Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow Search
ตำหนักจีน PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
อาทิตย์, 02 สิงหาคม 2009

เมื่อความละโมบครอบงำ ขันทีก็เผาวังหลวง

     
หมู่ตำหนักและสวนในพระราชฐานชั้นใน มีอยู่ตำหนักหนึ่งซึ่งเป็นที่เก็บของล้ำค่าของโบราณราชสำนักมาตั้งแต่จักรพรรดิ์เฉียนหลง เช่น ม้วนภาพโบราณและของล้ำค่าอื่นๆอีกมาก ถูกเก็บไว้ที่ “ตำหนักเจี้ยน ฟู่ กง” สร้างขึ้นในสมัยเฉียนหลง ปีค.ศ. 1740
ในบันทึกของจักรพรรดิปูยี ระบุว่า สมบัติทั้งหลายในพระราชวัง มีจำนวนมากและยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ดังนั้นในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1923 ได้มีการเริ่มเปิดตำหนัก แต่คืนนั้นเองได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในตำหนักแห่งนี้ เผาผลาญสมบัติอันนับมูลค่าไม่ถ้วนหายไปพริบตา

ทรัพย์สินที่ถูกประเมินจากสำนักพระราชวัง มีดังนี้
พระพุทธรูปทองคำ 2,265 องค์
ภาพเขียนและป้ายคำขวัญ 1,157 ชิ้น
ของโบราณ 435 ชิ้น
หนังสือโบราณ นับหมื่นเล่ม

การดับเพลิงนั้นก็คราคร่ำไปด้วยคนจีนและต่างชาติช่วยกันดับเพลิงในครั้งนี้และเมื่อปูยี ได้เข้ามาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย และมีการประมูลกองขี้เถ้า ได้เงินถึง 500,000 เหรียญ ซึ่งพ่อค้าได้ทองคำไปประมาณ 17,000 ตำลึง ส่วนจักรพรรดิ์ปูยีนั้นได้ทำการดัดแปลงพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสนามเทนนิส ในพระราชวังหลวง ต่อมา
สิ่งซึ่งขันทีทำลงไป คาดว่าต้องการที่จะกลบเกลื่อนหลักฐานที่พวกตนได้ขโมยของจากพระราชวัง ออกไปสู่ตลาดค้าของเก่า ซึ่งมีขายกันอยู่ดาษดื่น

ภาพถ่ายวันรุ่งขึ้น ของตำหนักที่ถูกวางเพลิง

     
 
 
 
 

       ความคิดเห็นที่ 1    

      สภาพเหล่าพระที่นั่ง และตำหนัก สมัยนั้น เก่าแก่ และไม่ได้รับการซ่อมแซม จึงง่ายกับการขโมยเอาของไปขาย

       

       
       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 20:44:49 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 2    
      ต่อมารัฐบาลมีมติให้มีการสร้างหมู่พระตำหนักเจี้ยน  ฟู่ กง ขึ้นใหม่ โดยอาศัยภาพวาด และเอกสารโบราณ รวมทั้งสถาปัตยกรรมเดิม เพื่อให้มีรูปแบบเหมือนเดิมที่สุด โดยการก่อสร้างรวมอยู่ในแผนฟื้นฟูบูรณะพระราชวังต้องห้าม มาตั้งแต่ก่อนจะมีโอลิมปิค ที่กรุงปักกิ่งในปี 2008 และคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสิ้นราวปี ค.ศ. 2020 โดยมูลค่าการก่อสร้างหมู่พระตำหนักเจี้ยน  ฟู่ กง ประมาณ 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (425 ล้านบาท)

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 08:59:31

       
       
       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 20:45:38 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 3   

      เอกสารภาพวาด ซึ่งเป็นแนวทางการบูรณะให้เหมือนเดิม

       
       
       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 20:46:30 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 4  
      ภาพนี้ จะชี้ให้เห็นว่า ตำหนักเจี้ยน ฟุ่ กง ตั้งอยู่ในทิศเหนือ ฝั่งตะวันตก ของสวนในพระราชวังหลวง (วงกลมขาว) ซึ่งในภาพ การก่อสร้างใหม่ได้คืบหน้าไปเยอะมากแล้ว

