ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน |
เขียนโดย ปาณิศรา ชูผล มทศ. | |
จันทร์, 11 กุมภาพันธ์ 2008 | |
กระสอบใบเตย(สอบเตย)กระสอบใบเตย ภาษาภูเก็ตเรียกสั้น ๆ ว่า สอบเตยหรือสอบข้าว เป็นภาชนะที่สานจากใบเตย สำหรับบรรจุข้าวหรือสิ่งของต่าง ๆ ก้นกระสอบมีมุมสี่มุมและผนังโดยรอบตั้งขึ้นมาคล้ายทรงกระบอก ส่วนใหญ่จะใส่ข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวจากนาไร่ มีบ้างที่ทำเป็นกระสอบใบเล็ก ๆ ไว้ใส่ของในครัวเรือนหรือให้เด็ก ๆ เล่น ใบเตยที่ใช้ทำกระสอบนำมาจากใบของต้นเตยที่ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่มน้ำขัง หรือพรุน้ำจืด การเตรียมใบเตยสำหรับสานกระสอบ เริ่มต้นด้วยการเลือกตัดใบเตยที่แก่จัดมาเลาะหนามข้างในและกลางใบออก แล้วผ่าเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน หลังจากนั้นก็นำมาแบ่งเป็นส่วนเท่า ๆ กันโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “เครียด” เครียดคือเครื่องมือที่ผ่าใบเตย ด้ามทำจากไม้ส่วนปลายเป็นซี่มีดคมกริบสามซี่ เมื่อนำใบเตยมาผ่าด้วยเครียดแล้วจะได้เส้นใบเตยที่มีขนาดเท่า ๆ กัน หลังจากนั้นก็นำใบเตยที่ได้มาตากแดด แล้วเก็บรวบรวมไว้ แล้วนำมารีดด้วยไม้ไผ่ซีกหรือด้ามเครียดให้ใบเตยเรียบตรง ทำเช่นนี้ทุก ๆวันประมาณ 7-10 วัน หรือจนกว่าใบเตยจะแห้งหมาดและเรียบอ่อนนุ่มพร้อมที่จะนำไปสานกระสอบ การสานกระสอบก็เริ่มจากก้นกระสอบก่อนแล้วก้ค่อยหักมุมทั้งสี่ขึ้นเป็นทรงกระบอก และนำมาเก็บปลายไว้ ขอบบนสุดตรงปากกระสอบ ขณะที่สานหากกระสอบใบไหนยังสานไม่เสร็จก็จะใช้ผ้าชุบน้ำคลุมเอาไว้เพื่อให้อ่อนนุ่มพร้อมที่จะสานต่อไปในวันอื่น ๆ ได้ เมื่อสานเป็นกระสอบ เสร็จแล้วก็จะนำไปตากแดดอีกครั้งหนึ่งจนแห้งสนิทดีแล้วก็นำไปเก็บไว้บริเวณเหนือเตาไฟในครัว เพื่อให้ควันไฟจากการหุงหาข้าวปลารมกันมอดแมลงเจาะไช การทำกระสอบที่ใช้เป็นภาชนะใส่ข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ใบเตยอ่อน ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนและทำได้ยาก เพราะใบเตยอ่อนนั้นพริ้วง่าย ขนาดของเส้นใบเตยที่จะนำมาใช้ก็เล็กกว่าเส้นใบที่นำไปทำกระสอบใส่ข้าวเปลือก การสอบที่ได้จากการสานด้วยใบเตยอ่อนจะเรียกว่า “สอบอ่อน” ซึ่งจะมีลวดลายละเอียดกว่าและอ่อนนุ่มน่าใช้กว่ากระสอบที่ทำจากใบเตยแก่ ผู้ที่ทำกระสอบส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงสูงวัยในครอบครัว อาจจะเป็นแม่ หรือไม่ก็ย่า ยาย สามารถทำได้ทุกขั้นตอนโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย งานทำกระสอบทำให้ผู้เป็นแม่มีเวลานั่งเล่านิทานให้ลูก ๆ ฟังพร้อมกับทำงานไปด้วยหลังอาหารเย็น และขณะเดียวกันเด็ก ๆ ก็ได้เรียนรู้วิธีการทำกระสอบอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว นับว่าเป็นวิถีชีวิตที่อบอุ่นซึ่งนับวันจะห่างหายไปจากสังคมไทยในปัจจุบัน สาดเตยสาดเตยหรือเสื่อที่จักสานจากใบเตย เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านทั่ว ๆไป ของชาวบ้านปักษ์ใต้สมัยก่อน เตยเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา ริมธารน้ำลำคลอง ประโยชน์ใช้สอย คือใช้ตากข้าวเปลือก เมล็ดพืชผัก บางบ้านก็ใช้ปูนั่ง จะใช้ปูนอนบ้างแต่ไม่มากนัก การทำสาดเตย ใช้เตยแชง หรือเตยน้ำ เริ่มจากการไปตัดเตยใบที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปตัดที่โคนใบ ตัดปลายใบที่เรียวออกให้เหลือความยาวตามที่ต้องการ ประมาณ ๒-๓.