Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow Search
รณรงค์ให้เลิกวัฒนธรรมการจุดธูป PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
พุธ, 27 พฤษภาคม 2009

รณรงค์ให้เลิกวัฒนธรรมการจุดธูป

 

จุดธูปแล้วได้อะไร?
ใครรู้บ้าง

นี่ผมจะรณรงค์ให้หักดิบเลยเหรอ จะฝืนโบราณประเพณีหรือ?
ก็อะไรหละ คือโบราณประเพณี ลองย้อนอดีตไปดูซิ ว่าในสมัยพุทธกาล มีหรือไม่

ดอกไม้  : มีแน่นอน เพราะอยู่มาตั้งแต่เริ่มเกิดสรรพสิ่งขึ้นบนโลก คนสมัยพุทธกาลนั้นถวายดอกไม้แก่พระภิกษุ เป็นอามิสบูชา ย่อมมีอานิสงส์ดีแก่ผู้บูชา เกิดความผ่องใส
แต่อย่างไรเสีย อานิสงส์จากอามิสบูชา ก็ยังไม่เท่ากับอานิสงส์จากการปฏิบัติบูชา

เทียน: สมัยพุทธกาลแม้จะไม่มีเทียน แต่มีประทีป หรือตะเกียงน้ำมันนั่นหละ ประโยชน์นั้นก็จุดเพื่อให้มีแสงสว่างเหมือนกัน ที่จริงก็จัดเป็นการบูชาอย่างหนึ่ง ไม่เชิงว่าเป็นอามิสบูชาที่ดูไม่มีประโยชน์เหมือนดอกไม้ เพราะแสงไฟย่อมมีประโยชน์ทำให้มองเห็นในที่มืดสลัวๆได้ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องจุดในที่สว่างอยู่แล้วหรือไม่?
เทียน ผมเข้าใจว่าน่าจะเข้ามาจากอิทธิพลตะวันตก แต่อย่างไรเสีย โดยพื้นฐานของมันก็น่าจะหมดความจำเป็นลงไปแล้วในยุคที่มีหลอดไฟฟ้าใช้ แต่ศาสนาเหมือนเป็นเครื่องยึดติดอย่างนึงของมนุษย์ จึงพยายามอนุรักษ์อะไรเดิมๆเอาไว้ ผมกำลังจะบอกว่า ใช้หลอดไฟสองดวงแทนเทียนสองเล่ม ก็ไม่น่าเป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด
สังเกตว่าสมัยนี้มีเทียนไฟฟ้า ดวงไฟมีการกระพริบเล็กน้อยเกิดขึ้นเหมือนเทียน ก็จะไปทำให้มันกระพริบทามมมมายยยยย

    รณรงค์ให้เลิกวัฒนธรรมการจุดธูปครับ

    จุดธูปแล้วได้อะไร?
    ใครรู้บ้าง

    นี่ผมจะรณรงค์ให้หักดิบเลยเหรอ จะฝืนโบราณประเพณีหรือ?
    ก็อะไรหละ คือโบราณประเพณี ลองย้อนอดีตไปดูซิ ว่าในสมัยพุทธกาล มีหรือไม่

    ดอกไม้ whiterose : มีแน่นอน เพราะอยู่มาตั้งแต่เริ่มเกิดสรรพสิ่งขึ้นบนโลก คนสมัยพุทธกาลนั้นถวายดอกไม้แก่พระภิกษุ เป็นอามิสบูชา ย่อมมีอานิสงส์ดีแก่ผู้บูชา เกิดความผ่องใส
    แต่อย่างไรเสีย อานิสงส์จากอามิสบูชา ก็ยังไม่เท่ากับอานิสงส์จากการปฏิบัติบูชา

