จดหมายเหตุเมืองถลางและหัวเมืองปักษ์ใต้ ต้นฉบับของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต (ศวภ.) ประสิทธิ ชิณการณ์ : อ่านและวิเคราะห์
Click at the image to view full size
![ฝากรูป](http://upic.me/ts/i/e1/kx9v5.jpg)
มทศ.จห.๔ (ใช้หมายเลขตรงกับ ฉบับ ศวภ ๔) คำอ่าน ๐ วันจันทร์ เดือนเจ็ด ขึ้นเก้าค่ำ ปีกุน เอกศก ข้าพเจ้านายเรืองและอำแดงบุนเมีย ขอทำสารกรมธรรม์เป็นคำนับตรามารับเอาเงินตราของเจ้าสำเภากปิตันลิเม้า เป็นเงินหกแผ่นภุกัน และข้าพเจ้าเอาอำแดงบุนผู้เมียมาขายสุหร้า ไว้ให้ท่านใช้การงานค่าเงินของท่านพลางก่อน แต่ก่อนข้าพเจ้าจะคืบมาหาได้ถ้าได้เมื่อใดจะส่งให้เมื่อนั้น ถ้าอำแดงบุนหลบหนีหายตายนายกออกไปไซร้ ให้ท่านเกาะเอาข้าพเจ้าผู้ยื่นสารนี้เถิดและข้าพเจ้ามีแกงไดให้ไว้ภาษาไทยเป็นสำคัญ วิเคราะห์ ๐ ปีกุนเอกศก คือจุลศักราช ๑๑๒๑ พ.ศ. ๒๓๒๒ เมืองถลางยังไม่เกิดสงครามกับพม่า มีเรื่องน่าวิเคราะห์ว่า เพราะเหตุใด นายเรืองจึงตกลงใจเอาง่ายดายในการที่จะ ขายสุหร้า คือการนำภรรยาของตนไปขัดดอกไว้กับเจ้าของเงินจำนวน หกภุกัน ซึ่งจะเป็นเงินเท่าใดนั้น คนสมัยนี้คงจะทราบได้ยาก เจ้าของเงินชื่อกปิตัน ลิเม้า คงจะเป็นพ่อค้าชาวอังกฤษ แต่เรียกชื่อเพี้ยนอีกตามเคย คำว่า "คำนับตรา" นั้นเป็นสำนวนที่แปลว่า ให้ยึดถือไว้เป็นหลักฐานสำคัญ
คำว่า ขานสุหร้า - สุหร้า เป็นคำมลายู คนภ็เก็จสมัยโบราณเคยใช้ในการจำนองที่นา ที่สวนโดยให้เจ้าของเงินทำผลประโยชนืจากที่ดินแทนดอกเบี้ย จนกว่าจะนำเงินต้นมาไถ่ถอน และคนรุ่นหลังคงคาดไม่ถึงว่า คนเมืองถลางเมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน สามารถ "จำนอง" ภรรยาของตนได้ด้วย เราไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่า นายเรือง มีความจำเป็นอย่างไรในการกระทำครั้งนี้ แต่มีเรื่องเล่าขานกันต่อๆกันมาว่า เมืองถลางสมัยนั้นพวกพ่อค้าฝรั่งมักจะชอบไถ่ทาสซึ่งเป็นผู้หญิงไปเป็นภรรยาของตน ดังนี้บางทีอำแดงบุนอาจถูกนายเรืองผู้สามีขายให้ไปกับกปิตันลิเม้าเพื่อไปเป็นภรรยาของผู้ซื้อก็อาจเป็นไปได้ เนื่องจากสมัยนั้น สิทธิสตรียังถูกกดขี่จากสังคมไทยอยู่มาก สามีจึงมีสิทธิที่จะขายภรรยาของตนให้แก่ใครๆ ก็ได้ โดยภรรยาไม่มีสิทธิคัดค้าน ซึ่งเรื่องนี้ควรจะได้ศึกษาต่อไป เอกสารฉบับนี้ลงท้ายด้วยการทำเครื่องหมาย "แกงได" ตามประเพณีโบราณ
ปาณิศรา(นก) ชูผล : บันทึก ผช.หมายเหตุรักษ์ มทศ. |