ศาสนาคริสต์ในภูเก็ต |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
จันทร์, 11 กุมภาพันธ์ 2008 | |
ศาสนาคริสต์ศาสนาคริสต์ในภูเก็ต มีผู้นับถือทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนท์ สำหรับศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์นั้นเริ่มมีมิชชั่นนารีจากมาเลเซียเข้ามาในภูเก็ตราวปี ค.ศ. ๑๘๘๒ และใช้ภาษาจีนฮกเกี้ยนในการสอนศาสนา หลังจากนั้นประมาณ ๔ ปี มิชชั่นนารีชื่อ “William Mae Donald และ Philip J.Hocquard ได้เดินทางจากปีนังเข้าสู่ภูเก็ต ขณะนั้นมีผู้นับถือศาสนาคริสต์ในภูเก็ตประมาณ ๘ คน และทั้งสองได้ประกอบพิธีศีลมหาสนิทให้แก่ชาวภูเก็ตเหล่านั้น อ๋องหิ้น (Ong Hin) เป็นผู้ที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เข้าได้รวบรวมเงินจากการขายขนม ซื้อบ้าน ๑ หลัง บริเวณถนนถลาง ในปี ค.ศ.๑๘๘๙ คือ บ้านเลขที่ ๒๔ เพื่อเป็นสถานที่พบปะของคริสตศาสนิกชนและเผยแผ่ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า สถานที่นี้ยังเป็นสถานที่สำหรับสวดมนต์ และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจนถึงปัจจุบันนี้ ปัจจุบันคือ คริสเตียนสถาน ต่อมา Mr. and Mrs. Toy ชาวแคนาดา ได้เข้ามาร่วมงานเผยแผ่ศาสนาในภูเก็ต ใน ค.ศ. ๑๙๒๐ บุคคลทั้งสองได้พยายามขยายการเผยแผ่คำสอนออกไปตามชนบทที่ห่างไกลมากขึ้น และพบว่าได้รับการยอมรับจากประชาชนในชนบทเป็นอย่างดี Mr.Toy นอกจากเป็นหมอสอนศาสนาแล้ว เขายังเป็นหมอรักษาคนไข้สามัญและช่วยเหลือรักษาคนไข้แก่ประชาชนชาวภูเก็ต Mr.Toy สิ้นชีวิตที่จังหวัดภูเก็ต ศพของMr.Toy ฝังไว้ที่ภูเก็ต มิชชั่นนารีกลุ่มต่าง ๆ ในเขตภาคใต้ได้หมุนเวียนกันเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในภูเก็ตอย่างสม่ำเสมอ ในปี ค.ศ.๑๙๕๘–๑๙๕๙ Mr.David และ Dreen Hogan พร้อมด้วย Mr.Peter Ferry ได้เข้ามาเผยแผ่คำสอนในภูเก็ต ระยะนี้เป็นระยะที่เยาวชนภูเก็ตให้ความสนใจและยอมรับนับถือศาสนาคริสต์มากขึ้น และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่คำสอนต่าง ๆ Mr. และ Mrs.Hogan ยังได้นำคำสอนในพระคัมภีร์ไปสอนแก่ชาวเลกลุ่มอูรักลาโว้ย (Urak Lawai) ที่ราไวย์ และได้ศึกษาภาษาชาวเลจนสามารถถ่ายทอดคำสอนในพระคัมภีร์เป็นภาษาชาวเล จัดทำหนังสือเป็นภาษาชาวเลเพื่อสะดวกในการเทศนาสั่งสอนอีกด้วย
กิจกรรมที่ชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ได้อุทิศตนช่วยเหลือสังคมดังนี้ ๑. เยี่ยมบ้านคนชราที่บ้านป่าคลอก เดือนละ ๑ ครั้ง สถานที่เผยแผ่ศาสนา ได้แก่ โบสถ์ คริสตจักรท่าแครง คริสเตียนสถานถนนถลาง โบสถ์เซเว่นเดย์เอดเว็นตีส คุณอาร์โนล คลาร์ก (Arnold Clarke) เป็นผู้นำทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ในจังหวัดภูเก็ต แต่ขณะนี้คุณอาร์โนล ป่วยหนัก คุณปีเตอร์ เฟอรี่ (Peter Ferry) จึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ในจังหวัดภูเก็ต ทำหน้าที่แทนคุณอาร์โนล ในปัจจุบัน นิกายโรมันคาทอลิกศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาในจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ให้อิสระในการนับถือศาสนา จึงมีมิชชั่นนารีหมุนเวียนกันเข้ามาเผยแผ่ศาสนาเป็นจำนวนมากในจังหวัดภูเก็ต แต่หลักฐานการเผยแผ่ศาสนาในระยะนี้ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน หลักฐานที่อ้างอิงได้ประมาณ ปี ค.