Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow Search
ลอยกระทง PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
จันทร์, 02 พฤศจิกายน 2009
ครูเกษมทัศนคุณ (สมชัย เขมทสฺสี)
กาพย์ โคลง กลอน กลอนกลบท คติธรรม สารคดี ฟื้นฟูระบบนิเวศ และพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
Permalink : http://www.oknation.net/blog/kondee007
วันจันทร์ ที่ 2 พฤศจิกายน 2552

ลอยกระทงทำไมกัน

ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง

และมารู้ประวัตินางนพมาศ กัน

Posted by หยาดกวี , ผู้อ่าน : 8 , 07:09:55 น.  
หมวด :
ศิลปะ/วัฒนธรรม

พิมพ์หน้านี้


 

ลอยกระทง ทำไมกันหนอ

 

ลอยกระทง ทำไม ไหนลองคิด      

พวกลูกศิษย์ ทั้งหลาย โอ้ชายหญิง 

รู้ประสงค์ หรือเปล่า เล่าอ้างอิง      

ควรเป็นสิ่ง อนุรักษ์ เอกลักษณ์ไทย

อย่ามัวเมา เอาตลิ่ง สิ่งพลอดรัก   

พ่อแม่หนัก ใจหวั่น มันไม่ไหว      

ออกจากบ้าน ห่วงลูก ทุกข์ถอนใจ 

เหมือนปีใหม่ ทั่วเมือง เรื่องทุบตี   

บ้างเมาเหล้า นารี ผีเข้าสิง          

ริมตลิ่ง คงคา น่าบัดสี                

ไม่เอาอย่าง นางนพมาศ แล้วชาตินี้

ประเพณี อะไร ไหนอวดกัน         

พวกฝรั่ง มังค่า มาท่องเที่ยว       

ต้องเดินเสียว ลูกหลง คงน่าขัน     

ใครจะมา เที่ยวงาน รำคาญครัน    

ลอยในขัน ที่บ้าน สำราญดี         

เสียทั้งงบ ประมาณ การจัดสรร    

เล่นพนัน ประกวดสาว เคล้าบัดสี  

ร้องไชโย โห่เชียร์ เสียผู้ดี          

จ้างสตรี มาเดิมพัน ขันต่อรอง     

  

ถ้าปล่อยให้ ไทยนี้ ประเพณีเพี้ยน  

นั่งปวดเศียร ทั่วไป ไทยทั้งผอง   

เล่นพนัน ดื่มสุรา บ้าริมคลอง       

คงคาหมอง จันทร์เศร้า ปวดร้าวใจ

ถ้าอยากให้ พระจันทร์ คงคาสุข    

พึงย้อนยุค เอาอย่าง บางสมัย     

เอาตัวอย่าง นพมาศ สุโขทัย       

ลอยเพื่อใคร นั่นรู้ ดูตำรา            

จะให้ทัวร์ ต่างชาติ มาชมหรือ      

คำตอบคือ ไม่คุ้ม ชีวิตหนา         

ถูกลูกหลง ลงตาย วายชีวา        

ไม่คุ้มค่า มาสนุก กลับทุกข์เอย.  

...หยาดกวี...

๒ พฤจิกายน ๒๕๕๒


ประเพณีลอยกระทง

การลอยประทีป หรือการลอยโคม มีปรากฏหลักฐาน ในวรรณคดีเรื่องนางนพมาศ

หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งเป็นสนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็น

รูปกระทงดอกบัว แทนการลอยโคม เพื่อเป็นการสักการะ รอยพระพุทธบาทที่แม่

น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้น ทักขิณาบถ ของประเทศอินเดีย

ปัจจุบัน เรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา นางนพมาศได้ทำกระทงลอย ที่แปลก จากนาง

สนมอื่นๆ เมื่อพระร่วงเจ้า ได้เสด็จทางชลมารค ทอดพระเนตรเห็นกระทง ของ

 

นางนพมาศ ก็ทรงพอพระทัย จึงมีราชโองการ ให้จัดพิธี ลอยกระทง ขึ้นทุกปี ใน

 

คืนวันเพ็ญเดือน สิบสองของทุกปี พระราชพิธีนี้จึงถือปฏิบัติ มากระทั่งถึงปัจจุบัน

 

ประมาณ ๗๐๐  กว่าปี  มาแล้ว   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง

 

อธิบายในพระราชนิพนธ์เรื่อง "พระราชพิธีสิบสองเดือน" ความตอนหนึ่งว่า


         "การฉลองพระประทีปลอยกระทงนี้ เป็นนักขัตฤกษ์ ที่รื่นเริงทั่วไปของชน

ทั้งปวงทั่วกัน ไม่เฉพาะแต่ การหลวง จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้

ด้วยไม่ได้มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ อันใดเกี่ยวข้อง เนื่องในการลอย พระประทีปนั้น

แต่ควรนับว่าเป็นราชประเพณี ซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนคร

 

ยังอยู่ฝ่ายเหนือ" 


ซึ่งความมุ่งหมายในการลอยกระทง มีจุดมุ่งหมายดังนี้ 

๑.       เพื่อขอขมาลาโทษแด่พระแม่คงคา เพราะได้อาศัยน้ำกินและใช้ และ

 

 

       มนุษย์ มักจะทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำ จึงควรขอขมาลาโทษท่าน

๒.      เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ประทับรอย

       พระพุทธบาท ประดิษฐานไว้บนหาดทราย แห่งนั้น  

๓.      เพื่อบูชาพระอุปคุต ซึ่งชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพอย่างสูง โดย

 

       ตำนานเล่าว่า อุปคุตนั้น เป็นพระมหาเถระรูปหนึ่ง ที่มีอิทธิ   

 

      ฤทธิ  สามารถ  ปราบมารได้ ท่านจะนั่งสมาธิอยู่บนบัลลังก์แก้ว ใท้อง

 

      มหาสมุทร 

๔.      เพื่อลอยทุกข์ โศก โรค ภัย และความอัปรีย์จัญไร เหมือนกับการลอบ

 

 

      บาป ของศาสนาพราหมณ์ ถ้าใครเก็บกระทงไป เท่ากับเก็บความทุกข์

 

 

     หรือเคราะห์กรรมเหล่านั้น แทนเจ้าของกระทง   

ตำนานวันลอยกระทง


การลอยกระทงเพื่อบูชาลอยพระพุทธบาท


รอยพระพุทธบาท ที่ปรากฏที่ฝั่งแม่น้ำนัมมทานที มีความเกี่ยวข้องกับพุทธ

 

ประวัติ คือ ครั้งหนึ่ง พญานาคได้ทูลอาราธนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จ

 

ไปโปรดแสดงธรรมในนาคพิภพ เมื่อพระองค์เสด็จกลับ พญานาคทูลขอ

 

อนุสาวรีย์ ไว้กราบไหว้ บูชา พระพุทธองค์ทรงประดิษฐ์ รอยพระบาทไว้ที่หาด

 

ทราย เพื่อให้ นาคทั้งหลาย สักการบูชา   


การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี


ครั้งเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกจากนครกบิลพัสดุ์ เพื่อจะข้ามแม่น้ำ

เมื่อทรงทราบว่า พ้นเขตกรุงกบิลพัสด์แล้ว จึงประทับเหนือหาดทรายขาว

และตั้งใจจะบรรพชา จึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ และใช้พระขรรค์ตัด

พระเมาลี โยนขึ้นไปบนอากาศ พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับไว้ และ

นำไปบรรจุไว้ยังจุฬามณี เจดีย์สถานในเทวโลก 


            ตามปกติเหล่าเทวดา จะมาบูชาพระจุฬามณี เป็นประจำ แม้พระศรี

อริยเมตไตรยเทวโพธิสัตว์ ในอนาคต จะมาจุติบนโลก และตรัสรู้เป็นพระ

 

พุทธเจ้า ยังเคยเสด็จมาไหว้ จึงถือว่าการบูชาพระจุฬามณี เป็นการบูชา พระ

 

ศรีอริยเมตไตรยด้วย  

     การลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้ากลับจากเทวโลก

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวช จนได้บรรลุสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลัง

 

จากเผยแผ่ ธรรมคำสั่งสอน แก่สาธุชน โดยทั่วไปได้ระยะหนึ่ง จึงเสด็จไปจำ

 

พรรษาอยู่บนชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้นจำ

 

พรรษาจนครบ ๓ เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับโลก เมื่อท้าวสักกเทาวราช

 

ทราบพุทธประสงค์ จึงเนรมิต บันไดทิพย์ขึ้น อันมีบันไดทอง บันไดเงิน และ

 

บันไดแก้ว ทอดลงสู่ประตูเมืองสังกัสสนคร 


        ในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพ และประชาชน ทั้ง

 

หลายได้พร้อมใจ ทำการสักการบูชา ด้วยพวงมาลาทิพย์ การลอยกระทงตาม

 

ตำนานนี้เหมือนกับการตักบาตรเทโว   

     การลอยกระทงเพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์


          เป็นความเชื่อตามหลักศาสนาพราหมณ์ เป็นการบูชาพระนารายณ์ ที่

 

บรรทมอยู่ในมหาสมุทร นิยมทำใน วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ และ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

เดือน ๑๑ จะทำในกำหนดใดก็ได้ 

 

การลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหม

 
         
นิทานของชาวบ้านที่เกี่ยวกับวันลอยกระทง ที่เล่าต่อกันมาคือ เรื่องของกา

เผือกสองผัวเมีย ทำรังอยู่บน ต้นไม้ ในป่าหิมพานต์ วันหนึ่งกาตัวผู้ออกไปหากิน

แล้วกลับเข้ารังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาซึ่งกำลังกกไข่ ๕ ฟอง รอด้วยความ

 

กระวนกระวายใจ จนมีพายุมา ทำให้พัดรังของกาเผือกกระจัดกระจาย ไข่ตกลงน้ำ

ส่วนแม่กา ถูกลมพัดไปคนละทาง เมื่อแม่กาย้อนกลับมาดูไข่ที่รัง ก็ไม่พบ จึง

 

ร้องไห้จนขาดใจตาย ไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหม อยู่บนพรหมโลก ส่วนไข่ทั้ง

 

ฟอง ลอยน้ำไปในสถานที่ต่าง ๆ บรรดาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่

 

ราชสีห์ มาพบเข้า จึงนำไปรักษาตัวละฟอง ครั้งถึงเวลาฟัก กลับกลายเป็นมนุษย์

 

ทั้งหมดกุมารทั้ง ๕ ต่างเห็นโทษภัยในการเป็นฆราวาสและอานิสงส์ในบรรพชา

 

 จึงลามารดา เลี้ยงไปบวช เป็นฤาษี ต่อมา ฤาษีทั้ง ๕ ได้มีโอกาสพบปะกันจึง

 

ถามถึงนามวงศ์ และมารดาของกันและกัน จึงทราบว่าเป็นพี่น้อง

ฤาษีทั้ง ๕ มีนามดังนี้


คนแรก      ชื่อกกุสันโธ         (วงศ์ไก่)


คนที่สอง    ชื่อนาคมโน         (วงศ์นาค)


คนที่สาม   ชื่อกัสสโป            (วงศ์เต่า)


คนที่สี่       ชื่อโคตโม            (วงศ์โค)


คนที่ห้า     ชื่อเมตเตยโย       (วงศ์ราชสีห์)          

ต่างตั้งจิตอธิฐานว่า ถ้าจะได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้าขอให้ร้อนไปถึงพระมารดา ด้วย

 

แรงอธิฐานจึงร้อนไปถึง ท้าวพกาพรหม จึงเสด็จลงมาและจำแลงเป็นกาเผือก

 

แล้วเล่าเรื่องหนหลังให้ฟัง พร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดา เมื่อถึงคืน วันเพ็ญเดือน

 

๑๑ เดือน ๑๒ ให้เอาด้ายดิบผูกไม้เป็นตีนกา ปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำ

 

แล้วท้าวพกาพรหมก็เสด็จกลับไป ตั้งแต่นั้นมา จึงมีการลอยกระทงบูชาท้าวพกา

 

พรหม และเพื่อเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท ที่แม่น้ำ นัมมทานที ส่วนฤาษีทั้ง ๕

 

ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้

การลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์


       
การลอยกระทงเพื่อบูชาพระอุปคุตต์นี้ เป็นประเพณีของชาวเหนือ และชาว

พม่า พระอุปคุตต์นี้ เป็นพระอรหันต์ หลังสมัยพุทธกาล โดยมีตำนานเล่าว่า พระ

เจ้าอโศกมหาราช มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้โปรด ให้สร้าง พระสถูป

เจดีย์ และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "อโศกา

ราม" ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นมคธ หลังจากพระสถูปต่าง ๆ ๘๔๐๐๐ องค์สำเร็จแล้ว

