Skip to content

Phuketdata

default color
Home
บทอ่านทำนองเสนาะ PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์   
จันทร์, 03 กุมภาพันธ์ 2014

วิชา        
กาพย์ฉบับ ๑๖      
  วิชาน่าเปรียบอาภรณ์   เพราะเป็นอุปกรณ์
เสริมสร้างสง่าราศี      
  ผู้ร้ายไหนกล้าราวี   แท้จริงหามี
โอกาสแย่งยื้อไป      
  วิชายังพาก้าวไกล   ดำรงอยู่ใน
สัมมาอาชีพชั่วกาล      
  เลี้ยงตนเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เกษมสุขสำราญ
ด้วยวิชาหาเลี้ยงชีพเอย    
    จากหนังสือ สาระการเรียนรู้พื้นฐาน ม.๒
         
         
         
  โคลงสี่สุภาพ : พระสุริโยทัยขาดคอช้าง
  บุเรงนองนามราชเจ้า   จอมรา-มัญเฮย
ยกพยุหเสนยา     ยิ่งแกล้ว
มอญท่านประมวลมา     สามสิบ หมื่นแฮ
ถึงอยุธเยศแล้ว     หยุดใกล้นครา
  พระมหาจักรพรรดิเผ้า ภูวดล สยามเฮย
วางค่ายรายรี้พล     เพียบหล้า
ดำริจักใคร่ยล     แรงศึก
ยกนิกรทัพกล้า     ออกตั้งกลางสมร
  บังอรอัคเรศผู้   พิสมัย ท่านนา
นามพระสุริโยทัย     ออกอ้าง
ทรงเครื่องยุทธพิไชย   เช่นอุป-ราชแฮ
เถลิงคชาธารคว้าง     ควบเข้าขบวนไคล
  พลไกรกองน่าเร้า   โรมรัน กันเฮย
ช้างพระเจ้าแปรประจัญ   คชไท้
สารทรงซวดเซผัน     หลังแล่น เตลิดแฮ
เตลงขับคชไล่ใกล้     หวิดท้ายคชาธาร
  นงคราญองค์เอกแก้ว   กระษัตรีย์
มานมนัสกัตเวที     ยิ่งล้ำ
เกรงพระราชสามี     มลายพระ-ชนม์เฮย
ขับคเชนทรเข่นค้ำ     สะอึกสู้ดัสกร
  ขุนมอญร่อนง้าวฟาด   ฉาดฉะ
ขาดแล่งตราบอุระ     หรุบดิ้น
โอรสรีบกันพระ     ศพสู่ นครแฮ
สูญชีพไป่สูญสิ้น     พจน์ผู้สรรเสริญ
         
         
         
บทพากย์เอราวัณ      
  อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ      
  ช้างนิมิตรฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์      
  สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดั่งเพชรรัตน์รูจี      
  งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี   สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล      
  กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา    
  กลีบหนึ่งมีเทพธิดา   เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล    
  นางหนึ่งย่อมมีบริวาร   อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิมิตมายา      
  จับระบำรำร่ายส่ายหา   ชำเลืองหางตา
ทำทีดังเทพอัปสร      
  มีวิมานแก้วงามบวร   ทุกเกศกุญชร
ดังเวไชยนต์อมรินทร์      
  เครื่องประทับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน
สร้อยสายชนักถักทอง    
  ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพปกตระพอง
ห้อยพู่ทุกหูคชสาร      
  โลทันสารถีขุนมาร   เป็นเทพบุตรควาญ
ขับท้ายที่นั่งช้างทรง      
  บรรดาโยธาจตุรงค์   เปลี่ยนแปลงกายคง
เป็นเทพไทเทวัญ      
  ทัพหน้าอารักษ์ไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ
กินนรนาคนาคา      
  ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา   คนธรรพ์ปีกขวา
ตั้งตามตำรับทัพชัย      
  ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย
พระขรรค์คทาถ้วนตน    
  ลอยฟ้ามาในเวหน   รีบเร่งรี้พล
มาถึงสมรภูมิชัย      
         
