Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow Search
ยอดนารี ศรีถลาง : สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ผศ.สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์   
จันทร์, 19 กุมภาพันธ์ 2018

ยอดนารี ศรีถลาง
(ฉบับ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑)
บทละครอิงประวัติศาสตร์ ประกอบแสงสีเสียง
กลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จ : เค้าโครงประวัติศาสตร์

(จถล 2304)

สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์ : เนื้อเรื่อง  ละครอิงประวัติศาสตร์
เพลงยอดนารีศรีถลาง  : ประสิทธิ ชิณการณ์ และประพันธ์ ทิมเทศ ประพันธ์ ๒๕๐๙
เพลงถิ่นถลาง : ศิลปินเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๘

(เอกอนันต์ เกษตรเกรียงไกร: บทละครประกอบแสงสีเสียง)

 

อารัมภกถาบทละคร “ยอดนารี ศรีถลาง”

องก์ ๑โจรสลัดเมืองไทรหน้า 2
องก์ ๒ 
จาดไล่โจรหน้า3
องก์ ๓
ตลาดริมน้ำหน้า 5
องก์ ๔ 
รัตนโกสินทร์หน้า 8
องก์ ๕ 
ทุกข์ของแม่ หน้า 9
องก์ ๖ 
เกาะกุมตัวหน้า10
องก์ ๗  ค่ายปากพระแตกหน้า 12
องก์ ๘
ระดมพลหน้า 14
องก์ ๙  พม่าปล้นเรือหน้า 16
องก์ ๑๐ 
ออกศึกหน้า 18
องก์ ๑๑   รับพระบรมราชโองการหน้า 21
องก์ ๑๒
แซ่ซ้องสดุดีวีรชนหน้า22

(อารัมภกถาบท) (กลองหนังควาย ๑ ลา)
(หนังควาย) มาจะกล่าวบทไปตรัยตรึงสา
ใครใดก็เคยรู้ว่า...
(บรรยายภาษากลาง) เมืองถลางเดิมคือจังค์ ซี ลอน
ปรากฏในแผนที่ของคลอดิอุสปโตเลมี เมื่อ พ.ศ.๗๐๐
พระภิกษุอี้จิงจาริกแสวงบุญศึกษาภาษาสันสกฤตในอาณาจักรศรีวิชัย
ไปสืบกาลพระพุทธศาสนาในอินเดียผ่านจังค์ซีลอน แต่เรียกเป็นเสียงชาวจีนว่า สิลัน  ถึงสมัยอาณาจักรสุโขทัย ไทยสยามเรียกว่า สลาง และกลายไปเป็น ฉลาง ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา

ละคร “ยอดนารี ศรีถลาง”

องก์ ๑  โจรสลัดเมืองไทร

บรรยาย :
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงโปรดฯให้ชาวฝรั่งเศสมองซิเออร์ เรอเนอ ชาร์บอนโน และถัดไปชัวเดอ บิลลี่ มาเป็นเจ้าเมืองถลางพระยาถลางคางเสงบูรณะปฏิสังข์วัดพระทองแล้วก็ถูกเรียกเข้ากรุงจอมเฒ่าครองเมืองถลางบ้านดอน ถึงแก่อนิจกรรมในขณะที่ทายาททองพูนยังเล็กอยู่เมืองถลางจึงมีจอมร้างรั้งเมืองถลางบ้านเคียน มีพระพิมลขันบุตรเขยเป็นผู้ช่วยดูแลชาวต่างชาติที่อ่าวท่าเรือ-สะปำสิ้นบุญจอมร้างบ้านเคียน พระพิมลขันสามีท่านผู้หญิงจันผู้เป็นบุตรเขยต้องการเป็นเจ้าเมืองถลางแต่พระเจ้านครศรีธรรมราชไม่ต้องการสร้างปัญหา จึงโปรดฯให้พระพิมลขันไปเป็นเจ้าเมืองพัทลุง และโปรดฯ ให้นายอาดน้องชายท่านผู้หญิงจันและคุณมุกเป็นเจ้าเมืองถลาง
.
(พ.ศ.๒๓๐๙ ปลายกรุงศรีอยุธยา)

(เสียงปืน) (ที่จวนเจ้าเมืองพระถลางอาด)
(ริมคลองบางใหญ่ บ้านในค่ายบ้านเคียน ระหว่างวัดม่วงโกมารภัจจ์และวัดพระนางสร้าง)
(เสียงชาย๑)
:     ไฟไหม้จวน
ชาย๒
:               ใครฉู้เผาจวน  มันหาไหม้เองไม่
ชาย๑
:               สลัด สลัดช่องแคบเมืองไทร  มันป้วนเปี้ยนอยู่ในเลนานแล้ว
                        จำเรือมันได้  ธงดำ หมันแน่

บรรยาย:-           เมืองถลางในปี พ.ศ.๒๓๐๙  สลัดช่องแคบเมืองไทรบุกเข้าเมืองถลาง  พระถลางอาดบุตรจอมร้างบ้านเคียน น้องชายท่านผู้หญิงจันและคุณมุก เป็นเจ้าเมืองถลาง อยู่ในค่าย ริมคลองบางใหญ่ ทิศตีนนอนวัดพระนางสร้าง ถูกหัวหน้าโจรสลัดช่องแคบเมืองไทรสังหาร  ชาวบ้านดอนบ้านเคียนซุ่มกำลังรอวันชำระแค้น  แต่สลัดช่องแคบเมืองไทรฆ่าชาวเมืองถลางที่คัดค้านไปต่อหน้าต่อตาอย่างเหี้ยมโหด  ไฟแค้นของชาวเมืองถลางยิ่งพุ่งสูงขึ้น  แต่ชาวถลางยังไม่สำแดงให้เป็นภัยตน
.
องก์ ๒จาดไล่โจร
พ.ศ.๒๓๐๙

(พระยกกระบัตรชู(พระยาถลางชู ) ขุนทับศึก(พระยาทับศึก) นายเรือง(ปลัดเมืองถลาง) พันแขนนแสนศัตรูพ่าย ปรึกษาหารือด้วยกัน)

พระยกกระบัตรชู: เราไม่พูดเสียงดัง เดี๋ยวลับรั่ว
ท่านผู้หญิงจัน:   ได้ยินอยู่นะ จะลับอยู่ฤๅ
คุณมุก: นกมีหู หนูก็มี ฉานได้ยินนี่ รั่วแหละ
ขุนทับศึก
:ฮาย! ตกใจเหม็ด พอรู้ว่าเป็นแม่จันแม่มุกก็วางใจ ถ้ามันจับได้ ดุ (กระดูก) แตก ก่าไม่ยอมให้ขนหล่น
ท่านผู้หญิงจัน:   ก็อย่างคุณพระว่า  สลัดปล้นเมืองครองอยู่  มันต้อง(ระ)วังมากอยู่แล้ว  ถืออาวุธพุ่งไปหามัน  เราจะสูญเสียคนไปมาก  ต้องลอบสังหาร ต้องซุ่มโจมตี พุ่งเข้าหาสลัดแบบจู่โจม
คุณมุก: รอนาน เล่าขานก็ฟุ้ง  สิ้นแห่จาดก็ฟาดก็ฟันกันได้แล้ว
ท่านผู้หญิงจัน:   ใช้จาด  ซ่อนอาวุธไว้ในจาด  เคลื่อนเล่ห์ได้ใกล้สลัด  ฤกษ์
วันแห่จาด   แรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐  อีก ๓ วัน
พระยกกระบัตรชู
:            เฉียบเลยแม่  ไม่นึกว่าหญิงเมืองถลางจะกล้าแหลงฆ่ารันฟันแทง
ท่านผู้หญิงจัน:   พ่อทับกะพันแขนนแสนศัตรูพ่าย (ขอรับ ขอรับ) เป็นผู้จู่โจมสังหาร  ผู้มีสีมือแบกจาด  หญิงรุ่นเคียงจาด  ให้น้องมุกกันออกทันทีในช่วงจู่โจม (เจ้าค่ะ) แล่นไปโบสถ์วัดนางสร้าง  ลานสนามให้พ่อทับกะพันแขนนแสนศัตรูพ่ายเพื่อนเกลอจู่โจม (ขอรับ)
เรือง :     น้องจะขอทหารรักษาเมืองที่พี่อาดเคยชุบเลี้ยงมาช่วย  พวกเขาฮึดฮัดตอนสังหารพี่อาดพ่อเมืองถลางมาค่อนปีแล้ว  ยึดทั้งเรือ ยึดทั้งอาวุธ หากสลัดสู้ก็สังหาร  ยอมก็ค่อยส่งกลับเมืองไทร  ได้นะพี่
.

วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ วันสารท
(ฉากจวนพระถลางอาด) (ที่ถูกหัวหน้าสลัดช่องแคบเมืองไทรยึดครอง)
(จวนอยู่ที่บ้านค่าย ริมคลองบางใหญ่ ทิศเหนือวัดพระนางสร้าง)
(เสียง)   เสียงกลองวัดแห่จาด  เสียงกรับไม้  เสียงกรับพรกพร้าว (จากวัดม่วงโกมารภัจจ์ ) (จากวัดพระทอง)
(เสียงร้องกลุ่มจากวัดม่วงโกมารภัจจ์) (หว่างทึงหว่างทัง ที่ฝังสมบัติพัสถาน หน้าพรานอ่านมนต์ ดลจิตโนราชูวังเวง(ลายแทงวัดม่วงโกมารภัจจ์))
(เสียงร้องกลุ่มจาดวัดพระทองนาใน) (ยักสาม ยักสี่ หามผีไปเผา ผีไม่ทันเน่า หอมฟุ้งตระลบ ผู้ใดคิดสบ รับแค่กบปากแดง ใครใดมีแรง เอาแค่แล่งล่อคอ ล่อคอ ล่อคอ (ลายแทงวัดพระทอง))
(เสียงร้อง)         (เพลงนา) ...
                     รักกันไปรักกันมา
    แต่หาพบกันไม่ 
เหมือนมีเขาไหรมาขวางไว้            แลเห็นปลายไม้อยู่รายเรียง   
พี่ไปไหนก็ไปไม่รอด                      พี่ต้องลอดไปฟังเสียง
แลเห็นปลายไม้อยู่รายเรียง           ฟังเสียงทองร้อยชั่ง
(เพลงต้นโหย้ง)  (๑) ตนโยง ต้นโหย้งโหย้งไหรราน้อง โหย้งดอกสาเหล้า
(๒) ดอกเหมร ไม่รอดแล้วเด้ ถูกเสน่ห์น้ำตาปลาดุยง
(๓) ดอก

(เสียงเอะอะคนเมาน้ำหวาก):       ขี้เมาอย่างข้าก่าร้องได้  รำไม่เป็น ก่ารำได้
(เสียงพูด(สลัดเมืองไทร)) ข้าฯเป็นเจ้าเมืองถลาง  แม้ต่างความเชื่อ  ก็ต้องลงไปดูแห่จาดสารทเดือนสิบของเขาหน่อย  กรมการเมืองมาแจ้งแล้ว  ...     ฝนตกมากไหม
?
...
(เสียงลูกน้องสลัด)
:         สาวสาวนางรำนางฟ้อน เปียกปอนเปียกน้ำเปียกเหงื่อนี่ ... เอาร่มกันฝนให้พ่อเมือง
...
(เสียงลูกน้องสลัด)
:         นี่ไม่ใช่แห่จาด   กันพ่อเมืองไว้  พาเข้าจวน  (โอย ไม่ทัน)  กันไปเรือในบางใหญ่
บรรยาย:-กรมการเมืองถลางที่มีพระยกกระบัตรชู ขุนทับศึก พันแขนนแสนศัตรูพ่าย พ่อเรือง ท่านผู้หญิงจัน คุณมุก ก่อการจราจลเมืองถลางบ้านเคียน  ขับไล่หัวหน้าสลัดช่องแคบเมืองไทรที่มาปล้นเมืองถลาง  ยึดเรือสลัดขนาดกลางในคลองบางใหญ่ไว้ได้หลายลำ  แต่มีกำลังไม่มากพอที่ยึดเรือสลัดขนาดใหญ่ในอู่ตะเภาเลพังได้

สิ้นสุดวันขับไล่สลัดช่องแคบเมืองไทรที่มา “ครองเมืองถลางได้หน่อยหนึ่ง”  พระเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้โปรดให้พระยกกระบัตรชูขึ้นเป็นเจ้าเมืองถลาง
จวบจนสมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพิมลขัน อดีตเจ้าเมืองพัทลุง ผู้เป็นสามีของท่านผู้หญิงจัน เป็นพระยาพิมลอัยาขัน ครองเมืองถลาง  โปรดเกล้าฯ ให้
เจ้าพระยาอินทวงษ อัครมหาเสนาบดี  ผู้สำเร็จราชการ ๘ หัวเมืองฝั่งตะวันตก “อยู่ชำระว่ากล่าว เร่งรัดส่วยสาอากร” ณ ค่ายค่ายปากพระ แขวงเมืองตะกั่วทุ่ง ((ย้ายไปท้ายองค์๕ทุกข์ของแม่) แต่บรรดาซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ จะได้เข้ายังพระคลังหลวง ณ กรุงธนบุรี ค้างเกินอยู่เก่าใหม่มากน้อยเท่าใดนั้น ให้เจ้าพระยาอินทวงษาเร่งรัดได้มากน้อยเท่าใด ควรจะส่งเข้ามาก็ควรส่งเข้ามา ณ กรุง  มิควรจะส่งเข้ามา ณ กรุง ก็มิต้องส่งเข้ามา“ บัญชาการอยู่ที่ค่ายปากพระ แขวงเมืองตะกั่วทุ่ง)
.
องก์ ๓ตลาดริมน้ำ
(พ.ศ.๒๓๒๐)
(ฉากท่าเรือบ้านท่าเรือ-สะปำ)
(แขกแดง อาจิ(ยาหยี) เสนา คนตีรำมะนา ๓ คนคนตีกรับ คนตีฆ้อง กลาสีเรือ ๓-๔ คน)
(ยี่เกรำนา  รำมะนา  กรับ  กลาสีเรือ (ของพระยาราชกปิตัน) ส่งเสียงร้องรำทำเพลง)
(เริ่มแรกเป็นเสียงเด่น  ลดเสียงลง กลายเป็นซาวด์ในฉากนี้)
ชุดที่ ๑. จะบอกให้แจ้ง เล่นเรื่อง แขกแดงรดน้ำมนต์ออกมาเที่ยวเล่น เต้น ๆ รน ๆ จะบอกให้คนทั้งหลายเข้าใจ(ลูกคู่รับ)
ชุดที่ ๒. แขกแดงเสงี่ยม เล่นตามธรรมเนียมแต่เก่าก่อน ไม่ปลิ้นไม่ปล้น ไม่หลอกไม่หลอน ไม่ใช่เอากลอนของใครมาว่า
ชุดที่ ๓ ยังไม่งามดีที่แขกคนนี้ออกมารำเทียน ผู้คนทั้งหลายอย่าได้ติเตียน ที่แขกรำเทียนผุดขึ้นมาใหม่
ชุดที่ ๔ ยังมีบังกาหลี ออกมาเที่ยวเต้นเล่นรำทำท่า บรรดาที่มา ผมบอกให้เข้าใจ
ชุดที่ ๕ พม่ามายืนยาวหนุ่มๆ สาว ๆ แสแรแท้ ยังมีนางรูปสวย อยู่ด้วยพ่อแม่ ให้คนไปแลมีผัวสองคน
ชุดที่ ๖ ตกที่เม้ยเจิง เป็นเมียมะเทิ่งงามสภา ไปขายแป้งน้ำมันขยันนักหนา พญาน้อยมาพาตัวนางไป
ชุดที่ ๗ สุวรรณหงส์ ถูกต้องหอกยนต์ มาม้วยบรรลัย ฝ่ายข้างพ่อตา มาใช้เสนาใน ให้พาตัวไปทิ้งลงในนที
ชุดที่ ๘ แม่ทรามสงวน ห่มแพรสีนวลเดินลอยหน้า นางชื่อสาวน้อย แม่สร้อยระย้า มีวาสนาได้ผัวลิเก
ชุดที่ ๙ ผมจะเล่ายุบล
   เมื่อพระศรีสุธนเที่ยวตามแม่นางโนรา มาพักอยู่ใต้ต้นพฤกษา แล้วขึ้นไปหาพญาอินทรี
ชุดที่ ๑๐ ผมประดิษฐ์ให้ฟัง ยังมีนายฝรั่งสร้างแต่งเรือรบ เที่ยวจบลาดตระเวนน้อยหรือเจนจบ เรือรบมีพวงมาลัย
ชุดที่ ๑๑ เล่นเบ็ดเตล็ด เล่าเรื่องนายทุน เป็นคนสำคัญ พาลูกจรจรัลไปให้ลิงไพร
ชุดที่ ๑๒ บอกพี่น้อง ผมต้องขอลา พาแม่ยายีแม่ศรีสุดไปลงนาวากลับไปเมืองไกล.........
 