พระเจ้าอโศกทรงมีพระราชประสงค์ จะนำพระบรมสารีริกธาตุ ของพระสัมมา

สัมพุทธเจ้า ไปบรรจุตามสถูปต่าง ๆ และมีการเฉลิมฉลอง ยิ่งใหญ่ เป็นเวลา ๗ ปี

๗ เดือน ๗ วัน
       ด้วยเกรงว่าพญามาร จะมาทำลายพิธี พระเจ้าอโศมหาราชจึงนิมนต์
พระอุป

คุตต์ที่จำศีลอยู่ในสะดือทะเล องค์เดียวเท่านั้น ที่สามารถ ปราบพญามารได้ หลัง

จากนั้นพญามารก็สำนึกตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ส่วนพระอุปคุตต์

หลังจาก ได้ปราบพญามารแล้วจึงลงไปจำศีลอยู่ที่สะดือทะเลตามเดิม พระอุป

คุตต์นี้ไทยเรียกว่า พระบัวเข็ม ชาวไทยเหนือหรือชาวพม่าจะนับถือพระอุปคุตต์

มาก     

ประวัตินางนพมาศ 

นางนพมาศ เป็นธิดาของพระศรีมโหสถกับนางเรวดี 


บิดาเป็นพราหมณ์ปุโรหิตในสมัยพระยาเลอไท นางนพมาศได้ถวายตัวเข้า
รับ

ราชการในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท ในยุคสุโขทัย เป็นที่โปรดปรานจนได้เป็น

สนมเอกตำแหน่งท้าวศรีจุฬาลักษณ์


นางนพมาศได้เขียนตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ขึ้นเพื่อเป็นหลักประพฤติ

 


เรื่องนี้แต่งด้วยร้อยแก้วแต่มีคำประพันธ์ลักษณะเป็นกลอนดอกสร้อยแทรก

 ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นใหม่ในมัยรัตนโกสินทร์ เพราะภาษาที่ใช้

แตกต่างจากภาษาที่ใช้ในวรรณคดีที่แต่งในยุคเดียวกันคือ คือศิลาจารึก

หลักที่ ๑ และ ไตรภูมิพระร่วง


เนื้อเรื่องในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ กล่าวถึงประเพณีต่างๆ ของไทย


เช่น การประดิษฐ์ พานหมากสองชั้นรับแขกเมือง การประดิษฐ์โคมลอย

รูปดอกโกมุท (ดอกบัว) เพื่อใช้ในพระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป

(ลอยกระทง) ซึ่งประเพณีนี้ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ตำรับท้าวศรี

จุฬาลักษณ์เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หนังสือนางนพมาศ และนางนพมาศได้ทำ

คุณงามความดีเป็นที่โปรดปรานของพระร่วง มีอยู่ ๓ ครั้ง ดังนี้


ครั้งที่ ๑ เข้าไปถวายตัวอยู่ในวังได้ห้าวัน ก็ถึงพระราชพิธีจองเปรียงลอย
พระ

ประทีป (ลอยกระทง) นางได้คิดประดิษฐ์โคมลอยรูปดอกโกมุท (ดอกบัว)

มีนกเกาะดอกไม้สีสวย ต่างๆ กัน เป็นที่โปรดปรานของพระร่วงมาก 


ครั้งที่ ๒ ในเดือนห้ามีพิธีคเชนทร์ศวสนาน เป็นพิธีชุมนุมข้าราชการทุก
หัวเมือง

มีเจ้าประเทศราชขึ้นเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการด้วย ในพิธีนี้พระเจ้า

แผ่นดินทรงรับแขกด้วยเครื่องหมากพลู  นางนพมาศได้คิดประดิษฐ์พาน

หมากสองชั้นร้อยกรองด้วยดอกไม้งดงาม พระร่วงทรงโปรดปรานและรับ

สั่งว่า ต่อไปผู้ใดจะทำการมงคลก็ดี รับแขกก็ดี  ให้ใช้พานหมากรูปดังนาง

นพมาศประดิษฐ์ขึ้น ซี่งเป็นต้นเหตุของพานขันหมากเวลาแต่งงาน ซึ่งยัง

คงใช้จนถึงปัจจุบัน


ครั้งที่ ๓ นางได้ประดิษฐ์พนมดอกไม้ถวายพระร่วงเจ้าเพื่อใช้บูชาพระรัตน

ตรัย ต้องบูชาด้วยพนมดอกไม้กอบัวนี้ นางนพมาศเป็นบุคคลที่ได้สมญา

ว่า "กวีหญิงคนแรกของไทย" ดังเช่นที่เขียนไว้ว่า "ทั้งเป็นสตรี สติปัญญา

ก็น้อยกว่าบุรุษ แล้วก็ยังอ่อนหย่อนอายุ กำลังจะรักรูปและแต่งกาย ซึ่ง

อุตสาหะพากเพียร กล่าวเป็นทำเนียบไว้ ทั้งนี้เพื่อหวังจะให้สตรีอันมี

ประเภทเสมอด้วยตน พึงให้ทราบว่าข้าน้อยนพมาศ กระทำราชกิจใน

สมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงมหานครสุโขทัย ตั้งจิตคิดสิ่งซึ่งเป็นการควรกับเหตุ

ถูกต้องพระราชอัชฌาสัยพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ปรากฏชื่อเสียงว่าเป็นสตรีนัก

ปราชญ์ ฉลาดในวิชาช่างอยู่ชั่วกัลปาวสาน

นี่คือนางนพมาศ สนมเอกของสมเด็จพระร่วงเจ้า 

ผู้สามารถประดิษฐ์ความคิดได้เป็นที่น่าอัศจรรย์ จนสืบกลายมาเป็น

ประเพณีต่อมาอยู่ช้านาน

...หยาดกวี...

๒ พฤจิกายน ๒๕๕๒

 

พระร่วงทรงพอพระทัยในความคิดนั้น ตรัสว่าแต่นี้ต่อไปเวลามีพิธีเข้าพรรษาจะ

 

อยู่บ้างปฏิบัติตนในการเข้ารับราชการของนางสนมกำนัลทั้งหลาย 

อ้างอิง

http://www.oknation.net/blog/kondee007/2009/11/02/entry-1

 

---------------------------------

อ้างอิง

 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8501952/X8501952.html

ประเพณีลอยกระทง เพื่อขอขมาเจ้าแม่คงคา? vote  

ประเพณีลอยกระทง เชื่อว่าเป็นการขอขมาเจ้าแม่คงคา คนไทยหลายล้านคน จึงถือกระทงคนละใบ ที่ผลิตจากวัสดุที่เน่าเปื่อยได้ แต่ธูป+เทียน ไม่เน่าเปื่อย ขนเอาขยะลงไปทิ้งในแม่น้ำลำคลองคนละใบ

เพื่อขอขมา?