         
         
กาพย์ห่อโคลง : ประพาสธารทองแดง  
  นกกดดอดอาจสู้   พบงูเห่าเอาปีกบัง
งูโพนพังพานหวัง     (ขาดหาย)
  นกกดอดอาจสู้   งูขลัง
งูขบเอาปีกบัง     เข็ดเขี้ยว
งูเลิกพังพานหวัง     ขบตอด
ตอด บ รอดเลยเลี้ยว     หลีกเลี้ยวสูญหนี
         
  ดูหนูสู่รูงู     งูสูดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่     รูปงูทู่หนูมูทู
  ดูงูขู่ฝูดฝู้     พรูพรู
หนูสู่รูงูงู       สูดสู้
  งูสู้หนูหนูสู้   งูอยู่
หนูรู้งูงูรู้       รูปถู้มูทู
         
  นกแก้วแจ้วเสียงใส   คลอไคล้คู่หมู่สาลิกา
นกตั้วผู้เมียคลา     ฝ่าแขกเต้าเหล่าโนรี
  นกแก้วแจ้วรี่ร้อง   เร่หา
ใกล้คู่หมู่สาลิกา     แวดเคล้า
นกตั้วผัวเมียมา     สมสู่
สัตวาฝ่าแขกเต้า     พวกพ้องโนรี
   เทโพและเทพา   ตะเพียนกาพาพวกจร
อ้ายบ้าปลาสลุมพร     ผักพร้าเพรี้ยแลหนวดพราหมณ์
  เทโพพาพวกพ้อง   เทพา
ปลาตะเพียนปลากาพา   คู่เคี้ย
สลุมพรอ้ายบ้าปลา     หลายหมู่
ปลาผักพร้าม้าเพรี้ย     ว่ายไหล้หนวดพราหมณ์
        เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร
         
         
         
กลอนนิทาน : พระอัยมณี    
  สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่ ด้วยรู้แน่ว่าบิดาจะพาหนี
ให้ห่วงหลังกังวลด้วยชนนี   เจ้าโศกีกราบก้มบังคมคัล
บิดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งห้าม   จะวอนตามเขาไปใยในไพรสัณฑ์
อยู่เป่าปี่ตีเกราะเสนาะครัน   แล้วรับขวัญลูกน้อยกลอยฤทัย
  นางผีเสื้อเมื่อแรกก็แปลกจิต ครั้นทรงฤทธิ์ปลอบลูกชายหายสงสัย
จึงรีบออกนอกคูหาแล้วคลาไคล   ไปเขาใหญ่ในป่าพนาวัน
  ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม ปลอบประโลมลุกชายจะผายผัน
จึงหยิบปี่ที่เป่าเมื่อคราวนั้น   เอาผ้าพันผูกดีแล้วลีลา
ให้ลูกรักผลักแผ่นศิลาล้ม   สมอารมณ์รีบออกนอกคูหา
เลียบลีลาศหาดทรายชายคงคา   แลชลาล้วนคลื่นเสียงครื้นโครม
  ฝ่ายเงือกน้ำสำหรับทะเลลึก ไม่วายนึกถึงองค์พระทรงโฉม
พอแจ่มแจ้งแสงทองผ่องโพยม   ปลอมประโลมลูกเมียเข้าเคลียคลอ
จะไปลอยคอยองค์ทรงสวัสดิ์   ให้สมนัดซึ่งสัญญาเธอมาหนอ
แล้วออกจากกวนวังไม่รอรั้งรอ   ค่อยเคลื่อนคลายว่ายคลอกันไคลคลา
พอเห็นองค์ทรงยศโอรสราช   อยู่ชายหาดพร้อมกันก็หรรษา
จึงชวนลูกสาวนั้นกับภรรยา   คลานขึ้นมาชายฝั่งแล้วบังคม
  พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด   ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป
จึงตรัสว่าตาเงือกมาคอยรับ   ช่างสมกับวาจาจะหาไหน
เราล่อลวงนางผีเสื้อก็เชื่อใจ   เดี๋ยวนี้ไปแรมทางกลางอรัญ
ช่วยเมตตาพาตรงไปส่งที่   พระโยคีมีเวทวิเศษขยัน
กลางคงคาปลาร้ายก็หายพรรณ   จะป้องกันภัยพาลประการใด
  เงือกผู้เฒ่าเคารพอภิวาท ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย
เสด็จขึ้นทรงบ่าจะพาไป   พระหน่อไทให้ขี่ภริยา
อันอำนาจชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ   ปลาไม่กล้ำกรายกลัวทั่งทิศา
ด้วยกลิ่นอายคล้ายท่านผู้มารดา   เมื่อจับข้าข้าจึงอ่อนหย่อนกำลัง
สัตว์ในน้ำจำแพ้แก่ผีเสื้อ   เปรียบเหมือนเนื้อเห็นพยัคฆ์ให้ชักหลัง
อย่าเกรงภัยในชลที่วนวัง   ขึ้นนั่งยังบ่าข้าจะพาไป
        สุนทรภู่
         
