เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.
|
อาทิตย์, 30 มกราคม 2011 |
ฅ ฅน ขึง ขัง หายไปเพราะไม่มี ฅ ในพิมพ์ดีด ในวรรณกรรมถิ่นใต้มีใช้ในหนังสือบุดสมุดข่อยใช้ว่า ฅน เมื่อไม่มีอักษร ฅ พิมพ์ดีดจึงใช้ ค ควาย แทน ฅ ฅน เมื่อคอมพิวเตอร์มี ฅ ฅน สมหมายก็ใช้ ฅน แทนควาย หมายถึง ฅนจริง ๆ ไม่ใช่ ฅนที่มีสมองควายคือคน ฅน(ฅน) จึงไม่ใช่ คน(ควาย) สูงสุดคือสวรรค์ ผู้อยู่บนสวรรค์คือ เทพ ตั้งแต่จาตุรมหาราช ขึ้นไปเป็นดาวดึงส์ ขึ้นไปเป็นยามะ ดุสิต ... ระหว่างเทพกับเดรัจฉานเช่นควาย มี ฅนอยู่ระดับกลาง เทพ ฅน เดรัจฉาน ดิรัจฉาน เดียรฉาน ดิฉัน ฉาน อสุรกาย ผี เปรต สัตว์นรก ๘ ขุม ขุมร้อนคืออเวจีนรก ขุมพิเศษเป็นนรกตู้เย็นคือนรกโลกันต์ ฅนที่พัฒนาทางจิตแล้วจะสูงขึ้นเป็น มนุษย์ ฝึกจิตให้สูงรอไปเป็นเทพ หากฅนไม่ฝึกจิตให้สูงขึ้นก็มีค่าเพียง คน คน ก็รอการเป็นควาย สมัครใจที่เป็นควาย นายกอ๊าน เกิดมาเป็น คน (เพราะพิมพ์ดีดไม่มี ฅ) นายกอ๊านเห็นฅนเรียนหนังสือ แต่ไม่ยอมเรียน คือยอมเป็นคน นายกอ๊านไปสิงคโปร์สำนึกได้ว่าต้องเป็น ฅน นายกอ๊านฝึกตนฝึกฅนจึงเป็น ฅน นายกอ๊านฝึกตนฝึกฅนจึงเป็นมนุษย์ นายกอ๊านเป็นมนุษย์ นายกอ๊านฝึกความเป็นมนุษย์ เมื่อฝึกได้ก็จะเป็นนายกเทพเจ้า อิงกำลังฝึกความเป็นมนุษย์เพื่อรอเป็นเทพ ไหว้พระก็เพื่อรอเป็นเทพ อิงฝึกไปเรื่อย ๆ อิงก็จะเป็นเทพ เรียกว่า เทพเจ้าอิง สมหมายจึงชวนอิงไปไหว้พระที่อินเดียไง แต่อิงกลัวจะเป็นเทพตั้งแต่วัยสาวใส แก่ค่อยเป็นเทพก็แล้วกันนะ สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์
---------------------------- -----Original Message----- From: inG |inG <
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้
> To: ผศ.สมหมาย <
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้
> Sent: Sun, Jan 9, 2011 7:31 pm Subject: RE: อาจารย์สมหมายช่วยอ่านหน่อยนะคะ แบบว่าอิงเขียนเป็นเรื่องเล่าเล่นค่ะ ฅนช่วยแปลให้หน่อยได้ไหมค่ะ เหมือนคำนี้ มันมีความหมายมากกว่า คน อิงอิง ไม่ค่อยเข้าใจ ฅน มันมีความหมายที่ลึกซึ้งยัง อาจารย์ถึงนำมาใช้ --------------------------------------------------- To:
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้
Date: Sun, 9 Jan 2011 07:19:01 -0500 From:
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้
รู้ว่าฅนเขียนเป็นฅนใสใส รู้ว่าจริงใจที่จะเขียน อ่านแล้วก็รู้ว่าทึ่งในสิ่งที่ไม่เคยเห็น อ่านแล้วรู้ฅนในโลกยังมีชั้นวรรณะ รู้ว่าฅนเขียนใสใส แม้มีวรรณะอยู่ แต่ก็ไม่ยึดติดในวรรณะ เคารพฅนรู้ แสดงว่ามีคุณธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ เขียนให้เห็นถึงความขัดแย้งของผลของการพัฒนา(วัตถุ) ฅนเขียนยอมรับโดยดุษฎีว่า ฅนมีจริยธรรม ยอมรับว่า จะพอเพียง ยอมรับว่าตามเศรษฐศาสตร์พุทธ คือ อยู่พอดีกินพอดี ไม่ใช่อยู่ดีกินดี สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์
