขยายไปในพื้นที่หลายประเทศที่มีแหล่งแร่ชนิดนี้ และเกิดมีคนร่ำรวยกับดีบุกมาเป็นร้อยๆปี เกิดมีตำนานเรื่องราวในการทำเหมืองแร่ไม่น้อย แต่เมื่อแร่ดีบุกในโลกเหลือน้อยลง การทำเหมืองแร่ก็หมดไป หรือแทบจะหมดไป เมื่อไม่นานมานี้อีกเช่นกัน |
ปัจจุบันนี้ดีบุกแทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การ ถนอมอาหารก็ไม่ต้องทำเหมือนเมื่อก่อน ภูเก็ตเคยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองที่มีการทำเหมืองแร่ และส่งออกดีบุกที่สำคัญของประเทศ แต่ทุกวันนี้แทบไม่มีใครรู้จักว่าภูเก็ตเป็นเมืองเคยทำเหมืองแร่ดีบุก หากรู้จักกันในนามของเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
|
ตำนานการทำเหมืองแร่ในภูเก็ตอาจมีคนเล่าได้นานกว่า 7 วัน 7 คืน เพราะมีประวัติของบุคคล ความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ เรื่องราวความยากลำบากแห่งชีวิต รูปแบบเทคนิคการทำงาน ภูมิปัญญาของมวลมนุษย์ที่จะต้องอยู่บนผืนแผ่นดิน ไม่ต้องถกเถียงกันว่าเรื่องของเหมืองแร่ยังมีประโยชน์ต่อการเล่าขาน หรือทำความเข้าใจกันในยุคปัจจุบันกันหรือไม่ แต่ควรจะถามว่าเราควรจะเล่าเรื่องเหมืองแร่ด้วยท่วงทำนองไหน และเล่ากันอย่างไร ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในชีวิตของผู้คนที่เคยมีอยู่ในแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งผู้ได้ฟังย่อมสามารถจะหยิบฉวยเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดของเรื่องไปก็ได้ ผู้ที่เดินทางมาในฐานะนักท่องเที่ยว คงมีผู้ต้องการเก็บเกี่ยวความรู้ในเรื่องที่กำลังจะสูญหายไปของเมืองที่ตนมาเที่ยว เช่นอยากรู้ว่าเมื่อก่อนที่นี่มีการทำเหมือง เขาทำกันอย่างไรหนอ แล้วคิดว่าคงมีที่พอจะไปหาความรู้อันนั้นได้ ซึ่งเขาอาจเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ สิ่งซึ่งจะดำรงอยู่ได้ ต้องอาศัยบุคคล 2 ประเภท คือบุคคลที่เก็บรักษาสิ่งนั้นเอาไว้ กับบุคคลที่ให้ความสนใจในสิ่งนั้น เมื่อใดในโลกยังมีบุคคล 2 ประเภท การเก็บรักษาสิ่งต่างๆยังสามารถจะทำได้ โลกมีขนาดจำกัดแต่มีความเป็นมายาวนาน ดังนั้นไม่มีพื้นที่พอจะให้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ถ้าโลกเก็บทุกอย่างเอาไว้ได้ แม้จะโดยย่นย่อก็ตาม เพื่อให้มนุษย์ได้มีเวลาศึกษาเพียง 1 ใน 93 ของชีวิต ปัญญาที่จะเกิดแก่คนในโลกนี้คงจะทำให้คนในโลกนี้รู้จักเลือกสรรเก็บรักษาสิ่งที่ดีไว้ได้มาก และก็ยาวนานยิ่งขึ้น เราคงจะรู้ปัญหาโลกปัจจุบันในอีกโฉมหน้าหนึ่งที่ต่างจากที่เห็นอยู่ในวันนี้ เรื่องราวของเหมืองแร่ที่ผมจะพูดถึง น้อยนิดกว่าเรื่องของพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ในอดีตเรามีความคิดอย่างไร อบรมเรื่องต่างๆกันมาอย่างไร ทุกคนรู้ว่าเราไม่สามารถจะสร้างพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ขึ้นด้วยตนเอง แต่เราสามารถจะอนุรักษ์ในเสี้ยวส่วนของเหมืองแร่ที่เรารู้จักไว้ได้ หากว่าเรามีความคิดและแรงผลักดันเพียงพอ หากเรามีประกายความคิด สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นในโอกาสใดโอกาสหนึ่ง