๕ เมตร แล้วเลื่อยหนามเตยออก ที่สันใบและขอบใบ วิธีเลื่อยจะใช้ใยจากเปลือกมะพร้าว หรือเส้นเอ็นผูกคล้องนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ เวลาเลื่อยจะทาบใยหรือเอ็นที่ผูกนิ้วไว้แล้วเข้ากับช่วงโคนใบเตยตรงที่จะเลื่อยออก แล้วดึงใบเตยไปตามความยาวตลอดใบ แล้วผ่าใบเตยเป็นสองซีก แต่ละซีกจะผ่าเป็นซีกย่อยอีกครั้ง ได้ใบเตยที่ผ่าแล้วความกว้าง ประมาณ ๑.๕-๒ เซ็นติเมตร เมื่อเลื่อยใบเตยแล้วใช้ไม้ (ไม้ไผ่) แบน ๆ ผิวเรียบ ขูดใบเตยเพื่อให้ใบอ่อนตัว นำไปผึ่งแดดให้อ่อนตัวอีกครั้ง พอใบแห้งลืมต้น นำมาขูดให้นิ่มอ่อนตัวอีกครั้ง การสานสาดเตย เป็นงานหัตถกรรมที่ไม่ประดิษฐ์ลายอะไรมากนัก จักสานอย่างง่าย ๆ เป็นลาดขัดพื้น ๆ ยก ๑ ข่ม ๑ ไปเรื่อยๆ ขอบนอกทั้ง ๔ ด้านเมื่อได้ความกว้างความยาวของผืนเสื่อตามต้องการใช้วิธีพับตอกกลับเข้าด้านใน แล้วสอดไว้ในช่องเตยที่ขัดลายเรียบร้อยแล้ว โดยร้อยซ่อนเข้ามา ๒ - ๓ ตอก ความยาวที่เหลือจากการร้อยสอดก็ตัดทิ้งเรียกว่า “ตัดหนวดสาด” สมุกหมากสมุกหมาก ภาชนะจักสานที่มีก้นอย่างน้อยสองมุมไว้ใส่สิ่งของต่าง ๆ มีฝาครอบ เป็นหัตถกรรมพื้นเมืองที่จักสานด้วยใบเตยหรือต้นกก เรียกว่า “สมุก” หรือสำเนียงชาวปักษ์ใต้ออกเสียง “มุก” สิ่งของที่ชาวบ้านนำมาใส่ในภาชนะชนิดนี้ หากเป็นหมากพลู จะเรียกภาชนะที่ใส่หมากพลูว่า “สมุกหมาก” สมุกหมากที่นิยมใช้จักสานมักจะสานด้วยใบเตยหรือกก มีก้นเป็นสี่มุม หกมุม สองมุม งานจักสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมบนฐานสี่มุม จักสานเป็นรูปทรงกลมบนฐานหกมุม ค่อนข้างจะหาดูได้ยาก สมุกหมากทรงกลมบนฐานหกเหลี่ยมที่มีอยู่ในหอวัฒนธรรมภูเก็จ ได้รับมาจาก “นางชม ฤกษ์ถลาง (ถึงแก่กรรม) ชาวบ้านค่าย ตลาดบ้านเคียน อำเภอถลาง เป็นงานจักสานของ นางเบีย สงเคราะห์ เป็นงานที่จัดทำไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ งานชิ้นนี้จักสานด้วยใบเตยอ่อนสีขาว มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔ นิ้ว ทรงสูง ๓ นิ้ว ใบเตยจักตอกแต่ละเส้นกว้าง ๐.๕ เซ็นติเมตร สอดสานติดกันของตอกเตยสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดจำนวน ๓ ชิ้น กลายเป็นลายจักสานรูปทรงเล็ก ๆ ติดกันเป็นชิ้นทรงกลมบนฐานหกเหลี่ยมได้ทรวดทรงที่งามงด สมุกหมากทรงกลมบนฐานหกเหลี่ยมชิ้นนี้ เป็นศิลปกรรมจักสานของหอวัฒนธรรมภูเก็จ ที่เป็นงานชั้นครู ยังไม่มีงานชิ้นใดมาเทียบความประณีตงดงามได้เลย หมวกหกเหลี่ยมโดยอาชีพพื้นเพของชาวบ้านถิ่นภูเก็ต ยุคสังคมเกษตร ชาวภูเก็ตแถวถลาง บ้านดอน ฉลอง กะตะ กะรน มีอาชีพทำนาปลูกข้าว การประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนาก็อาศัยหัตถกรรมฝีมือพื้นบ้าน โดยเฉพาะการจักสานหมวกหกเหลี่ยมก็เช่นกัน เป็นหมวกที่ใช้สวมกันแดด ตอนหน้าเก็บเกี่ยวข้าว วัสดุที่ใช้ในการสานหมวกหกเหลี่ยมคือใบเตย ตัดเตยใบที่ขนาดไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป กรีดหนามออกผ่าเป็นตอก ประมาณ ๑.