Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow Search
นิราศฉลาง:นายมีหมื่นพรหมสมภัตสร PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
ศุกร์, 23 มีนาคม 2018
นิราศถลาง
นายมีหมื่นพรหมสมภัตสร
(จถล 2312)

จะร่ำปางทางไกลไปถลาง เพราะกองกรรมจำคลาดนิราศนาง ทุเรศร้างรสรักหนักอุรา 
เมื่อวันลงเรือใหญ่หัวใจหาย แสนเสียดายมิ่งมิตรขนิษฐา ชลนัยน์ไหลหลั่งดังธารา พี่ก้มหน้าครวญครางมากลางเรือ 

แล้วเหลียวแลดูเมืองเรืองระหง ของพระองค์แสนสุขสนุกเหลือ บริบูรณ์พูนเกิดทั้งข้าวเกลือ ก็เอื้อเฟื้อยิ่งกว่าทุกธานี 
พร้อมด้วยปรางปราสาทราชฐาน โอฬาฬารล้ำเลิศประเสริฐศรี  ดังวิมานเมืองฟ้าสง่าดี ย่อมเป็นที่ทัศนามหาชน 

วัดพระแก้วมรกตก็สดใส งามวิไลเลิศฟ้าเวหาหน โอ้แต่นี้ที่ไหนจะได้ยล จะเที่ยวทนทุกข์ไปเสียไกลครัน 
ลาพระแก้วแล้วลามหากษัตริย์ อันเป็นฉัตรกรุงไกรไอศวรรย์ ให้พระองค์อยู่เย็นไม่เว้นวัน กระหม่อมฉันจะไปภัยอย่ามี 

ให้ได้กลับมารับขวัญที่ฉันรัก อย่ารู้จักห่างหากกระดากหนี ให้น้องน้อยคอยท่าสักห้าปี ขอเดชะพระบารมีพระภูวนัย 
ครั้นเสร็จคำร่ำฝากออกจากท่า จนเวลารุ่งรางสว่างไสว ได้ฤกษ์งามยามพฤหัสกำจัดภัย ก็ล่องไปจากท่าหน้าวัดโพธิ์ 

 
 แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล    บันทึกการเข้า


 
 
 
 

 

ถึงตลาดท้องน้ำระกำหวน พี่ซมซานซูบพักตร์ลงอักโข  
ด้วยเป็นห่วงบ่วงใยนั้นใหญ่โต หัวอกโอ้เจียนจะแยกออกแตกตาย 

ยิ่งคิดไปใจคอให้หดหู่ ชำเลืองดูแถวตลาดไม่ขาดขาย  
เห็นพวกแพแม่ค้านาวาพาย ออกเกียกกายเยียดยัดอยู่อัดแอ
 

โอ้ทีนี้เช้าเย็นไม่เห็นตลาด จะนิราศแรมร้างไม่ห่างแห 
เมื่อไรเลยจะได้มาเห็นหน้าแพ จะเห็นแต่คงคากับปลาวาฬ 

วิตกพลางทางมาถึงสามปลื้ม มิได้ลืมรสรักสมัครสมาน 
ยังปลื้มปลาบซาบใจอาลัยลาน ถึงไปนานก็ไม่ลืมแม่ปลื้มใจ 

ถึงสำเพ็งเล็งแลแพตลาด ไม่เห็นยอดกัลยานิจจาเอ๋ย 
เห็นคนอื่นก็ไม่ชื่นเหมือนคนเคย พี่เมินเฉยชมเหล่าสำเภาราย
 

โอ้สำเภาเหล่านี้ถึงปีเข้า บรรทุกเอาสินค้าเข้ามาขาย 
พี่เคยซื้อของเล่นไม่เว้นวาย โอ้เสียดายที่จะไปกับสำเภา 

ถึงคอกควายท้ายบ้านละลานเหลียว ยิ่งลอยเลี้ยวลับเมืองให้เคืองหมอง 
จนพ้นหลักปักเขตสังเกตปอง นาวาล่องตามลำแม่น้ำไป 

ถึงสำเหร่นึกหวาดขยายผี ด้วยเป็นที่ฆ่าคนริมชลไหล 
ล้วนป่าเตยเคยแลดูแต่ไกล พลางครรไลล่องมาไม่ช้านาน 

กระทั่งถึงดาวคะนองริมคลองน้อย แม่ค้าลอยขายของร้องประสาน 
บ้างก็หยุดจัดของที่ต้องการ น่าสงสารสาวสาวที่ชาวบาง 

รู้ค้าขายพายล่องออกคล่องแคล่ว เสียงเจื้อยแจ้วฝีปากพูดถากถาง 
พี่เมินเฉยเลยตรงถึงน้องนาง จนเรือห่างเหินมาในสาคร 

ถึงวัดราชบูรณะระยะสวน เห็นแต่ ล้วนมิ่งไม้ใบสลอน 
บ้างคลี่ดอกออกช่ออรชร แมลงภู่ฟอนเรณูดูกระจาย 

พี่เพ่งพิศคิดถึงคะนึงน้อง ไปตามท้องวังวนชลสาย 
เห็นบ้านช่องสองฟากนั้นมากมาย สังเกตหมายคุ้งคดกำหนดมา 

ถึงบางผึ้งผึ้งลงที่ตรงไหน พี่แลไปไม่เห็นผึ้งคะนึงหา 
ถ้าเห็นแล้วจะทึ้งหัวน้ำผึ้งมา ละลายยาแก้โรคที่โศกใจ 

มาถึงด่านด่านเรียกให้เรือหยุด แล้วรีบรุดมาในลำแม่น้ำไหล 
ต้องเดินอ้อมค้อมคดรันทดใจ มิได้ไปทางลัดน่าขัดเคือง 

ถึงบางขมิ้นพี่คะนึงถึงขมิ้น ที่ยุพินขัดสีฉวีเหลือง 
สำอางเอี่ยมเรียมพิศเป็นนิตย์เนือง งามประเทืองทั้งกายไม่หายงาม 