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 08:59:48

       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 20:48:10 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 5   
      ภาพก่อนหน้านี้ ในมุมมองถ่ายไปยัง ตำหนักเจี้ยน  ฟู่ กง ยังเป็นพื้นที่ว่าง ซึ่งเดิมเป็นสนามเทนนิส (ฉากที่ปูยี เล่นเทนนิส แล้วทหารก็เข้ามาในวัง เพื่อขับไล่ปูยี)

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 09:00:03

       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 20:50:07 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 6   
      แผนผังที่สมบูรณ์ของหมู่ตำหนัก เจี้ยน ฟู่ กง ซึ่งเคยเป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติขององค์จักรพรรดิ์

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 09:00:22

       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 20:51:22 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 7   

      ภาพปุยี เล่นเทนนิส ที่ในพระราชวังหลวง ก่อนออกจากวังในปี 1924 ทั้งนี้เทนนิสเป็นกีฬาของผู้ดีชาวอังกฤษ และเป็นที่นิยมของคนชั้นสุง

       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 21:01:36 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 8   

      ทำไมปูยีถอดเสื้อเล่นซะล่ะครับ



      ว่าแต่ใครพอจะทราบบ้างครับว่าวังต้องห้ามมีพื้นที่เท่าไหร่    พอจะเทียบกับอะไรไห้เข้าใจได้ง่ายๆมั่ง      อย่างเช่นใหญ่กี่เท่าของสนามหลวง-สวนจตุจักรอะไรยังงี้

      จากคุณ: zodiac28 
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 21:19:37 
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 9   
      #7 เหมือนเป็นเบดมากว่านะครับ หรือว่าเป็นไม้แบบสมัยก่อน

      แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 21:33:59

      จากคุณ: น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ)   
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 21:32:42 
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 10   

      น่าจะเทนนิสนะครับ ในหนัง the last emperor ก็มีฉากนี้

      จากคุณ: jin leng 
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 21:49:56 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 11   

      ตอบ คห.8
      พระราชวังกู้กง มีพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร
      สนามหลวง มีพื้นที่ 118,463 ตารางเมตร

      ดังนั้น ต้องใช้ สนามหลวง 6 สนาม ครับ

       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 1 ส.ค. 52 21:52:08 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 12  

      คุณหนุ่มรัตนะทำไมค.ศ วังถูกเผากับค.ศ ปูยีออกจากวัง แปลกๆ

      จากคุณ: วสันดิลก  
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 00:07:23 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 13   

      แก้ไข ค.ศ. แล้วครับ วังถูกเผา 1923 ปูยีออกจากวัง 1924

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 08:57:30 
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 14  

      สวนและตำหนักเจี้ยน ฝู กงนี้เพิ่งบูรณะเสร็จในปี 2006  แต่ยังมีตำหนักน้อยใหญ่ที่ต้องบูรณะให้เสร็จ จะเรียบร้อยใน 2020  ในรูปแสดงให้เห็นว่า มุมซ้ายบนสุด คือ หมู่ตำหนักของสวนเจี้ยน ฝู กง ที่บูรณะ

       
       

      จากคุณ: Fortunism
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 15:03:44
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 15  

      เอารูปมาชมตอนเก็บกวาดหลังเผากลบเกลื่อนเสร็จแล้ว  พินาศสันตะโรไปหมด เหลือแต่ฐานปูน  เฮ้อ..ความละโมบไม่ปรานีใคร

      เหมาะสำหรับ ปูยีฮ่องเต้ เอามาเป็นสนามเทนนิศจริงๆนั่นแหละ  ช่างชาญฉลาดจริงๆ   ตอนนั้นต่อให้ซ่อมแซม ท้องพระคลังก็ร่อยหรอ  ปูยีเองก็ไม่รู้จะอยู่ในพระราชวังไปได้อีกกี่น้ำ

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 16:53:10

       
       

      จากคุณ: Fortunism
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 15:13:33
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 16  
      การบูรณะมาเริ่มสมัยปัจจุบัน  ตอน คศ 2000 เดือน พค.

