Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow News arrow มนุษยศาสตร์ arrow พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
ศุกร์, 18 ธันวาคม 2009
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ******* vote  

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพิธีที่ผสมด้วยลัทธิพราหมณ์ และพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท และยังมีลัทธิ เทวราชของเขมรมาผสมอยู่อีกส่วนหนึ่ง มีร่องรอยให้เห็นคือ น้ำพุที่เขาลิงคบรรพต ข้างบนวัดภู ทางใต้นครจำปาศักดิ์ ได้นำมาใช้เป็นน้ำอภิเษก ตามความในศิลาจารึก (พ.ศ. 1132)
           ตามหลักเดิมของไทยนั้น เมื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ จะทรงเป็นแต่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไปก่อน จนกว่า จะได้ทรงรับราชาภิเษก ในระหว่างนั้นเครื่องยศบางอย่างก็ต้องลด เช่น พระเศวตฉัตร มีเพียง 7 ชั้น ไม่ใช่ 9 ชั้น คำสั่งของพระองค์ไม่เป็นโองการ ฯลฯ
           ก่อนรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ไม่ได้มีหลักฐานบรรยายการทำพิธีบรมราชาภิเษกเอาไว้ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ รับราชสมบัติ ในปี พ.ศ. 2275 ได้ทำพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพิธีลัด
           ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช สันนิษฐานว่าได้มีการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพราะได้พบหลักฐานที่อ้างพระบรมราชโองการของพระองค์ การใช้พระบรมราชโองการ แสดงว่าได้รับราชาภิเษก แล้ว
           เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ขึ้นเสวยราชสมบัตินั้นได้ทำพิธีบรมราชาภิเษกอย่างลัด ครั้งหนึ่งก่อน เนื่องจากติดงานพระราชสงครามกับพม่า จนเมื่อสร้างพระนครทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเสร็จ จึงได้ทรงทำบรมราชาภิเษกโดยพิสดารอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ปีพ.ศ. 2328 และได้เป็นแบบแผนในรัชกาลต่อ ๆ มา โดยเปลี่ยนรายการบางอย่างไปบ้าง เช่น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พราหมณ์และราชบัณฑิตย์กราบบังคมทูลเป็นภาษาบาลี แล้วแปลเป็นภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตอบทั้ง 2 ภาษา ในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็คงใช้แบบอย่างนี้ โดยมีการแก้ไขเล็กน้อยเช่นกัน
           พิธีบรมราชาภิเษกสมัยนี้ แต่เดิมสำคัญอยู่ที่ทรงรับน้ำอภิเษก เพื่อแสดงความเป็นใหญ่ในแคว้นทั้ง 8 แต่ในสมัยนี้อนุโลมเอาการสวมพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นการสำคัญที่สุด เพราะตอนนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย ฯลฯ พระอารามทั้งหลายย่ำระฆัง    แบบอย่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ว่าได้ทำกันมาเป็น 2 ตำรา คือ หลักแห่งการราชาภิเษกมีรดน้ำแล้วเถลิงราชอาสน์เป็นเสร็จพิธี การสรงมุรธาภิเษกกับขึ้นอัฐทิศรับน้ำเป็นการรดน้ำเหมือนกัน ขึ้นภัทรบิฐกับขึ้นพระแท่นเศวตฉัตร เป็นเถลิงราชาอาสน์เหมือนกัน การขึ้นพระที่นั่งอัฐทิศและภัทรบิฐนั้น เป็นอย่างน้อย ทำพอเป็นสังเขป การสรงมุรธาภิเษก และขึ้นพระแท่นเศวตฉัตรนั้นเป็นอย่างใหญ่ ทั้งสองอย่างสำหรับให้เลือกทำตามโอกาสจะอำนวย  ถ้าสงสัยไม่แน่ใจว่าจะเอาอย่างไหน ก็เลยทำเสียทั้ง 2 อย่าง
           งานพระบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ มีแบบอย่างที่มีทั้งของเก่าและของใหม่ โดยก่อนเริ่มพระราชพิธีที่กรุงเทพ ฯ ได้มีการเสกน้ำสรงปูชนียสถานสำคัญ หรือที่ตั้งมณฑลทั้ง 17 มณฑล เพิ่มวัดพระมหาธาตุสวรรคโลกซึ่งอยู่ในมณฑลพิษณุโลกอีกแห่งหนึ่ง รวมเป็น 18 มณฑล  ส่วนที่กรุงเทพฯ ก็มีพิธีจารึกพระสุพรรณบัตร ดวงพระชาตา และพระราชลัญจกรแผ่นดิน

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:39:55
ถูกใจ: piras, digimontamer, jin leng, หนุ่มรัตนะ, biebie999, nunumum, หัวใจถวายวัด, Medhawint_CPSK, tongboy, mimny, raveeyos, thezircon


 
 
ความคิดเห็นที่ 1  

เมื่อถึงกำหนดงาน ก็มีพิธีตั้งน้ำวงด้ายวันหนึ่ง กับสวดมนต์เลี้ยงพระอีก 3 วัน ครั้งถึงวันที่ 4 เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สรงพระมุรธาภิเษกสนาน แล้วทรงเครื่องต้นออกสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระราชอาสน์แปดเหลี่ยม ซึ่งเรียกว่า พระที่นั่งอัฐทิศ ภายใต้พระเศวตฉัตรเจ็ดชั้น ราชบัณฑิต และพราหมณ์นั่งประจำทิศทั้งแปด ผลัดเปลี่ยนกันคราวละทิศ กล่าวคำอัญเชิญให้ทรงปกปักรักษาทิศนั้น ๆ แล้วถวายน้ำอภิเษก และถวายพระพรชัย เมื่อเวียนไปครบ 8 ทิศ แล้ว กลับมาประทับทิศตะวันออก หัวหน้าราชบัณฑิตย์ซึ่งนั่งประจำทิศตะวันออก กราบบังคมทูลรวบยอดอีกทีหนึ่ง

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:40:21
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 2  

จากนั้นจึงเสด็จไปสู่พระราชอาสน์อีกด้านหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า " พระที่นั่งภัทรบิฐ "
       
          พระมหาราชครู ร่ายเวทสรรเสริญไกรลาสจนเสร็จพิธีพราหมณ์ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาบาลีก่อน แปลเป็นไทยว่า
           " ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส   แก่ข้าพระพุทธเจ้า  ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับพระมุรธาภิเษก เป็นบรมราชาธิราช เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของประชาชนชาวสยาม  เหตุดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท มีท่านเสนาบดีเป็นประธาน และสมณพราหมณ์จารย์ทั้งปวง พร้อมเพรียงมีน้ำใจเป็นอันเดียวกัน ขอขนานพระปรมาภิไธย ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดั่งได้จารึกไว้ในพระสุพรรณบัตรนั้น  และขอมอบถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ อันสมพระราชอิสริยยศ ขอได้ทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยโดยกำหนดนั้น และทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์นี้ ครั้นแล้ว ขอได้ทรงราชภาระดำรงราชสมบัติโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และสุขแห่งมหาชนสืบไป "
ทรงรับว่า  " ชอบละ พราหมณ์ "

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:43:49
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 3  

ลำดับนี้ พระมหาราชครู จึงถวายพระสุพรรณบัตร พระสังวาลย์สามสาย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระแสงอัษฎาวุธ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:46:26
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 4  

เครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่พระมหาราชครูถวาย คือ

       1. พระมหาพิชัยมงกุฏ

                 ทรงรับมาสวม พราหมณ์เป่าสังข์ขับบัณเฑาะว์ ชาวประโคม ประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี ทหารยิงปืนถวายคำนับ พระสงฆ์ย่ำระฆังและสวดชัยมงคลคาถาทั่วพระราชอาณาจักร

