Skip to content

Phuketdata

default color
Home
โคบ้า วัวบ้า ในกามนิตวาสิฏฐี PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์   
ศุกร์, 09 ธันวาคม 2011

ภาพวัวถึกหน้าประตูเจดีย์พระศรีมหาโพธิ์

ไม่ใช่วัวบ้า โคบ้า ในกามนิตวาสิฏฐี 

 

 บังเกิดปีติซาบซ่านว่า “ช่างโชคดีจริงหนอ? กว่าพระพุทธเจ้าจะมาตรัสสักองค์หนึ่งก็เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน ถึงแม้ว่าในรุ่นอายุสมัยที่พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ผู้จะได้เห็นพระองค์ก็น้อยนัก บัดนี้ความสุขที่เราจะได้เฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นของแน่แล้ว หวั่น ๆ อยู่ว่าจะต้องเดินทางไกล เผชิญอันตรายตลอดทางด้วยโจรและสัตว์ร้าย จะทำให้ไม่มีโอกาสได้เฝ้าพระองค์ แต่คราวนี้เป็นอันสมประสงค์เทียวละ”
              เมื่อกามนิตวิ่งเลี้ยวลัดเข้าในทางตรอกที่แคบที่สุด กำลังมีใจตื่นมุ่งอย่างนี้ จนไม่ได้สังเกตเห็นโคบ้าตัวหนึ่งกำลังวิ่งไล่คนแตกกระจายมาข้างหน้า ต่างหนีเข้าไปในร้านบ้าง หลบซ่อนหรือปีนขึ้นไปอยู่บนกำแพงบ้าง หญิงคนหนึ่งอยู่บนมุขบ้านตะโกนบอกให้ระวังตัว แต่กามนิตก็มิได้ยิน ตาจ้องอยู่ที่ยอดหอคอย ซึ่งเป็นที่มุ่งหมายอยู่ตรงหน้าเพื่อมิให้เลี้ยวผิดทาง กว่าจะรู้สึกตัวก็พอดีโคบ้ากรากเข้ามาถึงตัวเสียแล้ว หนีไม่ทัน ทันใดนั้นโคก็ขวิดกามนิตร้องเสียงโอยล้มลงอยู่ริมกำแพง ส่วนโคเมื่อขวิดกามนิตแล้ว ก็วิ่งเลยหายไปในอีกทางหนึ่ง
              ขณะนั้น มีผู้คนวิ่งกันมาสอ ๆ บางคนเพียงมาดู แต่บางคนก็มาช่วยเหลือ หญิงคนที่ตะโกนบอกให้ระวังตัวเอาน้ำชำระบาดแผลให้ ฉีกเอาผ้าที่กามนิตห่มมาพันมัดบาดแผล เพราะโลหิตไหลพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
              ในขณะนั้น กามนิตยังไม่สิ้นสติทีเดียว แต่คะเนรู้ตัวแน่ว่าอย่างไรเสียตนก็จะต้องตาย อันความตายหรือความเจ็บปวดอยู่นี้ ไม่ทำให้กามนิตรู้สึกหวาดหวั่นเป็นทุกขเวทนา มากเท่ากับที่วิตกว่าจะไม่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ถึงกับขอร้องผู้ที่อยู่ใกล้ โดยมีเสียงอันสั่นเครือให้ช่วยพาเอาไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ป่ามะม่วงด้วย
              “ท่านสหายทั้งหลาย ข้าพเจ้าเดินทางมาไกลจนจวนจะถึงที่มุ่งหมายแล้ว กรุณาช่วยพาข้าพเจ้าไปเดี๋ยวนี้เถิดอย่าได้ชักช้าเลย ไม่ต้องวิตกถึงความเจ็บปวด หรือกลัวว่าข้าพเจ้าจะตาย ข้าพเจ้ายังไม่ยอมตายจนกว่าท่านจะช่วยวางข้าพเจ้าไว้แทบบาทพระพุทธเจ้า แล้วจึ่งจะตายด้วยความสุขและไปเกิดมีความสุขใหม่”
              คนที่อยู่นั้นบางคนวิ่งไปหาเสื่อ หาคานหาม ส่วนหญิงคนนั้นเอายาชูกำลังให้กามนิตดื่มสองสามช้อนพอให้ชุ่มชื่น พวกเหล่านั้นกำลังออกความเห็นโต้แย้งกัน ถึงเรื่องว่าจะไปทางไหนดีจึ่งจะใกล้ที่สุด ถ้าไปผิดทางช้าเพียงก้าวเดียวจะไม่ทันการ เพราะกามนิตกำลังมีอาการทรุดลงรวดเร็ว
              ขณะนั้น ชายคนหนึ่งเอามือชี้ไปทางถนนเล็กร้องว่า “นั้นแน่ สาวกของพระพุทธเจ้า ท่านคงจะบอกให้ทราบได้ว่าไปทางไหนจึ่งจะเหมาะ”