จากคุณ: ลุงเต่า
เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 21:52:17
ถูกใจ: thakoop



      ความคิดเห็นที่ 1  

      แล้วยังจะเพี้ยนกันถึงขนาด ปล่อยลูกไฟขึ้นไปลอยบนท้องฟ้า เพื่อสะเดาะเคราะห์กรรม โดยเอาลูกไฟไปตกใส่หลังคาบ้านคนอื่น ให้รับกรรมแทน

      จากคุณ: ลุงเต่า
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 21:53:47
      ถูกใจ: AwayG.com

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 2  

      สมัยก่อนเป็นกระทงทำจากใบตอง

      จากคุณ: Cryptomnesia
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 21:55:28
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 3  

      > คนไทยหลายล้านคน จึงถือกระทงคนละใบ ที่ผลิตจากวัสดุที่เน่าเปื่อยได้

      เคยเถียงกับเพื่อนอยู่ ไอ้เรื่องกระทงย่อยสลายได้เนี่ย ผมว่าการใช้วัสดุย่อยสลายได้ มันเป็นแค่การหลอกตัวเองว่าไม่ได้ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง เอาเข้าจริงๆแล้วกว่าไอ้ต้นกล้วยที่ลอยไปจะย่อยสลาย เป็นเดือนๆครับ แถมเน่าแล้วเหม็นด้วย ในที่สุดแล้วเทศกิจเทศบาลก็ต้องส่งคนมากวาดไปจากแม่น้ำอยู่ดี ถ้าไม่อยากให้น้ำเสีย ไม่เชื่อพรุ่งนี้เช้าลองไปดูตามสถานที่ที่เขาลอยกระทงกันเยอะๆสิครับ ซึ่งกระทงแบบนี้คงจะหนักกว่าแบบโฟมอยู่หลายเท่า ยิ่งทำให้เก็บยากขึ้นไปอีก

      ถ้าผ่านไปเจอคนทิ้งขยะเปียก(พวกเศษผักเศษอาหาร)ลงแม่น้ำ คนร้อยทั้งร้อยก็คงจะคิดในใจว่ามักง่าย เขาจะทำให้น้ำเสีย ทั้งๆที่มัน logic เดียวกัน "ย่อยสลายได้"

      ผมตัดปัญหาโดยเลิกลอยกระทงมาหลายปีแล้วครับ

      จากคุณ: ข้าวหลามอร่อย
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:07:56
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 4  

      ขอขมาเจ้าแม่คงคาด้วยการทำให้แม่น้ำสกปรก...

      จากคุณ: GeneGTO
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:13:38
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 5  

      ^
      ^
      ^

      เหมือนกัน..ไม่เคยลอยมาหลายปีแล้วครับ

      ไม่ต่อต้าน แค่ไม่เพิ่มจำนวนกระทงอีก 1 ใบ เท่านี้ก็สุขใจแล้วครับ...

       
       

      จากคุณ: แซงแล้วชิดซ้าย
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:15:39
      ถูกใจ: Hello_The_Rain

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 6  

      อืมมมมมมม มันเป็น "วัฒนธรรมไทย" ไงครับ

      หรือจะยกเลิกไปเลยดี มันจะได้หายๆไปให้หมด ??

      จากคุณ: AIScript
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:16:47
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 7  

      สุดท้ายก็ทิ้งขยะลงน้ำอยู่ดี

      กระทงผูกเชือกลอยไปสักพัก สาวเชือกกลับเก็บไปทิ้งถังขยะ

      จากคุณ: Megrim
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:24:38
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 8  

      มันเทศกาลแว๊นซ์ชัดๆ เห็นแต่ปาดระเบิดกันทั้งเมือง ตร.ก็ทำไรไม่ได้

      จากคุณ: เด็กขายก๋วยจั๊บ
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:26:38
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 10  

      วัฒนธรรมไทย หรือครับ เท่าที่เคยฟังอาจารย์ที่สอนประวัติศาสตร์ ประเพณีนี้เพิ่งเกิดขึ้น โดยมี story เรื่องนางนพมาศ ในสมัยสุโขทัยมาเป็นพื้นฐาน ซึ่งไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันว่ามีจริง รวมทั้งอาณาจักรสุโขทัย มีจริงหรือไม่ นักประวัติศาสตร์ก็ยังถกเถียงกันอยู่

      จากคุณ: ลุงเต่า
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:27:45
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 11  
      ไม่ลอยมานานแล้วครับ
      อย่างที่ว่า ไม่เพิ่ม 1 ก็ยังดี

      ไปเพื่อเก็บบรรยากาศประเพณีไทยเฉยๆ

      สิ่งที่สวยงามที่สุดของผมสำหรับเทศกาลนี้คือ

      ลมหนาวและพระจันทร์ที่งดงามครับ

      แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 09:51:06

      จากคุณ: ปัจเอนก เจกชน
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:31:27
      ถูกใจ: omaizo

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 12  

      ปีนี้ผมลอยขนมปัง ลอยปุ๊บปลากินปั๊บเลย

      ผมไม่ได้ไปแว๊นไปปาระเบิดกะใครเขาด้วย

      ผมเก็บถุงพลาสติกที่คุณยายเอาปลาไปปล่อยแล้วทิ้งไว้ด้วยนะครับ


      ถ้าเราทำดีมันก็ดีครับไม่ต้องไปยกเลิกหรอก เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก

      จากคุณ: omaizo
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:32:53
      ถูกใจ: tonykoong

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 13  

      จุดประสงค์ กับผลของการกระทำ มันขัดกันชัดๆ

      เอาว่าถือเป็น วันทิ้งขยะลงแหล่งน้ำโดยเสรีละกัน

      จากคุณ: taechawat
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:34:38
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 14  

      สมัยก่อน ลอยกันทั้งบ้านทั้งเมืองทำไมน้ำไม่เน่าไม่เสียละครับ
      สาเหตุมันมาจากอะไรครับ

      จากคุณ: อ้อมกอด
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 22:55:03
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 15  

      ครั้งนึง ผู้ว่าฯ กทม. ฉายา "ชิมไปบ่นไป" มีนโยบายรณรงค์ใช้กระทงโฟมลอยเพื่อลดมลภาวะ "ในน้ำ" ... สามารถเอามารีไซเคิลหรือรียูซได้ สามารถตามเก็บได้เพราะมันไม่จมน้ำ มันไม่เน่าเปื่อยจนเป็นเหตุให้ค่า BOD สูง มันถูกกว่าวัสดุธรรมชาติ ...สุดท้ายโดน NGO กับกลุ่มตรงข้ามถล่ม ..

