Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow Search
ไหว้พระจันทร์ PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
พฤหัสบดี, 01 ตุลาคม 2009

ตำนานและประวัติประเพณีไหว้พระจันทร์

vote  

ใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์ อันเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของพี่น้องชาวจีน สำหรับปี พ.ศ. 2552 นี้ตรงกับวันที่ 3 ตุลาคม 2552 จึงได้รวบรวมตำนานและประวัติต่างๆเกี่ยวกับประเพณีไหว้พระจันทร์มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เป็นวันไหว้พระจันทร์ของชาวจีน

         ภาษาจีนเรียกวันไหว้พระจันทร์ว่า" จงชิว " ที่มาของคำว่าจงชิวนี้คือ เดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติตกอยู่ช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง (เดือนเจ็ดและเดือนแปดอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง หนึ่งฤดูแบ่งเป็น เมิ่ง จ้ง จี้ ) ดังนั้นก็เลยเรียกว่า " จ้งชิว " ประกอบกับวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนแปดก็ตกอยู่ในช่วงกลางของเวลาที่เรียกว่าจ้งชิวนี้ จึงเรียกเทศกาลดังกล่าวว่า" จงชิว " ด้วย
         ในคืนวันไหว้พระจันทร์ ดวงจันทร์สว่างและกลม ถือว่าสวยที่สุด ผู้คนถือว่าดวงจันทร์ที่กลมเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความสามัคคี ดังนั้นจึงเรียกเทศกาลนี้ว่า " เทศกาลแห่งความกลมเกลียว "
         เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลดี เป็นเทศกาลที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องดวงจันทร์ของชาวจีนอย่างแนบแน่น เช่นเรื่อง " ฉังเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์ " ถือว่าเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมาก

         วันไหว้พระจันทร์ เป็นการไหว้ครั้งที่ 6 ของปี เรียกการไหว้ครั้งนี้ว่า "ตงชิวโจ่ย" การไหว้พระจันทร์ของคนจีน เป็นที่รู้จักกันดีกว่าเทศกาลไหว้อื่นๆ เพราะมีเรื่องราวที่น่าสนใจ เป็นการไหว้เจ้าแม่กวนอิม และมีของไหว้ที่เป็นแบบเฉพาะ เช่นมีขนมไหว้พระจันทร์ มีต้นอ้อย โคมไฟ เทศกาลนี้เป็นอุบายในการปลดแอกชาติจีน ออกจากการปกครองของพวกมองโกล
         วันไหว้พระจันทร์ ถือเป็นวันสารท เพราะตรงกับวันกลางเดือน คือวันที่ 15 ถ้าเป็นตรุษจะเป็นวันที่ 1 ของเดือน ตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 ของจีน และถือเป็นวันกลางเดือนของเดือน กลางฤดูใบไม้ร่วง ด้วยว่าประเทศจีนนั้นแบ่งวันเวลา เป็น 4 ฤดูกาล ฤดูหนึ่งมี 3 ดวง คือ ชุง แห่ ชิว ตัง คือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูฝน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ตามมลำดับ

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:45:25
ถูกใจ: tongboy, หรงเออร์, CVTบ้านโป่ง, peiNing, Fortunism, แพนด้ามหาภัย, แปลงนาม, Noshka, บุณฑริก


 
 
 

ความคิดเห็นที่ 1  

ขนมที่ทำมาเป็นพิเศษในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ก็คือ ขนมเปี๊ยก้อนใหญ่พิเศษ ไส้หนา มีขนมโก๋สีขาว ขนมโก๋สอดไส้ ขนมโก๋สีเหล์อง เมื่อไหว้เสร็จก็แบ่งกันรับประทานในครอบครัว

ประเพณีไหว้พระจันทร์นั้นนอกจาก ประเทศไทยแล้ว ประเทศอื่นๆทั่วโลกที่มีชน ชาวจีนไปตั้งถิ่นฐาน ก็จะปฏิบัติเช่น เดียวกัน คือทุกปีในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนแปด ชาวจีนจะตั้งโต๊ะจัดของสักการะบูชาพระจันทร์ เพื่อเป็น การขอพรให้กับครอบครัวและให้กับชีวิตของ ตนเอง ของแต่ละอย่างบนโต๊ะก็จะมีความหมาย ต่างๆ กันไปหากวิธีการจัดโต๊ะของแต่ละประเทศก็ จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสิ่งของที่หาได้และผลไม้ ในประเทศที่มีซึ่งโดยปรกติก็จะไม่ฟันธงกำหนด ตายตัว หากแต่ผลไม้ที่ใช้ก็จะเน้นให้เป็นผลกลมเพื่อ ความกลมกลึงของชีวิตและหมายถึงความกลมของ พระจันทร์

