Skip to content

Phuketdata

default color
Home arrow News arrow ถลางภูเก็จภูเก็ต arrow พม่าเสียเมือง สำนวนพม่าบันทึก
พม่าเสียเมือง สำนวนพม่าบันทึก PDF พิมพ์ อีเมล์
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ.   
พฤหัสบดี, 08 ตุลาคม 2009
พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่า"บันทึก      

ได้มีโอกาสอ่านกระทู้ของคุณ Navarat C. ที่เล่าเรื่องราวพร้อมภาพประกอบเรื่องพิธีกรรมสำเร็จโทษของเจ้านายพม่า (บันทึกได้สวยงามน่าอ่านจริงๆค่ะ) รวมไปถึงเรื่องราวของพม่าเสียเมืองฉบับที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกไว้ ก็พลันนึกถึงเรื่องพม่าเสียเมืองซึ่งเป็นบทหนึ่ง ในหนังสือโยเดียกับราชวงศ์พม่า ซึ่งเขียนโดยคุณมิคกี้ ฮาร์ท ชาวพม่าซึ่งสนใจและได้บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-พม่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 จนถึงพม่าเสียเมืองให้แก่อังกฤษ โดยอ้างอิงจากพงศาวดารพม่า ไทยและลาว เพื่อเชื่อมโยงและประมวลข้อมูล ให้ผู้อ่านได้เข้าใจเรื่องราวประวัติศาสตร์พม่าทั้งหมด

ดิฉันจึงอยากจะขอยกเรื่องราวบางส่วน เพื่อให้ผู้อ่านลองอ่านสนุกๆดูว่า ฉบับพม่าบันทึกนั้นเหมือนหรือต่างอย่างไร กับฉบับที่เล่าขานกันมาเนิ่นนานในฝั่งไทย

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 16:05:20

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:06:48
ถูกใจ: peaun, jassb1, หนุ่มรัตนะ, raveeyos, Pnatt_nara, thezircon, Canossa, Fiorina, กัมม์, Jaded Nomad, คิดถึงแมวม้วน



      ความคิดเห็นที่ 1  

      ==ประวัติศาสตร์พม่า พม่าหรืออังกฤษเขียนกันแน่===

      ข้าพเจ้าขออธิบายถึงสาเหตุที่พม่าเสียกรุง โดยอิงข้อมูลจากการบันทึกของพม่าโดยตรง มิใช่ประวัติศาสตร์ฉบับที่ต่างชาติบันทึก นักศึกษาประวัติศาสตร์ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่มีข้อมูลของพม่าให้ศึกษามากนัก เพราะการบันทึกของพม่าส่วนใหญ่เป็นภาษาพม่าหมด จึงเข้าใจและเป็นที่รับทราบกันเฉพาะในหมู่คนพม่าเท่านั้น และในสมัยที่อังกฤษเข้ายึดครองพม่า สื่อต่างๆอาทิ หนังสือพิมพ์ก็ตกอยู่ในมือชาติตะวันตกแต่เพียงผู้เดียว จะบิดเบือนข้อมูลอย่างไรก็ได้ จะเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รับทราบแบบไหนก็ได้ ฉะนั้น คนนอกจึงไม่มีโอกาสที่จะรู้ข้อมูลและได้ศึกษาเรื่องราวพม่าเสียกรุงอย่างแท้จริง ได้เพียงแค่ศึกษาจากการบันทึกที่เขียนโดยชาวอังกฤษทั้งนั้น

      จากคุณ: Aliz in Wonderland
      เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:08:50
        

       
       
ความคิดเห็นที่ 2  

==รัชกาลพระเจ้ามินดุง==

ในรัชกาลพระเจ้ามินดุง ดูเหมือนว่า รัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลพม่าไม่มีปัญหาต่อกันอย่างเป็นทางการ แต่ลึกๆแล้วรัฐบาลอังกฤษก็ระแวงพม่าไม่น้อยทีเดียว สิ่งที่รัฐบาลอังกฤษกังวลมากที่สุดก็คือพระเจ้ากะนอง พระเจ้ากะนองทรงเป็นพระมหาอุปราช ในรัชกาลพระเจ้ามินดุง พระองค์ได้ทรงส่งนักเรียนจำนวน 90 คน ไปเรียนวิชาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี นอกจากนี้ ยังทรงสร้างโรงงานผลิตอาวุธขึ้นถึงสามโรง สามารถผลิตระเบิดใต้น้ำได้สำเร็จ

พระเจ้ากะนองทรงเข้าพระทัยดีว่า การที่พม่ารบแพ้อังกฤษ ก็เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ของอังกฤษล้วนแล้วแต่ทันสมัย พิสัยยิงก็ไกลกว่าอาวุธพม่ามาก เรือรบอังกฤษล่องมากลางแม่น้ำ ปืนที่กองทัพพม่ามีอยู่ก็ไม่สามารถยิงไปถึง แต่ปืนใหญ่ของอังกฤษยิงถึงฝั่งได้สบายเลย ต่อให้กองทัพพม่าเข้มแข็งเพียงใดก็ตายอยู่ดี  ฉะนั้น อาวุธที่จะพิชิตเรือรบกลางแม่น้ำได้ก็คือระเบิดใต้น้ำ

รัฐบาลอังกฤษเล็งเห็นว่า หากปล่อยให้พม่าเป็นแบบนี้ โดยรัฐบาลอังกฤษไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นภัยบั่นทอนรัฐบาลอังกฤษในอนาคตได้

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:10:18
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 3  

