Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow News arrow มนุษยศาสตร์ arrow ประเพณีกินผักเจี๊ยะฉ่าย
ประเพณีกินผักเจี๊ยะฉ่าย PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
อาทิตย์, 27 กันยายน 2009

กำเนิดที่กะทู้  เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๘
(มห.ภูเก็จ ๒๓๖๘)

(อาหารกินผัก )

2552 ปีนี้

ใครกินเจบ้าง

 

vote  

มีใครจะกินเจบ้างคะปีนี้ แป๋มคนหนึ่งล่ะที่กิน สวัสดีเห็ดทั้งหลาย!!

เดิมแป๋มไม่กินเจค่ะ ก็เพราะเมื่อก่อนยังเด็กมาก แต่ตอนนี้โตพอจะเลือกและหาของกินเจเองได้ ประกอบกับอาหารเจมีหลากหลายและอร่อยมาก (โดยเฉพาะขาเห็ด แล้วก็เห็ดสวรรค์ อร่อยกิ๊งๆ) ทำให้กินเจได้ง่ายขึ้น (ซึ่งก็ยังไม่ดีนะ เพราะเรายังติดรสกันอยู่)

แล้วแป๋มก็เพิ่งกินเห็ดได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เดิมไม่ชอบแต่พอผ่านๆไปไอ้ความตุกดิกดึ่ยๆของเห็ดมันก็ให้ความรู้สึกคึกคักปากดีก็เลยชอบ พอเทศกาลกินเจจะมีกองทัพอาหารจากเห็ดออกมาเยอะ มันเป็นสวรรค์เลย


มากินเจ รักษาศีล กันนะคะ!!

จากคุณ: kurika
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 08:57:50
ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ, Noshka


 
 
 


      ความคิดเห็นที่ 1  
      น่าจะถามว่าปีนี้เมื่อไหร่เราจะกินเนื้อสัตว์ เพราะจริงๆแล้วเรากินเจเกือบทุกวันยกเว้นบางวันชอบกินอะไรไร้สาระ แบบอยู่ดีๆอยากขึ้นมาเฉยๆ แบบที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า craving นั่นเอง

      แต่ห้ามพูดว่า "ถือศึลกินเจ" เป็นอันขาดนะ เพราะอะไรรู้ไหม?  ความลับที่หลายๆคนไม่รู้ เราจะบอกให้

      คนที่กินเนื้อสัตว์เป็นประจำแต่อยู่ดีๆมากินเจแค่ช่วง "ถือศึลกินเจ" นะ ในช่วงถือศึลกินเจจะมีความต้องการทางเพศลดลง เพราะระบบลมปราณแปรเปลี่ยนอย่างกระทันหัน

      แต่ในทางกลับกัน คนที่กินเจเคร่งมากๆทุกวัน (ต้องกินอาหารธรรมชาติปลอดสารพิษตามหลัก Zen Macrobiotics นะ) กลายเป็นมีความต้องการทางเพศมากกว่ามนุษย์ที่กินเนื้อสัตว์มากมายหลายเท่า...เนื่องจากคนกินเจทุกวันจะมีสายลมปราณที่ไร้สารพิษ ทำให้การไหลเวียนของลมปราณดีขึ้น และระบบฮอร์โมนทำงานได้ดีเยี่ยมเกินธรรมดา...!!!

      ดังนั้นการกินเจเพื่อสุขภาพ กินๆไปแล้วกลายเป็นหมกมุ่นอยู่กับเรื่อง sex ซึ่งถ้าไม่เปลี่ยน sexual energy หรือ generative force (พลังที่ใช้มี sex หรือพลังที่ใช้สืบพันธ์) ให้กลายเป็นพลังในการเรียนรู้ ซึ่งภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า sublimation แล้วไซร์ คนที่กินเจทุกวันนั้นแหละจะกลายเป็น "ถือศีลไม่ได้"...555+++...

