ยูเอ็นเตือนว่า สงครามโลกครั้งต่อไปอาจจะเกิดบนโลกไซเบอร์        เอเอฟพี/เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน-เจ้าหน้าที่ระดับสูงสหประชาชาติระบุ " สงครามโลกครั้งที่ 3 " อาจจะเกิดบนโลกไซเบอร์ และจะสร้างความพินาศให้มนุษยชาติไม่แพ้สงครามโลก 2 ครั้งที่ผ่านมา                 ดร.ฮามาดูน ตูเร เลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ(ไอทียู)หนึ่งในองค์กรชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ เผยระหว่างเปิดงานโทรคมนาคมโลกปี 2009 ที่เจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอังคาร (6) โดยเตือนว่าสงครามโลกครั้งต่อไปอาจเกิดบนโลกไซเบอร์ และหากเกิดขึ้นจริงก็จะถือเป็นหายนะครั้งใหญ่ของมนุษยชาติไม่แพ้สงครามโลก 2 ครั้งที่ผ่านมา                 ดร.ตูเร ซึ่งเป็นชาวมาลีระบุ ทุกประเทศในโลกต้องทำความเข้าใจว่าสงครามไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องของประเทศมหาอำนาจที่ร่ำรวยและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามการโจมตีบนโลกไซเบอร์ และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งใหม่ซึ่งจะใช้เครือข่ายออนไลน์เป็นสนามรบ

  เลขาธิการไอทียูชี้ว่าปัจจุบันทุกประเทศต้องพึ่งเทคโนโลยีโทรคมนาคม และคอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ เช่น การทำการค้าระหว่างประเทศ การทำธุรกรรมทางการเงิน การรักษาพยาบาล การเข้าถึงข้อมูลระบบประกันสุขภาพ การแจกจ่ายอาหาร รวมทั้ง บริการฉุกเฉินต่างๆ ดังนั้น ถ้าเครือข่ายสำคัญเหล่านี้ถูกทำลายหรือโดนโจมตี จะส่งผลทำให้ประเทศนั้นๆ ตกอยู่ในสภาพเหมือนเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น การที่วิถีชีวิตประจำวันของพลเมืองโลกทุกวันนี้ ถูกผูกติดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบแยกไม่ออก ยังทำให้มนุษยชาติตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะกลายเป็นเป้าของการโจมตีบนโลกไซเบอร์และอาชญากรต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
       
        ดร.ตูเร กล่าวว่า " หนทางที่ดีที่สุดที่ประเทศต่างๆ จะเอาชนะสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ มีอยู่เพียงวิธีเดียว นั่นคือ การหาทางหลีกเลี่ยงสงครามนี้เสียตั้งแต่แรก"
       
        ด้านเจเน็ต แอน นาโปลิตาโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เธอได้รับไฟเขียวจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จำนวนมากถึง 1,000 คน เข้ามาทำหน้าที่ป้องกันสหรัฐฯ จากการโจมตีและภัยคุกคามต่างๆ บนโลกไซเบอร์แล้ว
       
        ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ของประธานาธิบดีลีมยองบัก ก็เพิ่งประกาศว่ามีแผนจัดการฝึกอบรม " มือปราบไซเบอร์" 3,000 คนให้ได้ภายในปีหน้า เพื่อช่วยปกป้องเศรษฐกิจของประเทศซึ่งใหญ่เป็นลำดับ15ของโลกและเป็นอันดับ 4 ของเอเชียจากการถูกโจมตี หลังจากเว็บไซต์และฐานข้อมูลของหน่วยราชการและบริษัทเอกชนหลายแห่งของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ปิโตรเคมี และผลิตหุ่นยนต์ ต่างถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลีเหนือ
       
        จูฮาน พาร์ตส์ อดีตนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย วัย 43 ปีซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกิจการเศรษฐกิจและการสื่อสาร กล่าวในระหว่างร่วมงานโทรคมนาคมโลกที่เจนีวา โดยเรียกร้องประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับการป้องกันการโจมตีบนโลกไซเบอร์ เนื่องจากขณะนี้ความร่วมมือระดับนานาชาติด้านนี้ยังไม่เพียงพอ พร้อมเตือนว่า หากประเทศต่างๆ เพิกเฉยต่อภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ ก็อาจต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงเหมือนที่เอสโตเนียเคยประสบเมื่อปี 2007 ซึ่งเกิดการโจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์ไม่ปรากฏสัญชาติในเอสโตเนีย จนทำให้เว็บไซต์หน่วยราชการและบริษัทเอกชนชั้นนำหลายแห่งต้องปิดทำการและมีข้อมูลสำคัญสูญหายไปเป็นจำนวนมาก
       
        ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกของไอทียูจำนวน 37 ประเทศ เพิ่งร่วมกันลงนามจัดตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า "International Multilateral Partnership against Cyber Threats" หรือ " IMPACT" ในปีนี้ โดยองค์กรแห่งใหม่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในมาเลเซีย จะเป็นเวทีระดับนานาชาติเพื่อหาแนวทางป้องกันและตอบโต้ภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ร่วมกัน

อ้างอิง

http://www.norsorpor.com/ข่าว/n1710938/UNชี้%20สงครามโลกครั้งที่%203%20เกิดบนโลกไซเบอร์!!%20วอนนานาชาติเร่งหาทางรับมือ