จารึกภาษาจีนในศาลเจ้าปุดจ้อ |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
จันทร์, 11 กุมภาพันธ์ 2008 | |
๓.๒.๓(๑) จารึกภาษาจีนในศาลเจ้าปุดจ้อดิลก วุฒิพาณิชย์. คำกลอนคู่ คือบทกวีจีนซึ่งมีลักษณะเป็นคำขวัญคู่บทที่เขียนบนผืนผ้าหรือกระดาษเป็นคู่ ๆ สำหรับปิดไว้ที่เสาสองข้างของประตูหน้าบ้าน,ปิดไว้ในงานพิธีต่าง ๆ หรือสลักไว้บนเสาหินสองข้างประตูรั้วด้านหน้าของศาลเจ้า หรือวัดวาอาราม เช่น "จารึกภาษาจีนที่เสาประตูกำแพงแก้วของพระอุโบสถ วัดมัชฌิมาวาสฯ จังหวัดสงขลา" เป็นต้น คำกลอนคู่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า "กลอนคู่" และประพันธ์ด้วยคำภาษิต คำอนุสรณ์จารึก คำขวัญในวันตรุษสารท คำไว้อาลัยหรือคำมงคลต่างๆ โดยทั่วไป เพื่อเป็นสื่อนำมาซึ่งโชคลาภและความสุขสวัสดีทุกที่ทุกเวลา ตามคตินิยมของชาวจีน กลอนคู่ ภาษาจีนว่า "ตุ้ยเหลียน" แต่ภาษาพูดนิยมว่า"เหลี่ยนตุ่ย" ซึ่งคำว่า"ตุ้ย" แปลว่า คู่สอง ตอบกลับ ปฏิปักษ์ หรือทวิภาค และคำว่า "เหลียน" แปลว่า เชื่อม ต่อกัน หรือสัมพันธ์กัน ดังนั้น กลอนคู่จึงอาจเรียกว่าบทกวีทวิภาคหรือกลอนปฏิสัมพันธ์ ก็ย่อมได้
กลอนคู่ มีลักษณะบังคับ หนึ่งบทมีสองวรรค ได้แก่ วรรคแรก ภาษาจีนว่า "ซ่างเหลียน" (กลอนบน) หรือ “วรรคส่ง” คือ บทที่จารึกข้างประตูทางขวามือของผู้อ่าน ส่วนวรรคหลัง ภาษาจีนว่า "เสี้ยเหลียน"(กลอนล่าง) หรือ “วรรครับ” คือ บทจารึกที่ข้างประตูตรงกันข้ามกับวรรคแรก การประพันธ์กลอนคู่ จะตั้ง"กระทู้อักษร" ซึ่งเป็นอักษรจีน 2 ตัวเป็นหัวข้อให้ขยายความ คืออักษรตัวแรกของ"กลอนบน"และ"กลอนล่าง"ซึ่งเป็นบทจารึกทางขวามือและซ้ายมือตามลำดับ อักษรกระทู้ทั้งสองตัวดังกล่าวถือเป็นหัวใจของกลอนคู่ ซึ่งเป็นนามบัญญัติสำคัญ เช่น ป้ายชื่อสกุล แซ่ตัน อักษรจีนว่า"หล่วนแจ้" กระทู้อักษรทางขวามือจะเริ่มด้วยคำว่า "หล่วน" และขนานด้วยคำว่า "แจ้" ทางซ้ายมือ ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักการเขียนภาษาจีนแบบดั้งเดิม คือ เริ่มจากขวาไปซ้าย ดังนั้น การอ่านกลอนคู่ จึงต้องอ่านวรรคแรกทางขวามือก่อนวรรคหลังทางซ้ายมือ กลอนคู่มีลักษณะคำประพันธ์บับคับในระหว่างวรรคให้มีความหมายตรงกันข้ามเป็นคู่ขนานกัน แต่มีรูปลักษณ์เดียวกัน คือ ทุก ๆ บทมี พยางค์ จำนวนอักษร และระเบียบในการประกอบประโยคอย่างเดียวกัน เช่น ในบทหนึ่งหรือประโยคหนึ่ง สมมติว่า มี ๙ พยางค์ ก็มี ๙ ตัวอักษรมีปฏิสัมพันธ์เป็นคู่ขนานกันและเท่ากันทั้งสองวรรค คือ กลอนบนและกลอนล่าง