      ดังนั้นการกินเจให้ถูกต้อง เป็นการเพิ่ม sexual energy หรือ generative force เพื่อนำพลังเหล่านี้มาเลี้ยงสมอง และกลายเป็นการเรียนรู้ในระดับสูง และพลังพวกนี้จะสร้างความเปล่งปลั่งสดใสให้แก่หน้าตาและร่างกาย และทำให้คงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาล...

      แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 09:28:12

      จากคุณ: fortuneteller
      เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 09:25:38
      ถูกใจ: sawkitty, โตนิค

       
       
 
ความคิดเห็นที่ 2  

ทานเกือบทุกปี และทุกวันก็งดเนื้อสัตว์อยู่แล้ว
จะยกเว้นก็ตอนเดินทางไม่ได้อยู่บ้านเท่านั้น

จากคุณ: นาฬิกาโบราณ
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 09:36:41
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 3  

กินทุกปีแล้วแล้ว คห.ที่ 1 พูดถูก บางครั้งการกินเจ เหมือนเป็นแฟชั่น กินตามๆกันไป เห็นคนกินก็กินตาม แก่นหลักที่ควรทำ นอกจากการกินเจแล้วนั่นคือการรักษาศีลด้วย


         คำว่า "เจ" ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายว่า "อุโบสถ" เดิมหมายความว่า "การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน" ตามแบบอย่างของชาวพุทธที่รักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ที่จะไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษาอุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เราจึงนิยมเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์รวมไปกับการกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ดังนั้นความหมายของคนกินเจ ไม่เพียงแต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ
ความหมายของ "ธงเจ"







         ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคง สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต

         ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน

กินเจเพื่ออะไร

         จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ

          1. กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเป็นอาหารชีวจิต เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่างๆ ในร่างกายให้มีเสถียรภาพ

          2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากทุกๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่มีจิตใจดีงามจึงไม่สามารถกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้  

          3.กินเพื่อเว้นกรรม เพราะการฆ่าเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าเองก็ตาม เพราะการซื้อผู้อื่นเท่ากับการจ้างฆ่า ถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย ผู้ที่เข้าใจเรี่องกฎแห่งกรรมจึงหยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ให้อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น

ขอบคุณที่มา
http://hilight.kapook.com/view/29017

จากคุณ: sawkitty
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 09:45:21
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 4  

ตำนานการกินเจ

         ตำนานที่มาของการกินเจ มีเรื่องเล่าอยู่ถึง 7 เรื่องได้แก่

          ตำนานที่ 1 รำลึกถึงวีรชนทั้ง 9

         เทศกาลกินเจเริ่มขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว โดยชาวจีนกินเจเป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อรำลึกถึงวีรชน 9 คน ซึ่งเรียกว่า "หงี่หั่วท้วง" ซึ่งได้ต่อสู้กับชาวแมนจูผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ ถึงแม้จะแพ้และต้องตายก็ตาม ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ "หงี่หั่วท้วง" ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยชำระจิตวิญญาณเกิดความเข้มแข็งทางร่างกายและจิตใจ

          ตำนานที่ 2 บูชาพระพุทธเจ้า

         เชื่อว่า เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า "ดาวนพเคราะห์" ทั้ง 9 ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชานี้ สาธุชนในพระพุทธศาสนาจะสละเวลาทางโลกมาบำเพ็ญศีล งดเว้นเนื้อสัตว์ และแต่งกายด้วยชุดขาว

          ตำนานที่ 3 เก้าอ๊องฝ่ายมหายาน

         กล่าวไว้ว่า การกินเจเป็นพิธีปฏิบัติที่สืบต่อกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ ดังมีในพระสูตร ปั๊กเต๊าโก๋ว ฮุดเชียวไจเอียงชั่วเมียวเกง กล่าวไว้คือ พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ คือพระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์และพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์ รวมเป็น 9 พระองค์ (หรือ "เก้าอ๊อง")