ถึงบางยอยอใครทีไหนหนอ ได้ยินยอแล้วก็จิตพี่คิดขาม 
คะนึงถึงน้องหญิงให้กริ่งความ กลัวจะตามลูกยอเขาปร๋อไป 

มาถึงช่องอินทรีทวีโศก แสนวิโยคยลป่าพฤกษาไสว 
สิ้นประเทศเขตสวนด่วนครรไล รันทดใจดังจะดิ้นสิ้นชีวา 

ถึงศาลเจ้าพระประแดงแสยงเกล้า นึกกลัวเจ้าพระประแดงหนักหนา 
บนศาลศรีมีเศียรของกุมภา แต่พันตาพันวังหัวฝังดิน 

พระประแดงแข็งกล้าเจ้าข้าเอ๋ย ขอลาเลยลับไปดังใจถวิล 
ช่วยป้องกันกุมภาในวาริน อย่าให้กินชาวบ้านชานบุรี
 
 แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล    บันทึกการเข้า


มาตะบึงลุถึงพระโขนง น้ำก็ลงเรือก็ล่องยิ่งหมองศรี 
ดูพวกเพื่อนทั้งหลายสบายดี แต่ตัวพี่โศกศัลย์ถึงขวัญตา 

ถึงสำโรงเห็นโรงเจ้าภาษี ไม่เห็นมีสำโรงโกงนักหนา 
เห็นแต่นกกาน้ำลงดำปลา แล้วพาโบกบินไปกินรัง 

อนิจจาปลาว่ายอยู่ในน้ำ นกยังดำกินได้ดังใจหวัง 
ก็เพราะปลาว่ายไม่ระวัง จนพลาดพลั้งตัวตายวายชีวา 

ถึงนครเขื่อนขันธ์ตะวันบ่าย ระกำกายตรึกตรองถึงน้องหญิง 
เป็นปืนใหญ่นึกจะยื่นให้ปืนยิง ปืนก็นิ่งพี่ก็นั่งประทังตน 

ทัศนาธานีเห็นพิลึก พวกข้าศึกเสียวแสยงทุกแห่งหน 
ถึงใครประจักหักโหมโจมประจญ คงจะป่นลงกับปืนไม่คืนมือ 

ป้อมปราการต่อกันเป็นคันขอบ ช่องปืนรอบเรียบร้อยน้อยไปหรือ 
พระญามอญกินเมืองย่อมเลื่องลือ ประทานชื่อยศนามตามตระกูล 

พระทรงภพตบแต่งไว้แข่งขัน คอยป้องกันไพรินไม่สิ้นสูญ 
ทั้งชีพรมหมณ์ไพร่ฟ้าไม่อาดูร ก็เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย 

มาถึงบางหัวเสือพี่เหลือพรั่น ให้หวั่นหวั่นหวาดเสือริบเรือหนี 
ไม่หยุดหย่อนจรมาในวารี ถึงเจดีย์กลางน้ำพอค่ำเย็น 

พี่นั่งนบอภิวาทพระธาตุบรรจุ ว่าสาธุช่วยดับระงับเข็ญ 
ให้ฉันว่างวิญญาน้ำตากระเด็น อย่าให้เป็นทุกข์โศกมีโรคภัย 

รำพันแล้วแคล้วคลาดลีลาศล่อง มาตามท้องคงคาชลาไหล 
เห็นเมืองสมุทรปราการอันชาญชัย พระภูวไนยสร้างสรรไว้ มั่นคง 

ดูสง่าหนาแน่นแสนสาหัส เห็นถนัดหอคอยลอยระหง 
มีเชิงเทินเดินพลรณรงค์ กำแพงวงป้อมคูดูพิลึก 

มีปืนใหญ่ใส่ประจำไว้ทุกช่อง จะคอยปองล้างผลาญสังหารศึก 
ถึงเมืองไหนจะราญทำหาญฮึก มิได้นึกพรั่นจิตสักนิดเดียว 

ถูกแต่ปืนปากน้ำจะคว่ำซุด คงม้วยมุดเป็นวงลงประเดี๋ยว 
ไม่ต้องรบยืดยาวให้กราวเกรียว พริบตาเดียวก็สิ้นไพรินราญ 

ถึงอกเต่าอ่าวสมุทรดูสุดเนตร พระสุริเยศดวงดับลับพฤกษา 
ก็หยุดจอดทอดสมอรอนาวา กินข้าวปลาสรรเสร็จสำเร็จการ 

พวกเพื่อนฝูงมากหลายชายทั้งนั้น พัลวันนั่งลุกสนุกสนาน 
บ้างนั่นล้อมตาเฒ่าเล่านิทาน ต่างสำราญสรวลเสเสียงเฮฮา
 


ยิ่งคิดไปใจหายไม่วายคิด พระอาทิตย์แจ้งจบพิภพสวรรค์ 
ก็ปลุกเพื่อนเตือนตื่นขึ้นพร้อมกัน พัลวันเกะกะเอะอะอึง 

จึงนายท้ายนายหัวตัวสันทัด ให้รีบจัดสายระยางสองข้างขึง 
ถอนสมอช่อใบใส่รอกรึง พอลมตึงติดใบก็ไคลคลา 

ออกน้ำเขียวเกลียวคลื่นดูครืนครึก ทะเลลึกกว้างใหญ่ไกลหนักหนา 
ดูเบื้องซ้ายสายสมุดสุดสายตา ดูเบื้องขวาทิวไม้รำไรราย 

เห็นเมฆใกล้เมฆกระปุ่มกระปิ่ม ติดกับริมฟ้าเกลื่อนแล้วเคลือนหาย 
ชมทะเลเมฆาจนตาลาย ตะวันสายคลื่นลมระดมดัง
 

เหลียวเห็นเกาะสีชังนั่งพินิจ เฉลียวคิดถึงนุชที่สุดหวัง 
ให้นึกกลัวน้องหญิงจะชิงชัง ถ้าเป็นดังชื่อเกาะแล้วเคราะห์กรรม 