    เทียนเทียน: สมัยพุทธกาลแม้จะไม่มีเทียน แต่มีประทีป หรือตะเกียงน้ำมันนั่นหละ ประโยชน์นั้นก็จุดเพื่อให้มีแสงสว่างเหมือนกัน ที่จริงก็จัดเป็นการบูชาอย่างหนึ่ง ไม่เชิงว่าเป็นอามิสบูชาที่ดูไม่มีประโยชน์เหมือนดอกไม้ เพราะแสงไฟย่อมมีประโยชน์ทำให้มองเห็นในที่มืดสลัวๆได้ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องจุดในที่สว่างอยู่แล้วหรือไม่?
    เทียน ผมเข้าใจว่าน่าจะเข้ามาจากอิทธิพลตะวันตก แต่อย่างไรเสีย โดยพื้นฐานของมันก็น่าจะหมดความจำเป็นลงไปแล้วในยุคที่มีหลอดไฟฟ้าใช้ แต่ศาสนาเหมือนเป็นเครื่องยึดติดอย่างนึงของมนุษย์ จึงพยายามอนุรักษ์อะไรเดิมๆเอาไว้ ผมกำลังจะบอกว่า ใช้หลอดไฟสองดวงแทนเทียนสองเล่ม ก็ไม่น่าเป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด
    สังเกตุว่าสมัยนี้มีเทียนไฟฟ้า ดวงไฟมีการกระพริบเล็กน้อยเกิดขึ้นเหมือนเทียน ก็จะไปทำให้มันกระพริบทามมมมายยยยย

    ธูป : ในสมัยพุทธกาลไม่มีธูป และไม่มีอะไรที่ใช้แทนธูปเหมือนกับเทียนครับ นี่จึงเป็นสิ่งให้ผมกล้ายืนยันว่าจะจุดหรือไม่จุดก็ได้
    มีผู้กล่าวว่า การบูชาด้วยธูป คือการบูชาด้วยเครื่องหอม. ในความหมายนี้ ก็คงเป็นอะไรที่ประเสริฐอยู่ ฟังดูเป็นกุศล แต่ทว่า ธูปหอมเพิ่งมามีขึ้นได้ไม่นาน (ก่อนนั้นเป็นธูปเหม็นเหรอ) แล้วธูปหอมเนียะ เราสามารถใช้มาดมแทนน้ำหอมหรือแทนดอกไม้ได้หรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ ก็อย่าบังคับให้ใครดมเลย แม้แต่พระพุทธรูป
    ที่สำคัญ บางคนก็แพ้กลิ่นธูปด้วยครับ


    ประวัติของธูป
    ในอดีตผลิตจากไม้หอม มีลักษณะคล้ายธูปจีนโบราณ (วัฒนธรรมและการทำธูปในไทย สืบทอดมาจากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการค้าในอดีต) และเนื่องจากตัววัตถุดิบเป็นไม้หอม ควันธูปค่อนข้างละเอียด ไม่ระคายเคืองจมูกและตา ในอดีตธูป ทำจากเนื้อไม้หอม (Aromatic wood) หลายชนิด เช่น ไม้จันทน์ขาว (Sandalwood) จันทน์เทศ (Nutmeg) กำยาน (Gum Benzoin เป็นยางไม้หอมชนิดหนึ่ง) ไม้กฤษณา (Agar wood) กันเกรา (Tembusu) หรือต้นบง หรือโกวบั๊วะ (นำมาผสมน้ำเพื่อให้เนื้อผงธูปเหนียว พอที่จะฟั่นเป็นธูปได้) บดเนื้อไม้ให้เป็นผงละเอียด นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำธูป
    ปัจจุบัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ประกอบกับวัตถุดิบที่แพงขึ้น ไม้หอมต่างๆที่นำมาผลิตธูปเริ่มมีราคาแพง ผู้ผลิตส่วนใหญ่ จึงเปลี่ยนมาใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราแทน เนื่องจากมีราคาถูกกว่า และมีสีขาวนวลเหมือนไม้จันทน์ขาว ลักษณะเป็นผงละเอียด ขึ้นรูปได้ง่าย แล้วจึงนำมาผสมน้ำหอม เรียกว่า "ธูปหอม" เมื่อนำมาจุดจะให้ควันและกลิ่นหอม