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:48:10
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 5  

2. พระแสงขรรค์ชัยศรี

                ซึ่งถือว่าเป็นพระแสงของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ แห่งเขมรโบราณ เป็นพระแสงคู่บ้านคู่เมืองของเขมร สมัยนั้น

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:49:57
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 6  

3. พระแส้จามรี

                 เป็นราชกกุธภัณฑ์ อันนิยมกันว่าเป็นของสูงคู่พระองค์พระมหากษัตริย์ มาแต่อินเดียโบราณ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:53:25
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 7  

4. ธารพระกร

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:57:16
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 8  

5. พระแส้หางช้างเผือก  เข้าใจว่าคงแทรกมาภายหลัง

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 15:58:35
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 9  

6. ฉลองพระบาทเชิงงอน

                   เป็นราชกกุธภัณฑ์สำคัญสิ่งหนึ่งตามแบบอินเดียโบราณ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:00:21
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 10  

7. พัดวาลวิชนี

               เป็นราชกกุธภัณฑ์ที่ใช้คู่กับพระแส้จามรี

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:02:51
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 11  

ยังมีเครื่องราชูปโภค ได้แก่ พระแสงฝักเกลี้ยง เป็นพระแสงประจำพระองค์ ที่มหาดเล็กเชิญตามเสด็จทานพระกร เทวรูป พระสุพรรณศรีบัวแฉก พานพระขันหมาก พระมณฑป พระเต้าทักษิโณทก เป็นเครื่องทรงใช้ประจำวัน ซึ่งมหาดเล็กเชิญตามเสด็จทุกงานพระราชพิธี

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:08:20
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 12  

ส่วนพระแสงอัษฎาวุธ เป็นอาวุธของพระเป็นเจ้า (ตรี จักร ธนู) บ้างเป็นพระแสงอันเกี่ยวเนื่องทางประวัติศาสตร์ (พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง) บ้าง และอื่น ๆ อีกบ้าง
จากนั้น พระสิทธิชัยบดี กล่าวคำถวายพระเศวตฉัตร พราหมณ์อื่นกล่าวศิวมนต์ วิษณุมนต์ เป็นภาษาโบราณ และถวายชัยด้วยภาษามคธ และภาษาสยาม ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงรับว่า
       " ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่อาณาเหนือท่านทั้งหลาย กับโภคสมบัติเป็นที่พึ่งจัดการป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบายเทอญ "
พระมหาราชครูรับว่า
       " ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรมราชโองการ พระบัณฑูรสุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ "
นี้เป็นระยะสำคัญระยะที่สอง  เพราะพระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการเป็นครั้งแรก แล้วทรงหลั่งน้ำจากเต้าทักษิโณทก ตั้งสัตยาธิษฐานที่จะทรงเป็นธรรมิกราช มีการประโคมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสุดเสียงประโคมจึงทรงโปรยพิกุลเงินพิกุลทองแก่พราหมณ์ แล้วเปลื้องเครื่องทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ แล้วเสด็จขึ้นจากมหาสมาคมสู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน  ทรงรับพรจากพระสงฆ์ราชาคณะที่เข้างานวันก่อน ๆ มาแล้วทั้งสามวัน เป็นเสร็จงานส่วนใหญ่ในตอนเช้า

ภาพประกอบของคุณหนุ่มรัตนะค่ะ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:12:33
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 13  

ตอนกลางวัน ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ เสด็จ ฯ ออกท้องพระโรงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงรับพรจากมหาสมาคม แห่งพระบรมวงศานุวงศ์ เสนามาตยราชบริพาร มีพระราชดำรัสขอบใจ และทรงอนุญาตให้ผู้ทำราชการดำรงตำแหน่งสืบไปด้วย พิธีเดิมไม่ใช่แต่การถวายพระพรเท่านั้น แต่ท่านมุขอำมาตย์หัวหน้ารัฐบาลทั้งหก คือสมุหพระกลาโหม สมุหนายก และเสนาบดีเวียง วัง คลัง นา ซึ่งเรียกว่าจตุสดมภ์ ต่างถวายราชสมบัติอันอยู่ในหน้าที่ของตน
           จากตัวอย่างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธหล้านภาลัย สมุหกลาโหมถวายรถหลวง เรือหลวง ศัตราวุธ และหัวเมืองขึ้นกลาโหม สมุหนายกถวายพระยาช้างต้น ม้าต้น  พลเรือน และหัวหัวเมืองขึ้นมหาดไทย เสนาบดีคลังถวายราชพัทยากร และราชสมบัติทั้งสิบสองท้องพระคลัง ฯลฯ เมื่อถวายทั่วแล้ว จึงพระราชทานอนุญาต ให้บรรดาข้าราชการดำรงตำแหน่งรักษาราชอาณาจักรและราชสมบัติในหน้าที่ของตน ๆ สืบไป ต่อจากนี้เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ฝ่ายในเฝ้าถวายพระพร เช่นฝ่ายหน้า  ในสมัยโบราณเป็นหน้าที่ท้าววรจันทร์ ถวายสิบสองพระกำนัล แต่ธรรมเนียมนี้ได้เลิกไปตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ได้เติมการทรงสถาปนาพระชายาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมราชินี ในระยะนี้

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:15:03
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 14  

เวลาเย็นเสด็จพระราชดำเนินไปแสดงพระองค์เป็นอัครศาสนุปถัมภกต่อหน้าคณะสงฆ์ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยกระบวนราชอิสริยยศแล้วเสด็จขึ้นทรงสักการะสมเด็จพระบรมราชบูรพการี ทุกพระองค์

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:16:24
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 15  

เวลาค่ำ เสด็จขึ้นเถลิงพระราชมณเทียรในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพิธีอย่างคนไทยขึ้นบ้าน คือประทับบนพระแท่นบรรทม ทรงรับกุญแจทอง จั่นหมากทอง ทานพระกร พรรณผัก หินบด และแมว ฯลฯ เจ้านายผู้ใหญ่ฝ่ายในถวายพระพร แล้วเอนพระองค์ลงบนแท่นบรรทมพอเป็นมงคลฤกษ์
           ยังมีงานมงคลและสังคมต่อจากนี้อีกในวันต่อ ๆ มา เช่นการที่เจ้านาย ข้าราชการ ถวายดอกไม้ ธูปเทียน สักการะพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ การที่ทรงอาราธนาพระมหารเถร มาถวายเทศนาว่าด้วยมงคลธรรม และหน้าที่พระราชาผู้ได้ทรงรับอภิเษก และการที่คณะต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัย เป็นต้น

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:18:24
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 16  

ส่วนท้ายของพระบรมราชาภิเษก คือ การเลียบเมือง อันเป็นธรรมเนียมมีมาแต่อินเดียโบราณ ดังปรากฏ ในพระบาลีต่าง ๆ มีชาดกเป็นต้น ทางพราหมณ์ก็นิยมธรรมเนียมนี้ดุจกัน ดังปรากฏในคัมภีร์อัคนิปุราณ เป็นต้น แต่เดิมพระมหากษัตริย์เสด็จประทักษิณพระนคร เพื่อแสดงพระองค์แด่ทวยราษฎร  ต่อมาในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พระองค์ได้ทรงแปรรูปงานนี้ เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปสักการะพระศาสนา ในพระอารามสำคัญ เป็นงานสองวัน ทางบกวันหนึ่ง และทางเรือวันหนึ่ง แล้วเป็นอันเสร็จการ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:21:50
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 17  

การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                               เชิญพระพุทธพรรณี และพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร ประดิษฐานในพระที่นั่งบุษบกมาลา ตั้งพระอภิรุมชุมสาย 1 สำรับ  ภายในพระที่นั่ง
           บนพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร ตั้งพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ เป็นบรมราชบัลลังก์ที่ประทับ เวลาเสด็จออกมหาสมาคม มีโต๊ะทองสำหรับตั้งเครื่องราชูปโภคทั้ง 2 ข้าง  ที่มุมพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร ตั้งต้นไม้เงินทอง 4 มุม ๆ ละต้น และปักพระมหานพปฎลเศวตฉัตรไว้พร้อม  ตั้งพระราชอาสน์ตรงหน้าพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร เป็นที่เสด็จออกประทับ ข้างหลังพระราชอาสน์ทอดพระแสงง้าวและพระแสงปืน
           ตรงเสาคู่หน้าพระที่นั่งเศวตฉัตร ติดพระสูตรทอง สำหรับไขเวลาเสด็จออกมหาสมาคม
           ตรงหน้าพระสูตรออกไป ระหว่างเสาท้องพระโรงด้านตะวันออก ตั้งอาสนสงฆ์ 4 แถว สำหรับพระสงฆ์ 45 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ตรงข้ามอาสนสงฆ์ตั้งเก้าอี้หมู่ สำหรับข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ริมผนัง ด้านเหนือตั้งพระแท่นสำหรับพระสงฆ์ 4 รูปสวดภาณวาร และตั้งเตียงพระราชาคณะนั่งปรก หน้าพระแท่นสวดภาณวาร ตั้งกระโจมเทียนชัย (ใช้ขี้ผึ้งหนัก 36 กิโลกรัม ไส้ 108 เส้น)

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:23:51
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 18  

พระที่นั่งไพศาลทักษิณ

       พระแท่นมณฑล    พระแท่นมณทลน้อย ตั้งอยู่ด้านตะวันออก มุมผนังด้านเหนือพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เป็นพระแท่นสำหรับตั้งเครื่องมงคลต่าง ๆ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นับว่าเป็นพระแท่นสำคัญ มีเครื่องตั้งไว้เป็นหมวด ๆ  คือ
               หมวดสิ่งสักการะ มีอยู่ 10 รายการ
               หมวดพระราชสิริ มีอยู่ 3 รายการ
               หมวดเครื่อง พระมุรธาภิเษก มีอยู่ 13 รายการ
               หมวดเครื่องต้น มี 9 รายการ
               หมวดพระแสง มี 30 รายการ
               หมวดเครื่องสูง มี 10 รายการ
           พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์     ตั้งอยู่ด้านตะวันออกริมผนังด้านใต้ หน้าพระทวารที่ลงจากหอ พระสุลาลัยพิมาน เคียงพระแท่นมณฑล ปักพระบวรเศวตฉัตร 7 ชั้น ณ ท่ามกลางพระที่นั่ง ตั้งตั่งอัฐทิศ 6 เหลี่ยม บนตั่งอัฐทิศตั้งเทวรูป นพเคราะห์ประจำทิศในษุษบกลายทอง พื้นสีตามนพเคราะห์ ด้านหน้าตั้งเทวรูปอธิไทโพธิบาต
           พระที่นั่งภัทรบิฐ     ตั้งอยู่ด้านตะวันออก หน้าพระทวารที่ลงจากพระธาตุมณเทียร ปักนพปฎลมหาเศวตฉัตร ตั้งโต๊ะทองข้างพระที่นั้งสองข้าง สำหรับตั้งเครื่องราชูปโภค ตรงที่ประทับบนพระที่นั่งภัทรบิฐ   พราหมณ์ทำพิธีลาดหญ้าคา   โรยแป้งข้าวสาลี และข้าว 5 สี ( แดง เหลือง เขียว ขาว ดำ ) ปูแผ่นทอง สลักรูปราชสีห์ทับ แล้วลาดพระยี่ภู่
           วิมานพระสยามเทวาธิราช ประดิษฐาน ณ ตอนกลาง พระที่นั่งไพศาลทักษิณด้านเหนือ ตรงลับแลทวารเทวราชมเหศวร
           ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณนี้ มียันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อักขระขอมตัวทองพื้นขาว แขวนห้อยอยู่กับระย้าแก้วไฟฟ้า มียันต์พระอริยสาวก อักขระคาถาตัวทอง แขวนที่สายสิญจ์ติดผนังตามแนวลวดบัวประจำทิศทั้ง 8
           ท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ตั้งหมู่เก้าอี้ สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ท้าวนาง เถ้าแก่เฝ้า ฯลฯ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:25:37
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 19  

พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

                ตั้งพระแท่นบรรทมในพระฉากด้านตะวันออกห้องเหนือ  มีนพปฎลเศวตฉัตรแขวนลอยบนเพดาน เหนือพระแท่นบรรทม             บนพระแท่นบรรทมตั้งม้าหมู่ประดิษฐาน พระชัยนวโลหะรัชกาลที่ 5 ตั้งเครื่องเฉลิมพระราชมณเทียร
           ในพระฉากด้านใต้ ห้องทรงเครื่อง ตั้งพระแท่นลาดพระราชอาสน์ มีนพปฎลเศวตฉัตร แขวนลอยเหนือพระแท่น

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:27:16
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 20  

มณฑปพระกระยาสนาน
           ปลูกที่ชาลาชานพักท้องพระโรงหน้า ด้านตะวันออก ตั้งพระมณฑปพื้นขาว ฐานยกพื้นขาวตั้งตั่งไม้อุทุมพรหุ้มผ้าขาว ข้างตั่งไม้อุทุมพรตั้งโต๊ะทอง 2 ชั้น บนโต๊ะตั้งครอบมุรธาภิเษก ที่ยกพื้นฐานมณฑป ตั้งราชวัตรพื้นขาวลายทอง มีเครื่องสูงทองแผ่ลวด 3 ชั้น สีทอง นาก เงิน ปักทั้ง 4 มุม ๆ ละ 3 องค์
           ด้านตะวันออกและตะวันตกมณฑปพระกระยาสนาน   ตั้งบุษยกน้อย สำหรับประดิษฐานพระชัยนวโลหะและพระคเณศร์ ซึ่งจะได้เชิญนำเสด็จสู่พระมณฑป วันสรงมุรธาภิเษก เชิญพระชัยนวโลหะไปประดิษฐาน ณ บุษบกด้านตะวันออก เชิญพระคเณศร์ไปประดิษฐาน ณ บุษบกด้านตะวันตก
           ตั้งศาลพระอินทร์  ที่ชาลาตรงทางขึ้นลงมณฑปทิศตะวันออก บนพื้นมณฑปมีศาลเทวดาจตุโลกบาลทั้ง 4 คือ
ท้าวธตรฐจอมภูติอยู่ทิศตะวันออก  ท้าววิสุฬหกจอมเทวดาอยู่ทิศใต้  ท้าววิรูปักษ์จอมนาคอยู่ทิศตะวันตก  ท้าวกุเวรจอมยักษ์อยู่ทิศเหนือ
ศาลทั้ง 4  ตั้งที่มุมราชวัตรทั้ง 4 มุม
           ที่ชาลาทิศตะวันออกของมณฑปพระกระยาสนาน หน้าศาลพระอินทร์ ตั้งโต๊ะเครื่องสังเวยเทวดากลางหาว ข้างโต๊ะบูชาตั้งฆ้องชัย สำหรับโหรบอกพระฤกษ์สรงพระมุรธาภิเษก ตั้งโต๊ะทองปูผ้าเยียระบับ ข้างทางขึ้นลงมณฑปพระกระยาสนานด้านตะวันออก สำหรับวางสังข์และพระเต้าต่าง ๆ ซึ่งจะถวายในเวลาสรงมุรธาภิเษก

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:28:03
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 21  

