Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow News arrow มนุษยศาสตร์ arrow ตรีมูรติ
ตรีมูรติ PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
ศุกร์, 23 พฤษภาคม 2008

ตรีมูรติ
๑. พระอิศวร
๒. พระพรหม
๓. พระนารายณ์

 

 


 

ในปัจจุบัน คนไทยเรานอกจากจะกราบไหว้บูชาพระพุทธปฏิมากรแล้ว ก็ยังมีที่พึ่งทางใจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาอื่นอีกด้วย ดั่งเช่น พระตรีมูรติเทพเจ้าแห่งศาสนาพราหมณ์

 

ซันเดย์สเปเชียลหนนี้จึงขอนำเรื่อง พระตรีมูรติมาบรรยายให้ฟังครับ

 

แต่โบราณมา ศาสนาฮินดูถือกำเนิดโดย ชาวอารยันเมื่อ 1,000 ปี ก่อนพุทธกาล หรือราว 3,500 กว่าปีมาแล้ว ชาวฮินดูได้นำลัทธิพระเวทมาผสมกับคติพื้นเมืองของ อินเดียโบราณซึ่งเชื่อกันว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างโลกและยกย่อง พราหมณ์ในฐานะผู้สามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้ให้เป็นชนชั้นสูงสุดของสังคม ด้วยเหตุนี้ศาสนาฮินดูจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ศาสนาพราหมณ์

 

โดยเทพเจ้าที่ได้รับการเคารพสูงสุดมี 3 องค์ คือ

   

1. พระพรหม นามอื่นที่ใช้กันมาก คือ ธาดา (ผู้ทรงไว้) โลเกศ (จอมโลก) และ ปรเมษฐ์ (เป็นใหญ่ในสวรรค์) ทรงถือกำเนิดขึ้นเมื่อ พระอาตมภู (ผู้เกิดเอง) ได้สร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นจากความว่างเปล่า เมื่อทรงหว่านพืชลงในน้ำ ก็บังเกิดไข่ทองขึ้น พอไข่ทองแตกก็ปรากฏองค์พระพรหมอยู่ภายใน มเหสีของพระองค์คือ พระสรัสวดี

 

พระพรหมทรงมีวรกายสีแดง มีสี่พักตร์ แปดกรรณ (หู) สี่กร (บ้างว่า 8 กร) ถือธารพระกร ช้อน (สำหรับหยอดเนยในไฟ) หม้อน้ำ คัมภีร์ มีประคำคล้องศอ ถือธนู มีหงส์เป็นพาหนะ

 

พระพรหมทรงกอปรไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทางพระพุทธศาสนาจึงเรียกว่า พรหมวิหาร คือ ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหม

 

2. พระอิศวร นามอื่นมีมากมาย อาทิ พระมหาเทพ พระตรีโลจนะ (สามตา) นิลกัณฐ์ (คอดำ) จันทรเศขร (เอาพระจันทร์เป็นปิ่น) ตำนานกำเนิดหนึ่งกล่าวว่า ทรงเป็นโอรสของ พระกัศยป กับ นางสุรภี แต่บางตำนานอ้างว่า ทรงสร้างพระองค์ขึ้นเองจากพระเวทและพระธรรม ทรงมีมเหสีชื่อ อุมา หรือ บารพตี

 

   

พระอิศวรมีสีกายขาว มีสามเนตร (เนตรที่ 3 อยู่กลางหน้าผาก) มีรูปพระจันทร์ครึ่ง ซีกอยู่เหนือเนตรที่ 3 เกศามุ่นเป็นชฎา รุงรัง มีประคำกะโหลกหัวคนคล้องศอ สังวาลเป็นงู ศอสีนิล นุ่งหนังเสือหนังช้าง หรือหนังกวาง สถิตอยู่บนเขาไกรลาศ ในเทือกเขาหิมาลัย มีตรีศูลเป็นอาวุธ ถือคทายอดหัวกะโหลก ถือสังข์ ฯลฯ มีวัวนนทิเป็นพาหนะ

 

พระอิศวรทรงมีพระทัยกรุณา ให้พรแก่ผู้ขอโดยง่าย นอกจากนี้ยังทรงเป็นผู้ล้าง ผู้ทำลาย (เพื่อให้ไปถือกำเนิดใหม่) เป็นผู้สร้างดังสัญลักษณ์ เป็นรูปศิวลึงค์

 

3. พระนารายณ์ นามอื่นๆ คือ วิษณุ พิษณุหริ (ผู้สงวน) อนันตไศยน (นอนบนอนันตนาค) ตำนานกำเนิดของพระนารายณ์ มีว่า หลังจากพระอิศวรทรงบังเกิดขึ้นจากพระเวทพระธรรมแล้ว ก็ทรงสร้างผู้ช่วยขึ้น โดยเอาพระหัตถ์ ซ้ายลูบพระหัตถ์ขวา ปรากฏเป็นองค์พระนารายณ์ขึ้น และไปประทับอยู่ในเกษียรสมุทร ยามใดที่ทุรยุค พระนารายณ์ก็มีหน้าที่ไปปราบระงับทุกข์ เรียกว่า อวตาร ทรงมีพระมเหสีนามว่า พระลักษมี และมีครุฑเป็นพาหนะ