==เจ้าชายเมียนกุนกับเจ้าชายเมียนกุนไต...กบฎเพื่อใคร==

แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างสงบ ไม่มีลางบอกเหตุร้ายใดๆ จนถึงวันพฤหัสบดี แรม 7 ค่ำ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2409 เวลาบ่าย 2 นาฬิกา เจ้าชายเมียนกุนกับเจ้าชายเมียนกุนไตสองพี่น้อง พระโอรสในพระเจ้ามินดุงก็ก่อกบฎ ยึดราชบัลลังก์รัตนะบุญ และประหารชีวิตพระเจ้ากะนอง พระมหาอุปราชาผู้เป็นอาที่รัฐสภาได้สำเร็จ แต่เข้ายึดพระราชวังไม่ได้ จึงหนีออกจากเมือง ลงเรือไปขอลี้ภัยอยู่กับรัฐบาลอังกฤษที่เมืองย่างกุ้ง  หลังจากนั้นรัฐบาลอังกฤษได้ส่งต่อไปให้ประทับที่บังกาลอร์

เหตุการณ์ที่พระโอรสในพระเจ้ามินดุงก่อกบฏครั้งนี้ สาเหตุมาจากแรงยุยงภายนอก แต่ไม่ทราบอย่างเป็นทางการว่าเป็นฝีมือของฝ่ายไหนเท่านั้น ก่อนหน้านั้น มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่า องค์รัชทายาทองค์น่าจะเป็นพระโอรสของพระเจ้าแผ่นดินมากกว่าพระอนุชา  ทำให้เหล่าบรรดาโอรสพระเจ้ามินดุงก็หวั่นไหวไปว่า ตำแหน่งรัชทายาทควรเป็นของเขามากกว่าพระเจ้าอา ข่าวลือนี้มีต้นตอมาจากนอกวัง หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดกบฏขึ้น ทั้งๆที่เจ้าชายเมียนกุนหนึ่งผู้ก่อกบฏเป็นพระชามาดา (ลูกเขย) ของพระมหาอุปราช  จะสังเกตว่าจุดประสงค์แท้จริงที่แอบแฝงอยู่ ก็คือการสังหารพระเจ้ากะนองเพื่อหยุดยั้งการผลิตระเบิดใต้น้ำอานุภาพสูงให้ได้ และก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุการณ์ที่น่าสงสัยเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ก็คือหลังจากพระมหาอุปราชทรงทดลองระเบิดใต้น้ำที่ทะเลสาบอ่องเปนแลได้สำเร็จ สมเด็จพระสังฆราชได้ประท้วงไม่รับภัตตาหารที่พระเจ้าแผ่นดินถวาย โดยอ้างว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นคนบาป เพราะการอนุญาตให้ผลิตอาวุธผิดศีลข้อปาณาติบาต หลังจากนั้นไม่นาน พระมหาอุปราชาก็ถูกกบฏปลงพระชนม์ และรัฐบาลอังกฤษก็อนุญาตให้นักโทษกบฏลี้ภัย ไม่ยอมส่งตัวให้รัฐบาลพม่าไต่สวน แถมยังส่งไปให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ถ้าเช่นนั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นฝีมือของใคร?

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:12:57
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 4  

==พม่าเริ่มเจรจาการค้ากับฝรั่งเศส==

หลังจากพระมหาอุปราชสวรรคต การทดลองผลิตอาวุธทุกชนิดก็หยุดชะงักไป องค์พระเจ้ามินดุงเองก็ไม่ทรงดำเนินการอะไรต่อ แต่อังกฤษก็ยังไม่เลิกระแวงพม่า เพราะเหตุว่าเกงหวุ่นเมงจีซึ่งเป็นนายกเสนาบดีคณะรัฐบาลพม่าเข้าไปพบรัฐบาลอิตาลีและฝรั่งเศสเพื่อเปิดการค้าระหว่างประเทศ หลังจากการไปเยือนประเทศอังกฤษตามคำเชิญของรัฐบาลอังกฤษ ผลที่ตามมาคือ ท่านทูตจากอิตาลีและฝรั่งเศสได้เข้าเฝ้าพระเจ้ามินดุงและขอลงนามในสนธิสัญญาการค้ากับประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2415 แต่สุดท้ายฝรั่งเศสไม่ได้ตกลงในสนธิสัญญาการค้ากับพม่า เพราะในสนธิสัญญาการค้าข้อหนึ่งที่รัฐบาลฝรั่งเศสต้องการ ก็คือขอทำการค้าเหมืองอัญณี ซึ่งข้อนี้เป็นเอกสิทธิ์ของพระเจ้ามินดุง

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:16:15
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 5  

==พระเจ้ามินดุงสวรรคต==

รูปอัฐิเจดีย์ของพระเจ้ามินดุง

 
 

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:20:53
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 6  
==เหตุการณ์หลังพระเจ้ามินดุงสวรรคต==

พระเจ้ามินดุงสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2421 ซึ่งพระเจ้าสีป่อพระโอรสองค์หนึ่งของพระองค์ขึ้นครองราชย์สืบต่อ แต่การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าสีป่อไม่สู้จะดีนัก เพราะมีพระโอรสกับพระธิดาถึงกว่าสี่สิบพระองค์ของพระเจ้ามินดุงถูกประหารชีวิต เหตุร้ายที่เกิดขึ้นนั้นไม่พ้นความรับผิดชอบของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ทั้งๆที่พระองค์ไม่ทรงทราบเรื่องเลย และประชาราษฎร์บางส่วนไม่เชื่อว่าพระองค์เป็นคนสั่งประหาร เพราะต่างรู้กันดีว่าพระองค์เคยทรงผนวชมาก่อน และทรงเป็นคนธรรมะธัมโมมาก ประชาชนจึงพากันเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ต้องเป็นคำสั่งมาจากอัครมเหสีของพระองค์คือพระนางศุภยาลัตเป็นแน่