เห็นสมมุกขอให้สมอารมณ์มาด ขอเชิญไทธิราชช่วยอุปถัมภ์ 
ถึงคนอื่นขืนแค่นสักแสนคำ อย่าให้น้ำใจน้องเป็นสองใจ 

รำพันพลางเรือแล่นแสนสาหัส พระพายพัดคลื่นคลอนสะท้อนไหว 
เรือกระโดดคลื่นดังปึงปังไป จนเพลาใบตีน้ำน่ารำคาญ 

ถึงบ้านแหลมแหลมจริงตลิ่งเอ๋ย ขอลาเลยแหลมไปไกลสถาน 
กว่าจะได้กลับมาก็ช้านาน แสนรำคาญคิดไปใจระบม 

ถึงบางแก้วโอ้ว่าแก้วของพี่เอ๋ย จะลอยเลยลับเนตรของเชษฐา 
มิได้กกกอดแก้วพี่แล้วนา เป็นเวลากรรมมากที่จากไกล 

มาตะบึงลุถึงตระโหนดหลวง ก็แล่นล่วงเลยลัดตัดสถาน 
ไม่รอรามาตะบึงจนถึงปราณ เห็นเรือนบ้านมากมายชายทะเล 


ครั้นถึงสามร้อยยอดก็ทอดอยู่ พี่นั่งดูหาดทรายชายสิงขร 
มีบ้านตั้งฝั่งฝาริมสาคร ดูซับซ้อนแสนสุขสนุกสบาย 

พวกชาวบ้านแถวนี้ไม่มีโง่ ปลูกแตงโมริมไร่เอาไว้ขาย 
ข้างหลังบ้านนั้นมีคีรีราย ศิลาลายแลเลื่อมชะเงื้อมเงา 

สามร้อยยอดยอดอะไรไม่ประจักษ์ หรือยอดรักเรียมอยู่บนภูเขา 
มองเขม้นไม่เห็นยอดรักเรา เห็นภูเขายอดเยี่ยมเทียมอัมพร 

ฟังเสียงนกในเกาะเสนาะก้อง เรไรร้องหริ่งหริ่งบนสิงขร 
สุริยาลงลับยุคนธร พระจันทรจรแจ่มฟ้าดาราราย 

น้ำค้างพรมลมพัดเย็นระย่อ ถอนสมอแล่นไปดังใจหมาย 
เห็นน้ำเค็มพราวพร่างกระจ่างพราย ดังแก้วปรายโปรยปราดสาดระแนง 

ถึงม่องไล่มองแลชะแง้หา เห็นภูผาแต่ไกลใหญ่มหันต์ 
ชื่อม่องไล่ไล่ใครที่ไหนทัน จังสาปสรงชื่อเกาะไว้เหมาะใจ 

ทะเลนี้มีคณามัจฉาชาติ ปลาวาฬแกลบว่ายกลาดลีลาศล่อง 
บ้างอมชลพ่นฟุ้งเป็นฝอยฟอง ตะเพียนทองโดดดิ้นกินสินธู 

ฝูงฉลากเรรวนเข้ากวนเพื้อน ราหูเลื่อนลอยหาพวกราหู 
ฝูงฉลามตามพวกฉลามพรู บ้างขึนพูฟ่องพลิกกระดิกกระโดง 

บ้างกินปลาเล็กปลาน้อยลอยขยอก ดูเกลื่อนกลอกกลับหางเสียงผางโผง 
ปลาโลมาพาเพื่อนขึ้นเกลื่อนโคลง ดูโป้งโล้งเล่นคลื่นตัวลื่นลาม
 

ปลาโลมาใจดีไม่มีดุ มุทะลุหนักหนาปลาฉลาม 
เห็นเรือแล่นแต่ไกลมันว่ายตาม พี่นึกคร้ามนั่งภาวนาไป 

ถึงเกาะเศียรปลาวาฬดาลเทวศ ชำเรืองเนตรชมชะง่อนก้อนสิงขร 
ดูช่างเหมือนปลาวาฬ ตระหง่านงอน ใครตัดรอนทิ้งขวางเสียบางไร 

เห็นแต่หัวตัวหายมิได้เห็น ดูก็เช่นเรียมหมองไม่ผ่องใส 
ไม่เห็นตัวแก้วตาด้วยมาไกล เห็นแต่ใบกับเรือเหลือรำคาญ 

แล่นเฉลียงเฉียงทิศตะวันตก ราวกับนกบินเตร่บนเวหา 
ชมละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งมา ไม่รอรารีบรัดตัดตำบล 

ถึงเกาะแก่งรำพึงตะลึงคิด นิ่งพินิจแนวทางมากลางหน 
พี่รำพึงถึงน้องหมองกมล จนเลยพ้นแม่รำพึงตะบึงมา 

กระทั่งถึงบางสะพานสถานที่ มีทองแต่โบราณนานหนักหนา 
บังเกิดกับกายสิทธิอิศรา ไม่มีราคีแกมแอร่มเรือง 

เนื้อกษัตริย์ชัดแท้ไม่แปรธาตุ ธรรมชาติสุกใสวิไลเหลือง 
ชาติปะหังหุงขาดบาทละเฟื้อง ถึงรุ่งเรืองก็ยังเบาเยาราคา 

บางตะพานผุดผ่องไม่ต้องหุง ราคาสูงสมสีดีหนักหนา 
พี่อยากได้เนื้อทองให้น้องทา แต่วาสนายังไม่เทียมต้องเจียมใจ 

รำพรรณพรางเรือเรื่อยมาเฉื่อยฉิว ถึงประทิวทัศนาพฤกษาไสว 
เป็นทิวทิวริ้วริ้วอยู่ไรไร พี่แลไปเป็นสถานที่บ้านคน 

เป็นเมืองริมวารีกะจีริด นั่งพินิจแล้วก็ห่างมากลางหน 
ให้ว้าเหว่วิญญาในสาชล ถึงบางสนแสนโศกวิโยคนัก 

โอ้บางสนต้นสนประจำอยู่ จึงได้รู้เรียกนามความประจักษ์ 
แต่ตัวเรามิได้อยู่ประจำรัก มาไกลพักตร์นุชนาฏอนาถใจ 


 
  
 

 

เพศ: ชาย
กระทู้: 19,839
สมาชิกลำดับที่ 2
คนจนผู้ยิ่งใหญ่


เว็บไซต์
 

 

ถึงปากน้ำชุมพรพระนครน้อย เขาเคยคอยจับพม่าเข้ามาถวาย 
ที่ริมเมืองมีเกาะละเมาะราย เป็นหาดทรายทั่วปลอดตลอดไป 

เห็นเจดีย์มีอยู่บนจอมเกาะ ดูงามเหมาะเสาหงส์ธงไสว 
พี่ชี้บอกนายท้ายบ่ายเข้าไป แวะขึ้นไปพระเจดีย์ด้วยปรีดา 

แล้วลดเลี้ยวเที่ยวเล่นบนจอมเขา ชมลำเนาตามเกาะละเมาะผา 
แลสลับซับซ้อนก้อนศิลา ดูก็น่าเพลิดเพลินเนินคีรี 

เวลาค่ำน้ำขึ้นเป็นคลื่นต่วม น้ำก็ท่วมถึงตีนคีรีศรี 
ชมไม่ทั่วภูผาเข้าราตรี ลาเจดีย์ลงเรือเหลือเสียดาย 

ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก แล้วแล่นออกไปในวนชลสาย 
กระจ่างแจ้งแสงจันทรพรรณราย ดาวกระจายแจ่มฟ้านภาลัย 

เห็นดาวฤกษ์ทั้งปวงขึ้นช่วงโชติ อร่ามโรจน์เรืองรองดูผ่องใส 
โอ้ว่าดาวเอ๋ยดาวฉันหนาวใจ ทำอย่างไรจึงได้อุ่นละมุนทรวง
 


ถึงหลังสวนสวนหลวงหรือสวนราษฎร์ หลากประหลาดสวนมีอยู่ที่ไหน 
ไม่เห็นสวนเห็นแต่เกาะละเมาะไพร ภูเขาใหญ่อยู่ข้างขวาริมสาคร 

ดูเวิ้งว้างเพิงผาน่าสนุก มีร่มรุกข์เรียงรายชายสิงขร 
บ้างคดงองามงอกขึ้นซอกซอน แอบชะง่อนอิงโกรกชะโงกบัง 

บนจอมเขาเหล่าไม้เล็ก ๆ งอก ฤดูดอกฤดูดีดังสีสังข์ 
ที่ตีนเขาน้ำตื้นคลื่นประดัง ไม่รอรั้งรีบมาจนช้านาน 

ถึงไชยาธานีบุรีสถาน เห็นเมืองบ้านใหญ่โตสโมสร 
สะพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชากร สถาพรพูนสุขสนุกสบาย 

ตั้งตลาดสองแถวแนวถนน ล้วนผู้คนอึงอื้อมาซื้อขาย 
เสียงกระหนุงกระหนิงทั้งหญิงชาย บ้างร้องขายลูกพะเนียงเถียงกันอึง 

บ้างก็ขายมะปลิงมะปรางมะซางสด ทุเรียนรสชื่นใจสิบใบสลึง 
ชมตลาดลานจิตคิดรำพึง นึกคะนึงทัศนาแล้วคลาไคล 

สิ้นประเทศเขตทางกลางสมุทร ก็รีบรุดเข้าในลำแม่น้ำไหล 
ถึงบ้านดอนลมหมดก็ลดใบ แจวขึ้นไปตามลำแม่น้ำราย 

แม่น้ำใหญ่ยาวยืดจืดสนิท พี่วักวิดอาบกินกระสินธุ์สาย 
เห็นบ้านช่องสองฟากนั้นมากมาย เป็นเมืองใต้จันตประเทศเขตนคร 

มีเรือกสวนล้วนเหล่ามะพร้าวมาก ทั้งสองฟากซ้อนซับสลับสลอน 
ต้นทุเรียนมังคุดละมุดกะท้อน อรชรช่อผลระคนใบ 

เกตระกำอำพาจำปาดะ ทั้งสละกินเปรี้ยวเคี้ยวไม่ไหว 
สะตือสนพะเนียงเคียงกันไป มะเฟืองมะไฟพวงระย้าดูน่ากิน 

พี่ชมพลางทางพ้นตำบลสวน นาวาด่วนมาในแควกระแสสินธุ์ 
โทมนัสทัศนาดูวาริน ระรื่นกลิ่นเสาวคนธุ์ริมชลธาร
 

รำพันแล้วแจวหนักมาสักครู่ เห็นลำพูรายรากเป็นขวากแหลม 
ในทรวงพี่เจ็บมากเหมือนขวากแซม ด้วยร้างแรมรสรักลีลาศมา 

ไม่รู้จักแห่งหนตำบลสถาน ยิ่งรำคาญคิดหวนรัญจวนหา 
ขึ้นเหนือน้ำรำพึงตะบึงมา ได้สี่ห้าคุ้งคิดกำหนดทาง 

พอถึงท่าที่จอดทอดประทับ ตะวันลับเมรุไกรฤทัยหมาง 
พี่เอนเอียงแอบนอนลงตอนกลาง นายระวางพูดจาปรึกษากัน 

ว่าหนทางที่จะไปยังไกลเหลือ ขึ้นจากเรือเดินไปในไพรสัณฑ์ 
เอาเรือใหญ่ไปยากลำบากครัน จะผ่อนผันคิดหานาวาพาย 

ขึ้นไปอีกสามคืนน้ำตื้นติด เราจะติดกลอกกลับขยับขยาย 
ขึ้นไปหาเจ้าบ้านท่านเป็นนาย ขอเรือพายขอขี่สักสี่ลำ 