    ควันธูป อันตราย



    สารก่อมะเร็งอื้อ
    นพ.มนูญ กล่าวว่า ธูปทุกชนิด ล้วนมีสารก่อมะเร็งทั้งสิ้น ในสถานที่จุดธูป มีสารก่อมะเร็งสูงกว่าที่ไม่จุดถึง 63 เท่า ควันธูปในวัดส่งผลอันตรายต่อพระสงฆ์ คนงานที่ทำงานในวัด แต่ที่น่ากังวลมากที่สุด คือ บริเวณศาลเจ้า หรือ วัดจีน โดยเฉพาะย่านเยาวราช ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการจุดธูปตลอดทั้งวัน และอากาศไม่ค่อยถ่ายเท ประกอบกับยังมีควันพิษจากท่อไอเสีย ทำให้เป็นแหล่งรวมสารก่อมะเร็งที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด ที่สำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือการจุดธูปในบ้าน ตามความเชื่อและประเพณีที่ปฏิบัติกันมาแต่โบราณ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้มีควันธูปในบ้านมาก ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยธูป 3 ดอก สามารถปล่อยมลพิษและสารก่อมะเร็งได้เทียบเท่าสี่แยกไฟแดงที่มีการจราจรคับคั่ง

    ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะปรับเปลี่ยนความเชื่อ และพฤติกรรมการจุดธูปเสียใหม่ เราสามารถทำการสักการะได้โดยพนมมือถือธูปไว้ในมือได้แต่อย่าจุด หากทุกคนช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ เราก็จะมีส่วนช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะวิกฤติโลกร้อน และยังช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งลงได้"นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ กล่าวโดยสรุป

    สุดท้ายจะเลือกจุดธูปเพื่ออธิษฐานให้สุขภาพแข็งแรง หรือจะดับธูปเพื่อรักษาสุขภาพ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณ

    หรือหากต้องจุดธูป เมื่ออธิฐานแล้วก็ควรดับธูปทันที

    หรือหากไม่จุดธูปเลย ก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินซื้อธูปไปเปล่าๆครับ

    ทำใจเสียเถอะ หากต้องการบอกอะไรกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วผ่านควันธูป มันเป็นสัจธรรมของมันอย่างงั้นเอง มีอะไรก็รีบๆบอกเค้าเสียตั้งแต่ยังมีชีวิต ก่อนอะไรจะสายเกินไป

     
     

    จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 26 พ.ค. 52 17:08:37 ]

     




 
 

        ความคิดเห็นที่ 1

        เคยโดนแม่ลากไปทำบุญบางวัด.....


        นึกว่าพาไปฆ่ารมควันซะอีก !
        ควันธูปเพียบ หายใจเกือบไม่ออก


        จากคุณ : ซ่อนนาม - [ 26 พ.ค. 52 17:24:15 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 2

        ผมไม่ชอบเลยครับ ธูปเนี่ยกลับบ้านแม่ผมจุดยังแอบไปดับเลย ผมเป็นคริสต์นะแต่แม่พุทธ

        จากคุณ : lol - [ 26 พ.ค. 52 17:29:41 A:112.143.10.235 X: TicketID:179013 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 3

        ยกเลิกไม่ได้หรอก เดี๋ยวกองสลาก และเจ้ามือหวยจะได้รับความกระทบกระเทือน และการกระจายรายได้ตามพื้นที่ต่าง ๆ เนื่องจากการจุดธูปขอเลขเด็ดจะน้อยลง

        จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ - [ 26 พ.ค. 52 17:36:05 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 4

        จริงๆ แล้วธูปช่วยในแง่ความรู้สึก คือจุดติดแล้ว ลมพัดไม่ดับอ่ะครับ นี่เพิ่งรู้ประวัติของธูปเดี๋ยวนี้เอง

        ปล. เห็นด้วยกับ คคห 1 หลายทีต้องไปไหวพระที่วัดจีนกับแม่ อยากใส่แว่นตาดำน้ำเข้าไปมากๆ


        จากคุณ : =Por= - [ 26 พ.ค. 52 17:43:58 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 5

        พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ยึดติดกับวัตถุ

        จะไหว้ด้วยธูป หรือไม่ไหว้ด้วยธูป มีค่าเท่ากัน อยู่ที่ใจกุศล


        จากคุณ : Plamany - [ 26 พ.ค. 52 17:54:13 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 6

        แล้วต้องดมวันละกี่ครั้ง นานกี่นาทีติดต่อกันถึงจะเป็นมะเร็งครับ?