ถ้าตามความเห็นของนักประวัติศาสตร์พม่า มองว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สั่งฆ่าโอรสธิดา ร่วมบิดากับพระเจ้าสีป่อนั้น ไม่น่าจะใช่พระนางศุภยาลัต ธิดาองค์กลางในพระเจ้ามินดุงและพระนางอะแลนันดอว์ (มเหสีกลาง) แต่น่าจะเป็นฝีมือของพระนางอะแลนันดอ กับเกงหวุ่นเมจี อัครเสนาบดี คบคิดกันเสียมากกว่า เพราะพระนางอะแลนันดอเอง มีแต่พระธิดาสามคน คือพระนางศุภยาจี ธิดาองค์โต (ภาษาพม่า จี แปลว่าใหญ่) พระนางศุภยาลัต และพระนางศุภยาเล

และตนเองก็ไม่ใช่ตำแหน่งอัครมเหสีใหญ่เสียด้วย ดังนั้น การจะเป็นใหญ่ได้ ก็ต้องผลักดันให้ลูกสาวแต่งงานกับกษัตริย์สักองค์ ซึ่งกษัตริย์องค์นั้น ย่อมต้องอยู่ในอาณัติของพระนางด้วย พูดง่ายๆก็คือเป็นหุ่นเชิดนั่นเอง

และใครเล่าจะเหมาะเท่ากับพระเจ้าสีป่อ ซึ่งในเวลานั้นเป็นรัชทายาทลำดับท้ายๆ เกิดแต่พระมารดาซึ่งเป็นเพียงพระสนมเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบของพระนางอะแลนันดอว์

ตรงนี้ขอนอกเรื่องเล่าถึงพระนางอะแลนันดอว์สักเล็กน้อยหลายท่านเข้าใจว่าอะแลนันดอ นั้นคือชื่อ แท้จริงแล้วคือชื่อตำแหน่งมเหสีกลาง

พม่าแบ่งตำแหน่งมเหสีออกเป็น 3 ตำแหน่งคือ มเหสีใต้ มเหสีเหนือและมเหสีกลาง โดยตำแหน่งมเหสีใต้ คือตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุด เรียกได้ว่าเป็นอัครมเหสี

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 14:47:19

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:23:15
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 7  
พระนางอะแลนันดอว์เองนั้น ถึงแม้ว่าพระองค์จะเป็นเพียงมเหสีกลาง แต่ท่าน"ทรง"อิทธิพลในรัตนปุระ มัณฑเลย์มิใช่น้อยเลย เห็นได้จากการร่วมมือกับเสนาบดีเกงหวุ่นเมงจี เพื่อผลักดันพระเจ้าสีป่อ เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ได้สำเร็จ
ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากรัชทายาทองค์อื่นๆที่มีความสำคัญเหนือกว่า อยู่ในลำดับที่สูงกว่า แต่ท่านก็ก้าวผ่านข้อครหานั้นมาได้

จริงๆแล้ว พระธิดาองค์ที่ถูกวางตัวไว้ให้เป็นมเหสี คู่กับพระเจ้าสีป่อ คือพระนางศุภยาจี ธิดาองค์โต เพราะตามธรรมเนียม พี่ก็ต้องออกเรือนก่อนน้อง แต่เมื่อพระนางศุภยาลัตทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าสีป่อ ก็เกิดอาการ"ตกหลุมรัก"เข้าอย่างจัง ถึงขนาดเอ่ยปากกับพี่สาวว่า ฉันนี่แหละ ที่อยากแต่งงานกับพระเจ้าสีป่อ พี่อย่าขัดฉัน
(พระนางศุภยาลัต ทรงมีอุปนิสัยที่เด็ดเดี่ยว ไม่ยอมใคร มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์) สุดท้าย พระนางก็เป็นฝ่ายยึดพระเจ้าสีป่อเป็นพระสวามีได้สำเร็จ และได้ทรงสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์และมเหสีแห่งมัณฑเลย์ ถัดจากพระเจ้ามินดุง

ท่ามกลางเสียงไม่พอใจดังอื้ออึง พระนางอะแลนันดอว์ จึงมีคำสั่งให้ประหารพระโอรสและพระธิดาของพระเจ้ามินดุงทั้งหมด โดยเหตุการณ์นี้พระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตมิได้ล่วงรู้เลย

เหตุการณ์นี้ ทำให้รัฐบาลอังกฤษมีโอกาสโจมตีพระเจ้าแผ่นดินพม่าได้อีกครั้ง โดยนายชอว์ (Mr. Shaw) ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งอยู่ที่เมืองมัณฑเลย์ ส่งจดหมายมาขอให้มีการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคณะรัฐบาลพม่า อัครเสนาบดีเกงหวุ่นเมงจี ได้ส่งจดหมายอธิบายว่า การกระทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องชีวิตประราษฎร์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซึ่งอาจะต้องตายมหาศาล หากการชิงราชบัลลังก์นั้นลุกลามใหญ่โตจนต้องเปิดศึกรบกัน จึงยอมแลกกับสี่สิบชีวิตของพระโอรสและพระธิดาจะดีกว่า แต่รัฐบาลอังกฤษก็ไม่พอใจคำอธิบายของเกงหวุ่นเมงจี และสั่งให้ผู้แทนของตนถอนออกจากกรุงมัณฑเลย์ทันที

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 17:24:15

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 15:00:25

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:26:14
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 8  