      การซ่อมต้องศึกษาจากภาพเก่า  จะเห็นองค์ชายน้อยๆในภาพ คือ ปูยี  (กลางภาพ)นั่งเหนือเขามอ  หินจำลอง (คล้ายหินสีขาวที่  คห 2)

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 15:19:35

       
       

      จากคุณ: Fortunism
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 15:18:23
        

       
       
       
      ความคิดเห็นที่ 17  

      ไม่น่าเชื่อว่า ในวังหลวงก็มีภาพแบบ 3 มิติ ของ สวนหมู่ตำหนัก เจี้ยน ฝู กง

       
       
       
       
       
       
       

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 15:44:12 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 18   

      ตอนนั้น จีนคณะชาติเป็นรัฐบาลปีที่ 12  เพลิงไหม้หมู่ตำหนักใน วันที่ 27 มิย คศ 1923   เริ่มเริ่มไหม้ที่ ตึกหมายเลข 7 แล้วลามไปตึกอื่น มีรกหถดับเพลิงจากสถานฑูตอิตาลีมาช่วยดับเพลิง  แต่เนื่องจากระบบประปายังไม่สมบูรณ์  จึงไม่สามารถช่วยหมู่ตำหนักไว้ได้

       
       

      จากคุณ: Fortunism
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 17:00:21
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 19   

      ตึกสูง 2 ชั้นนี้ในภาพวาด เป็นส่วนหนึ่งของภาพใน คห 3  ภาพวาดนี้ของจริงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่ไทเป ไต้หวัน โดยทางโน้นถ่ายภาพแล้วส่งให้ทีมงานบูรณะของจีนแดง  เพื่อเป็นแบบ  (ภาพแนบ)

      นอกจากนี้แล้ว ก็อาศัยภาพถ่ายของ อจ ที่สอนภาษาอังกฤษแก่ปูยีฮ่องเต้ (ภาพแรกเปิดกระทู้) และภาพถ่ายของชาวยุโรป Siren ซึ่งเขาได้ถ่ายภาพในวังหลวงมากมาย และมีภาพหนึ่งเป็นตำหนักในกลุ่มนี้

      จากนั้นก็ศึกษาจากสวนเฉียนหลงด้านตะวันออกในวังหลวงที่เป็นสร้างโดยเฉียนหลงฮ่องเต้ซึ่งพระองค์ได้เลือกแบบจากกลุ่มตำหนักนี้ไปจำลอง  คณะบูรณะก็ใช้วิธีจำลองแบบจากสวนตะวันออกนั้นมาเป็นแบบซ่อมแซม  อีกทั้งการสร้างตำหนักจะมีแบบแผนแน่นอน ดังมีบันทึกแบบไว้ในสมัยหยงเจิ้นฮ่องเต้

       
       

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 17:57:37 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 20   

      การบูรณะ เจี้ยน ฝู กง ทีมงานต้องใช้ความพยายามมากมาย แม้แต่หินที่ปูทางเดินในสวน ก็ต้องคัดเลือกอย่างดี  เขาตองไปหาหินริมแม่น้ำ เหินเจียง ที่กลมมน จากมณฑลอานฮุย  เมืองหวงซาน อ.ซิวหนิง

      ภาพการคัดหิน
      http://www.newshs.com/html/200705/31/20070531103029.htm

       
       

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 18:43:02 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 21   

      ^-^

       
       
       

      จากคุณ: booklovers   
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 19:19:53 
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 22   

      น่าเสียดายมาก

      รอบหน้าขอรีเควสเรื่อง หยวนหมิงหยวน ได้มั้ยคะ

      น่าเสียดายอีกเหมือนกัน

      จากคุณ: หรงเออร์  
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 20:04:31 
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 23   

      กระทู้คุณภาพอีกแล้ว  ตอนผมไปกับทัวร์ พี่แกพาเดินจากด้านหลัง ทะลุด้านหน้าเป็นเส้นตรงเลย แทบจะไม่ได้ดูอะไร เซ็งมาก  สู้สมัย อากง อาม่า ผมไปไม่ได้ ขอต้นทับทิม ในวังกลับมาปลูกที่ไทยด้วย ตอนนี้ยังอยู่เลย เกือบ40ปีแล้ว

      จากคุณ: jin leng 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 20:08:55 
      ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 24   

      สวัสดีครับ  คุณbooklovers   คุณหรงเออร์ และคุณjin leng ...