         แต่ที่จะขาดไม่ได้เลยคือขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งจะเป็นขนมอบใส่ไส้ผลไม้กวนหรือถั่วแดงกวน เม็ดบัว และไข่เค็มเฉพาะไข่แดง สิ่งของอย่างอื่นๆ บนโต๊ะก็จะประกอบไปด้วยสิ่งละอันพันละน้อย ที่มีความ หมายแตกต่างกันไปอย่างเข่น ขนมอี้ ซึ่งเป็นแป้งลูกกลมๆสีแดงสดใสใส่ในน้ำเชื่อมหวาน ซึ่งเปรียบเหมือนชีวิตที่หวานสดชื่น

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:46:43
ถูกใจ: peiNing, Fortunism, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 2  

ขนมโก๋ ที่เป็นแป้งหวานสีขาว รูปทรงต่างๆ ลวดลายสวยงามเพื่อเป็นการขอผิว พรรณที่ขาวสวย ผลไม้ต่างๆ 5 ชนิดที่มีผลกลม เหมือนพรที่ขอเพื่อให้ชีวิตสุขสดชื่นรวมไปถึง ชีวิต ครอบครัวที่มีความสุขความสามัคคี ในบ้านเจดีย์น้ำตาล เป็นตัวแทนของ ปราสาทแห่งสวรรค์ถั่วหวานขนมหวาน เคลือบน้ำตาล ขนมเปี๊ยที่มีอักษรมงคล ประทับสีแดงอยู่กลางขนม ของประดับอื่นๆ ก็จะมีกระดาษรูปเซียน 8 องค์ คำกลอนต่างๆ ในกระดาษสีแดงสดใส เทียนดอกใหญ่ สีแดงที่เขียนคำขอพรไว้ กิ่งหลิว ดอกไม้สีสัน สดสวยอ้อยต้นโตเพื่อนำมาทำ เป็นซุ้มประตู โคมไฟลวดลายงามตา การตั้งโต๊ะจะต้องตั้งให้เรียบร้อยก่อน พระจันทร์จะลอยสูงเกินขอบฟ้า และเก็บก่อนที่ พระจันทร์จะเลยหัวไปหรือเมื่อเทียนดอก ใหญ่ดับลง หันโต๊ะไปทางทิศตะวันออก

         โดยเริ่มด้วยซุ้มประตูที่ทำจากต้นอ้อยผูกโคมไฟ ไว้กับต้นอ้อย ให้สวยงามวางกระถางธูป เทียนไว้ด้าน หน้าสุด ดอกไม้วางไว้สองข้าง ขนมอี้ใส่ถ้วยแล้วแต่ พื้นที่บนโต๊ะจะอำนวย 5 - 8 ถ้วยก็ได้วางถัดมา แล้วนำ เจดีย์น้ำตาลวางไว้สองข้างถัดจาก ขนมอี้ ขนมเปี๊ยใส่ จานจัดไว้ถัดมา ใต้เจดีย์อาจนำคำกลอนในกระดาษ แดงมาวางก็ได้ผลไม้ 5 ชนิดจัดวางตาม ความ สวยงาม ต่อด้วยขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดเป็น เรียงชั้นๆ ขนมโก๋ และขนมหวานเคลือบน้ำตาลต่างๆ รอบโต๊ะวางประดับประดาด้วยกระดาษลวดลาย ต่างๆ ที่มี อย่างไรก็ดีการจัดตั้งโต๊ะนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แล้วแต่ใครมีวิธีการที่ ต่างกันไปเน้นความสวยงามเป็น หลักดังนั้น ใครคิดว่าจัดอย่างไรจึงสวยที่สุดก็ให้จะจัด กันตามนั้น

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:47:34
ถูกใจ: peiNing, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 3  

ทุกวันนี้วันไหว้พระจันทร์มีความหมายที่ เปลี่ยนไปแล้ว สำหรับบางคน ในวันนี้เป็นวันที่ครอบครัว ซึ่งได้ห่างจากกันไป ลูกสาวที่แต่งออกจากบ้าน บุตรหลานที่ โยกย้ายออก ไปมีบ้านใหม่ ก็จะกลับมาเยี่ยมเยี่ยนให้พร้อม หน้าพร้อมตา กินขนมหวาน ชมพระจันทร์ในคืนที่มี ความสุกสว่างกลมโตที่สุดในรอบปี ไม่แน่คืนนี้คุณ อาจเห็นนางฟ้าผู้งดงามที่อาศัยอยู่ในพระจันทร์กำลัง มองลงมาที่คุณก็ได้