 

รูปโฉมของพระนารายณ์ที่จิตรกรนิยมเขียน จะเป็นบุรุษหนุ่ม กายสีนิลแก่ อาภรณ์อย่างกษัตริย์ เสื้อทรงสีเหลือง มีสี่กร ทรงตรีคทา จักร สังข์ บ้างว่าทรงธนู ดอกบัว หรือพระขรรค์

 

เทพเจ้าทั้งสามองค์ คือ พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ รวมเรียกว่า พระตรีมูรติ

 

และหากจะกล่าวถึงที่มาของการกำเนิด พระตรีมูรติก็มีกล่าวกันไว้หลายตำนานต่าง ๆ กัน เช่น ในตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพทัตตาเตรยะ อันเป็นอวตารของมหาวิษณุ (พระนารายณ์) มีฤๅษีอัตริ เป็นบิดา และนางอนุสูยา เป็นมารดา มีดังนี้...

   

ขณะที่ฤๅษีนามว่า อณิมาณฺฑวฺย (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) นั่งสมาธิอยู่ โจรกลุ่มหนึ่งได้หนีเจ้าหน้าที่ ผ่านมาทางนั้น ตำรวจหลวงที่ติดตามโจร ได้สอบถามถึงโจรกับฤๅษี ฤๅษีอยู่ในสมาธิจึงไม่ยอมปริปากใด ๆ ตำรวจหลวงเข้าใจว่าฤๅษีนั่นเองเป็นโจร จึงจับมัดมือมัดเท้านำไปเฝ้าพระราชา พระราชาทรงตัดสินใจประหารชีวิตฤๅษี โดยใช้วิธีเสียบด้วยตรีศูล เจ้าหน้าที่ได้ทำตามนั้น และนำฤๅษีที่ถูกเสียบ แต่ยังไม่ตายไปปักไว้บนยอดเขา

 

ในระหว่างนั้น นางศีลวตี ซึ่งเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างยิ่ง เดินทางผ่านมาทางนั้นโดยให้สามีชื่อ อุครศรวัส (อุค-คระ-ศระ-วัส) ขี่คอ เพื่อไปยังบ้านของหญิงแพศยา ขณะที่ฝนตกทำให้ทางเดินลำบาก อุครศรวัสได้ด่าทอฤๅษีหาว่าเป็นตัวการทำให้ฝนตก ฤๅษีโกรธจึงสาปให้ศีรษะของอุครศรวัสแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ศีลวตีได้ยินคำสาป นางมีความซื่อสัตย์ต่อสามีมาก จึงตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งคำอธิษฐานก็ได้ผล

 

เมื่อพระอาทิตย์ไม่ขึ้น ทำให้เดือดร้อนไปทั่วจักรวาลรวมถึงเทวดา จึงพากันไปเฝ้าพระพรหม แต่พระพรหมช่วยอะไรไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระศิวะ พระศิวะก็ช่วยไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระมหาวิษณุ จากนั้น พระตรีมูรติ (พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ) จึงพากันไปหานางอนุสูยา เพื่อให้ นางขอร้องศีลวตีถอนคำอธิษฐาน นางก็ยอมตามที่ขอ และเทพตรีมูรติได้ให้คำมั่นสัญญาว่า อุครศรวัสจะไม่ตาย

 

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตามปกติ เทพตรีมูรติมีความยินดีจึงให้นางอนุสูยาขอพร นางจึงขอพรให้เทพทั้งสามมาเกิดเป็นลูกของนาง เทพตรีมูรติจึงให้พรตามที่ขอ พระวิษณุจึงเกิดจากนางเป็นพระทัตตาเตรยะ พระศิวะเป็นทุรวาสัส และพระพรหมเป็นพระจันทร์

  

พระทัตตาเตรยะ บำเพ็ญตบะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้เป็นฤๅษีทัตตาเตรยะ

 

โดยเหตุนี้คนโบราณจึงนิยมสร้างรูปปั้นหรือรูปหล่อของ พระตรีมูรติเพื่อเป็นการแสดงออกทางรูปธรรมที่ ประชาชนทั่วไปมีต่อสิ่งสูงสุด ทั้งนี้ เชื่อกันว่าหากบูชา พระตรีมูรติก็จะได้รับความอุดมสมบูรณ์ ทั้งในชีวิต ความรัก และการงาน เพราะเทพทั้ง 3 เป็นผู้บันดาลความเป็นไปของมวลมนุษย์ในโลก คือ