      ทานข้าวกันหรือยังงครับ   ผมเพิ่งแว๊บไปทานมา  ดีใจจังมีเพื่อนมาคุยแล้ว อิอิ   แหม...มีการเอาต้นทับทิบในวังมาปลูกด้วย  เส้นใหญ่นะเนี่ย  สมัย20-30 ปีก่อน  ตอนจีนเปิดรับนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนไปเยือนแรกๆ  ต้อนรับแต่ละคนราวกับฮ่องเต้และฮ่องเฮา   เดี๋ยวนี้...อิอิ  มีสิทธิ์โดนปรับนะเนี่ย

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 20:37:21 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 25   

      มาต่อเรื่องราว...

      ในการบูรณะสวน เจี้ยน ฝู กง ครั้งมี  ผมเป็นสปอนเซอร์  แหะ ๆ ..ฝันที่ไม่เป็นจริงๆ   จริงๆคือ ประธานของ Hang Lung Group บ.เรียลเอสเตท ขนาดยักษ์ ในฐานะหัวหน้ามูลนิธิของ China Heritage Fund  ที่ฮ่องกง  ได้บริจาคให้ทางการจีนเป็นเงิน 4 ล้านเหรียญสหรัฐ  พร้อมได้รับเงินบางส่วนจาก บ. ในอเมริกา คือ  AIG, The Starr Foundation,Charles B Wang Foundation  อีกด้วย

      เอาโฉมหน้าสุดหล่อไปชมหน่อย  ไม่ใช่ผมนะครับ  อิอิ  ท่านคือ Ronnie Chan Chi-chung

       
       

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 20:53:18 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 26   

      สวัสดีครับ คุณFortunism    ต้นทับทิบ ลูกสีแดงสดเลย ผมเพิ่งจะมารู้เมื่อสองปีก่อนเอง ว่า อาม่า ขอมาจาก วังต้องห้าม

      จากคุณ: jin leng 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 20:54:15 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 27   
      ตั้งแต่วันที่เริ่มทำการบูรณะ คือ พค. 2000  ถึง พค 2006  ในวันที่การบูรณะเสร็จสิ้น     ท่านประธานHang Lung Group  ได้บริจาคเงินให้ทางการจีนโดยไม่เคยจุกจิกกับค่าใช่จ่ายในการบูณะหมู่ตำหนักเลย  ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้น เจี้ยน ฝู กง แล้ว  ท่านก็คงบริจาคเงินเพื่อการบูรณะอาคารอื่นในกู้กงอีก (ชื่อ จง เจิ้ง เตี๋ยน)

      ในวันทำพิธีเปิดป้าย ท่านก็ได้รับเชิญมาเป็นประธาน  ป้ายนั้นคือ เหยียน ชุน เก๋อ  (ขวาคืออักษรจีน  ซ้ายคืออักษรแมนจู)  เป็นตำหนัก 2 ชั้นที่สวยโดดเด่นมาก (ในรูป คห 19 คือ อาคารมุมซ้ายล่างที่มีหลังคาเหลือง ยอดปลายกลมมน)

      ใครอยากทราบเกี่ยวกับมหาเศรษฐ๊ใจบุญคนนี้อีก ไปดูได้  เป็นภาษาจีนนะครับ
      http://space.tv.cctv.com/article/ARTI1240813236135170

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 21:16:34

      แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 52 21:14:03

       
       

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 21:06:39 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 28   

      คุณ jin leng ...