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:48:20
ถูกใจ: peiNing, Fortunism, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 4  

ตำนานกำเนิดกระต่ายหยก
ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระจันทร์นั้นมีมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอู๋กัง ผู้ฝักใฝ่อยากเป็นเซียนจนไม่ศึกษาเล่าเรียน ถูกเง็กเซียนฮ่องเต้ลงโทษให้ตัดต้นไม้อยู่บนดวงจันทร์ แต่ทุกครั้งที่ลงขวานรอยแยกของต้นไม้จะประสานกันเหมือนเดิม จึงทำให้อู๋กังไม่สามารถตัดต้นไม้ได้เสียที และเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดมา หรือจะเป็นตำนานฉางเอ๋อขโมยยาวิเศษโฮ่วอี้ ผู้เป็นสามี ลอยขึ้นมาสถิตอยู่ที่บนดวงจันทร์
รวมไปถึงตำนานกระต่ายหยกบนวังจันทราซึ่งมีเรื่องเล่าหลายเวอร์ชั่น บางตำราเล่าว่า ในมาแล้วเทพบนสวรรค์ 3 องค์ได้ลงมายังโลกมนุษย์และแปลงกายเป็นคนแก่น่าสงสาร 3 คน ไปขออาหารกับ จิ้งจอก ลิง และกระต่าย ทั้งจิ้งจอกและลิงนั้นต่างมีของกินสามารถช่วยเหลือแบ่งปันให้ผู้เฒ่าได้ มีเพียงแต่กระต่ายน้อยเท่านั้นที่ไม่มีหนทางช่วย กระต่ายน้อยจึงพูดขึ้นว่า “พวกท่านกินเนื้อของฉันเถอะ” ว่าแล้วก็กระโดดเข้าสู่กองไฟ เทวดาซาบซึ้งในน้ำใจของกระต่าย จึงได้ส่งกระต่ายขึ้นมาอยู่ที่วังจันทรากับเทพธิดาฉางเอ๋อนับแต่นั้น

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:52:44
ถูกใจ: peiNing, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 5  

เทพกระต่าย

ในบันทึกเยียนจิง (เป็นชื่อเรียกปักกิ่งในอดีต) ระบุไว้ว่า ในอดีต“เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์ ชาวเมืองจะนำดินเหลืองมาปั้นเป็นรูปกระต่ายออกจำหน่าย โดยเรียกกระต่ายเหล่านี้ว่า “เทพเจ้ากระต่าย” เนื่องจากจีนมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับกระต่ายหยกบนวังจันทรา ดังนั้นคนสมัยก่อนจึงเชื่อว่าเวลาไหว้พระจันทร์ก็ต้องถวายเทพเจ้ากระต่ายนั่นเอง"

ยังมีอีกตำนานเล่าขานเกี่ยวกับความผูกพันระหว่างเมืองปักกิ่งกับกระต่ายเทพ ว่ากันว่ามีอยู่ปีหนึ่งในเมืองปักกิ่งบังเกิดโรคอหิวาตกโรคระบาดหนัก เกือบทุกบ้านมีผู้ติดเชื้อ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เมื่อเทพธิดาฉางเอ๋อซึ่งอยู่บนดวงจันทร์ได้มองลงมาเห็นภัยพิบัติบนโลกมนุษย์ ก็ให้รู้สึกทุกข์ใจยิ่ง จึงได้ส่งกระต่ายหยกข้างกายที่ปกติตำยาอยู่บนดวงจันทร์ลงมารักษาโรคชาวบ้าน

กระต่ายหยกแปลงกายเป็นหญิงสาวไปรักษาผู้คนหายจากโรค ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งใจในความช่วยเหลือ จึงได้ตอบแทนด้วยการให้สิ่งของ แต่กระต่ายหยกไม่ยอมรับสิ่งใดเลย แค่ขอยืมชุดชาวบ้านใส่ ไปถึงไหนก็จะเปลี่ยนชุดไปเรื่อย บางทีก็เห็นแต่งกายเป็นคนขายน้ำมัน บ้างก็เป็นหมอดูดวง บ้างแต่งกายเป็นชาย บ้างแต่งเป็นหญิง และเพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น กระต่ายหยกจะขี่ม้าบ้าง กวางบ้าง สิงโตบ้าง หลังจากกำจัดโรคภัยให้ชาวเมืองเสร็จเรียบร้อย กระต่ายหยกก็กลับขึ้นไปยังวังจันทรา นับแต่นั้นมาชาวบ้านจึงได้กราบไหว้บูชาเทพเจ้ากระต่าย หลังจากผ่านกาลเวลาหลายสมัย ด้วยความกล้าของศิลปินจีนจึงได้พัฒนารูปลักษณ์ของเทพเจ้ากระต่ายให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น โดยช่างจะปั้นให้กระต่ายเทพมีเศียรเป็นกระต่ายร่างกายเป็นคน มือถือสากหยกตำยา ประทับอยู่บนสัตว์พาหนะ ที่เห็นบ่อยๆ ก็คือ เสือ