ครบ ๑๒ ชุดพออุดม เล่าแต่เนื้อความไปตามนิยม ขอให้งามสม คนได้แจ้งใจเอย


(ฉากบนเรือ)
พระยาราชกปิตัน :           Good after noon Mr. (พระยาพิมลอัยาขัน)
พระยาพิมลอัยาขัน
:        Good after noon my friend.
(ทักทาย มาร์ติน่า โรเซลล์  )  ขอแสดงความยินดีอีกครั้งที่พระเจ้าอยู่หัวโปรดพระราชทานเป็น พระยาราชกปิตัน
(ท่านผู้หญิงจันก็ได้โอกาส)
ท่านผู้หญิงจัน:               ยินดีด้วยเจ้าค่ะ (พระยาราชกปิตัน
:ขอรับ)
มาร์ติน่าโรเซลล์              แม่จัน  ฉันมีผ้าสีสดให้เลือก
(พาท่านผู้หญิงจันไปดูผ้าแพรพรรณ)
พระยาพิมลอัยาขัน
:        ปืนชาติตุระหมัด  900 กระบอก  ปืนชาติสุตัน 1,820 กระบอก  จะรีบส่งไป ณ กรุง
พระยาราชกปิตัน
:           ข้าฯ ต้องไปรับกระวานกานพลูที่ตะโกลา   ปืนเหล่านี้ส่งให้ที่บางตะโกลาไหม  จะให้เรือไปส่งที่เกาะคอเขา  พอเข้าปากบางตะโกลา ก็ส่งไว้ที่ปากบาง
พระยาพิมลอัยาขัน
:        พระราชทรัพย์ ในหลวงสำรับนี้จะรวมผ้าแพรพรรณที่แม่จันไปเลือก ส่งรวมไปพร้อมกันขึ้นเขาศก ลงพุมดวง แม่น้ำตาปีไปแหลมโพธิ์
พระยาราชกปิตัน
:           น่าภูมิใจแทนชาวถลางที่ลงแรงช่วยสยามได้เข้มแข็ง สืบมาตั้ง 200 ปีโน่นแล้ว
พระยาพิมลอัยาขัน
:        ขอบคุณเพื่อน  ที่รู้น้ำใจงามของพี่น้องชาวถลาง
                                    มีเงินปึกชำระหนี้สิน มอบผู้ใดนับ
พระยาราชกปิตัน
:           ลงไปดูด้วยกัน  จะได้ดูไม้ฝาง  ไม้กฤษณา
พระยาพิมลอัยาขัน
:        ไม้กฤษณา ได้มาจากควนพระแทว บ้านแขนนบ้านควนพารา
(เสียงเบาลง)
(เสียงมาร์ติน่าโรเซลล์ดังขึ้น)
มาร์ติน่าโรเซลล์
: ผืนนี้สีสด  เข้มสดไป
(นำผ้าไปทาบตัวท่านผู้หญิงจัน)
(ซีรีนหลานสาวภริยากัปตันฟรานซิสไล้ท์)   (ซีรีนเดินมาจากด้านหลังมาร์ติน่าโรเซลล์ ผ่านหน้ามาร์ติน่าโรเซลล์) ซีรีน: ป้า ซีรีนจะลงไปวิ่งเล่นที่ตลาดนะป้า (มาร์ติน่าโรเซลล์:ระวังล้มด้วยนะซีรีน)
ท่านผู้หญิงจัน:   แม่ทองก็ซนดั่งซีรีน
(เสียงมาร์ติน่าโรเซลล์ แทรกชื่อผ้าเป็นบางช่วง)       
ผ้าขาวก้านแย่งลายเครือ  ผ้าขาวอุเหม้าเนื้อดี ผ้าขาวกาษาหน้าทองและหน้าจั่ว ผ้าลายดอกต่างกัน ผ้าเข้มขาบ โหมดตาด ผ้าดำเนื้อดี แพรดาไหรยสีต่างกัน น้ำมันจัน น้ำกุหลาบ
มาร์ติน่าโรเซลล์
:           ไม่แบ่งให้เมืองกราภูงาบ้างหรือไร  น้ำกุหลาบอยู่ด้านโน้น
(ซีรีนพาแม่ค้า (คนหนึ่ง) มีถาดไม้ใส่ขนมลาขนมก้านบัว ไปขาย(ขนมลา ขนมก้านบัว)กับคนดู)
(มาร์ติน่าโรเซลล์พาท่านผู้หญิงจันลงไปข้างเรือ)
(ชาวถลาง ๒ คนหาบเบี้ยปึก)
:       เบี้ยปึกไว้ไหนขอรับ
มาร์ติน่าโรเซลล์
: หาบมานี้เลยพ่อ
(นำไปพบกับพระยาราชกปิตันที่ท้ายเรือ)
ท่านผู้หญิงจัน
: มาซื้อเอง นำเบี้ยปึก มาไม่ได้ด้วยตนเอง แต่ละปึกหนักน่าดู พกพาได้แต่เงินเหรียญกับเบี้ยหอย
พระยาพิมลอัยาขัน
:        เบี้ยหอย ไม่ต้องนำมาเลย  ใช้เบี้ยปึกทั้งนั้น
พระยาราชกปิตัน
:           เบี้ยหอยก็ต้องใช้  กลาสีเรือพบปะชาวถลางก็ต้องใช้เบี้ยหอย
..
องก์ ๔รัตนโกสินทร์
พ.ศ.๒๓๒๘

เพลงรัตนโกสินทร์
เหล่าขุนนาง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
มหาดเล็ก          ถวายบังคมพระบรมสมเด็จเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
ร.๑
:                  ๓ ปีผ่านไป  มีแต่พระยาพิชัยดาบหัก  ที่รู้ใจ
            เจ้าพระยาอินทวงษา       บังอาจถือดีประการใด
                        (สั่ง) เจ้าคุณพระยาธรรมไตรโลก  เจ้าคุณพระยาฤๅราชนิกูล และเจ้าคุณพระยาพิพิธโภไตย

ลงไปปราบกบฏ ๘ หัวเมืองฝั่งตะวันตก
บรรยาย:-พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระยาธรรมไตรโลก  พระยาฤๅราชนิกูล และพระยาพิพิธโภไคย  ลงไปปราบเจ้าพระยาอินทวงษา ณ ค่ายปากพระ แขวงเมืองตะกั่วทุ่ง เมื่อรัตนโกสินทร์ศกที่ ๓ ปี พ.ศ.๒๓๒๘
การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาเมืองถลางนั้น  ออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาสู่อ่าวไทย  ทวนแม่น้ำตาปีไปถึงปากแม่น้ำอิปันที่พระแสง  ทวนน้ำไปถึงปลายพระยา  เดินบกด้วยช้างผ่านด่านเขานางหงส์ลงกราภูงา  ไปกระโสมตะกั่วทุ่ง  ข้ามช่องแคบปากพระเข้าสู่เมืองถลาง

องก์๔รัตนโกสินทร์ (ฉาก ๒)
(ค่ายปากพระ แขวงเมืองตะกั่วทุ่ง)
(มกราคม พ.ศ.๒๓๒๘)
ขุนจินดาพล
: ดีบุกที่ตะกั่วป่าได้ลำเลียงมากับกองช้างของท่านขุนจินดาสมบัติ
ขุนจินดาสมบัติ
: ช้างบางเชือกที่จะส่งไปท่าแหลมยามู ข้าจะส่งไปถึงเจ้าคุณพิมลที่ท่าเรือ พร้อมดีบุกค่าผ้าแพรพรรณ
เจ้าพระยาอินทวงษา
: ฝากท่านขุนนำไปแลกผ้าแพรพรรณถวายเป็นพระราชทรัพย์ลำเลียงไปตะกั่วป่า  เจ้าคุณพระยาพิมลอัยาขันจะช่วยท่านขุนให้ได้รับปืนบอเรี่ยมส่งเข้า ณ กรุง
พระยาพิมลอัยาขัน
: เมืองภูเก็จได้อำพันจากเลพัง  บัญชีรายสมทบเป็นพระราชทรัพย์ลำเลียงไปแหลมโพธิ์
เจ้าพระยาอินทวงษา
: ขอบน้ำใจท่านเจ้าคุณ  ที่ช่วยเป็นธุระ
(เสียงก้อง) “
ให้เจ้าพระยาอินทวงษาอยู่ชำระว่ากล่าว เร่งรัดส่วยสาอากรในเมืองนคร แว่นแคว้นหัวเมืองขึ้นแก่เมืองนคร แต่บรรดาซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ จะได้เข้าพระคลังหลวง ณ กรุง ค้างเกินอยู่เก่าใหม่มากน้อยเท่าใดนั้น ให้เจ้าพระยาอินทวงษาเร่งรัดได้มากน้อยเท่าใด ควรจะส่งเข้ามาก็ให้ส่งเข้ามา ณ กรุง(ประชุมพงศาวดารเล่ม 2)
บรรยาย:-เจ้าพระยาอินทวงษากระทำอัตวินิบาต ไม่ยอมให้ ๓ พระยาเข้าใกล้เกาะกุมตัว (บรรยายและแสดง):-) พระยาธรรมไตรโลก พระยาฤๅราชนิกูล และพระยาพิพิธโภไคย จึงเข้าครอบครองค่ายปากพระ  รอดูท่าทีของพระยาพิมลอัยาขัน เจ้าเมืองถลางที่บาดเจ็บกลับไปเมืองถลางบ้านเคียน
.