        ประมาณว่าสงสัย มะเร็งนี่คงไม่ได้ปุปปัปจะเป็นหรอกครับ แต่เดาว่ามันคงต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร กว่าจะสร้างมะเร็งได้น่ะครับ


        จากคุณ : จอมมารพุงโต - [ 26 พ.ค. 52 17:54:53 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 7

        #6
        ึคล้าย ๆ บุหรี่มั้ง
        จะต้องสูบกี่มวนถึงจะเป็นมะเร็งก็ตอบไม่ได้ แต่รู้ว่าสูบแล้วเป็นจริง ๆ

        คงต้องเทียบกับบุหรี่ว่าควันธูปร้ายแรงแค่ไหน จะได้เห็นภาพชัด


        จากคุณ : ซ่อนนาม - [ 26 พ.ค. 52 18:00:02 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 8

        ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยอย่างยิ่ง -*-

        จากคุณ : Kross_ISC - [ 26 พ.ค. 52 18:00:56 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 9

        ผมชอบกลิ่นธูปครับ เอาแค่พอดีๆก็ทำให้ใจสงบ

        จากคุณ : Mr.Odwa - [ 26 พ.ค. 52 18:06:43 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 10

        อ่า ผมว่าใครใคร่จุดก็จุด ใครไม่อยากจุดก็ไม่ต้องจุดครับ
        จะไปโน้มน้าวหรือบีบบังคับทางอ้อม ให้เขาเลิกจุดคงจะมิได้

        คุณใช้เวลาในโบถส์ วัด ศาลเจ้า วันละกี่ชั่วโมง จึงกลัวมะเร็งจากควันธูป ?


        จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 พ.ค. 52 18:15:30 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 11

        ผมว่าเลิกบุหรี่ก่อนให้หมด

         
        อย่างนี้ดีกว่าไหม?


        จากคุณ : Magoak - [ 26 พ.ค. 52 18:22:10 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 12

        พบกันครึ่งทาง

        ใครทำธูปขาย   ก็ รีบทำธูปสั้นๆ มาขายด้วย  
        ยาวแค่นิ้วเดียวก็พอ
        จุดแล้ว ไหว้พระอธิฐานตามความศรัทธา
        อีกแป๊บ  ธูปก็ดับ
        สบายใจกันทุกฝ่าย  ปลอดภัยพอประมาณ


        จากคุณ : sb*star - [ 26 พ.ค. 52 18:35:47 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 13

        มาคิดค้นธูปที่ปลอดภัยมากขึ้นกันดีมั๊ยครับ
        แต่ถ้าแพงคงไม่มีใครซื้อรึเปล่า?


        จากคุณ : donutpla2 - [ 26 พ.ค. 52 18:40:04 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 14

        เห็นควรด้วย

        จากคุณ : oppertunity - [ 26 พ.ค. 52 18:40:21 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 15

        เจ๋งเป้ง ธูปสีเขียว ลดโลกร้อน ปลอดสารพิษ ผสมชาเขียว หอมชื่นใจ ดีต่อสุขภาพ


        ใครจะร่วมหุ้นกับผมๆไหม


        จากคุณ : ผู้ครอบครองจักรยาน - [ 26 พ.ค. 52 18:45:48 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 16

        คงจะยาก   และดูเหมือนจะรุกเข้าไปยุ่มย่ามกับประเพณีวัฒนธรรมโดยไม่จำเป็น  

        ผมเชื่อว่า  เรื่องแบบนี้มันเปลี่ยนไปเอง  ตามธรรมชาติการเรียนรู้ ของคนในสังคม  
        เดี๋ยวนี้ จะเห็นคนที่จิ้มดับธูป ก่อนที่จะปักกระถาง มากขึ้น     ผมคนหนึ่งล่ะ


        จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 26 พ.ค. 52 18:54:38 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 17

        เรื่องนี้ทางใครทางมัน ซื้อหน้ากากกรองฝุ่นใส่ง่ายกว่าเยอะหยอกเย้า แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 19:09:15

        จากคุณ : Mr.june - [ 26 พ.ค. 52 19:07:42 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 18