      พอเปลี่ยนผู้ว่า ผู้ว่าคนใหม่ใช้นโยบายตรงข้าม ให้ใช้กระทงธรรมชาติจากต้นกล้วย เพราะมันอนุรักษ์ ดูเป็นวัสดุธรรมชาติ น่าจะเข้ากับสิ่งแวดล้อม ลอยไปก็จมลง เปื่อยได้...

      แต่ในความเป็นจริง มันจมลงไปเน่า เกิดเป็นตะกอนสะสม ลำคลองไหนตื้นอยู่แล้วก็ยิ่งตื้นไปกันใหญ่ ...จุลินทรีย์ย่อยสลายยิ้มแฉ่ง ทำให้เกิดกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติจริง... แต่ก็ใช้อ็อกซิเจนในน้ำในปริมาณสูงจริงด้วย ทำให้ค่า DO ในบางคลองที่เป็นคลองปิดเล็กๆ มีแนวโน้มลดลง (ลองคิดว่าถ้ามันไปออกระบบเปิดได้นะ) ... สภาพไม่ต่างจากคลองหลังตลาดสด กทม. ก็เก็บไม่ทัน แถมยังนำกลับมาใช้ใหม่ไม่ได้ ต้นทุนการผลิตก็เลยสูงเพราะเป็นไม้ตัดแล้วทิ้ง ...

      ส่วนตัวมอง มันเป็น "ธรรมชาติฆ่าธรรมชาติ" ...ถ้าจะขอขมาเดี๋ยวนี้ก็จุดธูปไหว้ก็พอแล้ว เดี๋ยวนี้พวกบ้าเล่นปะทัดระเบิดก็น่ากลัวพอๆ กับเด็กแวนซ์สมองทึบเหมือนกัน

      เดือนเพ็ญ

      จากคุณ: _K_F_C_
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 23:00:10
      ถูกใจ: สมบัติดี, Thadias

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 16  

      เห็นด้วยกับ จขกท. แต่คืนนี้พระจันทร์สวยมากๆ

      จากคุณ: หัวใจถวายวัด
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 23:03:54
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 17  

      วันนี้ไปเดินขายกระทง เป็นงานของสาขาวิชาใน ม. ผมใช้กะลาทำ ขายหมดด้วย ทำง่ายๆ แปดสิบอัน สองชั่วโมงเสร็จ

      เดี๋ยวก็มี จนท ของ ม.เก็บทิ้งอยู่ดี

      จากคุณ: สายน้ำตะวันออก
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 23:07:08
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 18  

      มีคนทำขนมปังลอยกระทง...
      แล้วบอกว่าปลากินได้ ไม่เป็นไร...

      อยากรู้ว่าเยอะขนาดนั้น แล้วปลามันจะกินกันทันไหม...มิวายกลายเป็นขยะอีก

      จากคุณ: นายอุดม
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 23:20:17
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 19  

      งั้น สงกรานต์ =รดน้ำ ดำหัว =สิ้นเปลื้องน้ำ  หรือไม่ เลิกไปเลยดีไหม?
      (หุหุ ตอบเหมือนเกรียนใช่ไหมครับ)
      แต่เรื่องบางเรื่องนะ ไม่ต้องไปยุ่งกับมันบ้างก็ได้มั้ง ยังไงมันก็เป็นประเพณี+ความเชื่อ จะบอกให้เขาเปลี่ยนความคิดก็คงไม่ได้ เหมือนกับ
      การไหว้พระพุทธรูป
      มองแบบไม่เชื่อ ก็แค่ก้อนดิน หิน ปูน มาปั้นเป็นรูปคน
      มองตามความเชื่อ(งมงาย)เป็นสิ่งศักสิทธิ์ แตะต้องไม่ได้ นรกจะกินหัวเอา

      สำหรับผม ผมไหว้เพราะ พระพุทธรูปเป็นเครื่องเตือนคำสอนธรรมะ

      จากคุณ: ข้าวต้มรอบดึก
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 23:51:15
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 20  
      ซ้ำ

      แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 23:54:38

      จากคุณ: ข้าวต้มรอบดึก
      เขียนเมื่อ: วันลอยกระทง 52 23:52:57
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 21  

      คห.18

      ผมนี่แหละที่ปีนี้ทำกระทงขนมปัง ยืนยันว่ากินได้ครับ มันกินให้เห็นต่อหน้าต่อตาเลย
      แล้วเผอิญที่ผมไปลอยมีแค่ผมคนเดียวที่ลอยขนมปัง เลยไม่มีปัญหาอะไร ถ้าลอยกัน
      เยอะๆ ผมก็คงเปลี่ยนไปลอยหยวกกล้วย อาจจะติดเชือก หรือบังคับวิทยุให้กลับมา
      เจอกันใหม่ก็ได้

      ปล.ที่จริงผมไม่อยากออกจากบ้านด้วยซ้ำ แต่แฟนผมนี่สิ -*-

      จากคุณ: สมบัติดี
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 00:21:39
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 22  
      ตัว ประเพณี ไม่ได้ ผิด
      คน/กลุ่มคน ที่เริ่มต้นประเพณี ไม่สามารถมองไปในอนาคตได้
      ว่าประเพณีนี้อาจก่อปัญหาได้ในภายหลัง
      คือในยุคของเขา อาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหามากมาย

      ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณี ที่คนต่างประเทศรู้จักมากที่สุด
      ประเพณีหนึ่งของไทย พอๆ กับ สงกรานต์
      เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ดึงคนออกจากบ้านได้มากอยู่

      วันนี้ออกไปเที่ยววันลอยกระทงมา ครึกครื้นดี ได้ดูเด็กๆ
      ประกวดนางนพมาศจิ๋ว น่ารักไปอีกแบบ กินขนม จ่ายค่าที่จอดรถ
      ค่าเรือข้ามฟาก ฯลฯ แบบที่พอจะจ่ายได้ แต่ไม่ได้ลอยกระทงแฮะ
      เพราะไม่รู้จะเลือกกระทงแบบไหนดี แค่ได้ใช้เงิน นิดๆ หน่อยๆ
      และสนุกตามประสา ดีกว่าชีวิตจำเจ

      ผมเชื่อว่า ประเพณี นี้ยังควรค่าต่อการส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง
      แต่ต้องเป็นหน้าที่ของคนรุ่นถัดๆ มา ต้องมาคิด ดัดแปลงบ้างบางส่วน
      เพื่อจะบรรเทา ปัญหาให้เบาบางลง