         
         
พ่อแม่รังแกฉัน      
        มีซินแสแก่เฒ่าได้เล่าไข
ถึงเรื่องงิ้วว่าเล่นกันเช่นไร   มีข้อใหญ่นั้นก็เป็นเช่นละคร
แต่ข้อหนึ่งแกเล่าเขาประสงค์   มุงจำนงในข้างเป็นทางสอน
ชี้ทางธรรม์มรรยาทแก่ราษฎร   เหมือนละครสุภาษิตไม่ผิดกัน
เราบวชนาคโกนจุกในยุคก่อน   มีกล่าวกลอนเพราะพริ้งทำมิ่งขวัญ
การขันหมากยุคเก่าท่านเล่ากัน   มีสวดฉันท์เรียกว่า”สวดมาไลย์”
มีเฮฮาสนุกเครื่องปลุกใจ   สมกับได้มีงานการมงคล
ในหมู่บ้านย่านกลางเมื่อปางก่อน มีโรงสอนธรรมทานกุศล
เพื่อเป็นเครื่องเรืองปัญญาประชาชน ในตำบลอัตคัดไกลวัดวา
เรียกศาลาโรงธรรมประจำบ้าน   เหมือนสถานที่ฝึกทางศึกษา
บางคราวมีกุศลปนเฮฮา   เพื่อให้พาเพลิดเพลินเจริญใจ
ฝ่ายจีนเข้ามิได้อย่างที่ว่า   เอางิ้วมาฝึกหัดดัดนิสัย
ย่อมดูดดื่มซึมซาบปลื้มปลาบใจ เหมือนอย่างได้รู้เห็นที่เป็นจริง
  งิ้วเรื่องหนึ่งแก่เล่าครั้งเยาว์อยู่ ได้ไปดูจำไว้ได้ทุกสิ่ง
เกาะในจิตติดแน่นแม้นกับปลิง   เลยเป็นสิ่งสอนใจจนใหญ่มา
ตามเรื่องนั้นว่ามีเศรษฐีหนึ่ง   เป็นคนซึ่งสูงชาติวาสนา
มีทรัพย์สินเหลือล้นคณนา   มีบ้านช่องแน่นหนาด้วยขาไท
ท่านเศรษฐีมีบุตรสุดที่รัก   แกฟูฟักใฝ่จิตพิสมัย
บุตรคนเดียวแสนจะห่วงดังดวงใจ หวังจะสืบวงศ์ดำรงไป
มีโรงเรียนไกลบ้านอาจารย์สอน   กลัวลูกอ่อนลำบากไม่พรากได้
อุตส่าห์จ้างครูบามาแต่ไกล   ให้สอนในบ้านตนสู้ปรนปรือ
ฝ่ายลูกเรียนคนเดียวให้เปลี่ยวจิต มักเบือนบิดเบื่อชังเรื่องหนังสือ
อยากได้เพื่อนพูดจาและหารือ   พ่อก็อือออตามด้วยความรัก
เกณฑ์พวกเด็กในบ้านให้อ่านด้วย เพื่อให้ช่วยชวนใจให้สมัคร
ครั้นมีเพื่อนเรียนอยู่พร้อมพรัก   กลับชวนชักเล่นกันไม่หมั่นเรียน
ครูก็ดีจี้ไชมิได้หยุด     แกเห็นสุดเอาใจจึงได้เฆี่ยน
หวังให้กลัวอาชญาตั้งหน้าเพียร   แต่กลับเพี้ยนผิดคาดถึงขาดกัน
        พระยาอุปกิตศิลปะสาร
         