==รัชกาลพระเจ้าสีป่อ==

การปกครองบ้านเมืองในรัชกาลพระเจ้าสีปอ ถือว่ามีเจริญความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นมากทีเดียว โดยการปกครอง จะแบ่งออกเป็น ๑๔ กระทรวง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน คือ
1.กระทรวงเกษตร
2.กระทรวงแรงงาน
3.กระทรวงกลาโหม (ทหารบก)
4.กระทรวงการค้า
5.กระทรวงศาสนา
6.กระทรวงการคลัง
7.กระทรวงสรรพากร
8.กระทรวงยุติธรรม
9.กระทรวงไต่สวนอาชญากรรม
10.กระทรวงกลาโหม (ทหารเรือ)
11.กระทรวงต่างประเทศ
12.กระทรวงการปกครองชาวต่างชาติ
13.กระทรวงมหาดไทย
14.กระทรวงโรงงานอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ พระเจ้าสีป่อยังทรงรับสั่งให้บรรดาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายเขียนรายงานวิจัย ว่าจะทำอย่างไร จะเปลี่ยนแปลงวิธีการปกครองแบบไหน จึงจะทำให้ประเทศพัฒนาได้ทุกด้านมาถวาย

ในรัชกาลนี้ มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาวยุโรปเป็นอย่างดี โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี มีการส่งทูตานุทูตไปเยือนประเทศฝรั่งเศส อิตาลี และอินเดีย มีการจ้างครูฝึกทหารจากอิตาลีและฝรั่งเศสมาสอนวิชาการรบ และเทคโนโลยีต่างๆให้แก่ทหารพม่า

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:28:38
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 9  

==ภาพถ่ายรัฐสภาหน้าพระราชวังมัณฑเลย์==

 
 

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:30:02
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 10  

ปาดดด ครับ   กำลังมันครับ

จากคุณ: Dalre2006
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 14:52:09
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 11  

เมียนมาร์ วีก โดยแท้

ขอโหวตและให้กำลังใจครับ

 
 

จากคุณ: jassb1
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:02:46
ถูกใจ: หนุ่มรัตนะ

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 12  

ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคุณงามความดีของพระเจ้าสีป่อมากนัก ทั้งๆที่ในรัชกาลพระองค์ มีความเจริญก้าวหน้าในเมืองมัณฑเลย์หลายด้าน อาจเป็นเพราะ"ผู้ดี"ได้สร้างภาพ ตั้งธงไปเสียแล้วว่าพระเจ้าสีป่อ อ่อนแอ ขี้ขลาด ไม่เอาไหน กลัวเมีย ฯลฯ ทั้งๆที่ในสมัยพระองค์นั้นมีการลงนามในข้อตกลงการค้าและการพัฒนาขึ้นมากมาย

ในเวลานั้น พระเจ้าสีป่อทรงมีความสนิทสนมกับรัฐบาลฝรั่งเศสมากกว่า จึงได้ทรงลงพระนามในข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาประเทศระหว่างรัฐบาลพม่ากับรัฐบาลฝรั่งเศส เช่น การสร้างทางรถไฟระหว่างเมืองมัณฑเลย์กับเมืองโตงกิน (Tongkin) การเปิดธนาคารที่เมืองมัณฑเลย์ และขอให้พระเจ้าสีป่ออนุญาตให้ฝรั่งเศลทำการค้าอัญมณีกับสิทธิการปลูกชา โดยรัฐบาลฝรั่งเศสให้เงินรัฐบาลพม่ากู้เพื่อสร้างทางรถไฟเป็นข้อแลกเปลี่ยน ส่วนการคืนหนี้นั้น ฝ่ายรัฐบาลพม่าอนุญาตให้รัฐบาลฝรั่งเศสเก็บภาษีอากรจากการค้าน้ำมันจนกว่าจะคืนเงินกู้ได้หมด และจะขายอาวุธให้แก่รัฐบาลพม่าด้วย

รัฐบาลอังกฤษได้ทราบเรื่องนี้ จึงพยายามขัดขวางทุกอย่างไม่ให้รัฐบาลฝรั่งเศสกับรัฐบาลพม่าทำสำเร็จ ส่วนสมาคมหอการค้าอังกฤษในพม่าก็พยายามผลักดันรัฐบาลอังกฤษให้ยึดพม่าให้เร็วที่สุด เพราะเกรงว่าจะเสียสิทธิทางการค้าให้แก่ฝรั่งเศส จึงพยายามทุกวิถีทางให้เปิดศึกกับพม่าให้ได้

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:05:12
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 13  
==ผู้ดีแผลงฤทธิ์==

ในห้วงเวลานั้นเอง เจ้าหน้าที่กรมการตรวจสอบการตัดไม้ของพม่า ตรวจพบว่าบริษัทบอมเบย์เบอร์มา (Bombay Burma Company) ซึ่งได้รับสัมปทานตัดไม้ในเขตตองอูจากรัฐบาลพม่า ได้ตัดไม้จำนวนกว่า 80,000 ต้นในระยะเวลาสองปี แต่ทางบริษัทได้ส่งรายงานถึงเจ้าหน้าที่พม่าว่า ได้ตัดไปเพียง 30,000 ต้น จึงจะจ่ายภาษีเพียงแค่จำนวนสามหมื่นต้นที่ได้ตัดไปเท่านั้น เจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงแจ้งทางบริษัทว่า จะต้องจ่ายค่าปรับในการตัดไม้เกินเป็นเงิน 2,300,000 รูปี

ทางบริษัทไม่พอใจที่รัฐบาลพม่าสั่งปรับ จึงไปฟ้องรัฐบาลอังกฤษว่ารัฐบาลพม่ารังแกบริษัท ลอร์ดดัฟฟรินซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ (Lord Dufferin, Chief Governor)  จึงส่งสาส์นมาถึงรัฐบาลพม่าว่า
1.สำหรับคดีไม้นั้น รัฐบาลพม่าจะต้องรอผู้แทนที่ข้าหลวงใหญ่จะส่งมาไต่สวน
2.ห้ามไต่สวนคดีก่อนผู้แทนมาถึง
3.รัฐบาลพม่าต้องอนุญาตผู้แทนที่ข้าหลวงใหญ่จะส่งมา เข้ามาในเมืองมัณฑเลย์พร้อมอาวุธครบมือ
4.รัฐบาลอังกฤษจะขอเป็นผู้ควบคุมดูแลการติดต่อระหว่างประเทศของพม่าแต่เพียงผู้เดียว