สถานที่ทำพิธีพราหมณ์
           ตั้งสถานที่ทำพิธีที่ศาลาสหไทย ตั้งราชวัตรขาว 4 มุม มีฉัตรธงกระดาษ 5 ชั้น ตั้งเตียงมณฑลเล็ก มีโต๊ะทอง ตั้งพระอิศวร พระอุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี พระพรหม พระมหาพิฆเนศ กับตั้งโต๊ะเทวดานพเคราะห์ โต๊ะเบญจคัพย ตั้งหม้อกุณฑ 9 หม้อ ตั้งเตาโหมกุณฑ วงด้ายสายสิญจ์รอบราชวัตร และแขวนพรหมโองการทั้ง 8

พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
           มีเทียนพระมหามงคลวันละคู่หนึ่ง เทียนเท่าพระองค์วันละคู่หนึ่ง ตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่สำหรับบูชา และพระแท่นทรงกราบ ในวันพระสงฆ์เจริญพุทธมนต์

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:31:56
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 22  

แห่พระสุพรรณบัตรและจุดเทียนชัย

                        วันที่ 4 พฤษภาคม 2493 เวลา 10.00 เจ้าพนักงานอาลักษณ์เชิญพระสุพรรณบัตร พร้อมด้วยดวงพระราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล   ออกจาก พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาขึ้นพระราชยานกงที่เกยพลับพลาเปลื้องเครื่อง ประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีกระบวนเครื่องสูง กลองชะนะและคู่แห่ แห่ไปตามถนนหน้าศาลาสหทัย เลี้ยวตามถนนจักรีจรัณย์เข้าประตูพิมานไชยศรี ไปตามถนนอมรวิถี ถึงหน้าประตูสนามราชกิจ แล้วเชิญไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑลในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
           เวลา 18.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องเต็มยศจอมพลทหารบก ประดับราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ทรงรถยนต์พระที่นั่งเสด็จจากพระตำหนักจิตรลดาฯ มายังพระบรมมหาราชวัง เสด็จลงทรงพระราชดำเนินเข้าพระทวารเทเวศร์รักษา ณ ชาลาพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย   หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธี กราบบังคมทูลเบิกผู้จัดหาช้างมาน้อมเกล้าฯ ถวาย

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:41:36
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 23  

จากรูปแรก ที่เห็นว่ามีการถวายเครื่องต่างๆ นั้นข้าราชบริพานนั้นมีใครบ้าง แล้วต้องคัดเลือกมั๊ยครับว่าจะให้ใครถือเครื่องอะไร อยากรู้มานานแล้ว...

จากคุณ: sundancer
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:48:54
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 24  

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระรัตนตรัย แล้วประทับพระราชอาสน์ พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเบิกทายาทผู้สืบสกุลพระยาเมือง ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทย ข้าหลวงประจำจังหวัดเข้าเฝ้าทูลละอองธุลลีพระบาท คือ
       พลตรี เจ้าราชบุตร ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
       เจ้าเพ็ชรคีรี (ไทย ณ ลำปาง) ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครลำปาง
       เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครลำพูน
       เจ้าราชบุตร ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่าน
       พระพิพิธภักดี ผู้สืบสกุลพระยาเมืองปัตตานี สายที่ 2
       ตนกูมะ บินกูปูเต๊ะ ผู้สืบสกุลพระยาเมืองปัตตานี สายที่ 1
       ตนกูตึงเงาะ ผู้สืบสกุลพระยาเมืองนราธิวาส
       ตนกูอับดุลเลาะรงโซะ ผู้สืบสกุลพระยาเมืองยะลา
       ตนกูอิบบราฮิม บินตนกูอหมัด ผู้สืบสกุลพระยาเมืองสตูล สายที่ 1
       กูฮาหมัด บิบตำมะหงง ผู้สืบสกุลพระยาเมืองสตูล สายที่ 2
       ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทย ภาค 5, 4, 3, 2, 1 ตามลำดับ
       ข้าหลวงประจำจังหวัด เชียงใหม่ ปัตตานี น่าน ลำพูน ยะลา นราธิวาส สตูล ตามลำดับ
           สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทยนำทายาทผู้สืบสกุล เจ้าผู้ครองนครทายาทผู้สืบสกุลพระยาเมือง และข้าราชการกระทรวงมหาดไทยออกจากที่เฝ้า
           พระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นำข้าหลวงยุติธรรมประจำภาคทั้ง 5 ภาค เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว ปลัดกระทรวงยุติธรรม  นำข้าหลวงยุติธรรมออกจากที่เฝ้า
           สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนชนวนพระราชทาน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต เพื่อทรงนำไปจุดเครื่องนมัสการ บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนพระมหามงคลและเทียนเท่าพระองค์

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:55:12
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 25  
           เวลา 18.20 น. เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ ชาวพนักงานประโดมสังข์ แตร และดุริยางค์
สังฆการีอาราธนาพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 30 รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ขึ้นสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางประตูสนามราชกิจ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระรัตนตรัย สมเด็จพระสังฆราชถวายศีล
           ถึงอุดมมหามงคลฤกษ์ เวลา 18.50 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนทองชนวน ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน    แล้วถวายเทียนทองชนวนนั้นแด่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปจุดเทียนชัยที่ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญมงคลคาถาจุดเทียนชัย ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ แตรและดุริยางค์ เมื่อสมเด็จพระสังฆราชจุดเทียนชัยแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนชนวนให้มหาดเล็กพร้อมด้วยธูปเงิน เทียนทอง ดอกไม้ ไปบูชา พระมหาเศวตฉัตร 5 แห่ง คือ
       พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
       พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
       พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
       พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งอนันตสมาคม
       พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งดุสิตมหาประสาท
           และปูชนียสถาน สำคัญอีก 13 แห่งคือ
       พระสยามเทวาในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
       พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ทรงเครื่องต้นที่ห้องภูษามาลา
       เทวสถานพระอิศวร เทวสถานพระนารายณ์ เทวสถานพระคเณศร์ เทวรูป ณ หอเชือก พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระกาฬชัยศรี พระเพลิง พระเจตคุปต์ เทวรูป ณ หอแก้วพระภูมิ และเทวรูป ณ ตึกดิน

แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 52 16:58:53

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 16:57:23
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 26  

สมเด็จพระสังฆราชกลับไปขึ้นนั่งอาสนะในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระศาสนโสภณ (จวน อุฎฐายี) วัดมกุฎกษัตริยาราม อ่านประกาศการพระราชพิธีบรมราชภิเษก จบเล้วพระสงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ 30 รูป และในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยอีก 45 รูป เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระครูวามเทพมุนี พราหมณ์พิธีถวายน้ำมหาสังข์ พราหมณ์เป่าสังข์แล้วถวายใบสมิต คือใบมะม่วง 25 ใบ ได้แก่ ภยันตราย  ใบทอง 32 ใบ ได้แก่อุปัทวันตราย  ใบตะขบ 56 ใบ ได้แก่ โรคันตราย สำหรับทรงปัดพระองค์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับและทรงปัด แล้วพระครูวามเทพมุนีรับพระราชทานกลับไปกระทำพิธีศาสตร์ปุณยา ชุบโหมเพลิงยังที่ทำพิธีพราหมณ์
           สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง จุดเทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ ธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช บูชาพระแท่นอัฐทิศ
บูชาพระที่นั่งภัทรบิฐ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:03:18
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 27  

เจ้าพนักงานสังฆการีนิมนต์ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ชั้นพระราชาคณะจำนวน 5 รูป ขึ้นนั่งยังอาสนบนพระแท่นบรรทม ในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

       สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เสด็จประทับในห้องพระบรรทม ทรงจุดธูปเทียนเครื่อนมัสการพระรัตนตรัย    แล้วประทับพระราชอาสน์ห้องกลาง ทรงพระมหามงคล และทรงสดับ    พระสงฆ์ 5 รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียร จบแล้วทรงเปลื้องพระมหามงคล เสด็จไปประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระสงฆ์ถวายบังคมลา
           สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนบูชาธรรมที่พระแท่น สวดภาณวาร พระสงฆ์ราชาคณะนั่งปรกและสวดภาณวารต่อไปตลอดคืน เสด็จพระราชดำเนินกลับ
            พราหมณ์พิธีเริ่มต้นทำพิธีตั้งแต่ตอนบ่ายวันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเสด็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พิธีที่ทำที่ศาลาสหทัย มีดังนี้ พราหมร์บูชาเทวดาประจำทิศทั้ง 8 บูชาดาวนพเคราะห์ บูชากูณฑ์ โหมกูณฑ์ โหมใบสมิต ซึ่งทรงปัดแล้วในกูณฑ์ บูชาสัปตพิสฤกษ์ (นักษัตร 27 ดวง) สวดถวายพระพรชัยมงคล    ตลอดจนขอพรให้ประชาชนพลเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ฝนตกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:05:56
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 28  

บรมราชาภิเษก

สรงมุรธาภิเษก
วันที่ 5 พฤษภาคม 2493  เวลา 09.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบเต็มยศจอมพลทหารบก ทรงสวมสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินเข้าพระที่นั่งอมรินทวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระพุทธพรรณีและพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มหาดเล็กเชิญพระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง ตามเสด็จพระราชดำเนิน ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จพระราชาคณะ 5 รูป ขึ้นนั่งเหนืออาสน์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชาพระรัตนตรัย หน้าพระแท่นมณฑล สมเด็จพระสังฆราชถวายศีล จบแล้วเสด็จเข้าในห่อพระสุลาลัยพิมาน
เวลา 9.55 น. โหรบูชาพระฤกษ์ที่ศาลจตุโลกบาลทั้ง 4 และศาลพระอินทร์ที่มณฑปพระกระยาสนาน
เวลา 10.15 น. เป็นปฐมฤกษ์ พระครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูล เชิญเสด็จไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเศวตพัสตร์ ทรงสพักขาวขลิบทอง เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมาน ทางพระทวาร พระที่นั่งไพศาลทักษิณ โดยริ้วกระบวน ไปยังหน้าโต๊ะสังเวยเทวดากลางหาว เสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนาน ประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตร์สู่มงคลทิศบูรพา ทรงเหยียบใบไม้อ้อ หม่อมเจ้าพร้อม ลดาวัลย์ เชิญพระชัยนวโลหะประดิษฐานบุษบกทิศตะวันออก พราหมณ์สมจิตต์ รังสิพราหมณกุล เชิญพระคเณศประดิษฐาน ณ บุษบกทิศตะวันตก
เวลา 11.20 น. พระยาโหราธิบดีลั่นฆ้องชัย พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ไขสหัสธารา อันเจือด้วยน้ำปัญจมหานที ในมัธยมประเทศ คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู และน้ำเบญจสุทธคงคาในแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย ได้แก่
       แม่น้ำเพชรบุรี ตักที่ตำบลท่าชัย แขวงจังหวัดเพชรบุรี
       แม่น้ำราชบุรี ตักที่ตำบลดาวดึงส์ แขวงจังหวัดสุมทรสงคราม
       แม่น้ำเจ้าพระยา ตักที่ตำบลบางแก้ว แขวงจังหวัดอ่างทอง
       แม่น้ำป่าสัก ตักที่ตำบลท่าราบ แขวงจังหวัดสระบุรี
       แม่น้ำบางปะกง ตักที่ตำบลบึงพระอาจารย์ แขวงจังหวัดนครนายก
       และน้ำ 4 สระ คือ สระเกศ สระแก้ว สระคงคา สระยมุนา แขวงจังหวัดสุพรรณบุรี

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:08:03
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 29  

ขณะนั้นพระสงฆ์ ในพระราชพิธีมณฑลเจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร มโหรทึกและเครื่องดุริยางค์ กองทหารเกียรติยศถวายเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร์ มหาปราบยุค 21 นัด สมเด็จพระสังฆราช และพระบรมวงศ์ กับทั้งเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ถวายน้ำโดยลำดับ เสร็จสรงพระมุรธาภิเษกแล้ว เสด็จขึ้นทางพระทวารหอพระสุลาลัยพิมาน

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:09:09
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 30  

เวลา 11.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราช ภูษิตาภรณ์ สำหรับบรมราชาภิเษก
           เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมาน เข้าสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ  สถิตเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพทิศเป็นปฐม สมุหราชพิธีทูลเกล้า ฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษก เพื่ออัญเชิญให้ทรงแผ่พระราชอาณาปกครอง ปวงประชาชนในทิศทั้ง 8 ซึ่งสมาชิกรัฐสภาประจำทิศทั้ง 8 จะได้นำทูลเกล้า ฯ  ถวายตามลำดับ โดยเริ่มจากทิศบูรพา ทรงรับน้ำจากพระเต้าแล้ว

             พระราชครูวามเทพมุนีถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ พราหมณ์แสง กลิ่นจรุง ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วย พระครอบสัมฤทธิ์ ทรงรับด้วยพระราชหัตถ์แล้วเสด็จแปรที่ประทับทรงรับน้ำอภิเษกซึ่งถวายประจำทุกทิศ ตามลำดับโดยทักษิณาวัฏจนครบ 8 ทิศ แล้วเสด็จมาประทับทิศบูรพาอีกครั้งหนึ่ง เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ (จิตร ณ สงขลา) ประธานวุฒิสภาถวายพระพรเป็นภาษามคธ ต่อนั้น นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ประธานสภาผู้แทนถวายพระพรเป็นภาษาไทย (โดยแปลจากภาษามคธข้างต้น)
           "ด้วยอำนาจพระรตนัตยานุภาพ และน้ำพระมุรธาวษิต ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ         ตามคำที่ข้าพระพุทธเจ้าถวายพระพร"
           แล้วทูลเกล้า ฯ ถวายน้ำมุรธาภิเษก เมื่อทรงรับน้ำอภิเษกเสร็จแล้ว  พระราชทานพระเต้าเบญคัพยให้หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล เชิญกลับไป

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:13:14
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 31  
ต่อจากนั้น พระราชครูวามเทพมุนีกราบถวายบังคมทูลถวายพระพรเป็นภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลด้วยภาษาไทยว่า
           "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส แก่ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับมุรธาภิเษก เป็นบรมราชาธิราช  เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของประชาชนชาวสยาม เหตุดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และสมณะพราหมณาจารย์ทั้งปวง ขอมอบพระเศวตฉัตรนี้ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ขอได้ทรงรับแล้วแผ่พระราชอาณาปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ตลอดถึงอาณาประชาราษฎร์ เป็นบรมนาถ ทรงจัดการคุ้มครองป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ขอเดชะ"

แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 52 17:15:30

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:14:16
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 32  

เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญนพปฎลมหาเศวตฉัตร มามอบให้พระราชครูวามเทพมุนีน้อมเกล้า ฯ ถวาย ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ ชาวพนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมฆ้องชัย แตร มโหรทึก เครื่องดุริยางค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับ   และพระราชทานให้ผู้เชิญรับเชิญไว้

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:17:12
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 33  

แล้วเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอัฐทิศ สู่พระที่นั่งภัทรบิฐ มีขบวนเชิญพระชัยนวโลหะและพระคเณศ กับโปรยข้าวตอกดอกไม้นำเสด็จ และผู้เชิญพระมหาเศวตฉัตรตามเสด็จไป ประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพา

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:18:17
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 34  

พระราชครูวามเทพมุนีกล่าวสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกลาสจบแล้ว กราบบังคมทูลถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องบรมราชาภรณ์ เครื่องประดับพระอิสริยยศด้วยภาษามคธจบแล้ว เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญพระสุพรรณบัฎ ซึ่งจารึกพระปรมาภิไธยว่า
" พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร "

             จากพระแท่นที่บูชามามอบให้พระราชครูวามเทพมุนีทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับแล้ว    ต่อจากนั้นเจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญเบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ เครื่องขัตติยราชูปโภค และพระแสงราชศัตราวุธจากพระแท่นที่บูชา มามอบให้พระครูวามเทพมุนีทูลเกล้า ฯ ถวาย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย แตร มโหรทึก และดุริยางค์ กองทหารถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ยิงปืนกองแก้วจินดา 21 นัด ตามกำลังวัน (วันศุกร์) ทหารบก ทหารเรือยิงปืนใหญ่เฉลิมพระขัตติยราชอิสริยยศฝ่ายละ 101 นัด พระสงฆ์ในพระอารามทั้งหลาย ทั่วราชอาณาจักร ย่ำระฆังถวายชัย  พระอารามละ 7 ลา กองทัพอากาศส่งอากาศยานบินโปรยข้าวตอกดอกไม้ เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว
           พราหมณ์ถวายอนุษฏภศิวมนตร์ จบแล้วเป่าสังข์ พระราชครูวามเทพมุนีถวายพระพรชัยมงคล ด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า
           "ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายชัย ขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร อันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในสยามรัฐมหามณฑลนี้ ทรงชำนะทั่วปถพีดล ทรงชำนะเหล่าอริราชดัสกร ทุกเมื่อ เทอญ ฯ"

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:21:10
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 35  

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการตอบพระราชทานอารักขาแด่ประชาชนชาวไทยด้วยภาษาไทยว่า
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม   เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
           พระราชครูวามเทพมุนี รับพระบรมราชโองการด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า
       "ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระบรมราชโองการ สุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
             พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ปกครองราชอาณาจักรไทย โดยทศพิธราชธรรมจริยา แล้วทรงเปลื้องพระมหาพิชัยมงกุฎ    พระธำมรงค์รัตนวราวุธ และพระธำมรงค์วิเชียรจินดา พระราชทานให้ผู้เชิญ รับเชิญไว้ จมึ่นสิริวังรัตน์ (เฉลิม    คชาชีวะ) เลขานุการสำนักพระราชวังทูลเกล้า ฯ ถวายดอกพิกุลเงิน พิกุลทอง ทรงโปรยพระราชทานแก่พรามหณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจาก พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ไปพระที่นั่งอมรินทรวินัจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มีนายชิดหุ้มแพร เชิญพระแสงขรรค์ชัยศรี ตามเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์ 80 รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรกเป็นปฐม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระพรลา แล้วเสด็จขึ้น
สมเด็จพระสังฆราชดับเทียนชัย พระสงฆ์ทั้งนั้นสวดคาถาดับเทียนชัย เสร็จแล้วพระสงฆ์กลับ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:22:57
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 36  

เสด็จออกมหาสมาคมและสถาปนา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี

                           เวลา 14.15 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ประดับนพรัตนราชวราภรณ์เช่นตอนเช้า เสด็จออกทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ บนพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประมหาพิชัยมงกุฎ มหาดเล็กเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ พระแสงรายตีนตอง พระแสงอัษฎาวุธ และถวายอยู่งานพัดโบก มหาดเล็กรัวกรับ  ชาวม่านไขพระวิสูตร พระสุริยภักดี ชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญา ชาวพนักงานกระทั่งมโหรทึก ประโคมสังข์ แตร และกลองชะนะ กองทหารเกียรติยศกระทำความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี รัฐมนตรี คณะทูต สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทน และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายความจงรักภักดี และถวายพระพรในนามคณะรัฐมนตรี และข้าราชการทั่วราชอาณาจักร
           เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูล ถวายความจงรักภักดี และถวายพระพรชัยในนามประชาชนชาวไทย
           พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสตอบ ขอบใจ ทั่วกัน
           มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานกระทั่งมโหรทึก ประโคมสังข์ แตร และกลอง ชะนะ ทหารกองเกียรติยศกระทำความเคารพ แตวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:29:49
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 37  

เวลา 14.40 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ฯลฯ เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มหาดเล็กเชิญราชกกุธภัณฑ์ตามเสด็จ ประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ  ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร สมเด็จพระราชินีประทับข้างพระที่นั่งภัทรบิฐเบื้องซ้าย  พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการหญิงในพระราชฐาน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โปรดเกล้า ฯ ให้หลวงบรรเจิดอักษรการ อาลักษณ อ่านประเทศกระแสพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาสมเด็จพระราชินี ให้ดำรงราชฐานันดรศักดิ์ เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินี

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:33:33
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 38  

แล้วสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินี เสด็จไปสู่หน้าพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิม พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคล นพรัตนราชวราภรณ์ และเครื่องอิสริยาชูปโภค สำหรับตำแหน่งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี
           ชาวพนักงานประโคมสังข์ แกว่งบัณเทาะว์ ฆ้องชัย แตร และเครื่องดุริยางค์ ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว    พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร กราบบังคมทูลพระกรุณา แทนพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในพระราชฐาน ถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี
           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ แล้วจมื่นสิริวังรัตน์ เลขานุการพระราชวัง ทูลเกล้า ฯ ถวายขันดอกพิกุลเงิน พิกุลทอง ทรงโปรยพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ขึ้นสู่หอสุลาลัยพิมาน
           ในการเสด็จออกมหาสมาคมวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เทียบช้างต้น ที่เกยหน้าพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์    ม้าต้นที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งราเชนทรยาน ที่เกยข้างพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ รถยนต์พระที่นั่งที่หน้าอัฒจันทร์ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ที่ท่าราชวรดิฐ

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:35:12
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 39  

ประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก และถวายบังคมพระบรมอัฐิ

                เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงพระมาลาเส้าสูง  เสด็จออกเถลิงเกย หน้าพระทวารเทเวศร์รักษา ประทับพระที่นั่งราชยานพุดตานทอง เจ้าหนักงานกระทั่งมโหรทึก ประโคมสังข์ แตร และกลองชะนะทองเงิน กองทหารเกียรติยศกระทำวันทยาวุธ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนราบใหญ่ จากเกยไปตามถนนอมรวิถี  เลี้ยวออกประตูพิมานไชยศรี ไปตามถนนจักรีจรัณย์ เลี้ยวถนนหน้าศาลาสหทัย ไปเทียบเกยพลับพลา เปลื้องเครื่องที่ประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยทางลาดพระบาท ไปยังพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และถวายต้นไม้ทองเงิน บูชาพระพุทธมหามณีรัตน์ปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก    พระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัย สมเด็จพระสังฆราชถวายศีล ทรงสมาทานศีล แล้วมีพระราชดำรัสประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ในที่ชุมนุมสงฆ์ และพระบรมวงศานุวงศ์กับข้าราชการเป็นภาษาบาลี แปลเป็นไทยว่า
             "ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ แต่เดิมมา โยมก็ได้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส และได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บัดนี้โยมได้เถลิงถวัลยราชสมบัติ บรมราชาภิเษกแล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์เจ้า กับจะได้รับจัดการ ให้ความคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป
                 ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงทรงจำไว้ด้วยดีว่า โยมเป็นพุทธศาสนูปถัมภก เถิด ฯ"
           ขณะนั้นพระสงฆ์ 80 รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน พร้อมกันเปล่งสังฆวาจา "สาธุ" 3 ครั้ง แล้วสมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนินตามทางเดิม ไปยังเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  ประทับพระที่นั่งราชยานพุดตานทอง เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนราบใหญ่ เคลื่อนขบวนกลับเข้าสู่ประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวไปเทียบยังเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกขปราสาท เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระทีนั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเสด็จออก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระศรีรัตนตรัย และเครื่องราชสักการะถวายบังคม พระบรมอัฐิ และพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี
           แล้วทั้งสองพระองค์ทรงทอดผ้า พระสงฆ์สดับปกรณ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก และถวายพระพรลา ทั้งสองพระองค์เสด็จขึ้น
           เวลา 18.00 น. เจ้าพนักงานตั้งบายศรี แก้ว ทอง เงิน ที่หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยพราหมณ์เบิกแว่น ข้าราชการรับแว่นเวียนเทียน สมโภชพระราชมณเทียรตามบุรพราชประเพณี

