อำพัน |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
พฤหัสบดี, 01 ตุลาคม 2009 | |
ชาวบ้านตื่นเก็บอำพันจากวาฬกลางทะเลพังงา
นายเยี่ยมสุริยา กล่าวว่าการพบ อำพัน ของราษฎรในอำเภอคุระบุรีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดี เพราะแสดงให้เห็นว่าจังหวัดพังงายังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เป็นแหล่งอาศัยและหากินของวาฬ และสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งใกล้สูญพันธุ์อีกหลายชนิด นอกจากจะมีคุณค่าทางธรรมชาติแล้ว ยังจะก่อให้เกิดผลดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา ซึ่งกำหนดจะเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ดร.สุพจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยืนยันได้ว่าสิ่งที่ราษฎรเก็บได้ เป็น อำพัน ที่เกิดมาจากการสะสมอาหารในรูปไขมันของปลาวาฬหัวทุย ซึ่งกินปลาหมึกเป็นอาหาร โดยจะขับถ่ายออกมาพร้อมกับมูลปลาวาฬ สามารถนำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอม และผสมยาจีนสำหรับบำรุงกำลัง จึงทำให้มีมูลค่าสูงมาก เพราะหายาก ปกติจะพบเป็นเศษ แต่ครั้งนี้พบเป็นก้อนขนาดใหญ่มีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม การพบครั้งนี้ไม่ใช่เป็นลางบอกเหตุร้าย และไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าจะเป็นลางไม่ดีอย่างที่ราษฎรบางรายเข้าใจผิดอยู่ แต่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าชายทะเลและชายฝั่งของจังหวัดพังงา ยังมีความสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยและหากินของสัตว์น้ำนานาชนิด ดูจากขนาดและความสมบูรณ์ของอำพันที่ราษฎรในพื้นที่เก็บได้นี้ น่าเชื่อว่าจะมาจากการขับถ่ายของปลาวาฬหัวทุย ขนาดใหญ่ความยาวไม่น้อยกว่า 20 เมตร น้ำหนักมากกว่า 15 ตัน ซึ่งเข้ามาหากินบริเวณใกล้ชายฝั่งทะเลของจังหวัดพังงา อ้างอิง http://www.giggog.com/crime/cat4/news22919/
อัมพันจากทะเล ขี้ปลาวาฬ กก.ละหมื่นบาทชาวประมงพังงา ออกเรือเก็บ "ขี้ปลาวาฬ" หรืออัมพัน กลางทะเล ชี้นำไปสกัดเป็นน้ำหอมคุณภาพดี และทำเป็นยารักษาโรคบางอย่างได้ มีราคาซื้อ-ขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละนับหมื่นบาท .... อ้างอิง http://www.thairath.co.th/content/region/36542ไทยรัฐออนไลน์วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2552---------------------------- ชาวบ้านไม้ขาวภูเก็ตพบขี้ปลาวาฬ ผู้เชี่ยวชาญชี้เหตุจากคลื่นลมแรงเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันที่ 2 ตุลาคมนี้ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากตัวแทนประชาชนที่อยู่อาศัยใกล้กับบริเวณ ชายหาดไม้ขาว ที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม เจ ดับบลิว มาริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ว่าพบวัตถุลักษณะคล้ายขี้วาฬ โดยกลุ่มประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้พยายามเก็บรวบรวมไว้มากถึง 10กิโลกรัม และยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวเหมือนกับสิ่งที่ประชาชนพบที่บ้านหินลาด ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 30 กันยายนนี้ อย่างไรก็ดีเมื่อเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ชายหาดไม้ขาวที่ประชาชนอ้างว่า เก็บขี้วาฬได้พบว่าในปัจจุบันชายหาดนี้เปิดเป็นร้านขายอาหาร-ของที่ระลึกและนวดแผนโบราณริมชายหาดและมีกลุ่มประชาชนจำนวนมากยืนมุงดูวัตถุที่เชื่อว่าเป็นขี้วาฬ มีลักษณะสีขาวขุ่นอมเหลือง ส่งกลิ่นคาวเล็กน้อยและชาวบ้านเก็บไว้ในถุงพลาสติกใสสีขาวจำนวน2 ถุง มีน้ำหนักประมาณ10 กิโลกรัม จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องทราบว่าถ้าเป็นขี้ปลาวาฬหรือน้ำเชื้อปลาวาฬจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม คือจะมีโรงงานมารับซื้อไปทำน้ำหอมหรือเครื่องสำอางชื่อดัง และเมื่อวันที่ 30 กันยายนี้ได้มีประชาชนบ้านหินลาด จังหวัดพังงาพบขี้วาฬเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกันและประชาชนทั่วไปตื่นตัวและสนใจข่าวดังกล่าวมาแล้ว นางวิภาดา ก้านขาว อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 หมู่ที่ 2 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เจ้าของวัตถุที่เชื่อว่าเป็นขี้วาฬกล่าวว่า ตนเองมีอาชีพเป็นหมอนวดชายหาดให้บริการนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ที่โรงแรม ใกล้ชายหาดจนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาพบเห็นขี้วาฬถูกคลื่นซัดลอยมาติดชายหาดเป็นจำนวนมาก และเห็นกลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไม้ขาวและหมู่บ้านใกล้เคียงต่าง มาเก็บกลับไปไว้ที่บ้านเช่นเดียวกัน และเฉพาะตนเองได้เก็บสะสมไว้เรื่อยมาจนถึงวันที่ 2 ตุลาคมนี้ จนกลายเป็นก้อนขนาดใหญ่ มีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม นางวิภาดา ก้านขาว กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบชาวไทยใหม่หรือชาวเลในสมัยก่อนเคยบอกว่าถ้าพบขี้วาฬดังกล่าวถูกคลื่นซัดลอยมาติดชายหาด ขอให้เก็บไว้ เพราะสามารถขายได้ราคาสูง เนื่องจากเป็นที่ต้องการของโรงงานทำน้ำหอมหรือเครื่องสำอาง แต่ขณะนี้ยังไม่มีพ่อค้าหรือโรงงานมาติดต่อขอรับซื้อแต่อย่างใด จึงต้องเก็บรวบรวมเอาไว้ก่อน ในขณะที่นายสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า วัตถุที่ชาวบ้านพบ คือ ขี้วาฬหรืออำพันปลาวาฬ เป็นสิ่งที่วาฬหัวทุยถ่ายติดมากับอุจจาระ เป็นสารประเภทไขมัน หรือ Red tide ที่วาฬย่อยไม่ได้ ที่สำคัญพบเฉพาะวาฬหัวทุยเท่านั้น เนื่องจากกินหมึกเป็นอาหารวันละหลาย 100 กิโลกรัม ทำให้มีไขมันสะสมมาก ในทางวิชาการนั้นแต่ละตัวจะมีขี้วาฬประมาณ 1 ตันและจะถ่ายเป็นประจำ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายกลายเป็นอาหารของสัตว์ทะเลชนิดอื่นได้ นอกจากนี้นายสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ กล่าวว่าในอดีตมีการล่าวาฬชนิดนี้ เพื่อนำไขมันของมันไปสกัดเป็นน้ำหอม และในระยะนี้ในทะเลอันดามันพบมากทั้งที่บ้านหินลาด อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาและที่ชายหาดไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากเป็นช่วงที่คลื่นลมแรง ในช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พาดผ่านพื้นที่ ทำให้พัดขี้วาฬเข้าสู่ชายฝั่ง เพราะตามปกติแล้วจะลอยอยู่กลางทะเลเท่านั้น สำหรับพฤติกรรมของวาฬหัวทุย มักจะหากินในทะเลลึก หรือไม่ว่ายเข้าใกล้ฝั่ง ยกเว้นเข้ามาคลอดลูกเท่านั้น สำหรับสถิติข้อมูลกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต ที่จัดเก็บมาตั้งแต่ปี 2516 ถึงปัจจุบันพบซากและตัวเป็น ๆ ของวาฬหัวทุยในทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนอง ไปถึงจังหวัดสตูล จำนวนทั้งสิ้น13 ตัว
อ้างอิง http://news.phuketindex.com/government/phuket-67-173170.html
|
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( จันทร์, 05 ตุลาคม 2009 ) |
< ก่อนหน้า |
---|