Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow ปฏิทินเหตุการณ์
บทอ่านทำนองเสนาะ PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์   
จันทร์, 03 กุมภาพันธ์ 2014

บทอ่านทำนองเสนาะระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
พหุบาทสัตวาภิธาน      
โคลงกระทู้      
  สัตว์ พวกหนึ่งนี้เชื่อ   พหุบา ทาเฮย
มี อเนกสมญา     ยอกย้อน
เท้า เกินยิ่งจัตวา     ควรนับ เขานอ
มาก จวบหมื่นแสนซ้อน   สุดพ้นประมาณ
         
กาพย์ฉบับ ๑๖      
  สัตว์จำพวกหนึ่งสมญา พหุบาทา
มีเท้าอเนกนับหลาย      
  เท้าเกินกว่าสี่โดยหมาย สองพวกภิปราย
สัตว์น้ำสัตว์บกบอกตรง    
  ตะบองพลำใหญ่ยง   อยู่ในป่าดง
ตัวดุจตะขาบไฟแดง      
  มีพิษมีฤทธิ์เรี่ยวแรง   พบช้างกลางแปลง
เข้าปล้ำเข้ารัดกัดกิน      
  ตะขาบพรรณหนึ่งอยู่ดิน พรรณหนึ่งอยู่ถิ่น
สถานแลบ้านเรือนคน    
  ตะขาบไต่ขอนซอนซน กิ้งกือคลานวน
แมงมุมขยุ้มหลังคา      
         
         
         
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)  
บทละครรำ เรื่องพระร่วง    
สี่บท        
  เมื่อนั้น     พระร่วงตริตรองมองถ้วนถี่
อันพวกขอมยกมาครานี้   มุ่งเอาชีวิตแต่ตัวกู
แม้กูจะอยู่ต่อต้าน     พวกไทยใจหาญคงต่อสู้
ไหนจะยอมพ่ายแพ้แก่ศัตรู   กูยังอยู่คงประยุทธ์สุดกำลัง
แต่ชาวไทยไม่ชาญการณรงค์   เหลือทะนงสู้ขอมกำลังขลัง
เหมือนแสร้งให้ไปตายวายชีวัง   กูจะยั้งอยู่ไซร้ไม่เข้าที
จำกูจะหลีกเลี่ยงไป     สู่แดนสุโขทัยกรุงศรี
ขอมรู้ว่ากูไกลบุรี     คงจะไม่โจมตีต่อไป
ร่าย        
  คิดพลางทางมีบัญชา   แก่นายพรานป่าหาช้าไม่
แม้กูคงอยู่ละโว้ไซร้     เหมือนแสร้งพาคนไทยให้ย่อยยับ
มึงจงแสร้งทำเดินหลง   เดินตรงเข้าไปให้ขอมจับ
แล้วจงเล่าความไปให้แม่ทัพ   ประหนึ่งรับสารภาพจริงใจ
ว่ากูได้รู้ข่าวคราว     สะทกหนาวเกรงกลัวหาน้อยไม่
จึงรีบหลีกลี้หนีไป     สู่แดนสุโขทัยธานี
ขุนขอมรู้ความฉะนี้ไซร้   คงจะไม่ช่วงชิงบุรีศรี
ชาวละโว้จะได้อยู่ดี     ไม่ต้องป่นปี้พลอยตาย
      พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
         
         
         
นิราศเมืองแกลง      
        โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย
จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย   ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา
ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า   ไม่เหมือนเราภุมรินถวิลหา
จะพลัดพรากจากกันไม่ทันลา   ใช้แต่ตาต่างถ้อยสุนทรวอน
โอ้จำใจไกลนุชสุดสวาท   จึงนิราศเรื่องรักเป็นอักษร
ให้เห็นอกตกยากเมื่อจากจร   ไปดงดอนแดนป่าพนาวัน
กับศิษย์น้องสองนายล้วนชายหนุ่ม น้อยกับพุ่มเพื่อนไร้ในไพรสัณฑ์
กับนายแสงแจ้งทางกลางอารัญ   จะพากันแรมทางไปต่างเมือง
ถึงยามสองล่องลำนาวาเลื่อน   พอดวงเดือนดั้นเมฆขึ้นเหลืองเหลือง
ถึงวัดแจ้งแสงจันทร์จำรัสเรือง   แลชำเลืองเหลียวหลังหลั่งน้ำตา
เป็นห่วงหนึ่งถึงชนกที่ปกเกล้า   จะแสนเศร้าครวญคอยละห้อยหา
ทั้งจากแดนแสนห่วงดวงกานดา   โอ้อุรารุ่มร้อนอ่อนกำลัง
ถึงสามปลื้มพี่นี้ร่ำปล้ำแต่ทุกข์   สุดจะปลุกใจปลื้มให้ลืมหลัง
ขออารักษ์หลักประเทศนิเวศน์วัง เทพทั้งเมืองฟ้าสุราลัย
ขอฝากน้องสองรามารดาด้วย   เอ็นดูช่วยปกครองให้ผ่องใส
ตัวข้าบาทจะนิราศออกแรมไพร   ให้พ้นภัยคลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน
        สุนทรภู่
         
ไขภาษา        
  อย่า นิยมสิ่งร้ายชอบ   ชมชั่ว
เห็น สนุกทุกข์ถึงตัว     จึ่งรู้
กง จักรว่าดอกบัว     บอกรับ เร็วแฮ
  อย่า นิยมสิ่งทุกข์   เห็น สนุกกลับทุกข์ทน
กง จักรว่าบัวบน     จักร พัดตนจึงรู้ตัว
         