        เทียบกับบุหรี่คงไม่ได้ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าบุหรี่มีพิษภัย กลิ่นบุหรี่ ก็เฉพาะตัว  ได้กลิ่นก็จะมอง ๆ หา ๆ ว่าต้นเหตุมาจากไหน

        กลิ่นธูป ยังไม่ค่อยมีใครรู้พิษภัยมากนัก ก็ดมเข้าไป ไม่ได้สนใจ

        เป็นการดี หากจะเผยแพร่ต่อไป ให้ระวัง และเลือกใช้ธูปจากวัสดุธรรมชาติกันมากขึ้นนะครับ ผมก็คนนึงล่ะครับ คิดว่าอะไรที่มันเป็นควัน ๆ เนี่ย ไม่ว่าจะควันอะไร ผมจะเลี่ยงตลอด มีลูกก็อุ้มออกมาไว ๆ ไม่ให้ดมนาน

        แต่ผมว่าเลิกบุหรี่จะดีมาก ๆ ครับ

        (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย??)


        จากคุณ : จอมมารพุงโต - [ 26 พ.ค. 52 19:39:25 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 19

        ไม่ไหวอ่ัะ
        ผมแพ้ธูป ได้ควันเล็กน้อย น้ำตาไหลเลย


        จากคุณ : mohicann - [ 26 พ.ค. 52 19:49:24 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 20

        เดี๋ยวนี้ลดลงมากแล้วล่ะ

        สังเกตจากงานสวดศพสิ ไม่ค่อยจุดกันมาก หรือจุดก็จุดเป็นพิธี แล้วยกออก


        จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 26 พ.ค. 52 19:53:25 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 21

        ผมเคยไปไหว้เจ้าในวัดจีนเก่าแก่แห่งหนึ่งคนเยอะมาก ไม่ได้ดูเลยครับว่าต้องไหว้จุดไหนบ้าง เพราะไม่ไหวจริง ๆ รีบไหว้รีบออก

        ในโรงงานเวลาเข้าไปในห้องที่มีสารระเหยเป็นพิษยังต้องมีหน้ากากปิดจมูก

        เวลาไปในจุดที่เสียงดังก็จะต้องมีที่อุดหู

        แต่ในศาลเจ้าเราไม่ปิดจมูก รวมทั้งในสถานบันเทิงเสียงดังกว่าโรงงานเราก็ไม่อุดหู


        จากคุณ : กระเพาะปลาผัดแห้ง - [ 26 พ.ค. 52 20:00:38 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 22

        ให้เดาผมว่าสมัยก่อนจุดควันธูป เพื่อปองกันแมลง (สมัยนี้ก็ยังมีขายที่เป็นเขียวๆขดๆ) พอนานเข้าๆๆๆๆๆๆๆ
        จนคนลืมที่มา หรือรู้ที่มาก็ตาม ทำต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจนมันก็ยึดติดไปแล้ว
        รุ่นใหม่จะเลิก แม้เราจะมีการป้องกันแมลงได้แล้ว เราก็เลยยังมีธูป กลายเป็นรูปแบบ เหมือนคนที่มีใส้ติ่งขณะวิวัฒนาการ

        ส่วนตัวผมก็ไม่จุดเหมือนกัน มันอยู่ที่เราเองว่าจะยึดรูปแบบมากแค่ไหนและเพื่ออะไร แต่ก็ไม่ขวางคนอื่น เรื่องสังคมวิทยาก็ไม่รู้ว่าจะเอาใครเป็นตัวแทนคำตอบของสังคม ต้องให้สังคมเรียนรู้เอง ถ้ามีคนในวัดหรือศาลเจ้ามีสถิติเป็นมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ สังคมก็คงเรียนรู้ไปเอง


        จากคุณ : หลับตา - [ 26 พ.ค. 52 20:04:36 A:58.64.62.187 X: TicketID:173601 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 23

        ชอบ ค.ห.15 ชาเขียว ลดโลกร้อน ปลอดสารพิษ หอมชื่นใจ ดีต่อสุขภาพ   55+ ของชอบของประเทศแถบๆนี้เลยแหละ

        จากคุณ : Freedom of Speech - [ 26 พ.ค. 52 20:08:49 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 24