      พ่อผมถ่ายทอดคำของคนแก่ๆ เอามาสอนผมเป็นภาษาจีน (แต้จิ๋ว)
      แปลได้ว่า สิ่งของเป็นของตาย แต่คนเป็นของเป็น
      หมายความว่าเป็นหน้าที่ของคน ที่ต้องเอาความคิดปรับใช้สิ่งของต่างๆ
      ให้เหมาะสม

      จากรูปแบบกระทง ในช่วงหลายๆ ปีหลังที่ผ่านมา
      ที่มีความคิดหลากหลายมากขึ้น เห็นได้ว่าทุกคนก็กำลังพยายามคิดอยู่
      (วันนี้เจอกระทง ทำจากขนมพอง เม็ดเล็กๆ คล้ายๆ พวก กาก้า/คาราด้า
      เอามาค่อยๆ แปะให้เป็นกระทงด้วย แปลกดี)

      แต่ถึงจะยังไม่ได้วัสดุ หรือ วิธี ที่ดีพอ ก็ไม่ได้ แปลว่า ประเพณี นี้ ควรถูกยุบ
      หรือคนที่เข้าร่วมประเพณีนี้ทำตัวไม่ถูกต้อง เสียทีเดียว

      นานาจิตตัง ใครใคร่ร่วม ร่วม ใครคัดค้านก็แค่นอนอยู่บ้าน ดูทีวี เล่นเน็ท
      ฯลฯ กันต่อไป

      แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 00:32:53

      จากคุณ: Forest Frog
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 00:31:08
      ถูกใจ: omaizo, azur, honii-z, amscmu, FrozenICEs, Pretty_Cute_Girl, จนใจจริงจ้า, SoundForce

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 23  

      อนาคตเราจะมี

      กระธงบังคับวิทยุ

      บังคับ ใครจะลอยกระทงต้องซื้อ

      เมื่อลอยไปแล้ว ถึงเวลาเก็บ จนท ที่กระจายไปตามจุดเก็บกวาด จะกดปุ่มเรียกให้มันแล่นมาหาเอง

      แล้วเก็บไปใช้ใหม่ปีหน้า ดีมั้ยครับ



      ไม่คิดหรอว่าพระแม่คงคาจะเบื่ออ่ะ

      กระทงอีกแล้ว! ของเก่ายังเต็มบ้านแล้วเลย

      ทำนองนั้น

      จากคุณ: Shineokung
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 00:32:11
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 24  
      ไม่ทราบว่ามีผลวิจัยมารองรับไหมครับว่าเทศกาลลอยกระทงทำให้แม่น้ำลำคลองเน่าเสีย

      ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ X8502585

      จากคุณ: nisas
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 01:21:50
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 25  

      อยากให้กิฟต์ คห 19 ง่ะ

      จากคุณ: เกียรตินำ
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 02:01:31
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 26  

      ประเพณีลอยกระทง เพื่อขอขมาเจ้าแม่คงคา?  

      ผิดแล้วค่ะ  ปัจจุบันเป็นเทศกาลที่ทำเงินจากการท่องเที่ยวจำนวนมาก
      มากกว่าจะเป็นเรื่องของการขอขมาแม่น้ำ  
      อีกอย่างมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้น้ำเน่า  กระทงนะเรื่องจิ๊บๆเลย

      จากคุณ: aonton
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 04:00:31
      ถูกใจ: nutxnut

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 27  

      อยากให้กิฟ ความเห็น 19 เช่นกันครับ
      ทุกอย่าง ทุกเรื่องมีอย่างน้อย 2 ด้านเสมอครับ
      เลือกมองและเลือกทำในด้านที่เป้นประโยชน์
      ต่อคุณและสังคมก็แล้วกัน มองข้ามด้านลบ
      ไปซะบ้างก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องละเอียดไปซะ
      ทุกเรื่อง

      จากคุณ: สันปันน้ำ (สันปันน้ำ)
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 07:35:22
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 28  

      ถ้าผมลอยผมจะลอยในบ่อน้ำหรือสระน้ำครับ ลอยเสร็จพอเช้ามาเค้าก็มีคนมาเก็บไปหมดแล้ว

      ถ้าลอยในแม่น้ำมันก็เก็บยากกว่า แถมกระทบต่อผู้ใช้น้ำในแม่น้ำด้วย(น้ำในสระคงไม่มีใครตักมาอาบหรอก จริงมั้ย??)

      ส่วนตัวเห็นว่าก็ไม่ต้องยกเลิกหรอกครับ มันมีด้านดีอยู่เยอะเหมือนกัน แต่อาจต้อง"ปรับปรุง"วิธีการบางอย่างเท่านั้นเอง

      จากคุณ: Sleeper MoNKeY
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 08:08:33
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 29  

      แยกแยะเรื่อง "ข้อเท็จจริง" กับ "พิธีกรรม" ให้ได้ก่อนจะดีไหมครับ

      จากคุณ: T7Promoter
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 08:58:40
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 30  

      ผมเลิกลอยไปแล้วครับ เพราะคิดเหมือนหลายๆ คห.ว่าเป็นการทิ้งขยะลงแม่น้ำชัดๆ แต่ไม่รู้ทำไมหลายๆคนไม่คิดจุดนี้เอาแต่คิดว่าต้องไปลอยกับคนรัก บลาๆ



      ให้มันได้งี้สิ


      ปล.สนับสนุนกระทงหนมปัง + กระทงน้ำแข็ง

      จากคุณ: Thadias
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 09:02:21
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 31  

      โรงงานอุตสาหกรรมลักลอบทิ้งน้ำเสียทุกวันมาเป็นปีๆ ขาวบ้านริมคลอง ร้านอาหารริมน้ำ  บางคนนั่งรอเรือออกหาอะไรทานเสร็จแล้วก็ทิ้งซาก+ถุง ลงน้ำ

      ลอยกระทงแค่วันเดียวคงไม่เป็นไรมั้งคะ จนท.กทม.เขาก็เอาเรือออกเก็บนะ

      จากคุณ: ning JFK.
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 09:15:18
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 32  

      เห็นด้วยกับ#22ครับ

      ลอยกระทงเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมานาน คนต่างชาติมองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงความเป็นเอกลักษ์ไทย ไม่ว่าจะป็นลอยกระทง สงกรานต์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยสร้างรายได้หลายแสนล้านบาท ถ้าลำพังธรรมชาติงดงามที่อื่นๆในโลกก็มีให้เลือกเยอะแยะไป ส่วนที่คนตัดสินใจมาเที่ยวเมืองไทยส่วนหนึ่งก็คืออยากมาสัมผัสวัฒนธรรมเหล่านี้นี่เอง