              อันที่จริง เวลานั้นพระภิกษุหลายองค์ห่มคลุมด้วยกาสาวพัสตร์มืออุ้มบาตรเดินมา พระภิกษุเหล่านี้ล้วนมีอายุอยู่ในวัยหนุ่ม แต่ข้างหน้ามีพระภิกษุผู้แก่อาวุโสสององค์ องค์หนึ่งเส้นผมหงอกแล้วท่าทางมีสง่าผ่าเผยบอกว่าทรงความเฉียบขาดสามารถ อีกองค์หนึ่งมีอายุอยู่ในวัยต้น พระภิกษุองค์นี้ถึงผู้ที่ไม่ชำนาญดูลักษณะ ก็อาจทราบได้ว่าองค์แก่คงอยู่ในวรรณพราหมณ์ ส่วนองค์หนุ่มอยู่ในวรรณกษัตริย์
              เมื่อหมู่พระภิกษุหยุดลงที่ฝูงชนออกันอยู่ ก็มีผู้แย่งกันอธิบายเรื่องให้ฟังจนไม่เป็นศัพท์ แล้วว่ากำลังจะหามชายอาคันตุกะที่ถูกโคขวิดคนนี้ไปยังป่ามะม่วง เพื่อเฝ้า พระพุทธเจ้า ตามความประสงค์ยิ่งใหญ่ของเขา จึ่งอยากจะขอให้ช่วยชี้ทางที่จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งใกล้ที่สุด
              พระภิกษุองค์ที่สูงอายุตอบว่า “เวลานี้พระศาสดาไม่ได้ประทับอยู่ที่ป่ามะม่วง และพวกอาตมาก็ยังไม่ทราบว่าเสด็จไปประทับอยู่ที่ไหน”
              “พอกามนิตได้ยินดั่งนี้ ก็ถอนหายใจยาว มีอาการเสียใจว่าหมดหวัง
              พระภิกษุองค์ที่มีอายุรองลงมา กล่าวว่า “แต่เห็นจะไม่ประทับอยู่ไกลจากที่นี่นัก เพราะก่อนหน้าที่จะเสด็จมากรุงนี้ รับสั่งให้ภิกษุบวชใหม่ล่วงหน้ามาก่อน ส่วนพระองค์เสด็จตามหลังมาลำพังแต่เมื่อวานนี้ บางที่จะเสด็จมาถึงเป็นเวลาเย็นมาก คงจะประทับแรมอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง บางทีจะในเขตชายกรุงนี้ ที่อาตมาพากันมานี้ก็เพื่อตามมาเฝ้า”
              กามนิต ร้องวิงวอนว่า “ขอได้โปรดตามหาด้วยเถิดท่านเจ้าขา”
              พระภิกษุองค์สูงอายุว่า “ถึงหากจะตามหาจนพบว่าเสด็จประทับอยู่ที่ไหน ก็จะหอบหิ้วคนไข้ไปไม่ได้ เพราะจะกระเทือนทำให้อาการทรุดลงเร็ว เมื่อไปถึงอาจจะสิ้นสติได้แล้ว คงไม่สามารถฟังพระโอวาทได้ ควรจะช่วยกันรีบหาหมอเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อแก้ไขประทังไปพลางก่อนดีกว่า บางทีจะมีทางฟื้นกำลังพอได้ฟังพระโอวาท”
              แต่กามนิตเอามือชี้ไปที่เปลหาม พูดขาดระยะเป็นห้วง ๆ ว่า “อย่าช้า-จวนตาย-โปรดนำ-เฝ้าพระองค์-ถูกต้อง-ตายเป็นสุข-โปรดเร็ว
              พระภิกษุสูงอายุยกไหล่ ( ตามวาสนาที่ตัดไม่ขาด ) หันไปพูดกับเพื่อนภิกษุด้วยกันว่า
              “ชายคนนี้ ยึดถือพระพุทธเจ้าดั่งรูปบูชา นึกว่า เมื่อได้สัมผัสแล้วก็พ้นบาป
              องค์ที่มีอายุรองมาพูดว่า “ท่านสารีบุตร ชายผู้นี้เลื่อมใสในพระศาสดา แม้ว่าจะยังขาดความเข้าใจในหลักธรรมอันสูง” แล้วก้มลงไปพิจารณากามนิตเพื่อให้ทราบว่า จะมีกำลังอยู่บ้างหรือไม่ พลางพูดว่า “น่าจะลองพยายามดู น่าสมเพชอยู่ ถ้าช่วยเหลืออย่างอื่นไม่ได้พยายามลองสักหน่อยจะเป็นไร”
              กามนิต แลดูเป็นที่รู้สึกขอบคุณที่ได้ฟังความเห็นนี้
              พระสารีบุตรคล้อยตามว่า “ลองดูซี ท่านอานนท์
              ขณะนั้น มีชายผู้หนึ่งเดินปราดมาในทางที่กามนิตมาแล้ว ชายผู้นั้นคือ ช่างหม้อ ทูนหม้อต่าง ๆ มาตะกร้าใหญ่ ครั้นเห็นเขากำลังยกกามนิตลงในเปลหามอย่างบรรจง แต่ก็ยังทำให้กามนิตเจ็บปวดไม่น้อย ก็หยุดชะงักกึกลงทันที หม้อที่ทูนไว้พลัดตกแตกกระจายจ้องดูด้วยความตกใจ
              “ตายจริง! นี่เกิดเหตุอะไรกัน? ชายอาคันตุกะคนนี้ได้ไปอาศัยพักนอนอยู่ที่บ้านเมื่อคืนนี้ พร้อมกับพระภิกษุองค์หนึ่งนุ่งห่มเหมือนท่านภิกษุเหล่านี้”
              พระสารีบุตร “พระภิกษุองค์นั้นมีอายุสูง และรูปร่างสูงด้วยหรือเปล่า?”
              ชายปั้นหม้อ “อย่างนั้น ท่านผู้เจริญ และดูเหมือนมีรูปลักษณะไม่ผิดจากท่าน”
              พระภิกษุทั้งหลายก็ทราบได้ในขณะนั้นว่าไม่ต้องไปตามหาพระพุทธเจ้าที่ไหนอีก พระศาสดาคงได้เสด็จแรมอยู่ในบ้านช่างหม้อ เพราะสาวกที่มีรูปลักษณะคล้าย พระพุทธเจ้า ก็คือ พระสารีบุตร ซึ่งใคร ๆ ทราบกันอยู่
              พระอานนท์มองดูกามนิต ซึ่งขณะนั้นไม่ได้สติแล้วและไม่รู้สึกถึงนายช่างปั้น เพราะถูกยกขึ้นเปลหามได้รับความเจ็บปวด อันทุกขเวทนาครอบงำมาก แล้วพูดว่า “หรือบางทีชายผู้นี้จะได้เฝ้าพระศาสดาอยู่แล้วตลอดคืน โดยไม่รู้สึกแม้สักน้อยว่าเป็น พระพุทธเจ้า?
              พระสารีบุตร “ผู้โง่เขลาเบาปัญญาก็เช่นนั้น ควรพาไปได้แล้ว”
              พระอานนท์ “ประเดี๋ยวก่อน เวทนากล้าจนสิ้นสติเสียแล้ว”

