กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว สมถะ ซื่อตรงและขยันขันแข็ง:ราชัน กาญจนะวณิช |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
เสาร์, 31 พฤษภาคม 2008 | |
กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว สมถะ ซื่อตรงและขยันขันแข็ง
ราชัน กาญจนะวณิช -----------------
ในช่วงเวลา 25 ปีที่ผมทำงานกับบริษัทอังกฤษหลายบริษัทที่ได้เข้ามาดำเนินการอยู่ในจังหวัดภูเก็ตนั้น ได้มีโอกาสรู้จักชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และในบรรดาชาวต่างประเทศเหล่านี้ก็มีหลายคนที่มีชีวิตที่เด่นและน่าสนใจ ชาวต่างประเทศคนแรกที่ผมรู้จักดี ก็คือ นายวอเรน เจ. พาร์สันส์ (WARREN J.PARSONS) ชาวออสเตรเลียที่ได้ชักชวนให้ผมไปทำงานที่ภูเก็ต เขาเริ่มต้นวิชาชีพด้วยการฝึกหัดงานตามโรงงานในออสเตรเลีย และเข้ามายังประเทศสยามหลังเปลี่ยนแปลงปกครอง เมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยการเข้ามาทำงานหน้าที่เป็นหัวหน้ากะบนเรือขุดของบริษัทระเงง ทิน โนไลอาบิลิตี ที่จังหวัดภูเก็ต และย้ายมาทำงานในบริษัททุ่งคาฮาเบอร์ ทินเดรคยิง ลิมิเต็ด เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2479 -80 เมื่อกลุ่มบริษัทลอนดอน ทิน คอร์ปอเรชันของอังกฤษได้เข้ามาซื้อบริษัทเหมืองแร่ดีบุกหลายสิบบริษัทที่มีเหมืองอยู่ในประเทศมาเลเซียและประเทศสยาม ด้วยความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว กล้าหาญ เด็ดขาดและความสามารถในการพูดจาภาษาไทย มลายูและจีนฮกเกี้ยน วอเรน พาร์สันส์ จึงก้าวหน้าในอาชีพ จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการเหมืองและผู้จัดการเขตตามลำดับ เมื่อเกิดสงครามในยุโรป ในปี พ.ศ. 2482 และมีท่าทีว่าญี่ปุ่นจะเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายอักษะ นายวอเรน พาร์สันส์จึงได้รับการชักชวนจากรัฐบาลอังกฤษ ให้ร่วมมือในการต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่าจะยาตราทัพเข้ามาในประเทศไทย เพื่อบุกโจมตีมาลายาสและสิงคโปร์ของอังกฤษ นายวอเรน พาร์สันส์ เคยเล่าให้ฟังว่า ได้เคยนำเรือยนต์ออกไปรับอาวุธและเครื่องมือสื่อสารจากเรือรบอังกฤษ เพื่อนำมาเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับญี่ปุ่น ในการนำเรือออกในกิจการพิเศษเช่นนี้ นายวอเรน พาร์สันส์ไว้ใจและออกไปกับขุนเลิศโภคารักษ์แต่ผู้เดียว
เมื่อกองทัพญี่ปุ่นยกพลเข้าประเทศไทยในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 นายวอเรน พาร์สันส์พร้อมกับวิศวกรชาวอังกฤษและออสเตรเลียจากเหมืองแร่ต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตและพังงา จึงสามารถเข้าควบคุมสนามบินไม้ขาวที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อเตรียมต้อนรับเครื่องบินอังกฤษที่จะบินมาช่วยเหลือตามแผนการที่กำหนดไว้เดิม