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:36:48
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 40  

เฉลิมพระราชมณเทียร

              วันที่ 6 พฤษภาคม 2493 เวลา 19.00 น. ผู้มีหน้าที่ในริ้วขบวน ยืนเข้าริ้วในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
           เวลา 20.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องสีวันเสาร์ ฉลองพระองค์ไหมทองสลับสีน้ำเงินแก่
พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมานแปรพระพักตร์สู่ทิศเหนือ ทรงโปรยเงินสลึงพระราชทานตลอดทาง เสด็จออกพระทวารพระมหามณเทียรตะวันออกเหนือ เลี้ยวขวาไปตามถนนทรงบาตร เลี้ยวขวาผ่านถนนหลังพระมหามณเทียร เลี้ยวขวาผ่านพระราชมณเทียรหมู่กลาง เข้าพระทวารพระมหามณเทียรตะวันตกใต้ แล้วไปตามถนนระหว่างพระที่นังจักรพรรดิพิมาน และ กำแพงแก้วพระมหามณเทียรด้านใน เลี้ยวขวาผ่านเก๋งนารายณ์ เข้าพระทวารท้องพระโรงด้านหน้าตะวันตก เสด็จขึ้นท้องพระโรงหน้าขึ้นสู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานทางอัฒจันทร์ตะวันตก ประทับพักที่ห้องกลาง

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:38:22
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 41  

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์ประดิษฐาสารีทรงลาดพระที่ และวางเครื่องเฉลิมพระราชมณเทียร เสร็จแล้ว ท้าววรคณานันท์ออกมากราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าสู่ห้องพระบรรทม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับบนพระแท่นลด ทรงรับถวายพระแส้หางช้างเผือก จั่นหมาก กุญแจ แล้วเสด็จขึ้นบนพระแท่นใหญ่ ทรงเอนพระองค์ลงบรรทมโดยเบื้องขวาสู่พระที่    ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ พอสุดเสียงประโคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระทับ ณ พระแท่นลดดุจตอนต้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระพร แล้วทรงโปรยดอกพิกุลเงิน พิกุลทอง พระราชทาน เป็นอันเสร็จการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียร

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:39:26
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 42  

ถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช

                          วันที่ 7 พฤษภาคม 2493 เวลา 11.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบเต็มยศจอมพลทหารบก พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เฝ้าตามตำแหน่ง พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ สมุหราชมณเทียร ถวายบังคมทูลเบิกทูตานุทูตเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เอกอัครราชทูตอังกฤษในฐานะหัวหน้าคณะทูต อ่านคำกราบบังคมทูล ถวายพระพรชัยมงคล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ แล้วเสด็จขึ้น
เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จมายังพระบรมมหาราชวัง ที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ด้านเหนือ เสด็จขึ้น พลตรี สวัสดิ์ สวัสดิรณชัย สวัสดิเกียรติ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กราบบังคมทูลเบิก  นายต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการกลางอิสลาม เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล
ต่อจากนั้น พลเอก มังกร พรหมโยธี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  กราบบังคมทูลเชิญ ผู้แทนคณะบุคคลต่าง ๆ ทางศาสนา และพาณิชย์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดังต่อไปนี้
        1. อุปสังฆราช กับคณะโรมัน คาร์ ทอลิก
        2. คณะเปรสโปเตเรียน
        3. คณะเสฟเวนเดย์ แอคเวนตีส
        4. คณะสภาคริสตจักร ในประเทศไทย
        5. คณะสมาคมอเมริกัน
        6. คณะหอการค้าอังกฤษ
        7. คณะสโมสรฝรั่งเศส
        8. คณะสมาคมพาณิชย์จีน
        9. คณะสโมสรสวิสส์
       10. คณะสมาคมชาวเดนมาร์ค
       11. คณะหอการค้าอินเดีย
       12. คณะสมาคมซิกส์
       13. คณะบริษัทอิสต์ เอเชียติก จำกัด
       14. คณะสมาคม ไว. เอ็ม. ซี. เอ.
       15. คณะหอการค้าไทย
       16. คณะสมาคมพ่อค้าไทย
           ผู้แทนคณะต่าง ๆ ทูลเกล้า ฯ ถวายซองบรรจุคำถวายพระพรต่อ พระราชหัตถ์ เป็นรายคณะ
           ครั้นถ้วนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชรพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทน้อมเกล้า ฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน และกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล แทนประชาชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ
             ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ประทับยืนอยู่ ณ  สีหบัญชรต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จึงเสด็จพระราชดำเนินลงจากพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนจากท้าววรคณานันท์ ทูลเกล้า ฯ ถวายในนามข้าราชการหญิงในพระราชฐาน แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระทวารเทวราชมเหศวร์
            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระรัตนตรัยแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้หลวงบรรเจิดอักษรลักษณ์ อาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ประกาศสถาปนาเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช จบแล้วทรงหลั่งน้ำถวายที่พระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช และทรงประเคนใบกำกับ พระสุพรรณบัฏ ไตร ย่าม  ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย แตร และดุริยางค์  ครั้นแล้วทรงตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ เพื่อพระราชสิริสวัสดิ์ และเป็นราชธรรมานุสรณ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามบุรพราชประเพณี และทรงประเคนพัดยศแก่พระราชาคณะที่ได้รับแต่งตั้ง 3 รูป
            ระหว่างที่สถาปนา สมเด็จพระสังฆราช และราชาคณะฤกษ์ 3 รูป พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จำนวน 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา เมื่อทรงตั้งสมณศักดิ์แล้ว สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก  สมเด็จพระวันรัตถวายพระพรลา
             ต่อจากนั้นพระบรมวงศ์และข้าราชการ ทูลเกล้า ฯ  ถวายดอกไม้ ธูปเทียน ในการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียรเสร็จแล้ว กรรมการชำระปทานุกรมทูลเกล้า ฯ ถวายพจนานุกรมฉบับบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 เสร็จแล้วสังฆการีนิมนต์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ขึ้นนั่งเหนืออาสนะบนธรรมาสน์ และพระสงฆ์ 4 รูป สำหรับอนุโมทนาขึ้นนั่งอาสนะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลแล้ว ถวายพระธรรมเทศนามงคลสูตร รัตนสูตร เมตตสูตร รวมกัณฑ์หนึ่ง จบแล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ชาวพนักงานประโคมและดุริยางค์ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายอดิเรก และถวายพระพรลา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินกลับ

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:41:15
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 43  