        สนับสนุนเลยครับ ตอนผมไปบวชอยู่  แสบตามากครับ  เป็นพระนั่งอยู่ จะไปล้างตาก็ไม่ได้

        จากคุณ : ป้อม (Bgate) - [ 26 พ.ค. 52 20:28:17 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 25

        ช่วงหลังๆเขาก็เริ่มมีการคุมกันบ้างแล้วครับ แต่ก็ยังเห็นพวกที่เอาธูปไปจุดทีละกำใหญ่ๆ ไฟลุกท่วม มันคงนึกว่าทำแบบนี้แล้วดูเด่นมั้ง

        จากคุณ : Jacare - [ 26 พ.ค. 52 20:30:30 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 26

        เอาไว้กำหนดเวลาในการนั่งสมาธิ  
        เรื่องนิยมของเก่ากับนิยมการเปลียนแปลง เรื่องแบบนี้พูดยากครับ

        สำคัญคือขอให้เข้าใจความหมายและความสำคัญ ของสิ่งที่เรากระทำ
        เมื่อก่อนธูปมักผสมสารเสพติดด้วยครับ เป็นพิธีกรรม


        จากคุณ : แห้วกับใบบัวบก - [ 26 พ.ค. 52 20:33:10 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 27

        คือ มันเพี้ยนไปในจุดมุ่งหมายเดิม  เดิมการกำหนดเวลาเพื่อจะทำอะไรสักอย่างก็ จุดธูปนี่ละครับ คห.26 พูดมาก็มีส่วนครับ เรื่องของการสวดมนตร์เอย นั่งสมาธิเอย ใช้ธูปกำหนดเวลา แต่คนหลังๆมา ประพฤติหย่อนยาน คือ กลัวไม่ได้บุญ เห็นพระจุด นึกว่า บูชาพระพุทธเจ้า 555+ ก็เอามั้งแต่เวลามีน้อย เลยจุดทิ้งจุดขว้าง  ยิ่ง มหายานนี่เจ้าหลายองค์ก็จุดเยอะหน่อย

        ผมคิดเอาตามที่เห็นนะครับ ไม่ได้อิงตามหลักอะไร

        แต่ถามว่า ควรจะเลิกเลยไม๊ ผมเห็นว่า
        1. บริษัทธูปควรรับผิดชอบมากกว่านี้ ด้วยมาตรฐาน อาหารและยา
        2. ควรกำหนดกฎการจุดกันใหม่ อันนี้วัดต้องพิจารณา ดูอย่างวัดที่ญี่ปุ่น ธูปอันสั้นนิดเดียว บางวัดก็ใช้แค่ผงธูปโรยเอา
        3. คนที่ไปวัด ควรจะมองให้ลึกซึ้งว่า การเอาควันไปรมพระ มันบาปมาก ทำพระเป็นมะเร็ง


        จากคุณ : CitizenShip - [ 26 พ.ค. 52 20:51:07 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 28

        อันนี้เห็นด้วยกับสมภพ ครับ

        ศาลาพระบูชาที่รพ.ผม ที่สร้างไว้

        ก็ขอความร่วมมือ งดจุดธุปและเทียน ให้บูชาด้วยดอกไม้ และใจ ที่สงบเท่านั้น


        จากคุณ : -=Jfk=- - [ 26 พ.ค. 52 21:00:06 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 29

        #6

        เราว่าธูปอย่างเดียวคงจะใช้ระยะเวลานานอยุ่หรอกครับ แต่ถ้าวันๆ นึงไม่ได้เจอเฉพาะธูป ละ เช้าเย็น ต้องเจอแล้ว ควันรถจากท้องถนน บางวันเจอคนสูบบุหรี่ใกล้ ๆ แถมต้องรับสารเคมี จากผักต่างๆ นาๆ  ที่เราทานเข้าไปอีก วันๆ นึงเรารับสารพิษเข้ามาในร่างกายมากมาย เราว่า ถ้าลดๆลงบ้างก็น่าจะดีครับ


        จากคุณ : ธรรมชาติลงโทษ - [ 26 พ.ค. 52 21:02:56 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 30

        ต้องสอนให้คนใช้ปัญญาครับ ไม่เช่นนั้นไม่มีใครเชื่อหรอก
        -
        จุด 100000 ดอก แต่ทำความเชื่อ
        ไม่จุดเลย แต่ทำแต่ความดี

        -
        คนไหนจะดีกว่ากันล่ะครับ


        จากคุณ : วมแย์ราจาอ - [ 26 พ.ค. 52 21:15:02 A:125.27.29.127 X: TicketID:199878 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 31

        "หากต้องจุดธูป เมื่ออธิฐานแล้วก็ควรดับธูปทันที" ---> เห็นด้วยครับ...