         ทรงตั้งปณิธานจักโปรดสัตว์โลก จึงได้แบ่งกายมาเป็นเทพเจ้า 9 พระองค์ด้วยกันคือ ไต้อวยเอี๊ยงเม้งทัมหลังไทแชกุน ไต้เจียกอิมเจ็งกื้อมึ้งงวนแชกุน ไต้กวนจิงหยิ้งลุกช้งเจงแชกุน ไต้ฮั่งเฮี่ยงเม้งม่งเคียกนิวแชกุน ไต้ปิ๊กตังง้วนเนี้ยบเจงกังแชกุน ไต้โพ้วปั๊กเก๊กบู๊เอียกกี่แชกุน ไต้เพียวเทียนกวนพัวกุงกวนแชกุน ไต้ตั่งเม้งงั่วคูแชกุน ฮุ้ยกวงไตเพียกแชกุน เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหารธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง ทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่สารทิศ

          ตำนานที่ 4 พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้อง

         เชื่อว่า การกินเจกินเจเป็นการบูชากษัตริย์เป๊ง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้องซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรม (การฆ่าตัวตาย) ในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้ มีแต่เฉพาะในมณฑลฮกเกี้ยนซึ่ง เป็นดินแดนผืนสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยการอาศัยศาสนาบังหน้าการเมือง ประเพณีนี้เข้ามาสู่เมืองไทยโดยชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพจากฮกเกี้ยนนำมาเผยแผ่อีกทอดหนึ่ง

          ตำนานที่ 5 เล่าเอี๋ย

         เมื่อ 1,500 ปีก่อน ณ มณฑลกังไสซึ่งเป็นแดนแห่งความเจริญรุ่งเรือง ฮ่องเต้เมืองนี้มีพระราชโอรส 9 พระองค์ซึ่งเก่งทั้งบุ๋น บู๊ ทำให้หัวเมืองต่างๆ ยอมสวามิภักดิ์ ยกเว้นแคว้นก่งเลี้ยดที่มีอำนาจเข้มแข็ง และมีกองกำลังทหารที่เหนือกว่า ทั้งสองแคว้นทำศึกกันมาถึงครั้งที่ 4 แคว้นก่งเลี้ยดชนะโดยการทุ่มกองกำลังทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัว โอบล้อมกองทัพพระราชโอรสทั้งเก้าไว้ทุกด้าน แต่กองทัพก่งเลี้ยดไม่สามารถบุกเข้าเมืองได้จึงถอยทัพกลับ จนวันหนึ่งชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน เทพยดาทราบว่า อีกไม่นานกังไสจะเกิดภัยพิบัติจึงหาผู้อาสาช่วย แต่ชาวบ้านจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อได้สร้างผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรสองค์โตรับอาสา และเพ่งญาณเห็นว่า ควรเริ่มที่บ้านเศรษฐีใจบุญลีฮั้วก่าย

         คืนวันหนึ่งคนรับใช้แจ้งเศรษฐีลีฮั้วก่ายว่า มีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบ เศรษฐีจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าเดินทาง แต่ขอทานไม่ไป และประกาศให้ชาวเมืองถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ผู้ใดทำตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนำมาปฏิบัติก่อน และผู้อื่นจึงปฏิบัติตาม จนมีการจัดให้มีอุปรากรเป็นมหรสพในช่วงกินเจด้วย

         เล่าเอี๋ยเกิดศรัทธาประเพณีกินเจของมณฑลกังไส จึงได้ศึกษาตำราการกินเจของ เศรษฐีลีฮั้วก่ายที่บันทึกไว้ แต่ได้ดัดแปลงพิธีกรรมบางอย่างให้รัดกุมยิ่งขึ้นและให้มีพิธียกอ๋องฮ่องเต้ (พิธีเชิญพระอิศวรมาเป็นประธานในการกินเจ)