         
         
เสภาขุนช้าง-ขุนแผน      
  เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย   ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก   ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน
เทียวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ   ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก   คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน   จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน   เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว   แม่อย่ามัวหมอง นักจงหักใจ
  นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน อำนวยพรพรายน้อยละห้อยให้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย   จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นถือยศ   เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน   จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก     ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย   แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น   แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง
        สุนทรภุ่
         
         
         
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน    
โคลง        
  แกงไก่มัสมั่นเนื้อ   นพคุณ พีเอย
หอมยี่หร่ารสฉุน     เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์     พิศ หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน   อกให้หวนแสวง
กาพย์        
  มัสมั่นแกงแก้วตา   หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง     แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
  ยำใหญ่ใส่สารพัด   วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา     ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
  ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน     ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
  หมูแนมแหลมเลิศรส   พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง     ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
  ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น   วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย     ฤาจะเปรียบเทียบทันขวัญ
  เทโพพื้นเนื้อท้อง   เป็นมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรสครามครัน     ของสวรรค์เสวยรมย์
  ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม   ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น
  ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ   รสพีเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เป็น     เห็นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ
  เหลือรู้หมูป่าต้ม   แกงคั่วส้มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ     ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
  ช้าช้าพล่าเนื้อสด   ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม
คิดความยามถนอม     สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
  ล่าเตียงคิดเตียงน้อง   นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล     ยลอยากนิทรคิดแนบนอน
  เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า   รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์     ร้อนรุ่มรุ่มกลุ้มกลางทรวง
  รังนกนึ่งน่าซด   โอชารสกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง     เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
  ไตปลาเสแสร้งว่า   ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ   ให้พีเคร่าเจ้าดวงใจ
  ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤาโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน   ใครครวญรักผักหวานนาง
      พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
         
         
         
อันของสูงแม้ปองต้องจิต    
  ในลักษณ์นั้นว่าน่าประหาด เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา     ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที
เห็นแก้วแวววับที่จับจิต   ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี   อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต   ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา
มิใช้ของตลาดที่อาจซื้อ   ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง   คงชวดดวงบุปผชาติสะอาดหอม
ดูแต่ภุมริมเทียวบินดอม   จึ่งได้ออมอบกลิ่นสุมาลี
    ท้าวแสนปม : พระบาทสมเด็จพระมุงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
         
         
         