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 15:12:37

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:11:58
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 14  

เมื่อพระนางศุภยาลัต อัครมเหสีทรงทราบเรื่อง ก็ทรงกริ้วอย่างยิ่ง พระนางตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องรบกับอังกฤษ โดยพระนางทรงให้เหตุผลว่า การกระทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าอังกฤษจ้องจะรังแก และกอบโกยผลประโยชน์จากประเทศเรา หากเราไม่รบ และยอมอังกฤษ เขาก็จะไม่เกรงใจเรา จะปฏิบัติต่อเราเหมือนเป็นทาส  หากเป็นเช่นนั้น เรายอมตายในศึกก็ยังมีศักดิ์ศรีดีกว่ายอมตายอย่างเป็นหมา

แต่เสนาบดีเกงหวุ่นเมงจีไม่เห็นด้วยกับพระองค์ ที่จะรบกับอังกฤษ และทูลแนะนำให้เจรจากับอังฤษ เรื่องนี้เป็นเหตุให้พระนางศุภยาลัตกับเสนาบดีแตกกัน เพราะท่านเสนาบดีแค้นมาก ที่พระนางตำหนิเสนาบดีอย่างรุนแรงว่าเป็นคนขี้ขลาด ให้ไปหาลองยี (ผ้านุ่ง) มานุ่งเสีย (ประวัติศาสตร์พม่าบันทึกไว้แบบนี้จริงๆ) แต่สุดท้ายสมาชิกในรัฐสภาต้องยอมตกลงตามความเห็นของเสนาบดี เพราะนับถือท่านเกงหวุ่นเมงจี ฐานะผู้อาวุโส รวมถึงพระเจ้าสีป่อเอง ก็ค่อนข้างจะทรงเห็นคล้อยไปตามเกงหวุ่นเมงจี ด้วยทรงไม่อยากมีปัญหากับอังกฤษ

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:16:36
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 15  

เสนาบดีเกงหวุ่นเมงจีมีจดหมายไปถึงรัฐบาลอังกฤษว่า

ข้อหนึ่ง    พระเจ้าอยู่หัวยอมความในคดีไม้ ขอให้แล้วไป และไม่ต้องเสียค่าปรับใดๆ

ข้อที่สอง  พระเจ้าอยู่หัวอนุญาตผู้แทนเข้ามาอยู่ในเมืองมัณฑเลย์เหมือนเดิม

ข้อที่สาม  กรณีการเจริญสัมพันธ์ไมตรีของพม่ากับนานาประเทศนั้น เป็นสิทธิส่วนพระองค์ของพระเจ้าอยู่หัว หากมีความจำเป็นต้องควบคุมการติดต่อของพระราชวังพม่ากับประเทศอื่น การควบคุมนี้น่าจะมาจากการตัดสินของประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ไม่ใช่รัฐบาลอังกฤษจะมาบังคับได้

แหม ฟังดูเกงหวุ่นเมงจีพูดแล้ว เหมือนจะเป็นคนดี แต่โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:19:27
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 16  

==ชักศึกเข้าบ้าน พระเอกหลงโรง==

เมื่อรัฐบาลอังกฤษทราบความในจดหมายโดยเฉพาะข้อสุดท้ายก็ไม่พอใจยิ่ง จึงประกาศเปิดศึกกับพม่าอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน นายพลแปรนเดอร์กัสท์ (General Prendergast) เริ่มเดินทัพ พร้อมรบกับพม่า แต่การเผชิญหน้ารบกันนั้นยังไม่กระทำเต็มที่ เพราะมีสาเหตุสามประการที่กองทัพพม่ายังสับสนอยู่

หนึ่งก็คือยังไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากพระราชวังว่าจะให้รบกับอังกฤษหรือไม่ สองก็คือได้รับคำสั่งส่วนตัวจากเสนาบดีเกงหวุ่นเมงจีว่าไม่ให้กองทัพพม่ารบกับอังกฤษ สาม มีข่าวลือออกมาว่า รัฐบาลอังกฤษจะให้พระเจ้าญองรัม   ซึ่งเป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดุง และลี้ภัยอยู่ที่ประเทศอินเดียในขณะนั้นขึ้นครองราชย์แทนพระเจ้าสีป่อ (ประชาชนส่วนใหญ่พากันเชื่อข่าวลือนี้ เพราะประชาชนได้เห็นชายคนหนึ่งแต่งกายลักษณะเหมือนพระโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน นั่งอยู่ที่หัวเรือในกระบวนเรือรบของอังกฤษ ซึ่งล่องมาตามแม่น้ำอิระวดี จึงพากันเชื่อข่าวลือว่าชายคนนั้นคือเจ้าชายญองรัมจริงๆ

แม้แต่เสนาบดีเกงหวุ่นเมงจีก็เชื่อว่าเป็นเจ้าชายด้วย และเกงหวุ่นเมงจีเคยเจรจาตกลงกับนายพล Sladen ผู้ช่วยนายพลแปรนเดอร์กัสท์ว่าจะแต่งตั้งเจ้าชายญองรัมเป็นกษัตริย์หลังจากจับพระเจ้าสีป่อได้แล้ว ซึ่งเกงหวุ่นเมงจีก็เห็นด้วย เพราะกำลังไม่พอใจพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตที่กำลังมีข้อพิพาทกับตน

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:23:55
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 17  