        "มีอะไรก็รีบๆบอกเค้าเสียตั้งแต่ยังมีชีวิต ก่อนอะไรจะสายเกินไป" ---> เห็นด้วยมากๆ ครับ...


        ส่วนเรื่องการรณรงค์ให้เลิกการจุดธูป...

        น่าจะรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ในที่สาธารณะให้ได้อย่างจริงจังก่อนจะดีกว่าครับ...

        ธูปเราอาจเจอแค่ในวัด แต่บุหรี่เจอ :-) ทุกที่เลย...

        ธูปกับบุหรี่ บุหรี่คงมีสารที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์มากกว่านะครับ...

        เอาเรื่องบุหรี่ให้ได้ก่อนเถอะครับ...


        จากคุณ : Little Pig in Big World - [ 26 พ.ค. 52 21:21:26 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 32

        ผมว่ายังไงก็เลิกไม่ได้หรอกครับ

        เด็กชายเด็กหญิง(น่าจะมีภาพไปโรงเรียนนะ)


        จากคุณ : Duk_Dik_Kung - [ 26 พ.ค. 52 21:21:44 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 33

        ใครอยู่ในวัดเล่งเน่ยยี่วันตรุษจีนได้ครบหนึ่งชั่วโมง
        ท่านไปร่วมม็อบได้ทุกม็อบ ไม่ต้องกลัวแก๊สน้ำตาแล้ว


        จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย - [ 26 พ.ค. 52 21:22:59 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 34

        ถ้าบ้านไหนมีเด็กเป็นหอบ ก็ต้องห้ามไม่ให้จุดธูปเหมือนกันค่ะ
        เจอพอสมควรเลยที่พามาโรงพยาบาลดึกๆเพราะให้ลูกจุดธูปไหว้พระ


        จากคุณ : หมอแมว - [ 26 พ.ค. 52 21:28:21 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 35

        คห. 33 ผมอ่านกระทู้นี้แล้วเห็นภาพวัดมังกรเหมือนกันเลย .. T T

        จากคุณ : ฟหกด - [ 26 พ.ค. 52 21:56:05 A:124.122.162.236 X: TicketID:205742 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 36

        จุดธูปไหว้พระแค่ 3 ดอกนะ แต่ที่เห็นไหว้เป็นกำๆนั่นเขาไหว้เจ้า ไม่ใช่หรือ

        จากคุณ : CHUMPLA - [ 26 พ.ค. 52 22:16:21 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 37

        เสนอว่าในอนาคตอาจจัดให้มีภาษีธูป ซึ่งเลียนแบบภาษีบุหรี่ โดยภาษีธูปนี้ อาจจะเก็บตามความยาวหรือน้ำหนักของก้านธูป ซึ่งอาจจะทำให้การใช้ธูปลดลง และรัฐเก็บรายได้เพิ่มมากขึ้น แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 52 22:50:29

        จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ - [ 26 พ.ค. 52 22:46:18 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 38

        เห็นด้วย เพราะผมแพ้ธูป ได้กลิ่นแล้วหายใจไม่ออก จะตายเอา จมูกคอตันไปหมด

        แต่ในความเป็นจริง ยาก ไม่มีทางทำได้หรอก ตราบใดที่คนไทยยังเจอเห็ดประหลาดแล้วเอาธูปมาจุด


        จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 26 พ.ค. 52 23:03:52 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 39