ศ. ๑๙๓๕–๑๙๔๕ พระสงฆ์คณะซาเลเซียน โดยคุณพ่อมารีโอ รูเช็ดดู ได้เข้ามาฟื้นฟูและรวบรวมคริสตชนในจังหวัดภูเก็ตให้เป็กลุ่มเป็นก้อนอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้คุณย็อบ คาร์นินี่ เป็นผู้ได้รับสมญาว่า “มิชชั่นนารีแห่งภาคใต้” ในโอกาสนี้ คุณพ่อมารีโอ รูเช็ดดู ได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านการศึกษาแก่นักศึกษาแก่นักศึกษา ๒ คน คือ นายฟรังซีส กิจจา อนิวรรตน์ และนายทวี อนิวรรตน์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุตรของนายแถลง อนิวรรตน์ (บันทึกของพระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต) ต่อมาในราวปี ค.ศ.๑๙๕๒ พระสงฆ์มิชชั่นนารีกลุ่มแรกคณะสงฆ์รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย ซึ่งคณะมิชชั่นนารีคณะนี้ถูกขับออกจากประเทศจีน เนื่องจากจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบคอมมิวนิสต์ ในระหว่างที่จะเดินทางกลับกรุงโรมนั้นคุณพ่อยอห์น เซเรโต และคุณพ่อเอจิดิโอ ไอรากิ ได้มีโอกาสแวะที่ประเทศไทย ซึ่งในวันนั้นก็ตรงกับวันฉลองสมโภชพระมารดาผู้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์พอดี ดังนั้นคุณพ่อทั้ง ๒ จึงได้มีโอกาสพบ พูดคุย และรู้จักกับคุณพ่อคาร์โล เดลลา โทเร พระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคณะซิสเตอร์พระแม่มารี หรือชื่อเต็มว่า “คณะซิสเตอร์ธิดาพระราชินีมาเรียผู้นิรมล” นั่นเอง คุณพ่อทั้ง ๒ ที่เป็นชาวอิตาเลี่ยนดีใจมากที่ได้พบพระสงฆ์ที่เป็นชาติเดียวกัน จึงได้ซักถามและพูดคุยกันในหลายเรื่องที่เกี่ยวกับงานอภิบาลในประเทศไทย และทราบว่าทางประเทศไทยยังต้องการพระสงฆ์มิชชั่นนารีอีกเป็นจำนวนมากในการที่จะช่วยดูแลและเอาใจใส่บรรดาสัตบุรุษในงานอภิบาลต่าง ๆ ดังนั้นคุณพ่อทั้งสองจึงได้พยายามที่จะติดต่อและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อจะเสนอเรื่องไปยังอัคราธิการของคณะที่กรุงโรม จากนั้นก็ได้มีการติดต่อกันในระหว่างอัคราธิการของคณะกับพระสังฆราช เปโตร คาเร็ตโต ประมุขแห่งสังฆมณฑลราชบุรี ซึ่งในเวลานั้นยังมิได้แยกเป็นอีกสังฆมณฑลหนึ่ง ดังนั้นสังฆมณฑลราชบุรีจึงมีเนื้อที่ครอบคลุมตลอดภาคใต้ของประเทศไทยด้วย และมีเพียง ๒ แห่งเท่านั้น ที่มีพระสงฆ์ประจำ คือ ที่หัวหินและที่หาดใหญ่ ส่วนงานอภิบาลที่อำเภอห้วยยาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้นกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และหลังจากที่ได้มีการติดต่อพูดคุยกัน พระสังฆราช เปโตร คาเร็ตโต