เอาเรือใหญ่ไปเปลี่ยนเขาไว้ด้วย ก็เห็นทีเขาจะช่วยอุปถัมภ์ 
ครั้นปรึกษากันเสร็จสำเร็จคำ ขึ้นจากลำเรือมาหากำนัล 

ก็พอสมน้ำจิตที่คิดหมาย ได้เรือพายปรีเปรมเกษมสันต์ 
เอาเรือใหญ่นั้นเปลี่ยนเข้าไว้พลัน แล้วช่วยกันเก็บของที่ต้องการ 

บรรทุกลงเรือน้อยขึ้นลอยล่อง ไปตามท้องสาคเรศประเทศสถาน 
ช่วยกันพายพุ้ยมาเป็นช้านาน เสียงโห่ขานอึงมี่ทั้งสี่ลำ 

เห็นเพื่อนกันหรรษาเป็นผาสุก แต่ตัวพี่เป็นทุกข์ถึงงามขำ 
ละห้อยหวนครวญครางมากลางน้ำ พิไรร่ำเรื่อยมาในวารี
 

ถึงท่าข้ามน้ำวนเป็นก้นกะทะ เห็นสวะติดวนวารีศรี 
ชื่อท่าข้ามใครจะข้ามก็ไม่มี ไม่เห็นที่คนข้ามนึกคร้ามกลัว 

เห็นศาลเจ้าเขาสร้างไว้ข้างขวา หัวกุมภาพิงถวายไว้หลายหัว 
จรเข้เป็นเห็นว่ายอยู่หลายตัว แลดูทั่วท่าข้ามก็คร้ามจริง 

จึงพายพ้นวนวังมาทั้งหมด คอยเลี้ยวลดเลียบพายชายตลิ่ง 
มาประมาณสิบคุ้งเห็นฝูงลิง อยู่บนกิ่งกุ้มน้ำออกคล่ำไป 


พิเคราะห์ดูสิงห์สัตว์ก็อัศจรรย์ ช่างเหมือนกันกับเราที่เศร้าใจ 
ไม่รุ้สิ้นโศกศัลย์รำพึงถึง รีบตะบึงมาในลำแม่น้ำไหล 

เห็นวัดร้างข้างซ้ายเมื่อพายไป มีพระใหญ่หน้าตักได้สักวา 
ไม่เห็นมีพระสงฆ์สักองค์หนึ่ง แลตะลึงลานจิตพินิจหา 

ดูรกนักหักพังเป็นรังกา อนิจจาวัดร้างเหมือนอย่างเรา
 
 
  
 

 



 

ได้สองวันมั่นหมายพายจนบอบ ถึงน้ำรอบเขาเรียกสำเนียกบ้าน 
มีวัดใหญ่พระอยู่ดูสำราญ โบสถ์วิหารมุงจากวัดยากจน 

สาธุสะพระอยู่ดูเคร่งครัด ปฏิบัติสิกขาหากุศล 
เวลาค่ำย่ำระฆังย่ำสวดมนต์ อยู่ที่บนหอกลางหว่างกุฎี 

พี่หยุดฟังนั่งบ่นจนจบสวด อยากใคร่บวชถือศีลพระชินสีห์ 
แต่อายุยังไม่ครบประจบปี ต้องรอรีร่ำรักหนักอุรา 

รำพันพลางทางมาเวลาค่ำ เรไรร่ำเรื่อยร้องก้องประสาน 
ดูสองฟากฝั่งฝาสุธาธาร ไม่มีบ้านรกอยู่ดูน่ากลัว 

มีแต่ป่ายางยูงสูงระหง เสียงผีโป่งร่ำร้องสยองหัว 
ดูแม่น้ำล้ำลึกให้นึกกลัว ยิ่งมืดมัวยิ่งมาในสาคร 

พอเดือนขึ้นแจ่มฟ้าดารารุ่ง ข้างแหลมคุ้งรีบรุดไม่หยุดหย่อน 
มาประมาณยามหนึ่งถึงบางงอน ก็แวะนอนเนินทรายชายปริ่มปริม 

ลมระเรื่อยเฉื่อยฉ่ำรำเพยพัด น้ำค้างหยัดหยดย้อยฝอยหยิมหยิม 
พี่คิดถึงมุ้งแพรสีทับทิม แม่เนื้อนิ่มเคยกางให้เรียมนอน 

พระจันทร์ส่องต้องทรายที่ชายหาด เดียรดาษแวววามงามไสว 
เหมือนหิ่งห้อยพรอยพรายกระจายไป ดูสุกใสสีจับกับแสงจันทร์ 

ถึงวัดถ้ำถ้ำมีเป็นที่สนุก มีร่มรุกข์ริมรายชายภูผา 
พี่แวะขึ้นชมวัดทัศนา เข้าวันทาพุทธรูปจุดธูปปราย 

แล้วลัดวัดเวียนไปเข้าในถ้ำ เงื้อมชะง้ำนั่งแลชะแง้หงาย 
เขาเขียนถ้ำน้ำยาทาระบาย วิไลลายทองทาบดูปลาบตา 

ที่ลางแห่งสดส่างบ้างก็หมอง ด้วยเป็นของแต่โบราณนานหนักหนา 
เขียนเป็นเรื่องชาดกยกออกมา ตามพระบาลีตั้งไว้ทั้งปวง 

พี่แลดูรู้เรื่องแล้วเยื้องย่าง มาตามทางลำเนาภูเขาหลวง 
หอมบุษผาพาชื่นระรื่นทรวง แล้วเลยล่วงหลีกวัดลัดลงเรือ 

บรรลุถึงวัดฆ้องมองเขม้น แลไม่เห็นฆ้องชัยฤทัยถอน 
เห็นแต่แถวแนวชลากับป่าดอน ก็รีบร้อนแรมไปดังใจปอง 