ทหารบางส่วนไม่ยอมอยู่เฉยๆ และแอบสู้กับกองทัพอังกฤษเท่าที่พอจะทำได้ ทหารส่วนนั้นล้วนแต่เป็นกองทัพส่วนพระองค์ของพระนางศุภยาลัต เมื่อกองทัพอังกฤษใกล้มาถึงเมืองสะไก กองทัพพม่าก็เตรียมพร้อมรบอย่างถวายชีวิต แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มยิงปืนแม้แต่นัดเดียว เพราะได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากเสนาบดีเกงหวุ่นเมงจีว่าไม่สู้ ไม่ให้ยิง ถึงนาทีนี้ พระนางศุภยาลัตต้องทรงยอมตามเสนาบดีเกงหวุ่นเมงจี เพราะคณะรัฐมนตรีทั้งหลายพากันเห็นด้วยกับคำอธิบายของท่านเสนา

โดยเสนาบดีเกงหวุ่นเมงจีอ้างว่า “การที่กองทัพอังกฤษยกทัพมาครั้งนี้ มิใช่จะมาทำศึก แต่ตั้งใจจะมาเข้าเฝ้าขอเจรจากับพระองค์เท่านั้น ไม่ได้จะมายึดเมือง หากพระองค์สามารถให้สิ่งที่เขาต้องการได้ เขาก็จะกลับไปเอง พระองค์ก็ไม่ต้องเสียแผ่นดิน และเสียทหารกำลังทหารด้วย ฉะนั้น พระองค์อย่าไปต่อต้านอังกฤษเลย ยอมให้เขามาเจรจาดีกว่า”

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:26:00
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 18  

เข้ามาร่วมรับรู้อีกบริบทหนึ่งด้วยอีกคนครับ

"กษัตริย์และราชินีองค์สุดท้ายของพม่ากับบัลลังก์ที่ว่างเปล่า"

 
 

จากคุณ: หนุ่มรัตนะ
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:27:59
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 19  

พระนางศุภยาลัตเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงรีบทรงมีพระบัญชาให้สร้างหอสูงไว้สำหรับสังเกตการณ์ (ใครเคยไปเที่ยวพระราชวังมัณฑเลย์ คงเคยเห็นหอคอยอยู่หลังหนึ่ง ใครๆมักจะนึกว่าหอนี้มีไว้เพื่อพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตไว้ชมดาวเดือน แท้จริงแล้ว ท่านสร้างไว้เพื่อคอยดูความเคลื่อนไหวและการลาดตระเวนพลของฝั่งอังกฤษ) ท่านมักจะขึ้นไปบนหอนี้เสมอๆ เพื่อคอยประเมินสถานการณ์กับเหล่ากองทหารที่ถือข้างท่าน

คราใดที่เห็นกองทัพอังกฤษเคลื่อนประชิดมัณฑเลย์เข้ามาทุกทีๆ ก็ให้ใจเสียยิ่งนัก

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:30:10
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 20  

ความที่ทุกฝ่าย "เชื่อ" อย่างที่เสนาบดีเกงหวุ่นเงจีนกล่าวอ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ จนถึงวันที่กองทัพอังกฤษ เดินทัพไปจนถึงภายในพระราชวังมัณฑเลย์อย่างง่ายดาย และล้อมกำแพงไว้ทุกด้าน ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า บัดนี้ ได้เสียแผ่นดินไปแล้ว ยังเชื่ออยู่ว่าอังกฤษจะเข้าเจรจากับพระเจ้าอยู่หัว

กองทัพอังกฤษเคลื่อนไปล้อมตำหนักพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต แม่ทัพได้เชิญทั้งสองพระองค์ลงมาเบื้องล่าง พร้อมกับกล่าวว่า "You are under arrested" เท่านั้นเอง

พระเจ้าสีป่อทรงประทับนิ่งด้วยความตกพระทัย ส่วนพระนางศุภยาลัต ทรุดลงกับพื้น ตีอกชกหัว ร่ำไห้ พร่ำรำพันว่า ข้าเสียแผ่นดินไปแล้ว ข้าเสียไปแล้ว....

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:57:30
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 21  

==ภาพการวางอาวุธของทหารพม่า==

 
 

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:58:13
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 22  

กระทั่งตอนเย็น กองทัพอังกฤษนำพระเจ้าสีป่อกับพระมเหสีศุภยาลัตลงเรือไปเมืองย่างกุ้งแล้ว ประชาชนก็ยังไม่รู้ว่าเสียแผ่นดินไปแล้ว คิดแต่เพียงว่าเดี๋ยวพระเจ้าญองรัมก็ขึ้นครองราชย์แทน แม้แต่เกงหวุ่นเมงจีก็ยังเชื่อแบบนั้น และตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าการจับพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตนั้นเป็นการวางแผนของตนเอง แต่เสนาบดีมารู้ภายหลังว่าเสียรู้อังกฤษเสียแล้ว เพราะบุคคลที่แต่งกายเป็นเจ้าชาย และนั่งมากับเรืออังกฤษนั้น ไม่ใช่เจ้าชายญองรัม แต่อย่างใด เป็นเพียงล่ามภาษา ชาวเมาะละแหม่งชื่อว่านายบะตัน

ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการณ์หลอกลวงของรัฐบาลอังกฤษทั้งนั้น แท้จริงแล้ว พระเจ้าญองรัมสวรรคตไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตามการบันทึกของพระธิดาพระเจ้าญองรัม นามว่าเจ้าหญิงถิปตินมะจี ได้กล่าวว่าพระเจ้าญองรัมสวรรคตที่เมืองกัลกัตต้า เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2428 ขณะพระชนมายุได้ 38 พรรษาเท่านั้น ในขณะที่อังกฤษยกทัพขึ้นมัณฑเลย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังพระเจ้าญองรัมสวรรคตไปแล้วประมาณ 6 เดือน