      ทับทิม เป็นพืชมงคล เพราะมีผลสีแดง  ที่สำคัญคือมีเม็ดเล็กอัดแน่นเต็มไปหมดใน 1 ผล   จึงเป็นสัญญลักษณ์ของการมีลูกหลานมากมายอบอุ่น  แหม...น่าอิจฉา  ปลูกให้งอกงามนะครับ  รสชาติอร่อยไหมครับ  (หลอกถาม..เผื่อจะขอชิม  อิอิ)

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 21:11:35 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 29   

      รสชาติธรรมดาเลยครับ เหมือนทับทิมบ้านเรา สงสัยเอามาปลูกแล้วกลายพันธุ์ 

      จากคุณ: jin leng 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 21:24:26 
      ถูกใจ: Fortunism

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 30   

      การบูรณะครั้งนี้  เป็นความสมบูรณ์แบบเพราะในปีที่สร้างเสร็จ 2006  กลุ่มอาคาร เจี้ยน ฝู กง นี้ก็ได้รับเลือกให้เป็นอาคารที่อนุรักษ์ยอดเยี่ยม โดยนิตยสารชื่อดังของอเมริกา businessweek และ Architectural.Record

      ข้อมูลที่น่าสนใจในการบูรณะ คือ

      1.ใช้ทองคำเพื่อทำเป็นทองคำเปลวเพื่อปิดทองตัวอากคารไปประมาณ 2800 กรัม  นับว่า ใช้ทองคำไปมากที่สุดเมือ่เทียบกับอาคารที่เคยบูรณะในขนาดเท่าๆกัน

      2. ใช้กระเบื้องไป 126, 309 แผ่น  ซึ่งถ้ามาเรียงเป็นเส้นจะได้ 42 กม.

      สุดท้ายนี้  ท่านเคยได้ยินสุภาษิตว่า พระเอกตกม้าตายตอนจบ ไหมครับ

      นั้นแหละครับ  ขอแสดงความเสียดายกับท่านที่มุ่งหวังจะไปชมนะครับว่า สวนหมู่ตำหนัก เจี้ยน ฝู กง ไม่เปิดให้ทุกคนทั่วไปเข้าชมครับ เว้นแต่ วี ไอ พี  หรือ ถ้ามีงานนิทรรศการเท่านั้น

      รีบชะแว่บ  ก่อนโดนมือดีทุบหัว  เอออ..ยังไง คุณหนุ่มรัตนะ คนเปิดกระทู้ก็รับไปด้วยครึ่งหนึ่งนะครับ  อิอิ

       
       

      จากคุณ: Fortunism 
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 21:53:21 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 31   

      คุณ jin leng ยังมีภาพวัง เก็บอยู่หรือเปล่าครับ .. รสชาตของทับทิมจากวังหลวง อร่อยไหมครับผม

      ขอบคุณพี่ Fortunism ครับที่แชร์ภาพให้เพิ่มขึ้น และภาพใน คห.16 นนท์มีภาพใหญ่ๆให้ดู เดียวไว้ขอดูรายละเอียดก่อนว่า ถ่ายที่ไหน แล้วจะนำมาเล่าให้ฟังอีก ครับ

      คุณ  หรงเออร์ ครับ ไว้มีโอกาส จะนำเสนอ พระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน ให้ดูนะครับ

      ขอบคุณทุกท่านด้วยครับ ที่เข้าร่วมชม และร่วมเก็บเข้าคลังกระทุ้

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 23:34:50 
        

       
       
       
       ความคิดเห็นที่ 32  

      นี่ครับ พี่ Fortunism เป็นภาพถ่ายสวนหิน ของตำหนัก เจี้ยน ฟู่ กง ครับ ถ่ายร่วมกับพระราชชนนีหรงยึ (ชุดดำ) และจักรพรรดิ์น้อยปูยี

       
       

      จากคุณ: หนุ่มรัตนะ  
      เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 52 23:38:07 
        

 

อ้างอิง

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8152343/K8152343.html
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( พฤหัสบดี, 06 สิงหาคม 2009 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้1977
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1238
mod_vvisit_counterทั้งหมด10733934