(ต่อไปนี้เป็นวรรณกรรมของอิงอิง) อยากตกปลาจัง วันนั้นเป็นวันที่แดดประกาย มองจากริมถนนเห็นหญ้าเขียวริมทาง กอเล็ก พร้อมกับสิ่งปลูกสร้างมากมายที่รังสรรขึ้นมือจาก มือมนุษย์ แต่ต้นหญ้าเล็ก ๆ มนุษย์คงไม่ได้ปลูกมันขึ้นแน่นอน คำว่า "รณรงค์" ฟังแล้วดูดีต้องเห็นภาพคนใหญ่ ๆ โต ๆ มายืนชุมนุมกัน มีนักข่าวหรือตากล้องมารอถ่ายรูปออกสื่อมากมาย เหอ....(ถอนหายใจยาว ๆ ๆ ) ดูดีน่ะ แต่มันน่ากลัวจัง อย่าให้มีคำว่ารณรงค์ออกมาเลยเพราะมันอันตรายมากว่าดูดี เป็นน้อง ๆ ๆ กับ คำว่า "สงวน"นั้นแหละ เช่น รณรงค์ปลูกป่า ไปดูดิ ที่รณรงค์น่ะ มันไม่เหลือให้เห็นว่าเป็นป่าแล้วไง...จึงค่อยรณรงค์กัน (โดยอ้างมาจากอาจารย์จรัสเรือง ศิริวัฒนรักษ์) ..... บ่นอีกล่ะ ... เดินทางไปราไวย์ เลาะริมหาดไปเรื่อย ๆ เพื่อไปหาผู้ใหญ่แอบที่ดูแลเรือหางยาว นั้งคุยเรือยเปื่อย ถามโน้นนี้นั้น สรุป ออกเรือไม่ได้ น่ะ ลมแรงส่วนเรือประมงที่จอดอยู่ป่าตองไม่ต้องพูดถึง น้องอิงมาผิดวันผิเวลาแล้ว ผู้ใหญ่แอบบอก ลาล่ะค่ะ สวัสดีขอบพระคุณอย่างงาม กลับบ้านก็ได้ แต่ก่อนกลับขอแวะไปทาง ใสยวนซักหน่อย ... ...... ....... ............ ..... ไรเนี่ยมีบ้านขึ้นเยอะแยะเลยเหรอเนี่ย ( จินตนาการตามไปน่ะแบบการ์ตูนญี่ปุ่นพร้อมสำเนี่ยงคนพากษ์น่ะค่ะ ) โอ๊ะ โหหหหหห .... วิปวิ้ว รู้สึก ว่าตัวเองเหมือนคนชนบทเข้าเมืองกรุงเลย ทั้งบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ โรงแรม เกสเฮาว ยิ่งกว่านั้น . . . มี คอนโด ด้วย ภูเก็จ เนี่ยน่ะ มีคอนโดล่ะ โฮ.... สุดยอด คอนโด.. ... มันบ่งบอกว่าเนื้อที่สำหรับที่อยู่อาศัยของประชากรไม่เพียงพอเลยน่ะเนี่ย ต่อไป บ้านเมืองเราคงเหมือนเกาะ ฮองกง ไม่นานคงมีคำว่า "รณรงค์" โน่นนี้นั้นมากมาย ...... ...... คิดแล้ว อยากเปลี่ยนโลกอะ 555 พอ .. พอ .. พอ .. ยังไงลงมือทำได้ตอนนี้คือเอาตระกร้าไปจ่ายตลาด กับถุงผ้าไปห้างค่ะ แต่เราทำแบบจริงจังน่ะ.... ตระกร้าเนี่ยสีชมพูสดใส สุด ๆ ๆ ไปซื้อมาจากงานวัดที่วัดศรีษะทอง จ. นครปฐม ขอนามบัตรมาด้วยน่ะ เผื่อเอามาขายเอง อิอิ ถุงผ้าเหรอไม่รู้จำไม่ได้แล้ว... เดินทางมาเรื่อย เหลือระยะทางอีก ประมาณ 600 เมตร มองไปทางด้านขวามือ คือว่า ต้องชลอรถทันที ดันมีป้ายว่า บุคคลภายนอกห้ามเข้า เมื่อถนนว่าง เอาว่ะ ... เลี้ยวไปเลย เลี้ยวเข้าไป ก็เป็นบุคคลภายในแล้ว ชั่งมัน .....!!! ก็อยากรู้นิหว่า เดินลงไป น่ะพื้นดินประมาณ 5 ไร่เศษ ๆ ๆ " โทษน่ะค่ะรบกวนขอคุยด้วยหน่อยค่ะ " มีร่ายคาบ สำเนียงใต้น่ะ แต่ไม่ใช่บ้านเรา พี่หนุ่มน่าเข้ม ๆ ๆ บุคคลิกน่าจะทำงานเป็นช่าง อะไรสักอย่าง ก็ออกมา และตามมาด้วย คุณลุงแก่ ๆ ที่กำลังจะสร่างเมา ได้มาพูดคุยด้วย .... พอได้เรื่องมาว่า.......