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 15:59:16
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 23  

==ผู้ดีอังกฤษ==

หากวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาโดยยึดตามข้อเท็จจริงที่มีการบันทึกไว้ จะพบว่าผู้ดีอังกฤษนั้นไม่ได้เป็นผู้ดีอย่างที่กล่าวอ้างเลย ในการรบกับพม่านั้น คุณภาพของอาวุธ ความยิ่งใหญ่ของกองทัพ รวมไปถึงกำลังทหารของอังกฤษเหนือชั้นกว่าพม่ามาก แต่วิธีการรบนั้นสกปรกจริงๆ

การยึดประเทศพม่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากการที่พระเจ้าแผ่นดินพม่ากินเหล้าเมายา ทำร้ายราชานุวงศ์ ทำร้ายประชาราษฎร์ รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่มัณฑเลย์ รวมไปถึงการที่พม่าไม่ยอมเจรจาสงบศึกกับรัฐบาลอังกฤษ ดังที่อังกฤษกล่าวหาแต่อย่างใด และอังกฤษยังลงข่าวผิดๆดังกล่าวในหนังสือพิมพ์ที่ประเทศอินเดีย และอังกฤษด้วย  

ในหนังสือ A Lord Randolf Churchill เขียนโดยวินสตัน ชาร์ชิล (Winston Churchill) ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวในหนังสือหน้าที่ 517 อย่างชัดเจนว่า “เตรียมทัพยึดประเทศพม่าโดยด่วน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสแทรกแซงขัดขวางผลประโยชน์ของรัฐบาลอังกฤษในประเทศพม่า” จะเห็นว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการเปิดศึกกับพม่า ด้วยต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น แต่ทำเป็นอ้างเหตุผลต่างๆนาๆและโยนความผิดให้พม่า

หมายเหตุ ในสมัยนั้นลอร์ดรันดอล์ฟเชอร์ชิลเป็นข้าราชการ ตำแหน่งเลขาธิการรัฐอินเดีย (Lord Randolf Churchill, Secretary for the State of India) การบันทึกของนายเชอร์ชิลสอดคล้องกับข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ และประเทศอินเดียว่าลอร์ดดัฟฟรินซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ (Lord Arls Dufferin, Chief Governor) ส่งรายงานรัฐบาลอังกฤษทางโทรเลขว่า ณ เวลานี้มีเหตุการณ์สมควรยึดประเทศพม่าโดยการเปิดศึก เพราะพระเจ้าแผ่นดินพม่าปฏิเสธการขอเจรจาคดีป่าไม้อย่างสิ้นเชิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงรัฐบาลพม่าพยายามประณีประณอม โดยให้คำตอบไปว่า รัฐบาลพม่ายกเลิกค่าปรับจำนวนเงินสองล้านสามแสนรูปีให้แก่บริษัทบอมเบย์เบอร์มา

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 16:01:35
ถูกใจ: bangkokguy

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 24  

==ภาพความเจริญทางวัฒนธรรมของพม่า วัดสวยในสมัยพระเจ้าสีป่อ==

วัดนี้ตั้งอยู่เชิงเขามัณฑเลย์

 
 

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 16:03:17
ถูกใจ: bangkokguy

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 25  
เอาละซิ

ความเข้าใจเก่าๆเรื่อง พระนางศุภยาลัต เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

และเริ่มคล้อยตามเห็นด้วย

1 พระนางและพระสวามี มิน่ามีส่วนร่วมคิดเรื่องประหารหมู่เครือญาติ
ดังที่ มีพวกเจ้าพม่าที่รอดมาได้ เคยพูดไว้ พระนางไม่น่าทำ พระนางแค่ขี้หึง

คนจัดซะทุกอย่างคือ อเลนันดอ ผู้ต้องรีบเร่ง กำจัด พระญาติ

ความจริงพระนางอเลนันดอ เองก็เคยพยายามทำมาแล้วสมัยพระเจ้ามินดุงยังไม่สวรรคต

2 ตามธรรมชาติของคน  พระนางศุภยาลัต ทรงลุกขึ้นสู่ กับอังกฤษ

3 ทางพม่าเองเช่นเจ้ากะนอง ก็พยายามเตรียมตัวสู้อยู่แล้วตั้งแต่สมัยพระเจ้ามินดุง

4 พออังกฤษมันชนะ มันก็เปลี่ยนจุดสนใจของชาวโลก ไปที่การฆ่าพระญาติ สร้างเรื่องเขียนเรื่องจน พระนางและพระสวามี เป็นตัวร้ายทำให้ พม่าพัง มันเข้ามาช่วย ยิ่งทำให้ผมเกลียดคนอังกฤษเข้าไปใหญ่

5 พวกเราเองก็มั่วแต่มอง เรื่องพระนางร้ายอย่างงู้นอย่างงี้ ตามหนังสือ พม่าเสียเมืองที่อ่านเอามันส์  และมั่นใจว่าแทบจะหลายคน ลืม ความลำบาก ขมขื่นของทั้งสองพระองค์ ช่วงที่ตกอยู่ในที่นั่ง ที่พวกอังกฤษ จุดไฟเผาอยู่ใต้บันลังก์

6 แล้วดูมันทำกับ วัง ของเค้า ประเทศของเค้าที่มีผลมาถึงปัจจุปัน

7 ตามที่ผมเคยลงไว้ ในหนังสือ glass palace ของ amita พอฝรั่งมันมาพูดกับพระนางว่า  พระนางเป็นฆาตรกร  พระนางถามกลับว่า ถ้าเราเป็นฆาตรกร แล้ว queen victoria ของพวกเจ้า หล่ะ เป็นอะไร ประโยคคำตอบของพระนางสั้นแต่อธิบายได้ว่า พระนางพูดน้อย ต่อยหนัก พอสมควร  (ถ้า conversation นี้มีจริง)