องก์ ๕ทุกข์ของแม่
บนรนจวน (เมืองถลางบ้านเคียน) (ดงตาล)
(เสียงขับร้อง
หน้ารนแม่หม้า  มีขามคอม้า มีหว้ากาจับ มีต้นม่วงคล้า มีสระหน้ารน มีคูโดยรอบ มีขอบค่ายไผ่(คำเชิญตายายผีถลาง))
เมืองภูเก็จ
: การลุอำนาจของ ๓ เจ้าคุณ ดั่งหนึ่งหยามน้ำใจชาวถลางชาวภูเก็จ  พวกเราอุตส่าห์ขุดหาแร่ดีบุก  ซื้อปืนใหญ่ปืนน้อยส่งไป ณ กรุง มิได้ขาด  เหตุใดจึงกระทำกับเราเยี่ยงนี้  เจ้าคุณมารดาขอรับ สั่งเพียงคำเดียว  ให้ลูกไปต่อกรสักเพลงจักให้เห็นสีมือของชาวถลางที่ไม่หวั่นเกรงทหารกรุง
คุณมุก
: พ่อเทียน  วู่วามไม่แพ้น้าเลยรึ  ว่าแต่ว่า จะให้น้าไปด้วยไหม
(แสดง
: กลาสีเรือนำจดหมายมอบให้แม่ปรางที่ริมคลองหน้าบ้าน แม่ปรางให้แม่ทองพากลาสีไปรับน้ำในครัว แม่ปรางขึ้นบันได)
แม่ปราง
: ลาโตกนายท่านที่อ่าวท่าเรือให้กลาสีเรือนำจดหมายมาน้องทองจัดสำรับให้แล้ว
ท่านผู้หญิงจัน(รับจดหมายไว้)
:เจ้าคุณทั้ง ๓ ที่ค่ายปากพระมาเป็นเหตุแห่งทุกข์ให้ชาวเราทั้งเมืองถลางและเมืองภูเก็จ หนังสือท่านลาโตก แจ้งทุกข์เพิ่มมาอีกว่า ท่านเจ้าคุณค้างหนี้สินดีบุกหลายร้อยภารา มิอาจส่งหนี้ทันในเพลาที่ท่านเจ้าคุณป่วยหนัก นี้ได้แน่ ที่หนักไปกว่าหนี้สิน ท่านลาโตกแจ้ง“มีราวข่าวว่า พม่าจะมาตีเมืองถลาง ” (ท่านผู้หญิงจันส่งหนังสือให้ขุนอาลักษณ์)
เมืองภูเก็จ
: ดีเลย  มาจวบเหมาะกันดี  ลูกจะตีทั้งพม่า ตีทั้งเจ้าคุณปากพระ
คุณมุก
: พ่อเทียนเอ้ย  เอาความวู่วามเก็บไว้  ทัพค่ายปากพระต่อกรกับศัตรูได้  อ่อนแรงด้วยกันทั้งคู่ กองกำลังชาวภูเก็จของพ่อเทียนกับกองกำลังถลางของท่านเจ้าคุณเป็นกองหนุนให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัยก่อน
ท่านผู้หญิงจัน
:  พ่อเทียนลูก  ต้องให้พ่อเทียนเจ้าเมืองภูเก็จถือหนังสือไปเจรจากับท่านลาโตก(ขุนอาลักษณ์ลุกขึ้นแสดงท่ารับฟังข่าวสารจากท่านผู้หญิงจันเพื่อเขียนจดหมายให้ท่านผู้หญิงจัน)ลาโตกกับท่านเจ้าคุณเป็นเพื่อนรักกันมานาน  เรื่องหนี้ขอผลัดไว้  ลาโตกมีปืนใหญ่ดินประสิว ขอลาโตกเห็นแก่ท่านเจ้าคุณที่ป่วยหนักอยู่ เห็นดูช่วยงานแผ่นดินด้วยกัน  (ขุนอาลักษณ์ : ขอรับ) ศึกหนักหนาสาหัสก็ลดลงพลัน (เมืองภูเก็จ:ขอรับ)
(แสดง
: ขุนอาลักษณ์ยื่นหนังสือให้ท่านผู้หญิงจัน ผู้หญิงจันเปิดอ่านแล้วมอบหนังสือ (สมุดข่อยหลุดคลี่ออก  เมืองภูเก็จรับแล้วพับปึกถือไว้)  ลงจากบ้านไปท่าน้ำลงเรือ)
บรรยาย:-เมืองภูเก็จไปเจรจาขอผลัดหนี้กับพระยาราชกปิตันในอ่าวท่าเรือ  การขอให้พระยาราชกปิตันสู้รบกับพม่าแทนท่านเจ้าเมืองถลางที่ป่วยหนักนั้น  พระยาราชกปิตันอ้างธุระ แล้วหลีกหนีไปปีนังให้พ้นศึก