  ว่า โอ้เรานี้ชั่ว   ชอบกรรม ชั่วนา
เป็น อกตัญญูทำ     โทษไว้
ดอก บัวยั่วเนตรนำ     นึกชอบ
บัว กลับเป็นจักรได้     ดั่งนี้กรรมสนอง
  ว่า โอ้ตัวเรานั้น   เป็น อกตัญญูมัวหมอง
ดอก บัวยั่วจิตจอง     บัว ผิดปองเป็นจักรไป
        พระยาอุปกิตศิลปะสาร (นิ่ม กาณจนาชีวะ)
         
         
         
รามเกียรติ์ ตอนศึกไมยราพ    
  พิศเพ่งเล็งดูพระลักษณ์ ดวงพระพักตร์เพียงเทพเลขา
ผิวเหลืองเรืองรองดั่งทองทา   โสภาพริ้มพร้อมทั้งกาย
แล้วเหลือบแลดูพระราม   สง่างามพริ้มเพริศเฉิดฉาย
สีเขียวนวลนิลพรรณราย   สองชายน้อยน้อยแต่เท่านี้
ไฉนจึ่งองค์พระมารดร   ว่ามีฤทธิรอนกว่ายักษี
ฆ่าเสียก็ม้วยชีวี     แต่ในนาทีไม่พริบตา
คิดแล้วผาดแผลงสำแดงเดช   ช้อนพระราเมศผู้เชษฐา
ขึ้นใส่เหนือบ่าอสุรา     ก็ออกมาจากปากวานร
         
  ชำแรกแทรกพื้นสุธาธาร ด้วยกำลังขุนมารชาญสมร
ข้ามด่านผ่านทางพนาดร   พาจรเร่งรีบไปธานี
         
  ครั้นถึงจึ่งมีพจนารถ   สั่งมหาอำมาตย์ยักษี
จงเอามนุษย์น้อยนี้     ใส่กรงเหล็กไว้ที่ดงตาล
แล้วให้เกณฑ์หมู่อสุรา   โกฏิหนึ่งฤทธากล้าหาญ
รักษาในราตรีกาล     ระวังเหตุเภทพาลอย่าไว้ใจ
อันอีพิรากวนอสุรี     ให้ตักน้ำใส่ที่กระทะใหญ่
ตั้งไว้ยังหน้าพระลานชัย   ต่อปัจจุสมัยเวลา
กูจะต้มมนุษย์กับลูกมัน   ให้ม้วยชีวันสังขาร์
สั่งเสร็จเสด็จยาตรา     เข้าที่ไสยาสำราญ
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
         
         
         
วอนขอ        
กลอนสุภาพ      
  แม้เมื่อเรายังเล็กเป็นเด็กน้อย  
เคยกล่าวถ้อยวอนจันทราว่าให้สม  
ขอข้าวแกง...แหวน...ให้น้องปองนิยม  
ขอเตียงตั่งนั่งชมดาวและเดือน    
  เมื่อเห็นดาวล้อมเดือนกลาดเกลื่อนฟ้า
ชวนน้องนับดาราที่เป็นเพื่อน    
ระยิบระยับพริบตาดาวพร่าเลือน    
แต่ดวงเดือนเด่นสว่างกลางโพยม  
  อยากตะกายว่ายฟ้าไปหาจันทร์  
และใฝ่ฝันอยากเอื้อมให้ถึงโสม    
เคยนึกตามใจชอบปลอบประโลม  
ว่าเติบใหญ่จะได้โคมรัตติกาล    
  ฝันไปตามอารมณ์ผสมโง่  
ว่าเติบโตจะบินไปด้วยใจหาญ    
สอยดวงดาวพราวฟ้ามาเป็นยาน    
พาเราผ่านเมฆด้นจนถึงจันทร์    
กุลทรัพย์ รุ่งฤดี      
รุ่งอรุณแห่งหัวใจ      
  พอแดดพริ้มยิ้มพรายกับชายฟ้า โลกก็จ้าแจ่มหวังด้วยรังสี
หยาดอรุณอุ่นหล้าเหมือนอารี   แพรรพีห่มภพอบหนาวคลาย
เพียงจะพลิกแผ่นฟ้าลงมาฝัน   กับแสงอันอ่อนอุ่นอรุณฉาย
เราคนท้อรอหวังซังกะตาย   หวังชีพพรายอุ่นบ้างอย่างอรุณ
ทุกวันนี้แรงหนาวปวดร้าวนัก   หนาวทุกข์หนักเน้นไข้โรคภัยหนุน
หนาวความชั่วตัวบาปคราบเนรคุณ ความอบอุ่นแห่งใจนั้นไม่มี
ถ้าความรักความหวังดังแสงฉาน   นานเท่านานแสงจะฝ่าลงมานี่
หวังลำแสงแห่งเมตตาและอารี   พลิกราตรีมืดหมองให้ผ่องพรรณ
และเหนือสิ่งอื่นใดใจมนุษย์   ขอจงจุดแสงอุ่นละมุนฝัน
แสงแห่งรักและอภัยเห็นใจกัน   แสงคุณธรรม์ขจัดชั่วจากหัวใจ
อ้าอรุณอุ่นหล้าทิวาจรัส   สารพัดภพผ่องครรลองไสว
เรารอคอยอรุณแจ้งแหล่งฤทัย   ซึ่งเกิดได้เมื่อมนุษย์หยุดกรรมเลว
        จินตนา ปิ่นเฉลียว

 

 
 

***

วัฒนธรรม2วัฒน์  วรรณกรรม

การอ่านทำนองเสนาะ   

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( จันทร์, 03 กุมภาพันธ์ 2014 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้1611
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1589
mod_vvisit_counterทั้งหมด10714210