          ตำนานที่ 6 เล่าเซ็ง

         มีชายขี้เมาคนหนึ่งชื่อ เล่าเซ็ง เข้าใจผิดว่า แม่ตนตายไปเพราะเป็นโรคขาดสารอาหาร จนคืนหนึ่งแม่มาเข้าฝันว่า ตนตายไปได้รับความสุขมาก เพราะแม่กินแต่อาหารเจ และหากลูกต้องการพบให้ไปที่เขาโพถ้อซัว บนเกาะน่ำไฮ้ ครั้นถึงเทศกาลไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เขาโพถ้อซัว เล่าเซ็งจึงขอตามเพื่อนบ้านไปไหว้พระโพธิสัตว์ด้วย โดยเพื่อนบ้านให้เล่าเซ็งสัญญาว่า จะไม่กินเหล้าและเนื้อสัตว์จึงยอมให้ไป แต่ระหว่างทางเล่าเซ็งผิดสัญญา เพื่อนบ้านจึงหนีไป โชคดีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งต้องการไปไหว้พระโพธิสัตว์เช่นกัน เขาจึงขอตามนางไปด้วย

         เมื่อถึงเขาโพถ้อซัว ขณะที่เล่าเซ็งก้มลงกราบพระโพธิสัตว์อยู่นั้น เขาเห็นแม่ลอยอยู่เหนือกระถางธูป แต่คนอื่นมองไม่เห็น ขณะเขาเดินทางกลับ ได้เจอกับเด็กชายยืนร้องไห้อยู่ จึงเข้าไปถามไถ่จนทราบว่า เด็กคนนั้นเป็นลูกชายของเขากับภรรยาเก่าที่เลิกกันไปนานแล้ว เขาจึงพาไปอยู่ด้วย และต่อมาหญิงสาวที่นำทางเล่าเซ็งไปพบพระโพธิสัตว์ได้มาขออยู่ด้วย ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

         หญิงสาวคนนั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ มีความประพฤติดี อยู่ในศีลธรรม และถือศีลกินเจอยู่เป็นประจำ นางรู้ว่าใกล้ถึงวันตายของนางแล้ว จึงบอกเล่าเซ็ง เมื่อถึงวันนั้นนางแต่งตัวด้วยอาภาณ์ขาวสะอาด นั่งสักครู่แล้วก็สิ้นลม เล่าเซ็งเห็นการจากไปด้วยดีของนางคล้ายกับแม่ จึงเกิดศรัทธา ยกสมบัติให้ลูกชาย แล้วประพฤติตัวใหม่ เมื่อตายไปจะได้บังเกิดผลเช่นเดียวกับแม่ และหญิงสาว ประเพณีกินเจจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้น

          ตำนานที่ 7 การกินเจที่ภูเก็ต

         มีคณะงิ้วจากเมืองจีน มาเปิดการแสดงที่อำเภอกระทู้นานเป็นแรมปี บังเอิญช่วงนั้นเกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจึงจัดให้มีพิธีกินเจ และสร้างศาลเจ้าขึ้นเพื่อสะเดาะเคราะห์ หลังจากนั้นโรคระบาดก็หาย ชาวกะทู้เกิดความศรัทธาจึงปฏิบัติตาม หลังจากประกอบพิธีอยู่ประมาณ 2-3 ปี ก็มีผู้คนเลื่อมใสมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับอยากได้พิธีกินเจที่สมบูรณ์แบบตามประเพณีมณฑลกังไส ประเทศจีน จึงได้ส่งตัวแทนไปนำควันธูป (เหี่ยวเอี้ยน) จากกังไสให้ลอยมาถึงภูเก็ต โดยในการเดินทางกลับจะต้องคอยจุดธูปต่อกันมิให้ดับมอด ศาลเจ้ากะทู้จึงได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับของพิธีกินเจในปัจจุบัน

         สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจจึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ

ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/29017

จากคุณ: sawkitty
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 09:47:08
ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 5  
ฝากอีกนิดนึงค่ะ เชิญเที่ยวงานกินเจ จังหวัดตรังประจำปีนี้ค่ะ
ประเพณีถือศีลกินเจจังหวัดตรัง ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมในจังหวัดตรังที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อถึงหน้าเทศกาล ชาวไทยเชื้อสายจีนผู้นับถือและศรัทธาในประเพณีถือศีลกินเจ จะงดรับประทานอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ พืชผักที่มีกลิ่นฉุน ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ทุกชนิด และนุ่งขาวห่มขาวตลอดระยะเวลาของงานประเพณี 9 วัน 9 คืน โดยในระหว่างช่วงงานประเพณี นั้น ศาลเจ้าจีนแต่ละแห่งจะจัดขบวนแห่ "ร่างทรง" หรือ "ม้าทรง" ซึ่งเชื่อกันว่า"เจ้า" ลงประทับแล้ว จากการแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการทรมานร่างกายตนเองหลากรูปแบบ ออกเยี่ยมเยือนประชาชนผู้ศรัทธาที่ตั้งโต๊ะบูชาพร้อมกับจุดประทัดเพื่อเป็นการรับ"เจ้า" อย่างกึกก้องตามถนนสายต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองและอำเภออื่นๆ รอบนอกงานประเพณีถือศีลกินเจจะจัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน9 ตามปฏิทินจีน

       ประเพณีกินเจจังหวัดตรัง เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่ออัญเชิญพระอิศวร เทพนพเก้า 9 องค์ และพุทธสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก มาประทับร่างทรงเพื่อโปรดสาธุชนคนบุญ ซึ่งจะจัดโต๊ะบูชาไว้ต้อนรับพร้อมการจุดประทัดเสียงดังกึกก้องบูชา สำหรับรับร่างคนทรงหรือม้าทรงนั้น ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการทำร้ายตัวเอง เช่น การลุยไฟหรือทิ่มแทงตามร่างกายบ้าง เชื่อกันว่าเพื่อรับเคราะห์กรรมแทนมนุษย์นั่นเอง เป็นพิธีกรรมที่แต่งแต้มสีสันให้กับศรัทธา และตั้งอยู่บนพื้นฐานอันแน่วแน่ที่มุ่งสร้างความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นทั้งกายและใจ โดยรับประทานอาหารเจอันบ่งบอกถึงความไม่ต้องการเบียดเบียนสัตว์อื่นใดทั้งปวง เพื่อรักษาจิตให้ผ่องใส ก่อให้เกิดปัญญาธรรม ประชาชนจะนุ่งขาวห่มขาว สำหรับกิจกรรมของงานประกอบด้วยการแสดงพลุไฟ การแสดงมังกร มีการจำหน่ายอาหารเจธงฟ้า ราคาถูก


กิจกรรมในวันที่ 18 - 21 ตุลาคม 2552 ณ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา
- ร่วมกิจกรรมเวียนธูปเทียนเทียน
- รับประทานหมี่มงคล
- การแข่งขันเซียนพันธ์แท้ ประเพณีถือศีลกินผัก
- การประกวดธิดาเจ้าแม่กวนอิม
- การแสดงต่างๆ มากมาย

ขอบคุณที่มาค่ะ http://www.trangzone.com/webboard_show.php?ID=24157

แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 52 09:51:22

จากคุณ: sawkitty
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 09:50:03
ถูกใจ: Fortunism

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 6  

ท่านด้านบนบอกประวัติและความสำคัญของเทศกาล แล้ว
งั้นขอนำเสนอเมนูประจำช่วงเทศกาล ที่ชอบกินละกัน
1. จับฉ่ายฟองเต้าหู้
2. เผือกทอด เต้าหู้ทอด ถั่วดำทอด ข้าวโพดทอด
3. ถั่วลิสงต้มกับเห็ดหอม
4. ผัดผักบุ้งไฟแดง
5. กาน่าฉ่ายอร่อยๆ สักถ้วย
6. ผัดวุ้นเส้น เต้าหู้ เห็ดหอม
7. ยำเห็ดรวมมิตร
8. เกี่ยมฉ่ายดอง จี๊ดจ๊าด
9. เต้าหู้ หมี่กึง พะโล้
10. ข้าวต้มร้อนๆ