      คนไทยบางคนพอเข้าหน้าเทศกาลเหล่านี้ก็เที่ยวค่อนขอดวัฒนธรรมของตนว่าสร้างความเสื่อมเสีย ทั้งที่ถ้ามองอย่างเป็นธรรมแล้วปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากคนที่ไม่เข้าใจในวัฒนธรรมที่ถูกต้องและเล่นสนุกโดยความคะนองทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นประทัดหรือเด็กแว๊น  เมื่อรู้อย่างนี้แล้วการแก้ปัญหาจึงควรเผยแพร่วัฒนธรรมที่ถูกต้องหรือยกเลิกวัฒนธรรมทั้งหลายไปเลยกันแน่

      ประเภณีเหล่านี้ไม่ใช่ภาคบังคับครับคนไทยส่วนใหญ่เห็นพ้องกันมันจึงเกิดขึ้นและสืบทอดมา  ใครที่ไม่พอใจก็นอนอยู่บ้านเฉยๆก็ได้

      จากคุณ: ลิงจุ่น
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 09:27:40
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 33  

      ประเพณี เพี้ยน

      จากคุณ: thakoop
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 09:32:39
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 34  

      ไม่มองด้านลบก็ไม่ต่างจากหลอกตัวเองนั่นแหละ

      พิธีกรรมดั้งเดิืมทำไปเพื่อบูชาเทพในฮินดู-พราห์ม แต่จะทำตามก็ต้องดัดแปลงไปตามกาลเวลา

      กระทงย่อยสลายได้ ในแง่นึงก็ดี แต่ถ้าปริมาณมหาศาลมันจะกลายเป็นทำให้เกิดมลภาวะมากขึ้นเสียอีก ลองนึกถึงตู้ปลาที่ไม่เคยเก็บเศษอาหารที่ปลากินไม่หมดเลยดูสิครับ เน่าขนาดไหน แล้วนี่คนไทยทิ้งขยะย่อยสลายได้พร้อมกันทีละเป็นล้านคน มันจะย่อยสลายได้หมดไหม หรือจะทำให้แม่น้ำ/สระ เน่าก่อนกัน? ถึงจะเปลี่ยนเป็นขนมปังปลากินได้ แล้วมันกินหมดไหม? ถ้าไม่หมดก็ไม่ต่างจากทิ้งขยะสดลงแม่น้ำนั่นแหละ

      ไม่ได้บอกให้หักดิบยกเลิก แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม การใช้กระทงโฟม แต่มีการจัดการตามเก็บที่ดี อาจจะลดมลภาวะมากกว่าเสียอีก

      ทีชาวบ้านริมคลองทิ้งน้ำเสียลงแม่น้ำ ก็ด่ากันว่าชาวบ้านเลวงั้นเลวงี้ แต่ตัวเองทิ้งขยะสดลงแม่น้ำบ้าง ดันอ้างว่าเพื่อวัฒนธรรม?

      เลิกหลอกตัวเองก่อนแล้วเราจะพัฒนาได้ครับ

      จากคุณ: ....4จุด
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 09:51:07
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 35  

      ผมลอยทุกปี มีความสุขทุกปี ไม่คิดอะไรสุดโต่งให้รกใจ

      จากคุณ: AW Milan
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 10:22:17
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 36  

      วัฒนธรรม ความเชื่อต่างต่างของเราก็มีทั้งข้อดีข้อเสียทั้งนั้นค่ะ..

      เหมือนกับเทศกาลลอยกระทง...
      มองในแง่ดี ก็ช่วยให้เงินหมุนเวียน การท่องเที่ยวคึกคัก คนเฒ่าคนแก่จิตใจเบิกบาน ลูกหลานพาไปเดินเล่นเดินเที่ยววันลอยกระทง


      มองในแง่ที่ไม่ดี ก็อาจมองในแง่ที่ว่า ทำให้ขยะเพิ่มมากขึ้น เสียงประทัดรกหู คนเยอะรถติด อะไรประมาณนี้..


      ทุกอย่างล้วนมีมุมให้เลือกมองค่ะ...อยู่ที่ว่าเราจะมองมุมไหน
      อยู่ที่ว่าประโยชน์ที่เราได้รับ กับข้อเสียที่เราจะเจอ อันไหนจะมากกว่ากัน..

      ในความคิดส่วนตัวนะคะ ลอยกระทงหนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็เก็บกวาดให้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย อาจเหลือตกค้างบ้าง แต่ก็คงไม่ได้ทำให้น้ำเน่าเสียมากไปกว่า การทิ้งขยะลงน้ำไปทุกวัน

      รณรงค์ให้ทิ้งขยะให้เป็นที่ ไม่ทิ้งขยะไม่ปล่อยน้ำเน่าเสียลงแม่น้ำลำคลอง..
      แล้วก็ลอยกระทงกันปีละครั้ง....แม่น้ำลำคลองเราคงไม่เน่าเสียหรอกมั้งค่ะ...wink

      จากคุณ: primjang
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 10:59:12
      ถูกใจ: เกียรตินำ, จนใจจริงจ้า

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 37  

      #34
      เราบอกแล้วไม่ใช่เหรอ แค่วันเดียวคงเป็นไร เพราะ จนท.กทม.เขานั่งเรือออกเก็บ

      แต่พวกที่ทิ้งขยะลงน้ำทุกวันนี่มันก็เหลือทน จะเป็นคนหรือโรงงานก็เหอะ
      แล้วคุณจะเอามามองในแง่มุมเดียวกันได้ไง

      คุณเหมารวมไม่ได้หรอก ลอยกระทงมีมาแต่สมัยไหน ไม่ทำลายมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วเรอะ!!!