ก็ได้เชิญพระสงฆ์คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยมอบหมายให้คณะฯ เอาใจใส่ดูแลกลุ่มคริสตชนในเขต ๕ จังหวัดภาคใต้ นั่นคือ ระนอง ตรังภูเก็ต กระบี่และพังงา ซึ่งในเวลาต่อมา “สังฆมณฑลราชบุรี” ได้แบ่งออกเป็น ๒ สังฆมณฑล คือ สังฆมณฑลราชบุรีและสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี และคณะนักบวชรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ทำงานขึ้นกับสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี พระสงฆ์มิชชั่นนารีกลุ่มแรก ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยและได้เริ่มทำงานนี้ ได้แก่ คุณพ่อลิโอ อินามา คุณพ่อมาร์โก บลาซูติก และคุณพ่อเอจิดิโอ ไอรากิ โดยคุณพ่อทั้งสาม ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๕๒ และไม่นานหลังจากนั้น พระสงฆ์มิชชั่นนารีกลุ่มที่ ๒ ก็ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย ในวันที่ ๓๐ กันยายน ค.ศ.๑๙๕๒ เช่นกัน ซึ่งพระสงฆ์ทั้งห้าองค์นี้เป็นพระสงฆ์มิชชั่นนารีที่มาจากแขวงอิตาลี และเคยไปทำงานที่ประเทศจีนผืนแผ่นดินใหญ่มาก่อนทั้งสิ้น โดยในช่วงแรกคุณพ่อทั้งห้าได้พักอยู่ที่วัดบางนกแขวก เพื่อที่จะเรียนภาษา ศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรม และประเพณีของคนไทย หลังจากที่เริ่มคุ้นเคยกับภาษา วัฒนธรรมและประชาชนพอสมควรแล้ว ก็ได้เริ่มงานแพร่ธรรมในทันที โดยคุณพ่อลิโน อินามา ได้เดินทางไปดูสถานที่ที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมกับคุณพ่อเปโตร เยลิชี ซึ่งเป็นอุปสังฆราชในสมัยนั้น และที่สุดคุณพ่อได้ตัดสินใจที่จะเริ่มงานในจังหวัดภูเก็ตเป็นแห่งแรก โดยพระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต ได้แนะนำให้คณะเริ่มกิจการด้วยการเปิดโรงเรียน ทั้งนี้เพื่อเป็นการปูทางให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จัก และเข้ามาติดต่อกับเรา จากนั้นก็จะเป็นโอกาสให้คริสตชนได้แสดงตัวของเขากับเราด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีพระสงฆ์มิชชั่นนารีอยู่หลายองค์ แต่จำนวนพระสงฆ์ก็ยังไม่เพียงพอกับสนามแห่งงานแพร่ธรรม และความต้องการของบรรดาสัตบุรุษ ดังนั้นจึงได้มีการติดต่อกับอัคราธิการของคณะที่กรุงโรม แต่เนื่องจากเวลานั้น แขวงอิตาลีได้รับความกระทบกระเทือนจากผลของสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นอย่างมาก ดังนั้นทางอัคราธิการของคณะที่กรุงโรม จึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังแขวงของคณะที่อเมริกา ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี พระสงฆ์มิชชั่นนารีอเมริกันกลุ่มแรกที่เดินทางมาทำงานในประเทศไทยได้แก่ คุณพ่อร็อคโก ลิโอติโล และคุณพ่อยอแซฟ ฟลัด โดยคุณพ่อทั้งสองได้เดินทางมาถึงประเทศไทยในเดือนเมษายน ค.ศ.๑๙๕๔ ส่วนคุณพ่อชาร์ล นารานโจ จากแขวงอเมริกาอีกเช่นกันก็ได้เดินทางมาถึงในเดือนตุลาคม ค.ศ.