ไปตึ๊งโรงเจ สักหน่อย ทำบุญข้าวสาร อาหารแห้ง ไหว้พระ ถือศีล งดบาปทั้งปวง

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 10:19:52
ถูกใจ: Fortunism

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 7  

กินครับ ปกติกินทุกปี กินมาก็ตั้งแต่เด้กแล้ว ปกติถ้ามีเวลาจะไปไหว้เจ้าที่แจตึ้งด้วย ในวัน ชิวซา ชิวลัก และชิวเก้า เป็นการส่งท้าย หลังจากนั้นในวันที่10ก็กินอีกมื้อในตอนเช้า และออกเจในตอนเที่ยงครับ ปกติทำมาแบบนี้ทุกปี ยังไงก็ร่วมกันกินเจนะครับ

จากคุณ: ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 11:46:09
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 8  

^
^
ทำใส่ปิ่นโตให้เจ๊หน่อยสิ ที่โรงอาหารเลี่ยนมาก

จากคุณ: kurika
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 12:48:23
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 9  

อยากกินแต่ปีนี้คงโดนห้ามแหงมๆล้านเปอร์เซนต์ T^T ที่จริงช่วงเทศกาลเจเป็นสวรรค์ของเรามากๆค่ะ

โดยปกติไม่ใช่พวกกินเนื้อสัตว์อยู่แล้วค่ะ ไม่ได้กินเจหรือมังสวิรัติอะไรหรอก (อารมณ์เหมือนคนไม่ชอบกินผักแล้วเขี่ยออกอย่างนั้นแหละ) พอกินเจก็จะกระดี๊กระด๊าไม่ต้องเขี่ยเนื้อสัตว์ออกข้างจานอีกแล้ว แต่พอหมดเจก็แอบเซ็งต่อเล็กน้อย

ทำนิสัยเยี่ยงนี้มาเป็นสิบปีจนตอนนี้ขาดสารอาหารอย่างแรงค่ะ (ถ้าคนกินเจหรือกินมังฯเขาคงระวังตัว แต่เราไม่ได้เป็นอย่างนั้นอ่ะ แค่ไม่ชอบกินเฉยๆ) พอดีช่วงนี้ป่วย โดนกรอกหูทุกวันเพราะว่าไม่ยอมกินเนื้อนี่แหละ แล้วจะมีโปรตีนที่ไหนไปช่วยร่างกาย จากนั้นเมนูแต่ละวันก็เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ แถมเวลากินข้าวก็โดนสายตากำกับให้กินอีก

เชื่อว่าใครไม่กินผักแล้วต้องโดนบังคับให้กินคงเข้าใจความรู้สึกของเราว่าโดนบังคับให้กินเนื้อมันแสนทรมานใจ T^T

กินเจคราวนี้คงมีอาหารเจเป็นหนึ่งในเมนูบนโต๊ะอาหารแต่สุดท้ายยังไงเราก็คงต้องโดนจับกินเนื้อสัตว์อีกอยู่ดี ไม่ได้กินเจแบบเพียวๆแต่รักษาศีลแทนก็แล้วกัน

อนุโมทนาแก่ทุกท่านที่ตั้งใจจะกินเจกันนะคะ ส่วนเราก็...นะ

เฮ้อ!

จากคุณ: peiNing
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 14:28:09
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 10  

เพิ่งมากินจริงจังเมื่อ 3 ปีก่อนครับ  พอดีช่วงนั้นคุณแม่ไม่สบาย เลยไหว้บนกับเจ้าแม่กวนอิม ว่าถ้าแม่หายป่วย จะกินเจตลอดชีวิต(เฉพาะเทศกาล)

จากคุณ: jin leng
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 19:05:01
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 11  

แหม...คนใจบุญเวทนาสัตว์โลกเยอะจังเลย  เมนูคุณหนุ่มฯ น่าสนใจมาก ถ้ากินแบบนั้น  น้ำหนักไม่ลดแน่ พ่อคุณ  เพราะมันน่าอร่อยจนหยุดไม่ได้