เพียงแต่ในชีวิตเราจะให้เวลาที่เราจะคิดในเรื่องอะไร คนที่เคยเป็นกรรมกรลูกจ้างในการทำเหมือง เคยกู้แร่ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานอย่างหนึ่งในการทำเหมือง คือการแยกสินแร่ดีบุกที่มีคุณภาพออกมาจากกรวด หิน และทราย รวมทั้งขี้แร่ เขาก็จะรู้จักงานชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “กู้แร่” ซึ่งเป็นการแยกแร่ดีบุกชั้นแรกที่ได้จากการทำเหมืองในขั้นต้น ด้วยเครื่องมือไม่ซับซ้อนอะไรเลย คือจอบสำหรับกู้แร่ ไม้กวาดสำหรับกวาดแร่ แล้วทำรางแร่ ให้มีการปล่อยน้ำไหลไปตามรางนั้น ด้วยเครื่องมืออย่างนี้เขาก็สามารถแสดงการทำเหมืองแร่ในส่วนของการกู้แร่ได้ เพียงแต่จะต้องจัดหาสินแร่ดีบุก ทราย กรวด ขี้แร่ต่างๆ มาผสมเข้าด้วยกัน แล้วก็แยกแร่นั้นออกมาด้วยการกู้ด้วยจอบ ซึ่งสามารถจำลองสร้างรางแร่ด้วยไม้กระดานขนาดกว้างเพียง 90 เซนติเมตร และยาวเพียว 2 เมตร เครื่องมือคือจอบและไม้กวาดสำหรับใช้ในการกู้แร่ ซึ่งสามารถจัดทำพื้นที่เล็กๆภายในตัวบ้าน สำหรับคนที่มีบ้านที่มีพื้นที่เหลืออยู่บ้าง ถ้าทำอย่างนี้ได้ ก็อาจแสดงการกู้แร่ขึ้นปีละครั้ง ก่อนจะถึงวันแสดงการกู้แร่ ก็สามารถจะชวนเพื่อนบ้านคนรู้จัก คนเคยทำเหมืองแร่ ตลอดจนผู้สนใจอื่นๆ มาดูการกู้แร่เป็นการรำลึกถึงการทำเหมืองแร่ปีละครั้ง แล้วก็ฝึกสอนลูกหลานให้สามารถกู้แร่ได้ ไว้แสดงแทนตัวเองเป็นการอนุรักษ์การกู้แร่โดยครอบครัว เป็นกิจกรรมที่มีความหมายในครอบครัวของตน และเพื่อนบ้านที่มาร่วมกันชมกิจกรรม ความหมายในการอนุรักษ์เป็นอย่างนี้ เป็นการทำขึ้นด้วยใจรักและไม่หวังผลไปในเรื่องอื่นๆ อย่างไรก็ตามหากว่ามีองค์กรปกครองท้องถิ่น ทราบว่ามีคนทำการอนุรักษ์อย่างนี้เกิดขึ้น จะมาช่วยสนับสนุนแล้วหาแนวทางร่วมกันอนุรักษ์ไว้ ก็สามารถจะร่วมกันได้ หรือว่ามีผู้ที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวเห็นว่าควรจะเป็นกิจกรรมแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมได้ด้วย ขอพานักท่องเที่ยวมาชม และตอบแทนรายได้จากการชม และขอให้เพิ่มเวลาการแสดงมากขึ้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพที่ทำรายได้เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งทำได้ในส่วนที่เป็นกิจกรรมเล็กๆของการอนุรักษ์วิธีการทำเหมืองแร่ ให้อยู่ร่วมไปกับกิจกรรมการอนุรักษ์ ถ้าไปคิดเรื่องการทำพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ ก็จะมีเรื่องถกเถียงกันมากในการจะทำอะไรสักอย่าง และไม่สามารถจะทำให้ผู้คนทำอะไรตามใจรักของตนได้ กลายเป็นกิจกรรมที่สาธารณชนต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน รวมทั้งเป้าหมายก็แตกต่างกัน การทำสิ่งเล็กๆ แล้วตั้งใจทำให้ดีในสิ่งนั้นๆ อาจเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า เราอาจทำการกู้แร่ ในร้านขายกาแฟ ในล็อบบี้โรงแรม หรือแม้แต่ในบ้านของตัวเอง เรื่องกิจกรรมการทำเหมืองแร่เล็กๆแบบนี้ ยังมีกิจกรรมชนิดอื่นๆอีกมาก อาจมีการขยายความในการเขียนคราวต่อๆไปก็ได้... ......จำเริญ โพธิกิจ....
อ้างอิง http://www.siangtai.com/th/news_detail.php?News_ID=5012&Cat_ID=20 |