๑๙๕๔ เมื่อมีจำนวนพระสงฆ์มากขึ้น สนามงานแห่งการแพร่ธรรม โดยพระสงฆ์มิชชั่นนารีแห่งคณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยทางคณะได้จัดซื้อที่ดินซึ่งเป็นเหมืองแร่ดีบุกเก่า พร้อมกับอาคารไม้เก่า ๆ อีก ๒-๓ หลัง เพื่อใช้เป็นบ้านพักชั่วคราว วัดและโรงเรียนให้ชื่อว่า “โรงเรียนดาวรุ่งวิทยา” ซึ่งได้ทำการเปิดสอนเป็นครั้งแรกในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ค.ศ.๑๙๕๔ ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ.๑๙๕๗ พิธีวางศิลาฤกษ์วัดใหม่ที่กำลังจะสร้างขึ้นก็ได้ถูกกำหนดขึ้น โดยให้ชื่อว่า “วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์” อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่าเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านนักบุญที่ถือกันว่า เป็นมิชชั่นนารีผู้ยิ่งใหญ่และเชื่อว่าท่านนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ น่าจะเคยผ่านมาที่จังหวัดภูเก็ตนี้ด้วย ต่อมาภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดจากวัด “นักบุญฟรังซิส เซเวียร์” มาเป็น “วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์” ในปี ค.ศ.๑๙๖๑ ทั้งนี้เพราะได้ค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พอจะเชื่อถือได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่ตัวเมืองภูเก็ตได้เคยมีวัดคาทอลิกอยู่ ๓ แห่งด้วยกัน และหนึ่งในวัดเหล่านั้น มีชื่อว่า “วัดแม่พระเกียรติยกขึ้นสวรรค์” ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่กว่าหมด และมีสัตบุรุษมากกว่าทุก ๆ วัด แต่หลังจากสงครามระหว่างไทยกับพม่า วัดเหล่านี้ก็ไม่เหลืออยู่เลย ดังนั้นในปี ค.ศ.๑๙๖๑ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดจาก “วัดนักบุญฟรังซิส เซเวียร์” มาเป็น “วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์จังหวัดภูเก็ต” โดยการเปลี่ยนชื่อนี้ได้รับความเห็นชอบและการอนุมัติจากพระสังฆราชเปโตร คาเร็ตโต เป็นอย่างดี วัดหลังใหม่นี้ได้ถูกเปิดใช้เป็นครั้งแรก ในโอกาสพิธีปลงศพของคุณพ่อเอจิดิโอ ไอรากิ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ค.ศ.๑๙๕๘ ซึ่งได้เสียชีวิตลงเนื่องจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อคราวที่เกิดพายุใหญ่ในปีเดียวกัน ปัจจุบัน “วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์จังหวัดภูเก็ต” ได้รับการเอาใจใส่และปกครองดูแล โดยพระสงฆ์คณะนักบวชรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ โดยมีคุณพ่อนิรันดร์ ศิลามงคล เป็นเจ้าอาวาส มีสัตบุรุษอยู่ในปกครองประมาณ ๑๕๐ คน นอกนั้นก็เป็นบรรดานักท่องเที่ยวที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนและร่วมพิธีทางศาสนา ซึ่งในปีหนึ่ง ๆ มีจำนวนมากพอสมควร คริสตศาสนสถานโบสถ์คริสเตียนสถาน โบสถ์คริสตจักรภูเก็ต โบสถ์คริสเตียนสัมพันธ์ โบสถ์คริสตจักรโฟร์แสคร์ โบสถ์คาทอริค
|
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|