              อันที่จริงกามนิตลืมตาโพลงนั้น แสดงว่าไม่รู้สึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นอยู่รอบตัวในเวลานั้น ดวงตาชักมืดลง ๆ คงเห็นแต่ท้องฟ้าขาวในเวลาเช้าเป็นทางอยู่ในระหว่างกำแพง ซึ่งให้กามนิตรู้สึกอยู่บ้าง แต่เข้าใจไปว่าเป็นทางช้างเผือก ที่ผ่านในอากาศอันมืดในเวลาเที่ยงคืน ริมฝีปากขมุบขมิบแล้วค่อย ๆ เผยอพูดออกมาว่า “แม่คงคา
              พระอานนท์ “เพ้อแล้ว”
              ผู้ยืนอยู่ใกล้หลายคน ได้ยินกามนิตพูดได้ถนัด ตีความหมายของกามนิตว่า “เห็นจะต้องการให้พาไปยังฝั่งแม่คงคา ณ บัดนี้เพื่อชำระล้างบาปมลทินด้วยน้ำอันศักดิ์สิทธิ์นั้น แต่แม่คงคาอยู่ไกลมากใครจะหามไปถึงได้”
              ทันใดนั้น กามนิตค่อยมีสติขึ้น ดวงตาสดใส มีอาการยิ้มดูประหนึ่งว่าอิ่มใจ พยายามจะลุกขึ้น พระอานนท์ เข้าประคอง
              “แม่คงคาในสวรรค์!” กามนิตกระซิบเสียงแผ่วแต่แจ่มใส เอามือขวาชี้ไปบนฟ้าเหนือศีรษะพูดว่า “แม่คงคาในสวรรค์เราได้ปฏิญญาแทบกระแสคลื่น-วาสิฏฐี
              กามนิตกล่าวได้เท่านี้ ตัวสั่นเทิ้ม กระอักโลหิตออกจากปากสิ้นเสียงสิ้นใจอยู่ในวงแขนพระอานนท์