สถาปนาฐานันดรศักดิ์ พระบรมราชวงศ์

                    วันที่ 8 พฤษภาคม 2493 เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องเต็มยศจอมพลเรือ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี  เสด็จพระราชดำเนินมายังพระบรมมหาราชวัง เสด็จออกพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงรับดอกไม้ธูปเทียน ของสตรีบรรดาศักดิ์ทูลเกล้า ฯ ถวาย เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียรแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระรัตนตรัยแล้ว ประทับพระราชอาสน์ โปรดเกล้า ฯ ให้ หลวงบรรเจิดอักษรลักษณ์ อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมราชวงศ์ ตามราชประเพณี  จบแล้วพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ และทรงเจิมพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระชัยนาทนเรนทร แล้วพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศ
           เสร็จแล้วพระราชทานน้ำพระมหาสังข์   ทรงเจิมและพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัตกรมหมื่นพิทยลาภพฤติยากร พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย และพระองค์เจ้านักขัตรมงคล
           ขณะที่พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิม และพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศ นี้ ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ แตร และดุริยางค์ เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว ทรงรับดอกไม้ ธูปเทียนดังต่อไปนี้
       1. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระชัยนาทนเรนทร ประธานองคมนตรี ในนามคณะองคมนตรี
       2. เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ ประธานวุฒิสภา ในนามสมาชิกวุฒิสภา
       3. นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
       4. ผู้บังคับการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในนาม กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
        5. หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในนามธนาคารแห่งประเทศไทย
           เสร็จแล้วสังฆการีนิมนต์สมเด็จพระสังฆราช เสด็จประทับเหนืออาสนะธรรมมาส พร้อมด้วยพระสงฆ์สำหรับรับอนุโมทนาอีก 4 รูป นั่งอาสนะ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี  ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีลแล้ว สมเด็จสังฆราชถวายพระธรรมเทศนา  เทวตาทิสนกถา  ทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร รวมกัณฑ์หนึ่ง จบแล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และเครื่องดุริยางค์ สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก ถวายพระพรลา  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จกลับ
           ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดต้นไม้เงินทอง และธูปเทียนทองเป็นเครื่องราชสักการะ มอบกระทรวงมหาดไทย    เพื่อให้ข้าราชการฝ่ายภูมิภาคเชิญไปบูชา พระพุทธเจดียสถานที่เป็นหลักสำคัญในราชอาณาจักรคือ
       1.  พระพุทธบาท     สระบุรี
       2.  พระพุทธชินราช    พิษณุโลก
       3.  พระบรมธาตุ    สวรรคโลก
       4.  พระธาตุหริภุญไชย    นครลำพูน
       5.  พระปฐมเจดีย์    นครปฐม
       6.  พระมหาธาตุ    นครศรีธรรมราช
       7.  พระธาตุพนม    นครพนม

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:42:55
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 44  

ข้อมูลจากหอมรดกไทย

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:45:49
ถูกใจ: mimny

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 45  

พิธีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:48:26
ถูกใจ: akkarachai, little kitty

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 46  

1

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:50:11
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 47  

2

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:51:09
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 48  

3

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:53:08
ถูกใจ: akkarachai

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 49  

4

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:55:06
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 50  

5

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 17:57:28
ถูกใจ: raveeyos

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 51  

http://www.heritage.thaigov.net/

เวบไซต์หอมรดกไทยครับ มีเรื่องน่าสนใจ น่ารุ้ ศึกษา ให้อ่านกันมากมายเลย ทั้ง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก น้ำอภิเษก และ อื่นๆอีกมากมาย

จากคุณ: akkarachai
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 19:16:40
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 52  

เครื่องราชกกุธภัณฑ์ (จำลอง) ทำด้วยทองคำ สมัยกรุงศรีอยุธยา ค้นพบจากกรุวัดสวนหลวงสบสวรรค์ เจดีย์พระศรีสุริโยทัย ชี้ให้เห็นว่า สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รับธรรมเนียมสืบทอดจากอยุธยา

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 19:24:02
ถูกใจ: kodindy

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 53  
หนี่งในเครื่องมงคล ๑๒ นางเชิญเครื่องสิริวิลาศและธัญญาหาร ถั่ว งา ศิลาบด จั่นหมากทองคำ

ภาพประกอบ พวงหมาก กรุวัดราชบุรณะ

แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 52 19:43:19

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 19:26:48
ถูกใจ: tintila

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 54  

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมัยรัชกาลที่ ๑-๔ ได้ตั้งโรงพิธีพราหมณ์หน้าพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย

ส่วนพระที่นั่งอัฐทิศ ทำด้วยไม้อุทุมพร มีพระเศวตฉัตรปักกลาง ตั้งเทวรูป ๘ ทิศ ตั้งกลศสังข์พานทองเครื่องบูชาเทวดาทุกทิศ พื้นพระที่นั่งลาดผ้าอุทุมพร แล้ววางแผ่นทองคำ เขียนรูปราชสีห์ด้วยชาดหรคุณ แล้ววางตะรางคาบนแผ่นทองคำ

พราหมณ์โรยแป้งสาลี เสกด้วยมนต์ (สมัยกรุงศรีอยุธยาปูลาดด้วยหญ้าคาด้วย)

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 19:39:11
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 55  

จั่นหมากทองคำ สมัยรัตนโกสินทร์

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 19:43:56
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 56  

ท้ายพระราชพิธี ทรงเสด็จเข้าพระมหามณเฑียร ทรงจุดเทียนนมัสการ และเสด็จขึ้นพระแท่น พระบรมวงศาชั้นผุ้ใหญ่ ถวายดอกหมากทองคำหนัก ๕ ตำลึง พระแส้หางช้างเผือกตัวผู้ ทรงรับไว้แล้ววางไว้ข้างที่

ท้าวทรงกันดาลถวายลูกกุญแจทองคำ แล้วเอนองค์ทรงบรรทมเหนือพระแท่นที่ โดยทักษิณปรัศว์ขวาเป็นฤกษ์ก่อน และพระบรมวงศ์ฝ่ายในที่ทรงพระชนมายุ ถวายไชยมงคล แล้วพระราชวงศานุวงศ์ท้างนางข้างในอวยไชยถวายพระพรพร้อมกัน ชาวประโคมก็ประโคมดุริยางคมงตรี มะโหระทึก

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 19:53:53
ถูกใจ: tintila

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 57  

ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว เสด็จจากที่พระบรรทม นางพนักงานเชิญเครื่องสุพรรณภาชน์ พระกระยาเสวยเข้ามาตั้งถวาย จึงเสวยพระกระยาหารเป็นฤกษ์พอสมควร

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 20:02:42
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 58  

moonstar...

 
 

จากคุณ: หนูออน (Oncidium.)
เขียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 52 23:55:54
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 59  

สุดยอด

จากคุณ: tinglee tingamee
เขียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 52 00:51:32
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 60  

ขอบคุณ จขกท มากๆครับ

จากคุณ: เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy)
เขียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 52 01:10:37
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 61  
หอมรดกไทยมีบทความน่าสนใจเยอะค่ะ    ได้คัดลอกมาหลายบทความแล้ว

พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล
พระราชลัญจกร
เครื่องราชกกุธภัณฑ์
ธงในองค์พระมหากษัตริย์
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
น้ำอภิเษก
พระราชานุกิจ
จอมทัพไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เหรียญอันเนื่องจากการรบ

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน    และเข้ามาเพิ่มเติมค่ะ

แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 52 02:25:41

 
 

จากคุณ: tintila
เขียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 52 02:24:57
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 62  

นับถือๆ ความขยันของ จขกท มากๆ

จากคุณ: kodindy
เขียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 52 03:32:32
  

 
 
 

 

อ้างอิง

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8667295/K8667295.html

 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

News

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้385
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1537
mod_vvisit_counterทั้งหมด10723848