องก์ ๖เกาะกุมตัว
(กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๒๘)
ข่าวพระยาพิมลอัยาขันถึงแก่กรรมล่วงรู้ไปถึงค่ายปากพระ ที่ต้องทนรอข่าวมาหลายเดือน  เมื่อเกาะกุมตัวเจ้าเมืองถลางมิได้เพราะถึงแก่อนิจกรรม  แต่ด้วยกฎปฏิบัติกันมา  ต้องจับภริยามาชำระโทษแทนผู้วายชนม์ ค่ายปากพระจึงได้โอกาสนี้
(ฉากจับกุมบนจวน) (เสียงแว่ว
:หน้ารนแม่หม้า มีขามคอม้า มีหว้ากาจับ มีต้นม่วงคล้า มีสระหน้ารน ...)
คุณมุก:ลูก ๆ หลาน ๆ ช่วยงานศพท่านเจ้าคุณกันเต็มความสามารถ  พี่จันอย่าได้ปริวิตกกังวลเลยพี่  ชาวเมืองถลางชาวเมืองภูเก็จที่บ้านเกาะแก้วผลัดเปลี่ยนมาช่วยงานศพเต็มที่  วันนี้ชาวบ้านพอนมาช่วยงานในวัดนางสร้าง  พี่ทองพูนบ้านสาคูก็ส่งคนมาช่วยอีก  น้องให้แม่ทองกับแม่ปรางไปช่วยจัดวัน 
โน่นแม่ทองมาพอดี  นัดวัน (กับชาวบ้าน) กันแล้วนะ
แม่ทอง (เดินเร่งรีบเข้ามา)
:  น้ามุก พี่เทียนชวนน้องเนียม น้องจุ้ยคว้าแหลนไปโน่นแล้ว  พี่ปราง พี่ช่วยปรามน้องด้วย  (แม่ปรางรีบลงบันได สวนทางกับพ่อเทียนที่เชิงบันได
บรรยาย:-หลวงไพรีพินาศ ขุนพิฆาตริปูระย่อ พาทหารชาวกรุง (๓-๔ คน) จากค่ายปากพระตามบัญชาของพระยาธรรมไตรโลก พระยาพิพิธโภไคยและพระยาฤๅราชนิกูล มาเกาะกุมตัวท่านผู้หญิงจัน  เมืองภูเก็จเทียนไม่ยอมให้เกาะกุมตัว ขวางทหารชาวกรุง  มีพ่อจุ้ยถือแหลนคุมเชิง พ่อเนียมขึ้นสายธนูตาจ้องเขม็งไปยังทหารกรุงซึงพยายามดันตัวหลวงไพรีพินาศขึ้นบันได
คุณมุก
:  อะไรกันพ่อ  นี่จวนเจ้าเมืองถลาง  ระมัดระวังกันหน่อย  ค่อยพูดค่อยจากัน
(แสดง) หลวงไพรีพินาศดันร่างเมืองภูเก็จเทียนไปจนติดบันไดทางขึ้นจวน
หลวงไพรีพินาศ
:  ข้ารับคำสั่งมาจับกุมกบฏข้ามีศักดิ์ที่จะขึ้นบนจวนให้เสมอศักดิ์จึงเจรจากันได้
พ่อเทียน
:  มากไปไหม  หยามหน้ากันไหม  ถามดีดีว่าใครกบฏ
ขุนพิฆาตริปูระย่อ
: ข้ามีคำสั่งคุ้มครอง เหนือหัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จับกบฏ  ทหาร ตามข้ามา
(แสดง) พ่อเทียนไม่ยอมให้ขึ้นบันได  แม่ปรางตะโกนให้
:น้องจุ้ยกับน้องเนียมถอยออกไป 
แม่ทองไปกันน้องทั้งสอง  แต่น้องทั้งสอง(พ่อจุ้ยพ่อเนียม)ไม่ยอมจะเข้าไปช่วยพี่เทียน แม่ทองรั้งธนูของพ่อเนียมไว้ทหารค่ายปากพระไม่พึงใจฮึดฮัดเดินไปเดินมา
หลวงไพรีพินาศ
:  ข้าฯ หลวงไพรีพินาศและขุนพิฆาตริปูระย่อได้รับบัญชาจากท่านเจ้าคุณพระยาธรรมไตรโลก แม่ทัพใหญ่ค่ายปากพระผู้รับสนองพระบรมราชโองการเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
ท่านผู้หญิงจัน
:  พ่อเทียน  ให้คุณหลวงขึ้นมา
เมืองภูเก็จเทียน
:  เอ็ง(ทหารกรุง)  อยู่นั่น  ไม่ต้องขึ้นมา
หลวงไพรีพินาศ
: ข้าฯ รับบัญชามาปราบกบฏเมืองถลาง ผู้ไม่เกี่ยวข้องถอยออกไป (เมืองภูเก็จเทียนขยับตัวถอย) ขุนพิฆาตริปูระย่อ เกาะกุมตัวท่านผู้หญิงจัน ไปว่ากล่าว ณ ค่ายปากพระ
(แสดง)  ขุนพิฆาตริปูระย่อเดิน (เร็ว) เข้าไปใกล้ท่านผู้หญิงจันคุณมุกกระชากดาบจากฝาจวนพุ่งไปขวางขุนพิฆาตริปูระย่อไม่ให้เข้าใกล้ท่านผู้หญิงจัน 
ทหารกรุงที่บันไดจะขึ้นไปบนรน  เมืองภูเก็จถีบตกบันได  พ่อจุ้ยถือแหลน(หอก) จ่อหน้าอกทหารกรุงที่ล้มลง
เมืองภูเก็จประดาบกับทหารกรุงที่บันไดพ่อเนียม(ถือคันธนู)คนรับใช้และชาวบ้านถลางยืนรอดูทีท่า
ท่านผู้หญิงจัน
: ให้หยุดฟังข้าฯ  วางดาบเถอะลูก  ทหารหยุด  หยุด  ทหารกรุงก็ทหารพระเจ้าอยู่หัว  ทหารถลางก็ทหารพระเจ้าอยู่หัว  ศัตรูอยู่แค่เอื้อมจะมาเฉือนใจเราอยู่  เราฆ่ากันทำไม  วางดาบให้เขา  น้องมุกวางดาบเสียเถอะ  พี่พร้อมจะไปกับเขา  (หันไปพูดกับหลวงไพรีพินาศ)  พาข้าไปเถิดคุณหลวง
ขุนพิฆาตริปูระย่อ
: ทหารข้าฯ บาดเจ็บเพราะคนถลาง  อย่าหาว่าข้าฯ ลุแก่อำนาจ  ข้าไม่จับท่าน ข้ามีความผิด  ทหารพาพวกนี้ไป  แม่ปรางแม่ทองลูกสาวท่านผู้หญิง  แลเมืองภูเก็จขัดขวางการเกาะกุมตัวก็มีความผิด  พาไปค่ายปากพระ  ทิ้งพวกเดนไว้
หลวงไพรีพินาศ
: พาท่านผู้หญิงไปเพียงคนเดียวตามคำบัญชาก็พอ
ขุนพิฆาตริปูระย่อ
:  แกจะไปไหน
ชาวถลาง
:  แม่จันไม่เคยทิ้งเกล้าผม  แม่จันไปไหน  เกล้าผมต้องไปนั้น  แม่จันอับจนพรีย  เกล้าผมจะไปตายแทน  ไม่ให้กูไป กูก่าต้องไป
ชาวถลาง(อื่น)
:ใช่  ใช่  พวกฉานต้องไปทั้งเพ
ท่านผู้หญิงจัน
:  พี่น้องเอ้ย  ตนอย่าไปลำบากกับฉานเลย  ช่วยแลรนให้ด้วย    ศพท่านเจ้าคุณยังอยู่ในวัดนาสร้าง  ช่วยเป็นธุระแทนฉานสักหีด  ไม่ตายเสีย  คงได้หลบมา.
องก์ ๗ค่ายปากพระแตก
(กุมภาพันธ์ ๒๓๒๘)
เมาะตะมะ เมืองพม่า
(บรรยาย) พระเจ้าปดุงทรงพระประสงค์ที่จะแผ่พระบรมเดชานุภาพเหนือแผ่นดินสยาม ในช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสร้างกรุงเทพมหานครได้เพียง ๓ ปี พระเจ้าปดุงจึงมีพระบัญชา๑ ในศึก ๙ ทัพ ให้แมงยีแมงข่องกยอเป็นแม่ทัพตีหัวเมืองปักษ์ใต้
ฝ่ายอังวะได้มาประชุมพลที่เมืองเมาะตะมะ ทว่าไม่อาจเคลื่อนทัพต่อ เนื่องจากเสบียงไม่เพียงพอ พระเจ้าปดุงทรงพิโรธแม่ทัพแมงยีแมงข่องกยอ ที่เคยมีพระบัญชาให้ไประดมเสบียงมาส่งให้กองทัพ แต่แมงยีแมงข่องกยอ กลับหาเสบียงได้ล่าช้า ทำให้เสียเวลาเคลื่อนทัพ พระเจ้าปดุงจึงให้ประหารแมงยีแมงข่องกยอและโปรดฯให้เกงหวุ่นแมงยีมหาสีหสุระ รั้งตำแหน่งแม่ทัพตีหัวเมืองปักษ์ใต้ทั้งทางบกและทางเรือ
(เกงหวุ่นแมงยีมหาสีหสุระแม่ทัพ  ยี่หวุ่น และพล ๓ พันนาย พร้อมหอกดาบ) 
เกงหวุ่นแมงยีมหาสีหสุระ: พลเรือ ๓ พันนาย ภายใต้บังคับของยี่หวุ่น ให้ล่องลงไปยึดเมืองตะกั่วป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องเทศกระวานกานพลู  ยึดเมืองตะกั่วทุ่งที่มีแร่ดีบุกเป็นสินทรัพย์ และยึดเมืองถลาง ตลาดการค้านานาชาติในเส้นทางสายไหมทางทะเล จักได้แผ่พระบรมเดชานุภาพ  ให้ชาวสยามสะดุ้งสะเทือนจิตแลจดจำ ศึกอังวะไปตลอดกาล(หัวเราะเยาะ)

ยี่หวุ่น: มิงกะลาบา (พลเรือ:มิงกะลาบา) ดับแสงตะกั่วป่า (เฮดับแสงตะกั่วป่า ดับแสงตะกั่วป่า)  ตี ผ่า ตะกั่วทุ่ง (เฮตีผ่าตะกั่วทุ่ง ตีผ่าตะกั่วทุ่ง)  มุ่งปราบเกาะถลาง (เฮปราบเกาะถลาง)   

บรรยาย:- (๑) ค่ายปากพระ แขวงเมืองตะกั่วทุ่ง เป็นค่ายระหว่างกลางเมืองถลางกับเมืองตะกั่วทุ่งที่ท้ายเหมือง  ยี่หวุ่นนำกำลังพลพม่า ๓ พันนายเข้าโจมตีเมืองตามรายทาง ตะกั่วป่าแตก  ตะกั่วทุ่งแตก  ชาวตะกั่วทุ่งหนีไปบ้านกระโสม  ทัพพม่าจึงเคลื่อนเรือลงใต้เพื่อตีเมืองถลาง  ผ่านค่ายปากพระสถานซึ่ง ๓ พระยาทหารเมืองกรุงยึดมาจากเจ้าพระยาอินทวงษา อัครมหาเสนาบดีในสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนหน้านี้

(แสดง+บรรยาย):  ทหารพม่าขึ้นจากจากเรือ  เคลื่อนพลก้มวิ่งแล้วหยุดพลางตัวกับพื้น  สลับไปจนถึงค่ายปากพระ เข้าจู่โจมค่ายปากพระ

พระยาธรรมไตรโลกนำทหารชาวกรุงเข้าต่อสู้  เพลี่ยงพล้ำถูกพม่าสังหารในสนามรบ   พระยาฤๅราชนิกูลตีฝ่าพม่าหนีลงเรือ  พระยาพิพิธโภไคยพาทหารกรุงตีฝ่าวงล้อมหนีไปเขานางหงส์  ท่านผู้หญิงจันได้กำลังจากพระจินดาพลและพระจินดาสมบัติ ทหารเดิมของเจ้าพระยาอินทวงษา ตีฝ่าวงล้อมพม่าคืนกลับเมืองถลางบ้านเคียน  ช่วงที่ท่านผู้หญิงจันผ่านบ้านสาคูจะเข้าบ้านพรุจำปา  โจรสลัดปลายแถวก็เข้าปล้นบ้านท่านผู้หญิงจัน ที่รนจวนเกาะบ้านเคียน

(แสดง)  โจรสลัดไล่คนเฝ้าบ้านท่านผู้หญิงจัน  ทำลายข้าวของประดับฝาบ้าน  แบกไหเปล่า (ด้วยเข้าใจว่ามีทรัพย์ยิ่งราคา)ไปลงเรือ  (...(เสียง... คนดูละคร)  ขนาดไหเปล่าก่าลัก  มันเอาไปทำไหรฮ้าว...)