แต่อาศัยเหตุที่ทางกองทัพอังกฤษในมาลายามีกำลังจำกัดไม่เพียงพอที่จะส่งเครื่องบินมายังภูเก็ตได้ จึงจำเป็นต้องใช้เรืออพยพชาวเครือจักรภพอังกฤษหนีญี่ปุ่นออกไปยังมาลายา ต่อมานายวอเรน พาร์สันส์ได้รับงานสงครามกับกองพัน “ซินดิด” ภายใต้นายพลออด วินเกต (ORDE CHARLES WINGATE) ในการรังควานกองทัพญี่ปุ่นหลังแนวรบพม่า และมียศเป็นนายพันโท และได้เข้าขับไล่ญี่ปุ่นออกจากพม่าในกองทัพของจอมพลเซอร์ วิลเลียม สลิม (F.M.SIR W. J. SLIM) หลังสงครามได้กลับมาบูรณะเหมืองแร่ดีบุกในประเทศไทยและได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองกงสุลอังกฤษประจำจังหวัดภูเก็ต นายวอเรน พาร์สันส์ ใช้วิธีจัดการแบบทหารและนาน ๆ ครั้งก็พาวิศวกรไปฝึกหัดในป่าแบบทหารกองพัน “ซินดิด” ซึ่งพนักงานอาวุโสบางคนไม่เห็นสนุกด้วย นายวอเรน พาร์สันส์ เป็นผู้ที่รักภูเก็ตและประเทศไทย ในสมัยหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา ไทยต้องจ่ายค่าชดเชยตามสัญญาสมบูรณ์แบบ ให้แก่ชนชาติเครือจักรภพอังกฤษ เพราะไทยได้ประกาศสงครามร่วมมือกับญี่ปุ่น นายวอเรน พาร์สันส์ เป็นชาวเครือจักรภพคนเดียวที่เห็นใจประเทศไทย และไม่ยื่นคำเรียกร้องค่าเสียหายส่วนตัว เพราะถือว่าสงครามที่เกิดขึ้นนั้นมิได้เกิดจากความผิดของประเทศไทย นายวอเรน พาร์สันส์ ย้ายจากภูเก็ตไปอยู่กัวลาลัมเปอร์ในประเทศมาเลเซีย ในปี พ.ศ. 2500 และอีกไม่กี่ปีต่อมาก็เลิกทำงานเหมืองแร่ กลับไปทำไร่ที่เมืองเจม บรุค ในรัฐวิคตอเรีย ในประเทศออสเตรเลีย เมื่อมีชาวภูเก็ตไปเยี่ยม นายวอเรน พาร์สันส์ ก็จะยกห้องนอนให้พัก ส่วนตัวเองและภรรยากลับไปนอนในครัว เป็นการแสดงน้ำใจเผื่อแผ่อย่างจริงใจต่อมิตรเก่า ๆ จากภูเก็ต
นอกจากชาวออสเตรเลียที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีชาวอังกฤษอีกหลายคนที่มีชีวิตที่น่าสนใจ และบางคนก็เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย ชาวอังกฤษผู้หนึ่งที่มีชีวิตที่น่าสนใจก็คือ วินเซนท์ ลิธ วีมส์ (VINCENT L. WEMYSS) วิค วีมส์ เข้ามาทำงานเหมืองแร่ดีบุกในประเทศไทยตั้งแต่อายุได้ 18 ปี เพราะบิดาทำงานอยู่ในเหมืองแร่ดีบุกอยู่แล้ว วิค วีมส์ เริ่มทำงานเรือขุดที่เหมืองสิชลของบริษัทระตรุต เบซิน ทิน เดรคยิ่ง ลิมิเต็ด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและได้ย้ายมาอยู่ที่เหมืองนบปริงของบริษัทกำมุนติง ทิน เดรคยิง ลิมิเต็ดที่จังหวัดพังงาเมื่อเกิดสงครามญี่ปุ่นยกทัพเข้าประเทศไทย วิค วีมส์ จึงมีโอกาสมาร่วมกับชาวอังกฤษต่าง ๆ ที่สนามบินไม้ขาวในจังหวัดภูเก็ตก่อนที่จะต้องอพยพออกจากประเทศไทย เมื่อหนีไปมาลายา วิค วีมส์ ได้เข้าประจำการในกองทัพอังกฤษในการต่อต้านญี่ปุ่น และต่อมาได้เข้ามีบทบาทสำคัญในหน่วย 316 ของอังกฤษที่ได้ร่วมงานกับเสรีไทยด้วยการใช้เครื่องบินแคตาลีนา (CATALINA) ซึ่งเป็นเครื่องบินน้ำสามารถลงทะเลในที่หลบซ่อนต่าง ๆ ได้ แม้แต่บุคคลสำคัญ เช่น คุณดิเรก ชัยนาม หลวงชาตินักรบ และคุณถนัด คาร์มันต์ ก็เป็นเสรีไทยที วิค วีมส์ เคยเล่าให้ฟังว่าในการลักลอบพาเสรีไทยกลับเข้าประเทศไทยนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มิให้เสรีไทยนำนำบุหรี่อังกฤษหรือของใช้ที่ทำในอังกฤษกลับเข้ามาเพราะอาจเป็นหลักฐานพยานให้ข้าศึกทราบภายหลังได้ว่ามีการติดต่อระหว่างเสรีไทยกับกองทัพอังกฤษ เมื่อสงครามเลิก เพราะญี่ปุ่นต้องยอมจำนนหลังจากที่เมืองฮิโรชิมาในประเทศญี่ปุ่นถูกเครื่องบินอเมริกันทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 วิค วีมส์ ได้มาซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กับสมาชิกขบวนการเสรีไทยแล้ว หลังสงคราม วิค วีมส์ ได้กลับเข้ามาทำงานเหมืองแร่ในบริษัทแองโกล – โอ เรียนเตล ในประเทศมาลายา และต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเป็นผู้จัดการเหมืองสาขาร่อนพิบูลย์ของบริษัททุ่งคาเบอร์ ทิน เดรคยิง ลิมิเต็ด ประมาณปี พ.ศ. 2500 จึงได้ย้ายมาอยู่ที่ภูเก็ตโดยรักษาการแทนผู้จัดการเขต ของบริษัทแองโกล – โอ เรียนเตล จากประสบการณ์ในสงคราม วิค วีมส์ มีเพียงคนไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านมหาดไทยและกองทัพอากาศ และชอบการเดินทางที่โลดโผน เช่น เดินทางด้วยเรือยนต์เล็ก ๆ จากภูเก็ตไประนองและกลับในระหว่างฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ครั้งหนึ่งผมเคยเดินทางกลับจากทุ่งสงกับ วิค วีมส์ แต่รถปิคอัพที่เราใช้ตกถนนรถคว่ำที่กระบี่ทับแขน วิค วีมส์เอาไว้ ต้องช่วยกันยกรถก่อนที่จะกลับภูเก็ตได้ ทั้ง ๆ ที่ วิค วีมส์ ซี่โครงหักก็ยังคงทนทรมานมาได้ตลอดทาง วิค วีมส์ ชอบทำงานกับคนไทย และพูดจาเรียบร้อยกับคนงานไทยแต่เมื่อเผชิญหน้ากับชาวอังกฤษด้วยกันแล้ว วิค วีมส์ ใช้ภาษาอังกฤษที่น่ากลัวที่ผมไม่อาจแปลเขียนเป็นตัวอักษรได้ อย่างเบา ๆ ที่จำได้ ก็มักจะเตือนพนักงานว่าไม่มีใครที่หาคนแทนไม่ได้ แม้แต่พระเยซูก็ยังถูกมนุษย์ด้วยกันฆ่าทิ้งได้ วิค วีมส์ ไม่ค่อยชอบทำงานทางด้านเอกสารแต่ชอบงานซ่อมเครื่องจักรและชอบลงมือเอง จนบางครั้งนายเรือขุดต้องขอให้ วีค วีมส์ กลับไปคอยที่บ้าน เพื่อปล่อยให้คนงานทำงานเองตามวิธีการของเขา ในปี พ.ศ. 2501 มีการจำกัดโควตาดีบุกรุนแรง วิค วีมส์ย้ายกลับไปอยู่มาเลเซีย แต่ก็มีหน้าที่มาตรวจงานในประเทศไทยเป็นประจำ เมื่ออายุครบ 55 ปีในปี พ.ศ. 2519 จึงได้กลับไปอยู่ในประเทศอังกฤษ ตลอดเวลาที่ วิค วีมส์ ทำงานในประเทศไทย เขามีความเป็นห่วงอนาคตของประเทศไทยอยู่มาก เมื่อเขาเห็นคนงานมาทุบสะพานที่สร้างมาได้ไม่กี่ปีตามทางหลวงสายโคกกลอย – พังงา เพื่อจะขยายถนน เขาก็กลุ้มอกกลุ้มใจที่รัฐบาลไทยใช้เงินโดยไม่ระมัดระวัง นอกจากนั้นก็ยังมีชาวอังกฤษที่มาตรวจงานที่ภูเก็ตเป็นประจำอีกคนหนึ่ง คือ เดวิท มิทเชลล์ (DAVID MITCHELL) ซึ่งเป็นนักศึกษาที่ได้รับทุนให้เรียนวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่จากบริษัทลอนดอน