ณ หาดทรายทะเลแห่งหนึ่ง     
อินทรวิเชียรฉันท์      
  สายัณตะวันยาม   ขณะข้ามทิฆัมพร
เข้าภาคนภาตอน     ทิศะตกก็รำไร
  รอนรอน และอ่อนแสง นภะแดงสิแปลงไป
เป็นความอร่ามใส     สุภะสดพิสุทธิ์สี
  เรื่อเรื่อ ณ เมื่อรัต-   ติจะผลัดก็พลันมี
มืดมามิช้า       ศศิธรจะจรแทน
  ริวริว ระริ้วเรื่อย   ระยะเฉื่อยฉะฉิวแสน
เย็นกายสบายแดน     มนะด้วยระรวยลม
  ริกริก กระดิกทุก   ทุมะรุกข์ระเริงรมณ์
ใบก้านตระการชม     พิศะช่อลออครัน
  ไรไร ไสวร่อน   จระว่อนวิหคพรรณ
เหนือพฤกษะไพรผัน     มุขะเพื่อจะเมือรัง
  ครืนครืน คะครื้นครั่น   ชละลั่นสนั่นดัง
โดยทางทะเลฟัง     สรคลื่นคะเครงโครม
  ลิ่วลิ่ว ละลอกปราด   ประทะหาดและสาดโซม
ซัดทอยทยอยโถม     ทะลุฝั่งกระทั่งถึง
  แท้ธรรมชาติงาม   พิศะยามจะย่ำพึง
เพ่งภาพผิคำนึง     ละก็น่านิยมตาม
  ตูยืน ณ พื้นทราย   เฉพาะชายทะเลงาม
ชมเพลินก็พลันความ     ตริตระหนักประจักษ์มา
  เมื่อมองกะคลองเนตร พิเคราะห์เขตอาณา
ของไทยสิไพศา-     ลยะรอบประกอบชล
  โนนโน่น แน่ะยาวกว้าง ณ ระหว่างทะเลวน
น้ำเชี่ยวและเขียวกล     กะจะดำแสดงสี
  นั่นนั่น แน่ะบอกบ่ง   โป๊ะประมงประมาณมี
ดื่นดา ณ อาชี-     วะเพราะปลาแหละอาจิณ
  เรือใบคระไลคล่อง   ละเลาะล่องชะลอสินธุ์
ไปมาและหากิน     กิจะเกี่ยวกะมัจฉา
  ใครใคร ผิไม่นึก   คติลึกละเอียดมา
พบเข้าก็เปล่าตา     จะมิติดมิผิดผัน
  เห็นภาพทะเลแผน   ดุจะแผนอุทกอัน
ปราศฝั่งฝัน     บพิจารณาไกล
  เห็นภาพพณิชย์กรรม   กลธรรมดาไป
ตามถิ่นและทางใคร     จะถนัดสมรรถทำ
  หากใช้พินิจชอบ   วิเคราะห์รอบจะครอบงำ
นึกถึงประเทศนำ     นยะแน่ว ณ แนวหมาย
  โลกเราสิเข้ายุท-   ธะมิหยุดมิหย่อนวาย
บุคคลและแคว้นหลาย   ตะละล้วนจะป่วนหัน
  หาที่กระทำกิน   และถวิลจะแย่งกัน
ทุกยุคและทุกวัน     ผิวิจารณ์จะตื่นตน
  ว่าอ้าไผทแผ่น   ภพะแดนอุทกชล
ทั้งใหญ่และกว้างยล     เฉพาะเนตรถนัดเห็น
  ของไทยนะ-ของไทย และก็ไทยนะ-ไทยเป็น
เจ้าของและบำเพ็ญ     จะพิทักษ์จะรักษา
  ในถิ่นอุทกนั้น   สิอนันตบรรดา
สิทธนจะคณนา     บมิสุดอนุสสรณ์
  แผ่นน้ำ ณ เบื้องหน้า   อุปมากะอากร
เกิดเทิดสถาวร     ชิวะเรานิรันดร์แล
        นายชิต บุรทัต
 

***

วัฒนธรรม2วัฒน์  วรรณกรรม

การอ่านทำนองเสนาะ  
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Polls

ชื่อใด (หรือคำใด) สื่อได้ชัดคม รู้เป้าหมายได้มากกว่า
 

Who's Online

ขณะนี้มี 2 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้965
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1111
mod_vvisit_counterทั้งหมด10731684