บรรยาย:- แลอนึ่ง   เมื่อพม่ายกมานั้น  พญาธรรมไตรโลกให้เกาะเอาตัวตูข้าลงไปไว้ ณ ปากพระ ครั้นพม่ายกมาตีปากพระได้ กลับแล่นหนีมา ณ บ้าน  แลคนซึ่งให้รักษาบ้านเรือนอยู่นั้นแล่นทุ่มบ้านเรือนเสีย ข้าวของทั้งปวงเป็นอันตรายมีคนเก็บริบเอาไปสิ้น แลอยู่ทุกวันนี้ยากจนขัดสนเป็นนัก(จดหมายเหตุ มทศ.จห.๑๗ )

องก์ ๘ระดมพล

(กุมภาพันธ์ ๒๓๒๘)

(เสียงทำวัตรเช้า  สวดมนต์ ก้องมาจากวัดพระนางสร้าง )

(แสดง:ชาวบ้านเมืองถลางและอาสาต้านศึก (มากกว่า ๑๐ คน) เดินไปวัดพระนางสร้าง  บางคนจุดเทียน  บางคนจุดธูป (ต่างคนต่างทำ  ไม่ต้องพร้อมกัน)  ต่างอธิษฐาน (ขอพร ขอพระคุ้มครอง ออกเสียงดังกว่าปรกติ)

(เสียงก้อง)

พวกข้าเป็นหญิง             ขอบารมีพึ่งพิง                ปกป้องเกศา                   อยู่รอดปลอดภัย
คุณพระใฝ่รักษา             เทวาคุ้มครอง                 สุขสวยด้วยเถิด
- - -

(บนจวนรนย่าจัน )
คุณมุก: พี่จันชาวเมืองถลางมาพร้อมที่วัดนางสร้างแล้วพ่อเทียนหลบไปวางกำลังรักษาเมืองภูเก็จที่บ้านเกาะแก้ว
จุ้ย
:  แม่ขอรับ  น้ามุกขอรับ  พี่เจ้าคุณให้มาแจ้งว่า  ชาวถลางอาสารอฟังสัญญาณจากแม่  ตีเกราะเคาะไม้ พวกเขาจะมาทันทีขอรับ
คุณมุก
:  พ่อจุ้ยพาคนไปตีเกราะระดมพล  พี่จัน  มีชาวถลางมารอที่วัดนางสร้าง  พี่ไปรับก่อนเถอะ  น้องจะตามไป
(เสียงร้อง
: พิกุลสอง สารภีดีสมอแดง  จำปาจำปีตะแคง มะขามหนึ่ง ด้วยแก้ว๑ ไม้ลูกมุด ลูกม่วง ชมพู่ดูโบสถ์ เส้นแสงลายหนึ่ง เจ้าคุณเมืองฤๅเปิดแล หญิงฤๅหญิงแล (ลายแทงวัดพระนางสร้าง))
(ชาวถลางตีเกราะ ดังเป็นทอด ๆ ) (ชาวถลางตีเกราะ ดังเป็นทอด ๆ  ) (ชาวถลางตีเกราะ ดังเป็นทอด ๆ  )
(ชาวถลางอาสาเพิ่มมาที่วัดพระนางสร้าง)
ชาวบ้านอาสาจากทุกหมู่บ้าน (นั่งรอในกลุ่มคนดูละคร) 
เมื่อได้ยินเสียงเกราะ  ลุกขึ้นบอกกล่าว “ฉานคนบ้าน....  ได้ยินเสียงเกราะนัดรวมพลที่วัดนาสร้าง  ฉานจะไปช่วยเมืองถลาง  ฉานขอพรพี่ป้าน้าอา  ช่วยอวยพรด้วย ฉานจะไปแล้วนะ)
คนบ้าน...  คือ
บ้านสาคู
บ้านในยาง
บ้านพรุจำปา
บ้านพรุสมภาร
บ้านเหรียง
บ้านดอน
บ้านพอน
บ้านในครัม
บ้านบางโจ
บ้านมณิ
บ้านหินรุ่ย
บ้านนาใน
บ้านแขนน
บ้านควน
(แสดง) ชาวถลาง นั่งพื้นหน้าโบสถ์วัดพระนางสร้าง
ชาวบ้าน
: แม่จัน  แขบพรียก่ารอฉานด้วย  ฉานทำหน้าไม้ยิงพะแมว
(พญากระรอก) ไว้บนควนดินสิว รอฉานด้วย (วิ่งออกไป  แบกหน้าไม้กลับมา ส่งเสียง “เด้เด้  สายแข็งเยี่ยงนี้  ควายยังล้ม” หลังท่านผู้หญิงจันสั่งทำธนูเพิ่ม)
ท่านผู้หญิงจัน
: แผ่นดิน ถิ่นทำมาหาเลี้ยง  แผ่นดินถิ่นเกิดประเสริฐสุข  ต้องลุกเป็นไฟแล้วพี่น้องเอ้ย
ขอบน้ำใจพี่ ขอบน้ำใจน้อง มาปกป้องศาสน์สถาน  ปกป้องบ้าน รนนอน สานสุขด้วยกันรา
(แสดง) ท่านผู้หญิงจัน คุณมุก สั่งชาวถลางสร้างอาวุธ เดินไปยังกลุ่มทำงาน (๑) – (๙)
(ดนตรี)
๑. สร้างดาบชุบดีบุก (ตัวอย่างจากคุณ
GrittapohnChattreesagoon)
๒. สร้างบันได(สีเขียว)  ๓ อัน  ความยาวสูงพอเทียบค่ายพม่า
๓. ลับดาบ
๔. ขุนทับศึกแนะนำการใช้ธนูให้พ่อเนียม  และให้ชาวธนูและหน้าไม้ใช้ฟางข้าวมัดลูกศรทดลองยิง
๕. พ่อจุ้ยสอนวิธีการใช้หอกแหลน กับชาวบ้านที่เคยหาปลามาฝึกเสริม
๖. ดาบไม่พอ ท่านผู้หญิงจันสั่งทำดาบทองหลางเคลือบดีบุก (ใช้ไม้ทาสีเงิน ปิดกันด้วยสีดำ ลอกสีดำออกเป็นสีเงินดีบุก)
๗. พระสาคูทองพูนพาคน ๘-๙ คน มาจากบ้านสาคูเข้าสมทบ
๘. เมืองภูเก็จ ชวนลุงทองเพ็ง(น้องชายพระยาถลางทองพูน) มากำกับดูแลปืนใหญ่พระพิรุณสังหาร เมืองภูเก็จให้ชาวภูเก็จเกาะแก้วลากปืนใหญ่แม่นางกลางเมืองออกไปบนลาน  ทองเพ็งให้ชาวบ้านลากปืนพระพิรุณไปเทียบเคียงแม่นางกลางเมือง  ทดลองเล็งยิง  ชาวบ้านบางคนช่วยเช็ดลำกล้องปืน
๙. ทำไม้กั้นน้ำ (นั่งร้านไม้ไผ่น็อคดาวน์) ต่อกันเป็นเขื่อน “นบนางดัก”

องก์ ๙พม่าปล้นเรือ
(กุมภาพันธ์ ๒๓๒๘)

สะพานท่ายาง เมืองถลางบ้านดอน
บรรยาย:-

บ้านดอนเป็นเมืองถลางปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา มีจอมเฒ่าบ้านดอนเป็นเจ้าเมือง  ทิศปละตีนเคยเป็นคอกช้าง  ด้านหัวนอนมีวัดพ่อท่านเจ้าฟ้า (วัดบ้านดอน-วัดเทพกระษัตรี) และสะพานท่ายางติดต่อกับเมืองถลางป่าสัก ทิศตะวันตกเป็นนาสร้อย มีคลองบางใหญ่ไหลมาจากเมืองถลางบ้านเคียน ไหลออกไปนาโคกโหนด ออกทะเลที่อู่ตะเภา เกาะทะ เลพัง อันเป็นหน้าบ้านทางเรือของชาวถลาง  เดือนกุมภาพันธ์ ปลายปี พ.ศ.๒๓๒๘  ยี่หวุ่นนำทหารพม่า ๓ พันนายจากค่ายปากพระมาอู่ตะเภา  บ้างเดินเท้าบ้างเดินเรือพายเล็ก เข้าจู่โจมบ้านดอน
(ฉากชายน้ำบ้านดอน มีเรือพายหลายสิบลำ ชาวบ้านดอนเหวี่ยงแหหาปลา ใช้ชนางช้อนหากุ้ง  ใช้แหลนพุ่งเข้ากอเตยกอกกหาปลา)
ชาวเรือบ้านดอน
:  ปลาชุมพันนี้  พาไปขายบันซ้านบ้านเคียนได้หลายเบี้ย
หญิงชนาง (ใช้ชนางซ่อนกุ้ง)
: ฝากกุ้งไปขายด้วยนะพี่เจ้า
ชาวดอน
: ขายเองแล้เหวย  ได้เบี้ยซื้อกับหลบรน
ชาวแหลน
: พี่เจ้ามันขี้คร้าน  ขนาดแม่จันตีเกราะเคาะไม้  บอกว่าขี้ไป  ก่าหาไปไม่  อยู่จนหญ้าตาย  ควายแช่ง
ชาวเรือ
: ขุยแม่ฉานหลาว ว่าแต่เพื่อนขี้คร้านจนควายแช่ง  ตัวเองฮั้น ไส ไม่ไปช่วยแม่จันหล่า
หญิงชนาง
:  พี่เจ้า- -  แล่น  แล่น พี่เจ้า  โจรสลัดมาหลาว
ชาย
: โจรสลัดพ่อมึงแล้  ไม่ใช่  แม่จันบอกให้ไปบ้านเคียน ห้ามกูนัก แล่นต้า แล่นไปบ้านเคียน  ไปเลย  ไม่ต้องหวังเหวิดกู  แล่น แม่แล่น (พลางจ้ำพายเรือเข้าฝั่ง  วิ่งล้มลุกคลุกดินไปถลางบ้านเคียน)