ถึงน้ำตื้นต้องเย็นเย็นยะเยือก น่ากลัวเงือกตกลึกนึกสยอง 
เพื่อนเขาขึ้นริมตลิ่งวิ่งคะนอง บ้างโห่ร้องรื่นเริงบรรเทิงใจ 

บ้างเก็บผักหักฟืนมายื่นส่ง บ้างโยนลงนาวาไม่ปราศรัย 
บ้างก็แบกปืนผาพากันไป ที่ยิงได้เนื้อกวางมาย่างแทง 

แล้วชวนกันกินกลุ้มประชุมหน้า รินสุราดื่มดังฟังแสยง 
ที่เมามายร้ายร้องคะนองแรง หน้าตาแดงลุกโลดกระโดดเรือ 

ได้วันครึ่งมาถึงบ้านพระแสง เป็นเขตแขวงบ้านป่าพนาสีห์ 
เขาว่าเสือชุมนักมักราวี ดูสองฟากนทีเป็นป่าดอน 

บรรลุถึงป่าพนมพนาเวศ เป็นประเทศชื่อบ้านเขาขานไข 
ก็สิ้นทางคงคาชลาลัย จะขึ้นไปเดินป่าพนาวัน 

อันหนทางที่จะไปเป็นไพรกว้าง ต้องเช่าช้างเข้าป่าพนาสันฑ์ 
สิบห้าเชือกเลือกได้มาเร็วพลัน หมดด้วยกันค่าเช่าสิบเก้าตำลึง 

ช้างพังสิบพลายห้างาเสลา พอรุ่งเช้าผูกสัปประคับขึง 
มิได้พลาดคลาดเคลื่อนรัดเงื่อนตึง ชาวบ้านอึงออกดูเสียงกรูเกรียว 

เห็นลูกสาวชาวบ้านทาขมิ้น มิใคร่สิ้นราคีดูสีเขียว 
ไม่น่าชมเชยชิดสักนิดเดียว ขี้เกียจเกี้ยวพี่ก็เตือนให้เพื่อนเรือ 

ขนข้าวสารข้าวสุกบรรทุกช้าง กระโถนกระถางหม้อไหมิให้เหลือ 
กระจุกกระจิกพริกหอมกะปิเกลือ เตรียมไปเผื่อขัดสนในหนทาง 

เอาผ้าพับจับจีบใส่หีบหับ ก็เสร็จสรรพสารพัดไม่ขัดขวาง 
แล้วให้นายควาญหมอขึ้นคอช้าง ขยับย่างยกเท้าออกก้าวเดิน 

พี่ขึ้นหลังช้างพลายสบายจิต ไปทางทิศหรดีวิถีเถิน 
บ้างก็ขึ้นขี่ช้างบ้างก็เดิน ดูเพลินเพลินหนักหนาเมื่อคลาไคล 

บ้างโห่ร้องก้องกึกพิลึกลั่น เสียงสนั่นเฮฮามาไสว 
ถือหอกดาบดาษดื่นทั้งปืนไฟ คอยกันภัยกลางทางที่กลางดง 

เหล่านักเลงกัญชาหาหวานหวาน ได้อ้อยตาลใส่ย่ามตามประสงค์ 
หยุดที่ไหนนั่งพร้อมล้อมเป็นวง เอาหม้อส่งสูบครอกแล้วออกเดิน 

เหล่านักเลงสุราหากระบอก เอาเหล้ากรอกอัดอุดไม่หยุดเผิน 
แบกกระบอกสุราพากันเดิน พูดหยอกเอินกันตามความสบาย 

แต่ตัวพี่มิได้มีซึ่งความสุข มีแต่ทุกข์อาดูรไม่สูญหาย 
ดูสองฟากมรรคาพฤกษาราย พี่ซังตายชมไพรอาลัยครวญ 

ถึงทุ่งคาเนียรก็พอย่ำค่ำ มีธารน้ำศาลาที่อาศัย 
ไม่เห็นทุ่งเห็นแต่ป่าพนาลัย ศาลพระไพรเจ้าปู่อยู่ขวามือ 

ใครไปมาหาของกองคำนับ อารักษ์รับบวงบบคนนับถือ 
ที่ป่านั้นพรั่นเสือเขาเหลือลือ ผู้ใดดื้อไม่บูชาชีวาวาย 

ก็ปลงช้างวางแวะเข้าสำนัก ทำเซ่นวักเจ้าไพรเป็ดไก่ถวาย 
จึงเชิญเจ้าคุ้มกันอันตราย ขอฝากกายอาศัยในศาลา 

แล้วกองไฟรายรามตามขอบนอก มิอาจออกจากกันพรั่นหนักหนา 
ได้ยินเสียงแรดร้องก้องวนา พี่คิดว่าเสียงเสือก็เหลือกลัว 

ทั้งผีสางนางไม้ก็ไห้โหย เสียงโหวยโหวยขนพองสยองหัว 
เรไรร้องมิได้นิ่งหริ่งระรัว ยิ่งมืดมัวหิมวันต์ยิ่งพรั่นใจ 

จนแสงทองส่องสว่างน้ำค้างร่วง กระจ่างดวงสุริยาในราศรี 
ก็ตื่นขึ้นพร้อมกันด้วยทันที อัญชลีลาเจ้าลำเนาไพร 

บ้างเดินนาดดาดดื่นบ้างขึ้นช้าง มาตามทางหิมวาพฤกษาไสว 
แต่เดินทางกลางป่าพนาลัย กำหนดได้สามวันเป็นมั่นคง 

เข้าเขตแคว้นแดนกลางหนทางหลวง ก็ลัดล่วงลำเนาเขานางหงส์ 
ถึงปลายน้ำเมืองถลางหนทางลง ก็เดินตรงรีบรัดตัดตำบล 

ถึงถลางกลางวันไม่ทันค่ำ ชวนกันทำที่ประทับออกสับสน 
อยู่วัดร้างน้ำพังริมฝั่งชล ก็ต่างคนต่างสบายเป็นหลายเดือน 