ทั้งนี้เป็นไปตามแบบฉบับภาษาจีนที่เป็นคำโดด คือ หนึ่งอักษรเปล่งคำอ่านออกเสียงหนึ่งพยางค์ หลักสำคัญอีกประหนึ่งในการประพันธ์กลอนคู่ ก็คือผู้รู้จะนำเอาทฤษฎีคู่ (อินหยาง) มาใช้ในการเลือกใช้อักษรที่ออกเสียงวรรณยุกต์สูงต่ำ ครุลหุหรือหนักเบา ให้กลมกลืนสัมพันธ์กัน เพื่อให้เกิดสภาวะสมดุลเป็นทางนำมาซึ่งสิริมงคลอย่างยิ่ง ตามคติลัทธิเต๋าอีกด้วย กวีนิพนธ์ภาษาไทยที่มีลักษณะคล้ายกลอนคู่ เช่น ใน"สุภาษิตพระร่วง" คือ"เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าริร่านแก่ความฯลฯ"เป็นต้น ส่วนคำพังเพยก็มีอยู่มากมาย อาทิเช่น "ระยะทางพิสูจน์ฝีเท้าม้า กาลเวลาเรียนรู้น้ำใจคน"เป็นต้น กรณีหลังนี้ ถ้าหากจะวิเคราะห์ให้เข้ากับลักษณะบังคับของตุ้ยเหลียน ก็จะได้ดังนี้ คือ "ระยะทาง-กาลเวลา" เป็นคำนาม กรณีศึกษากลอนคู่ ขอเสนอตัวอย่างกลอนคู่จากคำจารึกภาษาจีนที่ปรากฏบนเสาอาคารศาลเจ้า ๖ เสา ในศาลเจ้าปุดจ้อจุ้ยตุ่ย (ศาลเจ้าแม่กวนอิม-อวโลกิเตศวร-โพธิสัตว์)จังหวัดภูเก็ต ศาลเจ้านี้ขึ้นป้ายชื่อว่า"เจินเต๋อถาง"(จินเต็กต๋อง) แปลว่า พุทธสถานคุณธรรมอันบริสุทธิ์ หรือจะตั้งป้ายชื่อแบบไทย ๆ ว่า "ศาลเจ้าปริสุทธิคุณธรรม" ก็ย่อมได้ ส่วนป้ายชื่อภาษาจีนว่า "เจินเต๋อถาง" จะนำอักษร "เจิน" และ "เต๋อ"มาเป็นกระทู้อักษรของกลอนคู่ ดังตัวอย่างคำจารึกบนเสาข้างประตูทางเข้าศาลเจ้าซึ่งเป็นเสาหลักมีกลอนคู่ หนึ่งบท ๒ วรรค ซึ่งประกอบด้วยอักษรจีนข้างละ ๙ ตัวษร ดังนี้ เพื่อสะดวกในการวิเคราะห์ประโยคกลอนคู่ ตามตัวอย่างจะจำแนกประโยคออกเป็น ๔ ส่วน โดยแปลความแต่ละส่วนตามลำดับ คือ เสาขวามือ เสาซ้ายมือ ในส่วนที่ ๔ แก้ว คือ ธรรม ได้แก่ ธรรมรัตน์ หมายถึง ธรรมอันประเสริฐ ส่วน"ประตู" คือ ธรรมทวาร ได้แก่ ประตูสู่ทางพ้นทุกข์(มรรคผล) (๑) เสาขวามือ อันมโน บริสุทธิ์ ผ่องผุดผาด ---------------------------- สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ และดิลก วุฒิพาณิชย์.จารึกภาษาจีนที่เสาประตูกำแพงแก้วของพระอุโบสถ วัดมัชฌิมาวาสฯจังหวัดสงขลา. สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้.(ฉบับปรับปรุงใหม่):๒๕๔๒. ดิลก วุฒิพาณิชย์. จารึกภาษาจีนที่เจินเต๋อถาง จังหวัดภูเก็ต. สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้.(ฉบับปรับปรุงใหม่):๒๕๔๒. |
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( จันทร์, 11 กุมภาพันธ์ 2008 ) |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|