(บรรยาย) พม่าจู่โจมอู่เรือพายที่สะพานท่ายางบ้านดอนหลาย ๑๐ ลำ ทวนน้ำคลองบางใหญ่ทางนาสร้อยเข้าประชิดเมืองถลางบ้านเคียนที่นาโคกริมคลองบางใหญ่  ห่างจวนเมืองถลางบ้านเคียนราว ๕๐๐ เมตร ในระยะวิถีกระสุนปืนใหญ่ของทั้งสองฝ่าย  พม่าสร้างค่ายข้างดงทองหลางริมฝั่งคลองบางใหญ่ในเพลานั้นทันที
(เสียงจากค่ายพม่า) 
:
- ดีจริง  ได้น้ำจืดจากริมคลอง
- เรือพายสยาม  คล่องตัวขึ้น  ของหนักใส่เรือไว้  ไม่ต้องแบก ไม่ต้องลากให้เหนื่อยเปลี้ยเพลียแรง
-ปืนใหญ่แบ่งขึ้นค่ายบกพอป้องค่าย  แต่ทุกลำเรือต้องมีปืนใหญ่  ใช้เรือสยามโจมตีสยามทางเรือนี่แหละ (หัวเราะชอบใจ)
.
องก์ ๑๐ออกศึก
๑๓ มีนาคม ๒๓๒๘
(๑) คลองบางใหญ่ (ช่วงนบนางดัก )
ขุนทับศึก
: ถ้าให้ถมดินขวางบางใหญ่  น้ำจะท่วมรนพวกเรา บ้านค่ายท่วม น้ำล้นไปลงนาปากสระบ้านเคียนก็ท่วม ชาวถลางจะเคลื่อนตัวในโคลนมิได้นะ
ท่านผู้หญิงจัน
:  จริง ท่านขุน  แต่ฉานขอพระสาคูพี่ทองพูนพาคนไปเปิดน้ำที่วัดพระทอง  ให้น้ำล้นไปลงบางหินรุ่ย ไปออกพานท่ายางก่อนหน้านี้แล้ว
ขุนทับศึก
:  โอ แม่จัน  คิดได้พรีย  แต่--  แต่  เฮ้อ--  ก็ยังหวังเหวิดหลาวแฮะ  พอน้ำใต้นบแห้งหมด  เรือถลางที่บรรทุกฟางเผาค่ายโคกพม่า  พาไปพรียหลาวแม่เรือก่ากลายเป็นขอนไม้คลุกโคลน  หาพาฟางไปได้ไม่
ท่านผู้หญิงจัน
: ให้เรือพม่าเป็นขอนไม้คลุกโคลนนะแหละที่ต้องการ  ท่านขุน  เรือพม่าคลุกโคลน  ไปไหนไม่ได้  มาถึงฝ่ายเราไม่ได้  ปล้นเรือบ้านดอนไป ก็ไร้ประโยชน์  ปืนใหญ่ในเรือก็คลุกโคลน
ขุนทับศึก
: (ตบมือ) อ้ายยะ  เราแล่นไปหามัน  ไม่ต้องเกรงปืนใหญ่สวน (ตบมือ) พันแขนนแสนศัตรูพ่าย ไปกัน (ตบมือ (วิ่งไปริมคลองที่สร้างนบนางดัก) ตบมือ (เสียงลดลง หายไป))
.
(๒) ขยายค่ายน้อย (ทิศตะวันตกค่ายเมืองถลางบ้านเคียน)

(บรรยาย+แสดง): ท่านผู้หญิงจันได้ใช้กลอุบายให้หญิงแต่งตัวเป็นชายยกกองกำลังมาเสริมค่าย  ทุกวัน  ค่ายระหว่างค่ายใหญ่ทั้งสองฝ่าย  จึงมีค่ายน้อยมาขวางอยู่อีก  แต่ละค่ายมีเพียงกระโจมใบไม้กันแดด  และทหารหญิงปลอมตัวถือดาบเพียง ๒-๓ คน เดินไปเดินมา
หญิงถลาง๑
: ถ้าพม่ามันมาทำพรียนิ
หญิงถลาง๒
: แม่มุกสั่งเต็มหู  แล่นแล้  ให้แรงกว่าหมายิกแลน แต่อย่าแล่นไปโคกพม่าหลาวฮั้น  แล่นไปค่ายหลังวัดนาสร้างโด้
หญิงถลาง๑
: พอได้แล่นเด้
(๓) คลองบางใหญ่ (ช่วงโคกพม่า)
(ขุนทับศึก – สั่งการปิดนบนางดัก )
(เสียงพม่าสั่งการ)
(เสียงพูด)
: ปืนใหญ่ที่นำมาซ้อม  ให้นำลงเรือ  มัดให้แน่นติดกับเรือ  นำหน้า ๒ ลำ  ยิงแล้วหวนกลับไปทันที  ๒ ลำใหม่จะได้ยิงไปอีก  ๒ ลำหน้าเท่านั้นที่ยิงได้  และต้องฟังคำสั่งยิง
- (เสียง)
:กองทัพเมืองถลาง เพิ่มมาอีกแล้ว  เพิ่มได้ทุกวัน  วันนี้สีอะไร  (สีแดง)  สีแดง ธงแดง
- (เสียง)
: น้ำทะเลลด  (นี่น้ำจืดในคลอง  ไม่ใช่ทะเล)  น้ำแห้ง  เรือไม่เคลื่อน
.
(๔) หน้าจวนเมืองถลางบ้านเคียน
(ช่วงเย็นวันที่ ๑๓ มีนาคม๒๓๒๘)
(ท่านผู้หญิงจัน สั่งการ  มีคนถ่ายทอดคำสั่งการเป็นภาษาถิ่น (๕) – (๑๒))

(อาลักษณ์ชาย๑ ถือสมุดข่อยกับเครื่องเขียน)
(อาลักษณ์ชาย๒ ถือกระดานเขียนกับเครื่องมือเขียน)
คุณมุกยืนคุมดูแลความปลอดภัย
(ท่านผู้หญิงสั่งการ (๕) – (๑๒))

(๕) ทองเพ็ง : สั่งยิงปืนใหญ่ (เพื่อเป็นสัญญาณเปิดศึก)
ท่านผู้หญิงจัน
: พ่อทองเพ็ง ปืนใหญ่
((เสียงใต้) ปืนใหญ่ พ่อทองเพ็ง)

ยิงพระพิรุณสังหารปินใหญ่
ยิงแม่นางกลางเมืองปืนใหญ่
(หยุดยิง เพื่อให้ทหารพม่าออกจากค่าย)(ทหารพม่านั่งรอที่ริมค่าย ลุกขึ้นส่งเสียงเฮ ดาหน้ามาปะทะกับพลดาบของพระสาคูทองพูน
(๖) พระสาคูทองพูน
: สั่งชาวถลางพลดาบล่อทหารให้ออกจากค่ายพม่า
ท่านผู้หญิงจัน
: พ่อทองพูน พลดาบ
((เสียงใต้) พลดาบ พ่อทองพูน)

เข้ารบแล้วทำทีถอยออกไป (ซ้ายสุดของกำแพงค่าย)
(๗) มหาดเล็กเนียม สั่งการพลธนู ระดมยิงฟางและดินประสิว ดั่งพระพิรุณสังหาร
ท่านผู้หญิงจัน
: พ่อเนียม พลธนู
((เสียงใต้) พลธนู พ่อเนียม)

ปืนใหญ่ระดมยิงเผาค่ายพม่า  ถูกกิ่งทองหลางใหญ่หักลง
มุมป้อมค่ายพม่าถูกไฟไหม้

(๘) พลปีนค่ายพม่า (ยึดค่าย) เปิดประตูค่ายพม่า
ท่านผู้หญิงจัน: พลปีนค่าย  พลหน้าไม้ระวังภัย
(พลปีนค่าย) (พลหน้าไม้ระวังภัย)