ส่วนต้นกำเนิดความเชื่อของเทพเจ้ากระต่ายมีขึ้นในสมัยใดนั้น ยังเป็นที่ถกเถียง แต่ที่แน่ๆ คือในสมัยราชวงศ์หมิงชาวบ้านก็เริ่มนิยมนำเทพเจ้ากระต่ายมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้พระจันทร์แล้ว จวบจนในสมัยราชวงศ์ชิงบทบาทของเทพเจ้ากระต่ายเริ่มเปลี่ยนแปลงกลายมาเป็นของเล่นเด็กในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพราะสมัยก่อนหากคิดจะกล่อมให้เด็กเชื่อฟัง พ่อแม่ก็มักจะเอาเรื่องเล่าของเทพเจ้ามาหลอมรวมกัน ดังนั้นเทพเจ้ากระต่ายจึงนับเป็นของเล่นเก่าแก่ของเมืองหลวงจีนและยังเป็นงานศิลปะที่สะท้อนชีวิตชาวปักกิ่งในวารวันด้วย ปัจจุบันใครได้ไปปักกิ่งคงยังเห็นเทพเจ้ากระต่ายในบางร้าน แต่ก็ไม่พรั่งพรูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:53:58
ถูกใจ: peiNing, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 6  

" ฉังเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์ "
         กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อสมัยที่โลกยังคง มีดวงอาทิตย์ สิบดวงล้อมรอบผลัด เปลี่ยนหมุนเวียน ให้แสงสว่างและความร้อน พื้นพิภพเต็มไปด้วยจอม ยุทธ์ และผู้กล้า ผู้คน อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุขจน ทำให้เป็นที่อิจฉาของเหล่าเซียนเทวดา และพวก เขาก็มีรู้สึกว่าผู้คนเริ่มไม่ให้ความเคารพนับถือ จึงพากันฉุดรั้ง ดวงอาทิตย์ทั้งสิบดวงให้สาดส่อง แสงอันแรงกล้าลงมายังพื้นโลกพร้อมกัน ทำให้โลก ร้อนระอุและเผาไหม้เป็นไฟ เพื่อหวังที่จะให้ผู้คน ขอร้องและกลับมาเกรงกลัวเหล่าเซียนอีกครั้ง แต่แผนการก็ต้องล้มเหลวเมื่อมีชายหนุ่มนักแม่นธน ูนาม ฮัวหยี่ อาสาที่จะช่วยเหลือโดยยิงธนูเพื่อดับ ดวงอาทิตย์และฮัวหยี่ก็ทำได้สำเร็โดยยิงดวง อาทิตย์ไปเก้าดวง เหลือดวงที่สิบไว้เพียงดวงเดียว เพื่อยังคงส่งแสงสว่างให้แก่โลก ทำให้พื้นพิภพ กลับมาสงบสุขอีกครั้งผู้คนต่างร่ำร้องสรรเสริญ ฮัวหยี่ว่าเป็นวีรบุรุษและแต่งตั้งให้เขาเป็นฮ่องเต้ แต่ก็โชคร้ายเหลือเกินอาทิตย์ดวงที่เก้าที่ เขายิงตก เป็นราชบุตรขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ พระจักรพรรดิ์ แห่งสวรรค์ ซึ่งทรงกริ้วและเสียพระทัยกับการ สูญเสียราชบุตรสุดรักไป จึงสั่งให้นางกำนัลแห่งสวรรค์ นาม ฉางอี นำยาพิษไปให้ ฮัวหยี่ โดยให้หลอกว่าเป็นยา อายุวัฒนะหากกินก็จะทำให้สามารถมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ฉางอีได้รับคำสั่ง จึงนำยาไปมอบให้แก่ ฮัวหยี่ แต่เมื่อนาง เห็นหน้าชายหนุ่มก็เกิดความรักและเห็นใจ