๕ - ๒ เซนติเมตร นำมาสานขึ้นรูปทรงลายขัดธรรมดาเป็นรูปกรวยทรงกลม เมื่อได้ความกว้างขอบกรวยประมาณ ๑.๕ ฟุต เก็บปลายของตอกที่ขัดเข้าสู่ด้านใน ๓ - ๔ ตอก หนวดเตยที่เหลือตัดทิ้ง เอาหวายทรงกลม ดามไว้ด้านในด้านนอก เพื่อให้หมวกรักษารูปทรงตั้งอยู่ ขอบรอบ ๆ สานเป็นรูปหกเหลี่ยม ด้านในหมวกสานเป็นรูปวงกลมขนาดกระชับกับศีรษะนำไปประกอบกับใบหมวกใช้เชือกเย็บให้แน่น หมวกหกเหลี่ยมยังใช้ประโยชน์สำหรับคนร่อนแร่ ชาวประมงน้ำจืดในบางท้องที่ของภูเก็ตด้วย สอบช่อวันสารทเดือนสิบวันสารทเดือนสิบหรือวันทำบุญเดือนสิบของชาวภูเก็ต เป็นประเพณีเหมือนกับประเพณีเดือนสิบของชาวปักษ์ใต้ทั่วไป ชาวไทยพุทธจะไปทำบุญวันเดือนสิบเพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะนำข้าวปลาอาหาร ขนมเดือนสิบไปร่วมทำบุญกันที่วัด แต่ที่ภูเก็ตมีรายละเอียดโดยเฉพาะอยู่เรื่องหนึ่ง คือการนำสิ่งของเครื่องใช้ที่บริโภคในครัวเรือนใส่สอบช่อไปถวายวัดด้วย โดยเฉพาะอาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร พริก หอม กระเทียม เกลือ กะปิ ขิง ข่า ตะไคร้ มะพร้าว (ปอกเปลือก) ฟักทอง ขี้พร้า หัวมัน ส้ม เข็มเย็บผ้า ด้าย ไม้ขีดไฟ รายชื่อญาติที่ตายไปแล้ว ฯลฯ สิ่งของที่ไม่สามารถบรรจุในสอบช่อได้ก็จะแขวนหรือวางไว้ต่างหาก เช่น มะพร้าว ฟักทอง ขี้พร้า ขิง ข่า ตะไคร้ ฯลฯ สิ่งของเหล่านั้นเป็นอาหารแห้งที่ทางวัดจะได้เก็บไว้ทำอาหาร หรือเลี้ยงคนที่ไปร่วมทำบุญกับทางวัด การทำสอบช่อหรือกระสอบช่อ ใช้ใบเตยมาสานสอบช่อ โดยตัดใบเตยมาผ่าเป็นตอก ขนาด ๑ - ๑.๕ เซ็นติเมตร จักสานเป็นกระสอบใบเล็ก ๆ ขนาดกว้างประมาณ ๗ - ๘ เซ็นติเมตร สูง ๙ - ๑๐ เซ็นติเมตร ที่ก้นสอบสานเป็นสายร้อยห้อยเป็นพวง ยาวประมาณ ๒ ศอก ช่อละ ๕ สอบ โดยให้ห้อยเป็น ๒ ด้าน (เป็น ๑๐ สอบ) สิ่งของต่าง ๆ เช่น ข้าวสาร พริก เกลือ กะปิ เมื่อนำมาใส่สอบแล้วจะต้องเย็บปากสอบให้ติดกัน เพื่อมิให้สิ่งของที่บรรจุไว้ร่วงหรือหกออกมาได้ เพราะเวลาเอาสอบแขวนหรือคล้องไหล่ปากสอบจะห้อยลง ชะ(ตะกร้า)ชะ เป็นภาชนะจักสานประเภทตะกร้าของภาคใต้ มีหลายชนิด รูปร่างเตี้ย ๆ ปากลมมีขอบก้นเป็นเหลี่ยม รูปร่างคล้ายกระจาดของภาคกลางแต่เตี้ยกว่า ใช้ใส่ผักผลไม้ต่าง ๆ ไปจนถึงใส่ขนมจีน อีกชนิดหนึ่งรูปร่างทรงกระบอก มีหูสำหรับหิ้ว จึงเรียกว่า “ชะหิ้ว” ใช้ใส่พืช ผลไม้กับข้าวของสด เวลาไปจ่ายตลาดสดเช่นเดียวกับตะกร้าหิ้วของภาคกลาง ชะ เป็นเครื่องจักสานที่ทำจากตอกไม้ไผ่ หวาย ใช้กันในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดแถบภาคใต้ ภาชนะจักสานชนิดนี้ได้รับแบบอย่างมาจากตะกร้าหิ้วของจีน ซึ่งชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณจังหวัดแถบภาคใต้เป็นผู้นำเข้ามา
|
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|