        ที่บ้านอยู่กัน 7 คน
        บางทีไหว้เทพเจ้า 4 องค์  
        องค์นึงไหว้ 3 ดอก  

        ไหว้หนึ่งรอบใช้ธูป = 7*4*3 = 84 ดอก
        ไหว้รอบสองตอน ธุปของรอบแรกเหลือประมาณครึ่งนึง  
        84*2 = 168 ดอก

        ธูป 168 ดอก บนพื้นที่เล็กๆ  
        ช่วงรวมญาติไหว้บรรพบุรุษ ควันหยั่งกะไฟไหม้


        จากคุณ : oakemon - [ 26 พ.ค. 52 23:24:56 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 40

        สนับสนุนค่ะ โทษมีมากมายมหาศาล และไม่มีอ้างอิงในสมัยพุทธกาลว่ามีการจุดธูป

        จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 26 พ.ค. 52 23:43:20 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 41

        ชอบไปดับเหมือนกันเวลาที่บ้านไหว้เสร็จ ไม่ชอบกลิ่นควัน

        จากคุณ : Hello_The_Rain - [ 27 พ.ค. 52 00:17:35 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 42

        ถ้าจุดในที่โล่ง ก็พบกันคนละครึ่งทางนะ
        แต่ที่ทำงานเราจุดในห้องแอร์ทุกเช้า
        ทรมานมากๆ พ่อเจ้าของลงมาไหว้เจ้าอ่ะ
        ก้อทนกันไป


        จากคุณ : เกี๊ยมอี๋ - [ 27 พ.ค. 52 00:50:45 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 43

        ไปศาลไปวันที่มีคนกราบไหว้บูชาเยอะรู้สึกเหมือน จะมีอภินิหารออกมาได้ตลอดเวลาเลยครับควันขโมงเวลาเราเดินออกมาแล้วมีแบ๊คกราวควันธูปคลุ้งผ่าออกมาภาพหยั่งกับเจ้าพ่อเซี้ยงไฮ้ไหว้เจ้า หยั่งเท่

        จากคุณ : tunnie555 - [ 27 พ.ค. 52 01:30:13 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 44

        เออ ผมพูดตรงๆว่าผมไม่รู้สึกแอนตี้เรื่องธูปเลยนะ ผมฟังแล้วเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง

        แต่ว่าเอาจริงๆแล้วผมว่าต้นเหตุของปัญหาหลักๆมาจากโรงงานผลิตธุปที่ใช้ของที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งในเนื้อธูปมากกว่า ทั้งๆที่แต่ก่อนใช้ไม้หอมมาทำ

        และอีกเรื่องที่ควรแก้คือบริเวณที่จุดธูป พวกห้องพระควรจะทำให้อากาศไหลถ่านเทได้สะดวก

        ส่วนเรื่องวัดจีนวัดมังกร คนที่มีความรู้ควรไปชี้แจงกับทางวัดและคนเข้าวัดเพื่อความเข้าใจโดยรวม เพื่อลดปัญหาพวกนี่อีกทางหนึ่ง

        ผมว่าคนธรรมดาเข้าวัดเป็นครั้งคราวไม่มีปัญหาอะไรหรอก(ถ้ามีก็น้อยมาก) แต่ที่น่าห่วงนี่คือพระ และคนที่อยู่ในวัดนี่แหละโดยเฉพาะวัดจีนทั้งหลาย ผมคิดว่าวัดแบบไทยไม่ค่อยมีปัญหาพวกนี่เท่่าไร เพราะว่าอากาศถ่ายเทได้ดี

        ปล. เห็นด้วยเรื่อง"ธูปสีเขียว ลดโลกร้อน ปลอดสารพิษ ผสมชาเขียว หอมชื่นใจ ดีต่อสุขภาพ"เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แก้ปัญหาได้ไม่พอยังส่งเสริมวัฒนธรรมด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า


        จากคุณ : ค่อยๆแก้ปัญหาน้อ (Ken Akamatsu) - [ 27 พ.ค. 52 07:02:38 ]

         

       
       
        ความคิดเห็นที่ 45

        แล้วพระไม่เป็นมะเร็งกันหมดเหรอ

        จากคุณ : Salted Egg - [ 27 พ.ค. 52 07:09:18 ]

         

       
       
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้190
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1745
mod_vvisit_counterทั้งหมด10711200