         ฮัวหยี่ก็เช่นกันเมื่อได้เห็นความงามของ ฉางอีก็เกิด ความรักขึ้น แต่นางฉางอีก็คงส่งมอบยา ให้แก่ฮัวหยี่ตามคำสั่งที่ได้รับมาหากแต่บอกว่ายานี้ จะยัง ไม่สามารถกินได้จนถึง วันที่ 15 ค่ำเดือนแปด ด้วยความหวังว่านางอาจจะสามารถหาวิธีที่ทำ ให้เง็กเซียน ฮ่องเต้ทรงเปลี่ยนพระทัย หรือหาวิธีช่วย ชีวิตชายคนรักได้ นางใช้ชีวิตอยู่กับ ฮัวหยี่ถึง 7 วัน จนเมื่อถึงวันที่ 15 ค่ำตามที่นางได้กล่าวไว้กับ ฮัวหยี่ นางก็ยังคงไม่สามารถคิดหาวิธีช่วย ชีวิตฮัวหยี่ได้ ดังนั้น ในคืนวันที่ 15 ค่ำเดือนแปดก่อนที่ฮัวหยี่จะ ไว้ทันกินยาพิษ นางจึงตัดสินใจ ชิงกินยาพิษเม็ดนั้น แทนสามีสุดรัก แต่ยากลับไม่ได้ทำให้นางตาย ชั่วอึดใจนางก็รู้สึกว่าตัวของนางเบาและเริ่มล่อง ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าเบื้องบน ลอยสูงจนไปถึงดวงจันทร์ ด้วยความตื่นตระหนกนางเริ่มที่จะหายใจไม่ออก และเริ่มไอ ซึ่งทำให้ยาหลุดออกมาจากลำคอ ของนาง ด้วยนางนั้นไม่สามารถบินได้อีกนาง จึงไม่สามารถลอยกลับลงมายังโลกได้อีก นางจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในพระจันทร์นั้นเอง

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:55:37
ถูกใจ: peiNing, tongboy, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 7  

ตำนานขนมไหว้พระจันทร์ที่เกี่ยวโยงกับพงศาวดารจีน

เมื่อประมาณ 600 ปีก่อน เล่ากันว่ายุคสมัยปลายราชวงศ์หยวน เจงกิสข่านแห่งมองโกลเข้ายึดครองแผ่นดินใหญ่และปกครองชาวจีนอย่างเข้มงวด มีการริบอาวุธของชาวจีนและออกกฎข้อบังคับให้ชาวจีน 3 ครอบครัวมีมีดหั่นผักไว้ใช้ได้เพียง 1 เล่มเท่านั้น หากมีเกินจะถูกจับฐานเป็นกบฏ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวจีนแข็งข้อลุกขึ้นต่อสู้ นอกจากนี้ชาวจีน 3 ครอบครัวต้องรับภาระบริการเลี้ยงดูปรนนิบัติชาวมองโกล 1 คน
ภายใต้การปกครองและกฎระเบียบของมองโกล ชาวจีนได้ก่อตั้งขบวนการใต้ดินและคิดอุบายจัดงานไหว้พระจันทร์ขึ้น มีการทำขนมเปี๊ยะขนาดใหญ่มีไส้หนาและให้มีธรรมเนียมการมอบขนมให้กันในหมู่ญาติมิตร ที่จริงแล้วภายในขนมมีการซ่อนจดหมายนัดแนะกันกำจัดพวกมองโกล โดยกำหนดไว้ที่เวลาเที่ยงคืนของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งเป็นคืนที่กำหนดให้มีงานไหว้พระจันทร์

เมื่อถึงเวลาตีเกราะเคาะร้องบอกกันแล้ว ก็ลงมือสังหารชาวมองโกล ภายหลังเมื่อชาวจีนได้เอกราชคืน ได้ถือ วันเพ็ญเดือนแปด เป็นวันไหว้พระจันทร์เรื่อยมา จักรพรรดิที่ล้มล้างชาวมองโกลได้คือ “จูหยวนจาง” ผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิง นั้นเอง

ภาพประกอบ จักรพรรดิ์จูหยวนจาง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิง

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:58:10
ถูกใจ: peiNing, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 8  

เทศกาลไหว้พระจันทร์ ยังถือเป็นเทศกาลโคมไฟ อีกด้วย ซึ่งแต่ละแห่ง ตามสวนสาธารณะต่างตกแต่ง ประกวดโคมกันอย่างอลังการ