ปลูกข้าว และสัปปะรด ดู ว่ามันจะขึ้นไหม ใช่!!! ค่ะที่อึ้งคือมีนาข้าว อยู่ในซอยที่มีความเจริญเข้าถึง คือเอาง่าย ๆ เจริญพอ ๆ กับ ตำบลกะทู้ที่ อิงอิง อยู่ซะอีก ที่ตรงนั้นเค้าเช่ามา และมันกว้างเพราะบ้านที่อาศัยเป็นเพียงบ้านเล็ก ๆ สำหรับอยู่ชั่วคราว เหมือนแคมป์คนงานที่บ้านเราเอง คงจะร้อนและมันกว้างจนวังเวงมั่ง อิงคิดเองน่ะ คุณลุง เล่าให้ฟังว่า หลานชายเค้าที่ทำงานอยู่โรงแรม เป็นคนเช่าให้ คุณลุงและหลาน ๆ อยู่เพื่อมาทำงานที่นี่ คุณลุงถามอิง ว่า หลานไม่เคยเห็นต้นข้าวเหรอ ?? ... ..... ตอบไม่ถูกเลย ..... .. อือ น่ะ เคยเห็นแต่ ,ไม่เคยสนใจ,ไม่เคยเหยียบพื้นดินที่ปลูกข้าว,ไม่เคยจับต้นข้าว จนได้มาเห็น บนที่ดินของลุงนี่แหละ เลยสนใจว่า มาปลูกข้าวทำไม เพราะคนภูเก็จเห็นที่ดินยังกะทองคำที่มากกว่าทองอีก เพราะทุกคนก็ มีแต่สร้างตึกรางบ้านช่อง กันหมดมีน้อยนักที่จะมาปลูกข้าว คุณลุง เค้าก็ให้ความรู้อิงอิง มากมายเกี่ยวกับการปลูกข้าว วิธี และขั้นตอนของคุณลุงที่ปลูกตอนอยู่ที่ จังหวัดตรัง ลักษณะการปลูกข้าวของคุณลุงเป็นการปลูกข้าวไร่ ค่ะ คุยกันสักพัก คุณลุงกับหลาน ๆ ต้องออกไปทำงานต่อ ก่อนที่อิงอิง จะกลับคุณลุงบอกว่า อีกสามเดือนมาใหม่น่ะลูกจะเห็น ต้นหญ้าสีทอง สวยงามมาก ตอนแรก งง ค่ะ ต้นหญ้าสีทองมีด้วยเหรอ แววตาของคุณลุงดูมุ่งมั้นแต่ไม่รู้ว่า เมาแล้วเป็นแบบนั้นหรือ ป่าวอันนี้อิงไม่รู้ แต่รู้สึกถึงพลังของคนที่เคยเป็น ผู้สร้างอาหารที่ยิ่งใหญ่ แดดสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน (ต้นหญ้าสีทองที่มีค่ามากกว่าทองเพราะเลี้ยงปากท้องเราคนไทยมาแต่อดิต) หากหลานมาลุงจะสอนเกียวข้าวน่ะ อย่าลืมมาน่ะหลาน ^_^ อยากบอกว่า รู้สึกดีมาก ๆ ๆ แบบจุกอกแน่นกระอักมาถึงจมูกแบบ จะร้องไห้อ่ะ ทั้งทีลุงแกยังไม่ซางเมาน่ะ 555 รู้สึกดีจาก มิตรภาพที่เราได้รับมาจากคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน รู้สึกดีจาก ความรู้ที่คนไทยมีให้ต่อกัน รู้สึกดีจาก รอยยิ้มที่เราได้รับกลับมาเสมอ รู้สึกดีจาก การมีคนมอบความรู้ให้โดยไม่หวงว่าเราจะถามไปทำไม เราหนีจากวงจรของการพัฒนาไม่ได้ เราต้องสร้างต้องสร้างเพื่อความอยู่รอด.....