ทิน เดวิท มิทเชลล์ เริ่มการศึกษาจากวิทยาลัย อีตัน และเล่าว่าดยุคแห่งเวลลิงตัน กล่าวว่า อังกฤษรบชนะนโปเลียนที่วอเตอลู ก็จากประสบการณ์ในสนามกีฬาที่อีตัน มิทเชลล์เคร่งศาสนาจึงไม่มีชีวิตโลดโผนในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว ทำหน้าที่เป็นวิศวกรวตรวจงานอย่างมีประสิทธิภาพและการณ์ไกลเขาเริ่มงานที่ไนจีเรียแล้วย้ายมาอยู่มาลายา จนกระทั่งได้เลื่อนเป็นประธานกรรมการของบริษัทแองโกล – โอเรียนเตลในมาลายา และในที่สุดก็ได้เป็นประธานบริษัทลอนดอน ทิน ในอังกฤษ นิสัยที่น่าสรรเสริญก็คือ การประหยัด สมถะ ซื่อตรง และขยันขันแข็ง นอกจากความเฉลียวฉลาดที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เดวิท มิทเชลล์ เคยมาช่วยผมร่างสัญญากับบริษัทบางม่วง เพื่อเริ่มใช้เรือขุดในทะเลเปิดที่ตะกั่วป่า และจะเก็บตัวเพื่อร่างสัญญาอยู่ในห้องหนึ่งสัปดาห์ จนเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย แม้แต่ในการเดินทางในธุรกิจบริษัท มิทเชลล์ก็พยายามแยกบัญชีเครื่องดื่มส่วนตัวออกจากบัญชีบริษัทโดยละเอียด ในการทำงานถึงแม้ตัดสินใจไปจนเป็นที่รู้กันทั่วไปแล้ว แต่ถ้าผู้อยู่ใต้ยังคับบัญชาอธิบายเหตุผลให้เห็นว่าไม่ควรจะทำตามที่ตัดสินใจไป ก็ยินดีที่จะพิจารณาใหม่และฟังเหตุผลของพนักงานที่ต้องปฏิบัติในสนาม เดวิท มิทเชลล์ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบ ๆ ใน ชนบทในประเทศอังกฤษหลังจากที่บริษัทลอนดอน ทิน ได้ขายหุ้นในบริษัทเหมืองแร่ต่าง ๆ ให้แก่รัฐบาลมาเลเซีย ก่อนที่ตลาดดีบุกจะล้มทลายลง นักศึกษาอังกฤษที่ได้รับทุนให้ศึกษาวิชาวิศวกรรมเหมืองแร่จากบริษัทลอนดอน ทิน อีกผู้หนึ่งก็คือ เดวิท เดวิทสัน (DAVID DAVISON) ซึ่งมีนิสัยคล้ายกันกับมิทเชลล์ แต่เดวิทสันนั้นได้ทำหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่สองอย่างโลดโผน คือเป็นนักบินทิ้งระเบิดอังกฤษที่เครื่องบินถูกยิงตกในยุโรป และต้องตกเป็นเชลยศึกของกองทัพเยอรมัน แต่เดวิทสันกับพวกก็พยายามขุดอุโมงค์หนีออกจากค่ายคุมขังเยอรมัน ในการทำงาน ก็มีนิสัยประหยัด สมถะ ซื่อตรงและขยันขันแข็งเช่นเดียวกัน จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประธานกรรมการของบริษัทแองโกล – โอเรียนเตล ผมถือว่าโชคดีที่ได้ทำงานร่วมกับท่านที่กล่าวนามมานี้ เพราะความกล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง การประหยัด สมถะ ซื่อตรงและขยันขันแข็งเป็นเครื่องบังคับให้งานดำเนินไปอย่างรวดเร็วได้ผลและไม่ต้องกังวลเรื่องการเมือง หรือการประจบวิ่งเต้นใด ๆ ทั้งสิ้นทำให้สามารถทำงานด้วยความสบายใจและด้วยเกียรติยศ ถ้าโครงการใดแม้จะมีผลตอบแทนสูงแต่ต้องให้สินบนหรือความไม่เป็นธรรมต่อคู่สัญญาก็อย่าเข้าไปใกล้โครงการนั้น ๆ |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|