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 18:59:31
ถูกใจ: peiNing, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 9  

มีกาลจุดพลุเฉลิมฉลองในงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วย

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:00:38
ถูกใจ: peiNing, Fortunism, tongboy, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 10  

ขนมไหว้พระจันทร์ ถือเป็นเอกลักษณ์ซึ่งร้านค้าต่างๆ มีกลยุทธขายของหลากหลายแบบ ที่เห็นมีไส้หลากหลายให้เลือกกัน

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:03:21
ถูกใจ: peiNing, Noshka, บุณฑริก

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 11  

แบบใหญ่ อลังการ สำหรับจีน ผู้เป็นต้นกำเนิด

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:04:11
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 12  

แบบน่ารัก สำหรับเด็กๆ

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:04:36
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 13  

โฆษณากันด้วยขนมชิ้นโตๆ

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:05:18
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 14  

ละลานตามากเลย เพื่อนๆมากินกันเร็วครับ

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:06:32
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 15  

ถึงแม้ว่าเทคโลโลยีได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว ถึงกับขนาดมนุษย์ได้ไปเยี่ยมดวงจันทร์ แล้วก็ตาม (ไม่รู้ว่าจะเจอกระต่ายหรือไม่) แต่ดวงใจของชาวจีนทั้งหลาย ยังคงให้ความสำคัญกับประเพณีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:08:53
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 16  

สักวันหนึ่ง จีน จะเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจและยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:10:25
ถูกใจ: peiNing, Fortunism, offita

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 17  

ให้เพื่อนๆได้ชื่นชมพระจันทร์เต็มดวง ชัดๆ ในประเทศไทยไม่มีประเพณีไหว้พระจันทร์ แต่มีเรื่องราวและกลอนต่างๆเกี่ยวกับพระจันทร์ เช่น จันทร์เจ้าขาฯ, กระต่ายหมายจันทร์, ดวงจันทร์วันเพ็ญ เป็นต้น

ดวงจันทร์วันเพ็ญ    ลอยเด่นอยู่ในนภา
ทรงกลดสดสี    รัศมีทอแสงงามตา
แสงจันทร์อร่าม   ฉายงามส่องฟ้า
ไม่งามเท่าหน้า   นวลน้องยองใย
งามเอยแสนงาม   งามจริงยอดหญิงชาติไทย
งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา   จริตกิริยานิ่มนวลละไม
วาจากังวาน  อ่อนหวานจับใจ
รูปทรงสมส่วนยั่วยวนหทัย  สมเป็นดอกไม้ขวัญใจชาติเอย

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:12:58
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 18  

ตำนานและเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นที่เล่าขานต่อๆ กันมาและนี่คือ เหตุผลว่าทำไมชาวจีนจึงนับถือนางในพระจันทร์ กราบไหว้เพื่อให้ความดี ความงามของนางได้สาด ส่องลงมายังโลกมนุษย์ ให้เกิดความสงบสุขไป ทั่วหล้า ทำให้มนุษย์ที่เป็นหญิงได้มีรูปโฉมที่ งดงามเช่นนาง และขอให้ความดีงาม ของนางปกปักรักษา คุ้มครอง โลกมนุษย์ต่อไป

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:14:48
ถูกใจ: peiNing

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 19  

ขอพรจากดวงจันทร์ให้เพื่อนๆที่อ่านกระทู้ สดใส แข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง มากมายก่ายกอง ใช้ไม้หมดนะครับ

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:16:04
ถูกใจ: peiNing, Fortunism, Noshka

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 20  

Great!

จากคุณ: กินนรเริงร่า
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:29:32
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 21  

อ๊ากกกก ... อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ทุเรียนไข่คู่

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:33:33
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 22  

จองที่นั่งก่อนคนแรก..คืนนี้อ่านต่อครับ..

จากคุณ: เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy)
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 19:50:50
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 23  

ที่นครปฐม สมัยก่อน จะมีอยู่ย่านนึง เรียกว่า หน้าวัดเสน่ห์  ปลูกห้องแถวไม้เก่าๆไล่เรียงกัน พอถึงเทศกาลนี้ แต่ละบ้าน จะจัดแต่งหน้าบ้านตัวเอง อย่างงดงาม แข่งขันกัน  คุณพ่อเล่าว่า สมัยตอนหนุ่มๆ   หนุ่มสาวที่นี่ จะรอคอยวันนี้ เพื่อออกมาชม การจัดงาน แล้วหนุ่มสาวจะถือโอกาสได้พบกันครับ  น่าเสียดาย ปัจจุบันนี้ไม่มีบ้านไหนจัดไหว้อีกแล้ว เห็นล่าสุดหลายปีก่อนเหลือจัดอยู่บ้าน สองบ้าน  มีสถานีโทรทัศน์มาถ่ายทำด้วย