 

องค์พรหม-เป็นผู้ให้กำเนิดกำหนดชีวิตแต่ละคนขึ้นมา

 

องค์วิษณุนารายณ์-เป็นผู้คอยปกป้องดูแลความเป็นไปในโลก

 

องค์ศิวะ-เป็นผู้กำหนดโชคชะตามนุษย์

  

นอกจากนี้ยังมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพตรีมูรติอีกว่า แต่เดิมนั้นเทพกับอสูรเป็นอริต่อกัน แต่การต่อสู้กับเหล่าอสูรซึ่งมีอิทธิฤทธิ์มาก เทวดาทั้งหลายพากันวิตกว่าจะพ่ายแพ้ จึงนำเรื่องไปปรึกษาพระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหม เทพทั้ง 3 องค์ จึงตกลงกันทำ พิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอมฤตซึ่งใครดื่มจะไม่ตาย และชวนอสูรให้มาร่วมด้วย โดยสัญญาว่าจะให้ดื่มน้ำอมฤต

 

พิธีกวนเกษียรสมุทรจึงเริ่มขึ้น โดยใช้เขาพระสุเมรุเป็นไม้กวนทะเลเกษียรสมุทร และมีพระยาวาสุกรี (พญานาค) เป็นเชือกพันรอบเขาพระสุเมรุ และเหล่าเทวดา-อสูร ต่างก็รวมใจกันเข้าชักสายเชือก โดยเทวดาวางแผนให้พวกอสูรดึงด้านหัวพญานาค พอฉุดนานเข้าพญานาคเกิดความร้อนและเหน็ดเหนื่อย จึงพ่นพิษโดนเหล่าอสูรจน ร่างกายมีสีดำ ส่วนเหล่าเทวดาดึงหางพญานาคมีฝนโปรยปรายเย็นชุ่มฉ่ำ

 

การกวนเกษียรสมุทรต้องใช้เวลาเป็นแรมปี เหตุนี้องค์นารายณ์ทรงเล็งเห็นว่าหากทำไปเรื่อย ๆ อาจทำให้เขาพระสุเมรุทะลุพื้นทะเลลงไป จึงทรงอวตารแปลงกายเป็นเต่ายักษ์ลงไปรองรับแผ่นโลกไว้ เวลาผ่านไปถึง 1,000 ปี การกวนเกษียรสมุทรสำเร็จ เหล่าอสูรกรูกันเข้ามาแย่งดื่ม องค์นารายณ์จึงแปลงร่างเป็นสาวงามล่อเหล่าอสูรไปอีกทางหนึ่ง เทวดาจึงได้ดื่มน้ำอมฤตกันทั่วหน้า ฝ่ายอสูรมีเพียง ราหู ดื่มไปได้ 1 อึก พระอาทิตย์ และพระจันทร์เห็นเข้า จึงฟ้ององค์นารายณ์ พระองค์จึงขว้างจักรตัดกายราหูเป็น 2 ส่วน แต่ไม่ตาย จึงเป็นตำนานเกิดปรากฏการณ์สุริยคราสและจันทรคราสในปัจจุบัน

 

ความศรัทธาใน ตรีมูรติได้สืบทอดผ่านยุคผ่านสมัย ทั้งในอินเดีย เขมร พม่า ลาว และไทย ได้รับการเทิดทูนจนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการประทานความรัก และความสมหวังให้มวลมนุษย์ ผู้โหยหาความรักไปแล้วในปัจจุบัน แม้กระทั่งในวันวาเลนไทน์ อันเป็นวันแห่ง ความรักของฝรั่ง ก็ยังมีหนุ่มสาวจำนวนมากไปขอพรจากรูปเคารพ ตรีมูรติ

 

ปัจจุบันองค์ตรีมูรติที่ผู้คนนิยมไปสักการะในกรุงเทพฯ มีอยู่ 2 แห่ง แห่งแรกอยู่หน้าโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ ใกล้ ๆ กับหัวลำโพง อีกแห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์  โดยบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์และประดิษฐานพระตรีมูรติ ณ เทวาลัยแห่งใหม่ เพื่อรองรับกระแสความศรัทธาและเพิ่มความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาสักการะ จากบริเวณเดิมลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นบริเวณลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้า อิเซตัน ใกล้ ศาลพระพิฆเนศวร โดยดำเนินการออกแบบก่อสร้างและตกแต่ง เทวาลัยแห่งใหม่แล้วเสร็จ พร้อมจัดพิธีอัญเชิญ พระตรีมูรติประทับ ในวันที่ศุกร์ ที่ 2 ธันวาคม 2548 ท่ามกลางพิธีสมโภชศาลฯ ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ.

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( เสาร์, 19 พฤษภาคม 2018 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

News

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้604
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1659
mod_vvisit_counterทั้งหมด10719863