พี่เที่ยวชมนคเรศเขตสถาน จะเปรียบปานเมืองใหญ่นั้นก็เหมือน 
เรือนพระยาเป็นสง่ากว่าพลเรือน มีค่ายเขื่อนขอบคูประตูชัย 

ข้างหลังหน้าธานีบุรีรอบ เป็นเขตขอบโขดเขินเนินไศล 
ดูยอดเยี่ยมเทียมเมฆวิเวกใจ แม่น้ำไหลลึกกว้างอยู่กลางเมือง 

มีสำเภาเลากามาค้าขาย ทอดอยู่ท้ายเวียงชัยใบนองเนื่อง 
มีสินค้าสารพัดไม่ขัดเคือง ที่ในเมืองก็เป็นสุขสนุกสบาย 

ตลาดบกนั่งเบียดกันเสียดแทรก ดีบุกแลกเงินเหรียญเที่ยวเวียนขาย 
พวกไทยเจ็กแขกชวาขายผ้าลาย มาตั้งขายเรียงพับสลับกัน 

บ้างขายแสแพรสีมีต่างต่าง ชาวถลางนุ่งห่มดูคมสัน 
เห็นสาวสาวรูปร่างสำอางครัน พี่หวั่นหวั่นหวาดหวาดไม่อาจดู 

กลัวยาแฝดแปดเปื้อนจะเชือนหลง ไม่ประสงค์เชยชิดคิดอดสู 
ผู้หญิงทั่วบ้านมาบรรดาดู ยังไม่สู้ยอดรักพี่สักคน 

พูดเป็นเสียงชาวนอกไม่ออกอรรถ ฟังไม่ชัดเจนแจ้งทุกแห่งหน 
พี่พาชายชาวในออกไปปน ที่ลางคนชอบจิตพูดติดพัน 

ชาวถลางช่างฉอเลาะจนเพราะหู ได้เป็นคู่เชยชมภิรมย์ขวัญ 
ผู้หญิงเกี้ยวผู้ชายก็ตายมัน หลงอยู่นั่นมากมายชายชาวใน 

แต่ตัวพี่ใจตรงต่อนงนุช ได้ถือพุทธแล้วก็ซื่อไม่ถือไสย 
อยู่ถลางค้างปีไม่มีภัย สู้อดใจราวกับพระชนะมาร 

พี่สู้ทนวิตกให้หมกมุ่น แต่ปีกุนเดือนยี่จนปีขาล 
เพื่อนเขาเห็นเรียมตรมอยู่นมนาน ก็คิดอ่านไปชมยมนา 

เขาว่ารอยพระบาทที่หาดกว้าง แต่หนทางที่จะไปไกลหนักหนา 
พี่อยากไหว้รอยพระบาทพระศาสดา ก็ชักชวนกันมาเหมือนใจจง 

ไปตามทางข้างทิศตะวันตก ต้องเดินบกบุกป่าพนาระหงส์ 
ข้ามห้วยหนองคลองบางในกลางดง ครั้นค่ำลงนอนค้างอยู่กลางไพร 

ได้สองวันบรรลุถึงทุ่งกว้าง เป็นที่ทางท้องนาชลาไหล 
มีหนองน้ำอยู่ข้างหนทางไป ดูโตใหญ่เป็นทะเลจระเข้มี 

สารพัดผักปลาในสาคเรศ ปทุมเมศดอกประดับสลับสี 
ทั้งขาวเขียวเหลืองแดงแสงขจี พี่ชมชี้เพลิดเพลินแล้วเดินมา 

ลมกระพือฮือหอบทะเลฟุ้ง ในท้องทุ่งทางเกวียนเตียนหนักหนา 
เห็นแต่ล้วนต้นตาลดูลานตา ก็รีบมาพักหนึ่งถึงบางคน 

เป็นเมืองเก่าร้างเรื้อเหลือพม่า ดูโรยราร้างไปเป็นไพรสณฑ์ 
มีแต่บ้านห่างห่างทางตำบล ประชาชนหญิงชายสบายบาน 

ทำไร่นาสวนเรือกปลูกเผือกผัก ทั้งแฟงฟักลูกโตแตงโมหวาน 
สารพันมันกลอยทั้งอ้อยตาล ไม่กันดารส้มสุกเขาปลูกกิน 

พี่ชมพลางทางพ้นตำบลบ้าน มาถึงย่านยมนาชลาสินธุ์ 
ลงเลียบเดินเนินทรายชายวาริน พี่ผันผินทัศนาชลาลัย 

ทะเลลึกครึกครื้นเป็นคลื่นคลั่ง กระทบกระทั่งหาดหินแผ่นดินไหว 
พี่ฟังเสียงคลื่นคลอนสะท้อนใจ ทะเลใหญ่ลึกล้นพ้นประมาณ 

สีมัจฉาสารพัดสัตว์ในน้ำ บ้างผุดดำเสียงฟาดอยู่ฉาดฉาน 
จระเข้เหราทั้งปลาวาฬ ผุดขนานแน่นหนาในสาคร 

ทั้งงูเงือกเกลือกกลอกเข้าหยอกเพื่อน ขึ้นลอยเลื่อนเคียงคู่ดูสลอน 
กรกฎกุ้งกั้งแลมังกร เที่ยวสัญจรโบกหางอยู่กลางชล 

มีเนินทรายชายหาดสะอาดเลี่ยน เป็นที่เตียนเบื้องขวาเป็นป่าสน 
มีเบี้ยหอยพรอยพรายลายชอบกล ระคนปนกรวดทรายชายชลา 

ทั้งเบี้ยจั่นเบี้ยไทยลูกใหญ่น้อย มากกว่าร้อยโกฏิแสนดูแน่นหนา 
มีทั้งเบี้ยประหลาดสะอาดตา ดาษดาดีดีสีต่างกัน 

บ้างก็แดงแดงก่ำดังน้ำฝาง บ้างดำด่างพรอยพรายลายขยัน 
บ้างก็เหลืองเหลืองดีดังสีจันทร์ ประหลาดพรรณพิศดูน่าชูชม 