8 พวกรัตนชาติ ที่หายไป  ผมว่าก็อยู่บนมงกุฎของพวกโจรนั่นแหล่ะ
9 อยากขอโทษพระนางศุภยลัต จัง เรื่องที่ คิดว่าพระองค์เลวซะหมด แบบละคอน น้ำเน่า

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 16:27:35

จากคุณ: tinglee tingamee
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 16:21:13
ถูกใจ: thezircon, bangkokguy

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 26  

==ที่ว่าฉบับ"คนพม่า"บันทึก ก็คืออ้างอิงมาจากฉบันนี้ค่ะ พงศาวดารโคนบ่องเซกมหาราชวงษ์หลวง เขียนโดยเจ้าชายมองติน==

 
 

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 16:31:13
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 27  

ขอบคุณค่ะ คุณ tinglee tingamee ดิฉันเพียงแต่อยากเสนออีกมุมมองหนึ่งส่วนตัวเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนเราคงไม่มีใครเล้วเลวไปเสียทั้งหมด ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ ใครๆก็มีสำนึกรักชาติของตนทั้งนั้น บางครั้งประวัติศาสตร์บ้านเราปนเปไปกับนิยาย ใส่สีตีไข่กันจนมัน พระเอกแสนดี ออกโง่ นางร้ายก็ร้ายเสียจนเหลือเชื่อ ขยำรวมกัน สุดท้ายเลี่ยงบาลีไปเรียกว่าตำนาน

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 16:45:43
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 28  

เข้ามาแบบฉุกละหุก มีเวลาอ่านแค่สองย่อหน้าแรก
ไว้จะมาอ่านต่อ
แค่สองย่อหน้าแรก ก็น่าสนใจแล้ว
ที่บอกว่าพม่าส่งคนไปเรียนต่างประเทศเพื่อเรียน
เรื่องการทำอาวุธ ยังสงสัยเลยว่า แล้วสมัยที่ ร. ๕
ส่งพระเจ้าลูกยาเธอหลายองค์ไปเรียนที่ต่างประเทศ
พวกฝรั่งไม่ขัดขวางหรือระแวงมั่งเหรอ

จากคุณ: Canossa
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 16:49:32
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 29  

ดีค่ะ  ได้อ่านจากคนพม่าเอง  

หนังสือเล่มนี้คนเขียนๆปีไหนคะ  (ฉบับคุณมิกกี้  และเจ้าชาย)  ถ้าเคยอ่านพงศาวดารของไทยจะเห็นว่าคนเขียนจะไม่ใส่ข้อมูลในเชิงไม่ดีของเจ้าของตนค่ะ (รายละเอียดในทางลบมักไม่เขียน  มันเหมือนโครงกระดูกในตู้  อันนี้เคยอ่านจากหนังสือบันทึกของมจ.พูนฯ  ละเอียดมากหนังสือราชการไม่พูดถึงเลยแต่ของท่านมี  คงเพราะท่านไม่คิดว่าวันนึงจะถูกตีพิมพ์)

ส่วนตัวคิดว่าอังกฤษจงใจยึดพม่าชัดเจน  

รออ่านต่อนะคะ

จากคุณ: ป้ามีมี่
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 17:00:08
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 30  
ขอบคุณค่ะ คุณป้ามีมี่ ที่เสนอแนะข้อมูล ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ ใครๆก็ไม่อยากว่าคนของตัวเองใช่มั้ยคะ ประวัติศาสตร์บ้านไหนก็ต้องว่าคนของเราดีไว้ก่อน

เท่าที่เคยอ่านพงศาวดารพม่าบางช่วง พม่าเองก็บันทึก"แง่ลบ"ของกษัตริย์ตัวเองอยู่หลายช่วงทีเดียวค่ะ

อย่างช่วงที่กล่าวถึงการสำเร็จโทษพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ด้วยการบั่นพระศอ เพราะทรงเสวยน้ำจัณฑ์จนเสียสติ หรือการกล่าวถึงความไม่เอาไหนของพระเจ้านันทบุเรง หรือเรื่องพระมหาอุปราช (ลูกของพระเจ้านันทบุเรง ที่ชนช้างกับพระนเรศวร) ที่ขยันหาเรื่องให้พ่อร้อนใจ ด้วยการมีเรื่องกับอาๆๆไปทั่ว

ข้อมูลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากฝั่งพม่าทั้งนั้นค่ะ น่าจะมีอย่างอื่นอีก เดี๋ยวนึกก่อนนะคะ

แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 52 17:22:43

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 17:21:36
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 31  

==หน้าปกโยเดียกับราชวงศ์พม่าค่ะ คุณป้ามีมี่==

 
 

จากคุณ: Aliz in Wonderland
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 17:38:06
  

 
 
 
ความคิดเห็นที่ 32  

ขอบคุณนะคะ  อยากอ่านจัง  สมัยอ่านเที่ยวเมืองพม่า  สมเด็จท่านได้อ่านข้อมูลทางฝั่งฝรั่ง  ตัวท่านเองก้พยายามresearchนะคะ  ถึงขนาดตามเจอเจ้านายพม่าแต่ท่านก็อายุมากแล้ว  ท่านว่าหูท่านตึงแล้ว  ต้องตะโกนใส่เพื่อคุยกัน

จากคุณ: ป้ามีมี่
เขียนเมื่อ: 8 ต.ค. 52 18:07:44
  

 
 
 


อ้างอิง
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8409694/K8409694.html
 
< ก่อนหน้า   ถัดไป >

News

สมุดภาพเหมืองแร่

Counter

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterวันนี้4659
mod_vvisit_counterเมื่อวาน3893
mod_vvisit_counterทั้งหมด11016494