 
 

จากคุณ: jin leng
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 20:31:56
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 24  

มาปูเสื่อนอนชมด้วยคนครับคุณหนุ่มรัตนะ ยอดเยี่ยมเหมือนเคยเลย

จากคุณ: วศินสุข
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 21:32:00
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 25  

เอามากรี๊ดดดดดดด  โดนคุณหนุ่มรัตนะตัดหน้า ชิงลูกค้าไปก่อน

แล้วขนมไหว้พระจันทร์ของผมจะเอาไปขายใครล่ะ  ขี้แง


เป็นกระทู้ที่หลากหลายรสชาติมากเลยนะเนี่ย ทั้งอดีต ปัจจุบัน อวกาศ  นำเสนออยู่ในกระทู้นี้หมด  ชอบภาพใน คห 3 อย่างมากมายเพราะแสดงให้เห็นถึงวันแห่งครอบครัวอบอุ่น อย่างเบียดเสียดทีเดียว

ส่วนเจ้ามนุษย์หมาป่าใน คห 21  ดูเหมือนจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด  เพราะมันไม่ดูดเลือดคน  แต่กินขนมแทน  อย่าว่าแต่ไข่คู่เลย  แบบไข่โหลถ้ามีก็จะรีบประเคนให้  น่าหวาดเสียว.........อิอิ

 
 

จากคุณ: Fortunism
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 22:23:17
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 26  

กระทู้น่าสนใจอีกแล้ว ขอบคุณคุณหนุ่มรัตนะมากนะครับ หุหุ

จากคุณ: ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 22:33:44
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 27  

แอบเลียนแบบ
อ๊ากกกก ... อยากกินขนมไหว้พระจันทร์เม็ดบัวไข่คู่

เดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่นะคะ

จากคุณ: Noshka
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 22:56:45
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 28  
เข้ามากรี๊ดด้วยเหมือนกันค่ะ เขียนตอบยาวเฟื้อยพอกดจึ๊กเพื่อส่งข้อความ บอก proxy error ซะงั้น

งอน ชิ!

เห็นพี่เล่นมาฟุลออพชั่นหนิงก็ให้กิ๊ฟหมดหน้าตักเหมือนกันค่ะ (เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีกิ๊ฟเยอะขนาดนี้)

จะบอกว่าตำนานเทพกระต่ายในดวงจันทร์นี่ไม่ได้นึกถึงเรื่องของจีนแต่กลับเป็นเรื่องคางูยะ กระต่ายในเงาจันทร์ของญี่ปุ่นมากกว่าแฮะ จริงๆก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย พอดีอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง "ไยบะ" ก็เลยพอรู้คร่าวๆว่าญ๊ปุ่นก็มีตำนานนี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้รายละเอียดมากนัก

ส่วนเรื่องยิงดวงอาทิตย์ไปเก้าดวงนี่หนิงก็เคยอ่านเหมือนกันค่ะ แต่เป็นเวอร์ชั่นจีน ชื่อของฮัวหยี่แท้ที่จริงตามภาษาจีนกลางแล้วอ่านว่า "โฮ่วอี้" (hou4yi4) ค่ะ จำได้ว่าพี่แกไปยิงพระอาทิตย์ 9 ดวงแล้วปิด ขี้เกียจอ่านต่อ ก็เลยไม่ได้อ่านตำนานดวงจันทร์ค่ะ แต่ก็คุ้นกับชื่อฉางเอ๋อนะคะ นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน

ส่วนเรื่องตำนานเกี่ยวกับดวงจันทร์ ไหนๆก็ไหนๆขอเอาของทางตะวันตกมาแจมหน่อยละกันค่ะ เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ดวงจันทร์นี่แหละ ที่จริงเทพที่นึกถึงไม่ได้มีแค่จีนกับญี่ปุ่นหรอกค่ะ นึกถึงตำนานของที่อื่นด้วย ขอเริ่มจากเทพปกรณัมกรีกก็แล้วกัน

เทพี Artemis (กรีก) หรือ Diana (โรมัน) เคยอ่านเมื่อกาลนานจนจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องเป็นยังไงบ้าง จำได้ว่าเป็นเทพีที่นิยมล่าสัตว์และเป็นตัวแทนของหญิงแกร่งและชอบที่จะเป็นโสด เป็นฝาแฝดกับเทพ Apollo เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์