กามนิต ( ภาคพื้นดิน ) โดย เสฐียรโกเศศ และ นาคะประทีป ที่เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา วิชาภาษาไทย ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ (http://www.rta.mi.th/chukiat/story/kan_kamanit.htm)

 

ราชคฤห์ ตอนแรกสุดกามนิตวาสิฏฐี 

 

ข้อสังเกต

วัว(โค)เป็นพาหนะของพระศิวะ(พระอิศวร)  เคยขอพระศิวะไว้ว่า  ถ้าพระศิวะไม่เสด็จ จะขออยู่ในรูปยักษ์(ท้าวนนทิ)

ช่างชาวพุทธได้สร้างยักษ์ไว้เฝ้าอาราม  จึงมียักษ์วัดแจ้ง ยักษ์วัดโพธิ์  ถัดจากนั้นจึงนำยักษ์ในรามเกียรติ์(วรรณกรรมในศาสนาพราหมณ์)ยกขบวนมาเฝ้าวัดพระศรีรตนาราม

มเหสีของพระศิวะคือพระแม่คงคา(แดนสุขาวดี ทางช้างเผือก Milky Way) ประทับอยู่บนสรวงสวรรค์  ทั้งกามนิตและวาสิฏฐีพึงปรารถนาจะไปพบกันที่นี่ในกามาพจร  ลุแดนรูปภูมิและอรูปภูมิในท้ายสุด

 

สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์

๘ ธันวาคม ๒๕๕๔

 

***

วัฒน์๒ วรรณกรรม1

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( อาทิตย์, 11 ธันวาคม 2011 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Polls

ชื่อใด (หรือคำใด) สื่อได้ชัดคม รู้เป้าหมายได้มากกว่า
 

Who's Online

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้1088
mod_vvisit_counterเมื่อวาน1537
mod_vvisit_counterทั้งหมด10724551