Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow News arrow พมร.กะทู้ arrow เชือกแม่เหล็กยักษ์
เชือกแม่เหล็กยักษ์ PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
เสาร์, 22 ธันวาคม 2007

นาซาพบเชือกแม่เหล็กยักษ์

แหล่งกำเนิดพลังงานแสงเหนือ

โดย ผู้จัดการออนไลน์17 ธันวาคม 2550 11:19 น.
 

   เอเอฟพี/เอเยนซี/สเปซด็อทคอม - ดาวเทียมของนาซาจับภาพเชือกแม่เหล็กขนาดยักษ์ที่เชื่อมโยงจากโลกถึงดวงอาทิตย์ได้เป็นครั้งแรก ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบแหล่งกำเนิดพลังงานแสงเหนือ ที่แท้เกิดจากอนุภาคที่มีประจุของดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ผ่านเชือกแม่เหล็ก ไม่ใช่เกิดจากแสงอาทิตย์ชนกับอนุภาคในชั้นบรรยากาศโลกอย่างที่เข้าใจ
       
       กลุ่มดาวเทียมธีมิส 5 ดวง (Time History of Events and Macroscale Interactions during Substorms: THEMIS) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) จับภาพเชือกแม่เหล็กที่เชื่อมโยงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ได้เป็นครั้งแรก ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ที่มาของแสงเหนือหรือพลังงานที่เราสังเกตเห็นในรูปของแสงสีต่างๆ ที่ขั้วโลกเหนือว่ามีกำเนิดจากอนุภาคประจุของดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็กบริเวณดังกล่าว
       
       "เราเชื่อว่าอนุภาคของลมสุริยะพัดผ่านมาตามทางสนามแม่เหล็กที่เชื่อมถึงกันระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดพลังงานพายุแม่เหล็กโลก (geomagnetic storm) และแสงออโรรา (auroras)" เดวิด ไซเบค (David Sibeck) นักวิทยาศาสตร์ ศูนย์การบินอวกาศกอดดาร์ด (Goddard Space Flight center) ของนาซา กล่าวระหว่างแถลงผลการศึกษาที่สหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกา (American Geophysical Union) ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ

แสงเหนือ
 

แสงเหนือที่ปรากฏเหนือท้องฟ้าประเทศสวีเดน บันทึกไว้เมื่อปี 2549 ล่าสุดดาวเทียมของนาซาบันทึกปรากฏการณ์ของเชือกแม่เหล็กในอวกาศที่ทำให้เกิดแสงเหนือได้ 

   ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์เคยสังเกตอนุภาคประจุของดวงอาทิตย์ที่ทำให้เกิดแสงเหนือ (Northern Lights) หรือแสงขั้วโลกเหนือ (aurora borealis) มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยมียานอวกาศหรือดาวเทียมดวงไหนบันทึกโครงสร้างหรือแผนที่การเดินทางของอนุภาคเหล่านั้นได้
       
       กระทั่งเมื่อวันที่ วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา แสงขั้วโลกเหนือ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนืออลาสกาและแคนาดานานกว่า 2 ชั่วโมง และกลุ่มดาวเทียมธีมิสสามารถจับภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคประจุและสนามแม่เหล็กจากอวกาศไว้ได้
       
       อำนาจของพายุแม่เหล็กโลกทำให้แสงออโรราใช้เวลาเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วประมาณ 644 กิโลเมตรต่อนาที ทั้งนี้ อนุภาคไม่ได้เคลื่อนที่ต่อเนื่องกันตลอดเวลา 2 ชั่วโมง แต่เคลื่อนที่เป็นช่วงๆ อย่างต่อเนื่องเนื่อง ช่วงละประมาณ 10 นาที และพลังงานที่ปล่อยออกมานั้นเทียบเท่ากับการเกิดแผ่นดินไหวความแรงระดับ 5.5
       
       ต่อมา วันที่ 20 พ.ค. กลุ่มดาวเทียมธีมิสพบบริเวณที่คล้ายกับเป็นเชือกแม่เหล็กที่เชื่อมระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์เป็นครั้งแรก พบว่ามีลักษณะบิดหมุนเป็นเกลียวคล้ายเส้นเชือก มีขนาดใหญ่มากและกว้างประมาณโลกของเรา โดยอยู่เหนือขึ้นไปจากพื้นผิวโลกประมาณ 65,000 กิโลเมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเรียกว่า "แมกนีโตสเฟียร์" (magnetosphere) เป็นบริเวณที่ลมสุริยะเริ่มปะทะกับสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดการม้วนตัวเป็นเส้นเชือกแม่เหล็กและคลายออกอย่างรวดเร็ว อนุภาคของลมสุริยะก็จัดเรียงตัวกันใหม่อย่างรวดเร็วตามรูปร่างของเชือกแม่เหล็ก
       
       อย่างไรก็ดี ทีมนักวิทยาศาสตร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มดาวเทียมธีมิสจะสามารถบันทึกปรากฏการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ได้อีกครั้งในปีหน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่กระจ่างชัดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของแสงเหนือ

แสงเหนือ ท้องฟ้าอลาสก้า

แสงเหนือพาดผ่านท้องฟ้าเหนืออลาสกา บันทึกไว้เมื่อเดือน ก.พ. 2550

 
ถัดไป >

News

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้737
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1874
mod_vvisit_counterทั้งหมด10695023