ส่วนอีกอันหนึ่งก็คือจาก Holy Bible ค่ะ (หนิงแค่นึกถึงความพ้องก็เลยขอหยิบยกขึ้นมา ไม่ได้มีเจตนาอื่นนะคะ)

และพระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดดวงสว่างต่างๆขึ้นในแผ่นฟ้า เพื่อแยกกลางวันจากกลางคืนให้เป็นเครื่องหมายบอกฤดู บอกวัน บอกปี และให้ดวงสว่างเหล่านั้นอยู่บนแผ่นฟ้าเพื่อให้แสงสว่างแก่โลก" ก็เป็นไปตามนั้น "ฉะนั้นพระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่สองดวงให้ดวงที่ใหญ่กว่าครอบครองกลางวันและดวงที่เล็กกว่าครอบครองกลางคืน ทั้งทรงสร้างดวงดาวต่างๆมากมาย..."

("Holy Bible", New International Version, 1st print run of TNCV, Genesis 1:14)

แต่ละตำนานก็จะเห็นถึงความพ้องกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวนะคะ (ที่จริงกรีกก็มีพูดถึงเรื่องดวงดาวแต่ไม่ได้หยิบยกมา) และให้ความสำคัญทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ทั้งคู่ แต่แน่นอนว่าดวงอาทิตย์ย่อมมีสำคัญมากกว่าเห็นได้ชัดจากเทพที่เป็นตัวแทน หรือการเรียงลำดับการเกิด เป็นต้น

ว่าแต่คุณดวงอาทิตย์เขาจะแอบน้อยใจไหมนะ มีแต่การบวงสรวงพระจันทร์ แถมมีขนมหน้าตาน่ารักน่ากินอีก แต่ทีจะบูชาดวงอาทิตย์ต้องรอให้ราหูมาเสียก่อน แถมของไหว้ก็ของดำอีกต่างหาก ทำไมมันดูวาสนาต่างกันนักล่ะ

อ้อ...เรื่องขนมไหว้พระจันทร์ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นขนมหวานที่ดูคาวก็เลยไม่ได้ทานเลยค่ะ จะมีก็คือปีที่แล้วที่หม่าม้าซื้อขนมไหว้พระจันทร์แป้งสดงาดำกลับบ้าน ก็เลยเป็นปีแรกที่ได้กิน พอมาปีนี้ก็รู้สึกจะซื้อมาอีกนะคะ สงสัยติดใจ (ใครติดใจกันแน่หว่า)

แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 23:02:10

จากคุณ: peiNing
เขียนเมื่อ: 30 ก.ย. 52 22:58:39
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 29  
ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า...

  ขำ คห 25  โดนคุณหนุ่มรัตนะ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ..ฮ่าฮ่าฮ่า

-----------------------------------------------------------------------

  ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ....


   อย่าบอกนะ!! ว่ารูปใน คห 21 คือรูปคุณหนุ่มรัตนะ  ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า



   สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์ทุกท่านคร้าบบบบ...



        พลุ   พลุ  พลุ  พลุ

แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 00:11:13

จากคุณ: เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy)
เขียนเมื่อ: 1 ต.ค. 52 00:06:59
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 30  

แม่เล่าให้ฟังว่า
เมื่อครั้งยานอาวกาศพาคนขึ้นไปดวงจันทร์ครั้งแรก
ปีนั้น ขายของไหว้พระจันทร์ได้น้อยกว่าทุกปี
อ้อยเป็นต้นๆที่สั่งมา(จำไม่ได้ว่านำไปไหว้ หรือนำไปตกแต่ง)
มีอันต้องแปลสภาพไปเป็นอ้อยควั่นขายหน้าโรงหนัง

ขาดทุนย่อยยับ...

เรื่องเก่าๆ หรือ ตำนาน ฟังแล้วสนุกดีค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่นำมาเล่าให้ฟัง

จากคุณ: Pandora's box
เขียนเมื่อ: 1 ต.ค. 52 03:51:35
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 31  

คุณหนุ่มรัตนะ ข้อมูลแน่นปึ้กมาอีกแล้ววววว

จากคุณ: lalinphat
เขียนเมื่อ: 1 ต.ค. 52 05:43:45
  

 
 
 

อ้างอิง

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8380421/K8380421.html

กลุ่มภาพไหว้พระจันทร์ที่ภูเก็ต

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( พฤหัสบดี, 03 กุมภาพันธ์ 2011 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้439
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1980
mod_vvisit_counterทั้งหมด10696705