ถูกคลื่นจัดซัดสาดขึ้นหาดกว้าง เข้าเกยค้างกลิ่นเหม็นเหมือนเช่นผี 
ครั้นแห้งหอมกลิ่นรสหมดราคี เนื้อเป็นสีสุวรรณอำพันทอง 

ครั้นแดดร่มลมตกเสียงนกเพรียก หอมลำเจียกรำจวนเที่ยวหวนหา 
พระพายพัดฉ่ำเฉื่อยระเรื่อยมา พระสุริยาอัสดงค์ลงไรใร 

พี่เดินเรียบเนินทรายข้างฝ่ายขวา ไม่รู้ว่าแห่งหนตำบลไหน 
เดินบนทรายชายน้ำนั้นร่ำไป ยิ่งสุดใกลถิ่นฐานพ้นบ้านคน 

ดูเบื้องซ้ายสายสุนทรก็สุดกว้าง ดูฝ่ายข้างเบื้องขวาล้วนป่าสน 
ดูไสวใบบังพระสุริยน เป็นพวงผลดาดาดสะอาดตา 

พิกุลแก้วเกดกุ่มต้นชุมแสง ทั้งจวงแจงไม้มริดกฤษณา 
ปริงประยุงค์ปรงประดูกระดังงา กระลำภาโกฐสอสมอไทย 

หญ้าฝรั่นจันทามหาหิงค์ กระไดลิงเล็บนางแลห่างไกล 
ต้นกำยานว่านกระสือกระทือไพร มีอยู่ในป่านั้นทุกพันธุ์ยา 

เหล่าไม้ดอกออกดอกกระดาดาด ปักษาชาติจิกกินบินถลา 
นกโนรีสีแดงดังชาดทา มยุราลงเดินบนเนินทราย 

กระตั้วเห็นกระเต็นห้อยกระต้อยโหน จิงโจ้โจนจับกระถินแล้วบินหาย 
กระสาจับสนเคียงคู่เรียงราย เค้าแมวหมายมองโพรงเค้าโมงเมียง 

ฝูงนกผกผินเที่ยวบินร่อน บ้างเจ่านอนแน่นิ่งบนกิ่งเหนียง 
บ้างมีคู่อยู่สองประคองเคียง แล้วส่งเสียงตามภาษาทิชากร 

บ้างพลัดคู่ดูเศร้าเหมือนเราโศก แสนวิโยคมิได้อยู่เป็นคู่สมร 
พี่ครวญพลางทางล่วงครรไลจร ทินกรเลื่อนลับลงกับชล 

มาประมาณโมงหนึ่งถึงพระบาท ที่กลางหาดเนินทรายชายสิงขร 
พี่ยินดีปรีดาคลายอาวรณ์ ประณมกรอภิวาทบาทบงส์ 

จุดธูปเทียนบุปผาบูชาพร้อม รินน้ำหอมปรายประชำระสรง 
แล้วกราบกรานคลานมอบยอบตัวลง เหมือนพบองค์โลกนาถพระศาสดา 
 
ตามริมรอบราบรื่นทั่วพื้นหาด ดังแก้วลาดแลรอบเป็นขอบขัณฑ์ 
ดูก็น่าผาสุกสนุกครัน ด้วยสีสรรแสงพรายหลายประการ 

พวกเพื่อนฝูงทั้งหลายน้อมกายกราบ ศิโรราบเรียบเรียงเคียงขนาน 
พระสุริยงลงลับโพยมมาน ก็คิดอ่านสมโภชพระบาทา 

บ้างรำเต้นเล่นตามประสายาก พิณพาทย์ปากฟังเสนาะเพราะหนักหนา 
บ้างก็นั่งตีกรับขับเสภา ตามวิชาใครถนัดไม่ขัดกัน 

อึกทึกกึกก้องทั้งท้องหาด ไหว้พระบาทปรีเปรมเกษมสันต์ 
แต่นอนค้างกลางทรายอยู่หลายวัน บ้างชวนกันเที่ยวเล่นไม่เว้นวาย 

บ้างเที่ยวเก็บว่านยากายสิทธิ์ ปรอทฤทธิ์พลวงแร่แม่เหล็กหลาย 
พวกลายแทงก็แสวงไปตามลาย เที่ยวแยกย้ายมรรคาเข้าป่าไป 

บ้างเที่ยวจับนกหนูลูกหมูเม่น มาเลี้ยงเล่นตามประสาอัชฌาศัย 
บ้างลงเล่นยมนาชลาลัย เห็นแต่ใหญ่ขึ้นหาดดาษดา 

ชวนกันจับขี่เล่นเช่นกับช้าง ให้คลานกลางหาดทรายชายพฤกษา 
เต่ามันพาลงทะเลเสียงเฮฮา กลับขึ้นมาหัวร่อกันงอไป 

เขาเที่ยวเล่นเป็นสุขสนุกสนาน ในกลางย่านยมนาชลาไหล 
แต่ตัวพี่เศร้าสร้อยละห้อยใจ แสนอาลัยนิ่มนุชสุดประมาณ 

ไหว้พระบาทยมนาแล้วลากลับ ก็เสร็จสรรพเรื่องราวที่กล่าวสาร 
นิราศนุชสุดใจไปไกลนาน แต่งไว้อ่านอวดน้องลองปัญญา 

ฉันเป็นศิษย์สุนทรยังอ่อนศักดิ์ พิไรรักมิ่งมิตรกนิษฐา 
ประโลมโลกโศกศัลย์พรรณา ยุติกาจบกันเท่านั้นเอย 

V พ.ศ.2382 ปีที่แต่ง
วัฒนธรรม2วัฒน์   วรรณกรรม
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( ศุกร์, 23 กรกฎาคม 2021 )
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้443
mod_vvisit_counterเมื่อวาน2572
mod_vvisit_counterทั้งหมด11006372