แต่ขณะเราสร้างเราก็ทำลายไปด้วย มีบวก ก็ต้องมีลบ เสมอ ขอยกตัวอย่าง ไม่ว่าเราจะตัดไม้มาใช้ไม้นั้นมันอาจจะต้องใช้เวลา 15-20 ปี ต่อการเจริญเติบโต กว่าแก้นไม้ข้างในมันพร้อมที่จะสังเวยชีวิตไปเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ของเรา มันต้องใช้เวลานานขนั้นไหนกัน เพราะเราตัดต้นไมัจากป่ามาใช้และไม่คืนต้นให้ป่า อนาคตลูกหลานเรา คงต้องใช้พลาสติก หากเพื่อน ๆ เห็นหรือได้ยินคำโฆษณาหรือสื่อที่บอกว่า เอาเศษกระดาษมาทำเฟอร์นิเจอร์ ได้แข็งแรงทนทาน พอ ๆ ๆ กับไม้ ความมหัศจรรย์หรือเป็นนวัตกรรมใหม่ช่วยสิ่งแวดล้อม ฟังแล้วดูดีน่ะ ลดโลกร้อนแต่ลองมองย้อนไปให้ลึกกว่านั้นสิค่ะ ... จริง ๆ น่ะ ... มันบ่งบอกว่า "เราไม่มีต้นไม้แล้ว" ค่ะ จึงต้องหาสิ่งทดแทนในอนาคตที่จะมาถึง คือไม่มีต้นไม้ที่จะมาตอบสนองความต้องการของเราต่างหาก ... ดีน่ะทีอิงได้บอกคุณแม่ว่าห้ามต้นไม้ใหญ่นับว่าเราโชคดีที่มองเห็นจุดนี้ก่อนที่จะทำลายต้นไม้ คิดแล้วระเหอยใจ คงต้องหาต้นไม้ยักษ์มาปลูกแล้วจริง ๆ ๆ เพราะแถวนั้นยังมีตาน้ำพุดออกมาอยู่เลยทั่งใสสะอาด มองลงไปยังตาน้ำ มันสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ค่ะ และก็เห็นน่าอิงอิง ด้วย เวลาอิงเข้าป่าไปดูแนวเขตเห็นต้นไม้สีเขียวและมีกลิ่นดิน แบบป่าดงดิบอยู่แล้วมันรู้สึกสดชื้นมาก ๆ ๆ สงสัยคงต้องเริ่มปลูกต้นไม้พันธุ์ยักษ์ ไว้อิงจะเอามาเล่าให้ฟังต่อในคราวหน้าน่ะค่ะ กลับมา กลับมา เรื่องข้าว อีกน่ะค่ะ นี้คือ จุดเติมพลังความคิดค่ะ เพราะไม่เคยคิดเรื่องข้าว พอมานั้งคิดวาดรูปออกมา แยกองค์ประกอบ กลับต้องตกใจว่า ข้าวที่เรากินทิ้งกินขวางนี้เรื่องมันมากมายยืดยาว จนถึงปัจจุบัน แล้วอิงอิง จะเขียนบันทึกเรื่องข้าว...ต่อไปน่ะค่ะ ขอบคุณ คุณลุงสร่างเมาด้วยน่ะค่ะ ที่เป็นคนทำให้อิงนึกถึงคุณค่าและบุญคุณของข้าว สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทานข้าวเหลืออีกเป็นอันขาด หากเหลือก็จะเอากลับบ้านหรือใส่ถุงให้น้องหมาน้องนกกินค่ะ |