      จากคุณ: ning JFK.
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 11:25:54
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 38  

      แรกเริ่ม เค้าไม่ได้ใช้ธูปเทียนอย่างประเดี๋ยวนี้หรอกขอรับ

      จากคุณ: whitesmiths_hope
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 11:39:24
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 39  

      ผมว่าทฤษฏีกระทงโฟม เป็นทฤษฏีที่ต้มคนไทยได้พักนึง ฟังดูเหมือนดีกว่า มีการจัดเก็บง่าย มีการรีไซเคิล โถ่ ก็เอาไปฝังกลบเหมือนกันทั้งนั้น ปัญหาก็อยู่ค้างไว้แบบเดิม กระทงธรรมชาติ โดนโจมตีว่าทำน้ำเน่าอย่างนั้นอย่างนี้ถ้าไม่เก็บ แล้วทำไมไม่เก็บละ เห็นจนท.ตอนเช้าเก็บซะเกลี้ยง ถ้ารอดหูรอดตาไปก็ทำลายธรรมชาติน้อยกว่า ขนไปทิ้งก็ฝังกลบไม่มีปัญหาตามมาเหมือนโฟม อย่าโดนนักปราศัยหลอกบ่อยเลย คนไทยชอบนักโต้วาทีปราศัยเก่งจุดประเด็น

      จากคุณ: หลับตา
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 12:21:00 A:58.64.64.75 X: TicketID:173601
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 40  

      ผมว่า

      ในสมัยก่อน ประชากรในประเทศของเรามันน้อยมากครับ และแหล่งน้ำธรรมชาติของเราก็ยังมีเยอะและสะอาด

      การลอยกระทง จึงไม่ได้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมใดๆ

      แต่ปัจจุบัน ประเทศเรามีประชากร 60 กว่าล้านคน
      แค่ 1% ที่ลอยกระทง ก็จะมีกระทงในน้ำ 600,000 อัน

      จากคุณ: LAPD21
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 13:03:08
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 41  

      วันนี้ยังพูดกับแฟนอยู่เลยค่ะ ว่าการลอยกระทงนี่มันได้มากกว่าเสียหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมา มันก็กระตุ้นการท่องเที่ยวดีนะ ชาวบ้านร้านค้า รวมถึงคนอีกหลากหลายอาชีพได้มีรายได้ พ่อของเพื่อนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ได้รายได้เพิ่มขึ้นไปจุนเจือครอบครัว
      ^^ แต่ที่แน่ๆเรากับแฟนได้มีเวลาที่แสนพิเศษด้วยกันเพิ่มขึ้นจากทำแต่งานวันๆแทบจะไม่ได้พูดกัน รวมถึงสมัยเด็กๆที่ได้ทำกระทงร่วมกับแม่ ป้า น้า อา คุณย่า พี่ๆน้องๆ เป็นที่สนุกสนาน อยู่ด้วยกัน แต่วันนี้อยู่ไกลบ้าน ได้แต่โทรไปถามพ่อกับแม่ว่า ลอยกระทงที่ไหน ของบ้านคุณย่าหรือของบ้านเราสวยกว่ากัน ถามสารทุกข์สุขดิบ ให้คนไกลบ้านได้คลายความคิดถึง แค่นี้มันก็มีค่ามากสำหรับเราแล้วล่ะค่ะ อยากให้มีประเพณี้นี้ต่อไปค่ะ  
      ปล. 1บ้าน 1กระทง นะคะ

      จากคุณ: feul cell
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 14:15:30
      ถูกใจ: จนใจจริงจ้า

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 42  

      ความเชื่อ  ศรัทธา  ความสุขทางใจ  เป็นที่มาของการกระทำที่สวยงาม

      จากคุณ: เราเอง (ลูกแม่ติ๋ม)
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 15:20:52
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 43  

      ลุงเต่า  แกจะต่อต้านวัฒนธรรมไทยไปถึงไหน ทำไมไม่บ่นวัฒนธรรมคนอื่นบ้าง เช่น กินเจทรงเจ้าแทงหอก ขว้างก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ที่ซาอุ อาบน้ำลอยศพที่คงคา
      ฯลฯ  

      เบื่อกระทู้ประเภทนี้ พอเทศกาลสงกรานต์มาถึง มันก็จะมีกระทู้ต่อต้านขึ้นมา ตอนนี้ถึงคราวลอยกระทง โชคดีที่ไม่ต่อต้านวันวิสาขบูชา มาฆบูชา เหอๆ

      สาดดดดดดดดด

      จากคุณ: Djarlln
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 15:21:34
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 44  

      ผมจำได้สมัยสมัครฯ เป็นผู้ว่าฯ เขาบอกว่า ไม่เคยตามเก็บกระทงได้หมด เพราะกระทงหลายๆชนิดก็หนักจมน้ำไปโดยเฉพาะำกระทงที่ทำจากธรรมชาิติ จมน้ำง่ายและเร็วมาก จมแล้วกู้ลำบากเพราะน้ำลึก ที่ตามเก็บได้ ก็ไม่ถึงครึ่ง พอวันถัดมาคุณไม่เห็นมันลอยอยู่แต่จริงๆแล้วมันจมกลายเป็นขยะสดใต้แม่น้ำนั่นแหละ

      เอาไปเทียบกับสมัยโบราณไม่ได้หรอกครับ จำนวนคนสมัยนั้นเท่าไร สมัยนี้เท่าไร? มันอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้น้ำเน่าเสียอย่างรุนแรงเหมือนน้ำทิ้งจากโรงงาน แต่มันก็ไม่ใช่ปัจจัยเล็กน้อยที่จะมองข้ามโดยอ้างเรื่องวัฒนธรรมเลยนะครับ ถึงจะแค่วันเดียว แต่มันก็คือมหกรรมทิ้งขยะลงน้ำแห่งชาติดีๆนี่เอง

      บางคนก็แปลก ไม่มีใครคคห.ไหนบอกให้หักดิบเลิกวัฒนธรรมนี้สักหน่อย เขาเสนอแนะว่า ทำกระทงให้จัดเก็บง่ายด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน(หรือกลับกันใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บที่ดีกว่าเดิม?) จะได้ไม่หลงเหลือกลายเป็นขยะสดลงแม่น้ำลำคลองตะหากล่ะครับ หากไม่คุยในประเด็นเดียวกัน คุยกันไปอีกหลายสิบคคห.ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรขึ้นมาเลย

      จากคุณ: ....4จุด
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 16:52:44
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 45  

      ผมคิดว่าแค่พยายามรณรงค์ให้ลอยกันในสถานที่ซึ่งจัดไว้ เช่นบ่อน้ำในสวนสาธารณะ หรือในบริเวณเขตแหล่งน้ำจำเพาะก็พอ

      แต่ที่ควรต่อต้านคือ พวกเอาประทัด ดอกไม้เพลิงมาเล่นแบบไม่ดูสถานที่ และส่งเสียงก่อความรำคาญมากกว่า

      จากคุณ: อุ้ย (digimontamer)
      เขียนเมื่อ: 3 พ.ย. 52 18:06:43

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อังคาร, 03 พฤศจิกายน 2009 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้6
mod_vvisit_counterเมื่อวาน2096
mod_vvisit_counterทั้งหมด10717606