ผมประเภทตามใจปาก  กินบ้างไม่กินบ้าง  แต่แถวบ้านที่ศาลเจ้าเขาก็มีโรงทานนะ  กลุ่มฉ์อฮั่วถังที่ไหว้จึ้กง เจ้าแม่กวนอิม  เขาก็ประกอบอาหารแจกที่สถานธรรม    หาทานไม่ยากนะ  แต่จะให้กินแต่ผัก ก็ไม่ไหว  หิวเร็ว  เพราะเป็นกรรมกรใช้กำลังกาย อิอิอิ

อย่างไรก็ตาม จากที่คุณsawkitty ให้ข้อมูลมา  ตรัง น่าสนใจมากนะ  ไม่ต้องไปแออัดที่ภูเก็ตหรอก   อาหารที่ตรังอร่อยมาก  ขนมของว่างเขาก็มีหลากหลายชนิด  เพราะจริงๆ แล้ว ชุมชนจีนที่ตรังเป็นกลุ่มเก่าแก่ทีเดียว  แต่แปลกมากที่คนจีนที่ตรังแทบจะพูดจีนไม่ได้เลย  หลงเหลือแต่วัฒนธรรมอาหารแบบจีนๆนี้แหละ

จากคุณ: Fortunism
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 22:24:27
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 12  

อย่างผมคงไม่เรียก "กินเจ" นะครับ เรียกว่า "กินอาหารเจ" มากกว่า เพราะเวลากินผมก็ไม่ได้ไปปวารณาตัวที่โรงเจ หรือถือศีลอะไร แต่กินเพื่อสุขภาพมากกว่า แล้วก็ แหะ ๆ ได้เปลี่ยนรสชาติดู แบบว่านาน ๆ กินที อร่อยอ่ะ

จากคุณ: วศินสุข
เขียนเมื่อ: 26 ก.ย. 52 22:48:07
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 13  

ผมก็กินบ้างไม่กินบ้างครับ..

  แต่ตอนเทศกาลที่ตามตลาดมีอาหารเจขายมากมาย  ก็เอากับเขาหน่อย...กะพริบตา

จากคุณ: เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy)
เขียนเมื่อ: 27 ก.ย. 52 00:44:12
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 14  
ชอบใจจังมีคนออกมาชวนทำความดี กินเจ รักษาศีล _/|\_

ขอร่วมอนุโมทนาแก่ทุกท่านที่ตั้งใจจะทำความดีในเทศกาลนี้ด้วยนะคะ

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 08:00:00

จากคุณ: Noshka
เขียนเมื่อ: 27 ก.ย. 52 05:37:12
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 15  
กินเจไม่ 100% ค่ะ

ปกติกินผักและปลา แต่งดเนื้อสัตว์อื่นทุกชนิด

กินเพื่อสุขภาพและคิดว่าถ้าเรางดกินไปคนนึง

อย่างน้อยก็ช่วยยืดชีวิตสัตว์เหล่านี้นได้บ้าง ตอนนี้ก็กินมา 4-5 ปีแล้ว

รู้สึกดีค่ะ ผิวพรรณก็ผ่องใสดี (คิดไปเองมั่ง)

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 08:19:39

จากคุณ: ##ขออภัยป้ายหน้าไม่จอด##
เขียนเมื่อ: 27 ก.ย. 52 08:19:11
  

 
 
 


***

มห.ภูเก็จ

ยกเสาโกเต๊ง อ๊ามท่าเรือ

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8364103/K8364103.html

กลุ่มภาพชุดกินผัก ๒๕๕๓ ขบวนแห่พระจีน  ภาพชุด ๒

ประเพณีกินผัก : สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์

ประเพณีกินผัก : หรินทร์ สุขวัฒน์

ภาพยกเสาโกเต๊ง อ๊ามท่าเรือ ศาลเจ้าท่าเรือ

ภาพลดเสาโกเต๊ง อ๊ามบางเหนียว

อาหารกินผักเจี๊ยะฉ่าย

อาหารเจ กินเจ

มนุษย์ ความเชื่อ

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อังคาร, 09 กุมภาพันธ์ 2021 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

News

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้1005
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1659
mod_vvisit_counterทั้งหมด10720264