บันไดไม้ไผ่(ทาสีเขียวเพื่อให้เห็นว่าเพิ่งตัดไม้ไผ่มาสดสด) ยาวพาดกำแพงค่ายพม่าได้ ๒-๓ อัน
ชาวถลาง แบกบันไดเขียว อันละ ๒ คน(แต่ละคนมีดาบ)  มีคนถือดาบคุ้มกันบันไดละคน
พาดบันไดห่างกัน พยายามปีน  บันไดแรกไม่ผ่าน
จึงนำบันไดมาอยู่ใกล้กัน ปีนพร้อมกัน  กันพม่าบนค่ายได้ จึงข้ามกำแพงไปได้ทั้งหมด ไปรอเปิดประตูค่าย  ใช้ไม้ไผ่เคาะส่งเสียงอึกทึกดีใจที่ยึดค่ายได้สำเร็จ (ได้แล้ว ได้แล้ว  เผาไหม  ไม่ต้อง เก็บไว้แล  มันสร้างได้พรีย  ได้แล้ว  ได้แล้ว  มันแล่นทุ่มแล้ว)
***
บรรยาย:-กิ่งทองหลางข้างค่ายพม่าถูกปืนใหญ่หักโค่นลง  พม่าเสียขวัญ  ระส่ำระสายไปทั้งกองทัพ  ชาวถลางยึดค่ายพม่าได้สำเร็จด้วยแผนยุทธวิธีพระพิรุณสังหารให้พม่าเจ็บป่วยล้มตาย ๓๐๐ – ๔๐๐ คน แตกทัพกลับไปเมื่อวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗ ตรงกับวันที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๓๒๘ เป็น “วันถลางชนะศึก”
***
(เพลงถิ่นถลาง หรือ เพลงยอดนารีศรีถลาง)
(๙) พลแหลน (พระยกกระบัตรจุ้ย)
ท่านผู้หญิงจัน
: พลปืนสั้น สมทบพระสาคูทองพูน
ปืนยาว(คุณเทียน) ปืนพก(ปีนสุตัน)  กริช(คุณเทียน)  ตะลุยไปหน้าค่ายพม่า
สมทบพลของพระสาคูทองพูนเข้าค่ายพม่าทางประตู (เข้าไปบางส่วน)
(ส่วนใหญ่รบกันหน้าค่ายดั่งรบในค่าย)
(๑๐) ทหารพม่าบางส่วน กลุ้มรุมประดาบกับท่านผู้หญิงจันและคุณมุก
(๑๑) ธงแดง (ธงถลางชนะศึก) ขึ้นปักบนค่ายพม่า

(๑๒) ขุนทับศึก – ยึดเรือพม่าในคลองบางใหญ่ ชูธงแดงอยู่ในคลองบางใหญ่

.
องก์ ๑๑รับพระบรมราชโองการ
(หน้าพระสามกษัตริย์ วัดพระนางสร้าง)
(พ.ศ.๒๓๒๙)
-ไฟสว่างที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
บรรยาย:- ใบบอกจากเมืองถลางถึงพระเนตรพระกรรณในคราศึก ๙ ทัพนั้น
พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์  ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมปูนบำเหน็จทหารทุกหมู่เหล่า
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท่านผู้หญิงจันเป็นท้าวเทพกระษัตรี
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คุณมุกเป็นท้าวศรีสุนทร
โปรดพระราชทานเครื่องอิสริยยศแก่ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร (ส่งไปพระราชทานถึงเมืองถลาง)
- ม้าเร็วไปแจ้งท่านผู้หญิงจันและคุณมุกที่รนย่าว่าขบวนอัญเชิญเครื่องอิสริยยศเดินทางมาถึงพรุสมภารพรุจำปาแล้ว
-ท่านผู้หญิงจันคุณมุก และเหล่าชาวถลาง เดินไปหน้าวัดพระนางสร้าง  รอรับขบวนที่จะอัญเชิญเครื่องอิสริยยศ ไปหน้าพระสามกษัตริย์
-ทุกคนนั่งรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม หน้าวัดพระนางสร้าง
- ท่านผู้หญิงจันคุณมุก ถวายบังคมรับพระบรมราชโองการ
- เพลง ยกย่องท่านผู้หญิงจันและคุณคุณมุก
องก์ ๑๒แซ่ซ้องสดุดีวีรชน
- ธงแดง (ถลางชนะศึก)  เสาธง เชือก  ขอเชิญประธานแต่ละคืนให้เกียรติอัญเชิญ  (ก่อนคำบรรยาย เหนือแผ่นดินสมรภูมิศึกถลาง)

เหล่าวีรชนเมืองถลางทั้ง ๙ ท่าน   ยืนแบบเดียวกับอนุสาวรีย์ ๙ วีรชนเมืองถลาง (PHUKET HISTORICAL PARK)
แต่ให้ยืนเป็นวงกึ่งเสี้ยวดวงจันทร์  ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร อยู่กลาง ลึกเข้าไป   สองท่านท้ายสุดซ้ายขวา ยืนล้ำหน้าออกมา
จากซ้ายไปขวา คือ   ปืนใหญ่พระพิรุณสังหาร พ่อเนียม พ่อทองเพ็ง แม่ปราง ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร  พญาถลางเทียน  พระยาถลางทองพูน  เจ้าจอมมารดาทอง  ปืนใหญ่แม่นางกลางเมือง (
อนุสาวรีย์ ๙ วีรชนเมืองถลาง )

บรรยาย :
เหนือแผ่นดินสมรภูมิศึกถลางในราตรีอันมืดมิด  แต่มิได้ปิดกันใจชาวถลาง
ได้ฟัง ได้ยิน ความกล้าหาญแห่งวีรชน ผ่านมา๒๓๓ ปี
ลูกหลานที่มา ขอคารวะเหล่าวีรชนเมืองถลางในรัติกาลนี้ 
จะเล่าขานความหาญกล้า ในการรักษา ผืนแผ่นดินให้เราอยู่ อย่างมีสุข
ราตรีนี้
ขออัญเชิญ
เหล่าผู้กล้าผู้สถิตสถาพรในแดนสรวง
ได้โปรดเมตตารับการคารวะในวีรกรรมแห่งท่าน
ที่ยังกึกก้อง แซ่ซ้อง สรรเสริญ สดุดี สืบกาล
(เสียงดนตรีดังขึ้นแล้วหยุดทันที- เงียบ)
.
“มาเหวย--- แม่มา— อย่าให้คอยท่า อยู่นาน---
มาเหวย--- พ่อมา— อย่าให้คอยท่าอยู่นาน---
(เสียงดนตรีคลอได้)
ละลงจากเทพสถาน สถิตแท่นทิพยาสนินท์
มณฑลที่ประดับ ตั้งสำหรับไว้ครบสิ้น
บวงสรวงเทพยุพิน ผู้รักษ์ดินสงวนภูมิ

มาเอยท่านมา ผู้กล้าผู้แกล้ว
พริ้งเพริศแพร้ว ผู้แกล้วผู้กล้า

มาเหวย--- แม่มา---
มาเหวย--- พ่อมา---”(เสียงลดลงเบาลงจนหายไป) “อย่าให้คอยท่าอยู่นาน- - -”

เพลงสรรเสริญพระบารมี.

 

๑. บรรยาย:-  ภาษากลาง

๒. ตัวเอกพูดภาษากลาง(ปนใต้บางคำ)

๓. ตัวอื่นๆพูดใต้


คำศัพท์บางคำ

ก่า ก็

ขาม มะขาม
ขุย ด่า

โคกโตนด โคกต้นตาล

แค่ ใกล้ ที่
โคก เนิน

จาดภาชนะใส่อาหารแห้งถวายวัดในงานสารท

ฉาน ฉัน

ฉู้ หนอ

เด้เด้นี่ นี่

โด้ โน่น

ตน คุณ ท่าน เธอ

ทั้งเพ ทั้งหมด

ทำไหรฮ้าวทำอะไรกันนะ

ทิศปละตีน ทิศเหนือ

ทิศหัวนอน ทิศใต้

ในเล ในทะเล

นบนางดัก เขื่อนกั้นน้ำ
นาง  ชนาง

น้ำหวาก น้ำเมา เมรัย

บนรน บนเรือน บนบ้าน

บันซ้าน ตลาดสด

พรก กะลามะพร้าว

พรีย อย่างไร

พาน สะพาน

ม่วง มะม่วง

ราวข่าว ข่าว

แล่นต้า วิ่งเถอะ

แล่นทุ่ม ทิ้ง วิ่งหนี

แล และ

แล่น วิ่ง

ลาโตก พระยาราชกปิตัน
สัก  ไม้ทำหลุมเพาะกล้า

สักหีด สักนิด

เหม็ด หมด

หมันแน่ ใช่แน่

หลบ กลับ

หลบรน กลับบ้าน

หล่า ละ

หลาว อีก

หลาวฮั้น อีกแหละ

หวังเหวิด เป็นห่วง
เห็นดู  เอ็นดู


 

 ***
ประวัติศาสตร์  
ถลางกะทู้ภูเก็ต(บรรทัดสุดท้าย)

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( พฤหัสบดี, 22 มีนาคม 2018 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้1077
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1111
mod_vvisit_counterทั้งหมด10731796