Welcome to Phuket Data - เฉ่งเบ๋ง : นพ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์

เฉ่งเบ๋ง : นพ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์

เขียนโดย นพ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์
เสาร์, 31 มีนาคม 2012
...คำว่า福(จีนกลางอ่านว่าฝุ..ฮกเกี้ยนออกเสียงว่าหก..แต้จิ๋วเรียกว่าฮก)..แปลว่าโชค..โชคดี.....คำนี้ถูกเขียนติดไว้ที่บ่องทุกหลัง..เป็นความละเอียดอ่อนของคนจีน..เขารู้ว่าทุกปีลูกหลานจะมาเฉ่งเบ๋งทำความสะอาดและมาไหว้หลุมฝังศพท่าน..ท่านพูดไม่ได้แล้...ว..เพราะนอนอยู่ในหลุมแล้ว..แต่ท่านก็อวยพรผ่านตัวหนังสือนี้ให้ลูกหลานโชคดีมีสุขครับ.......เมื่อไปเฉ่งเบ๋งขอให้ตั้งใจไป..ตั้งใจไหว้..ตั้งจิตอธิษฐาน..รำลึกคุณงามความดีของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว..ปวารณาตัวที่จะทำความดี..ท่านจะได้รับโชคแน่นอนครับ....See More Prasit Koysiripong ‎....ตอนนี้เรากำลังย่างเข้าสู่เทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนอีก1รายการ..นั่นคือเทศกาลเช็งเม้ง(จีนแต้จิ๋ว)..หรือเฉ่งเบ๋งในสำเนียงฮกเกี้ยน.. ....คนจีนยึดถือความกดัญญูเป็นเรื่องใหญ่..การไหว้บรรพบุรุษในแต่ละปีมีหลายโอกาส..ตั้งแต่โจ้กี่(ไหว้วันที่ตรงกับวันที่ญาติผู้ใหญ่ท่านนั้นตาย)..ไหว้ในวันไหว้กับข้าวในเทศกาลตรุษจีน..ไหว้ในเทศกาลสาร์ทจีนที่เขาเรียกว่าชิดโหง่ยปั่ว..และที่สำคัญคือการไหว้บรรพบุรุษในวัน...เฉ่งเบ๋ง..เป็นการไหว้ใหญ่..มีลักษณะสำคัญต่างจากโอกาสอื่นๆตรงที่..ต้องไปไหว้ที่สุสานเล..มีการทำความสะอาดสุสาน..ตัดหญ้าที่รกรุงรังออก..บางแห่งมีการทาสีใหม่ก่อนถึงวันไหว้..ในโอกาสนี้..ลูกหลานที่อยู่ห่างไกลหรือทำงานอยู่ต่างจังหวัดก็จะถือโอกาสมาเยี่ยมญาติและมาร่วมเฉ่งเบ๋ง..วันเฉ่งเบ๋งจึงเป็นวันรวมญาติอีกวันหนึ่ง....(ยังมีต่อนะ)ดูเพิ่มเติม บ่องจั้ว..หรือเรียกว่าชิดเซกจั้วก็ได้ วันนี้อยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับบ่องจั้วหรือชิดเซกจั้วให้ฟังหน่อย... ......บ่องจั้วหรือชิดเซกจั้วเป็นกระดาษหลากสีที่ลูกหลานวางบนเนินหลุมศพหลังจากไหว้เฉ่งเบ๋งเสร็จแล้ว..เป็นการแสดงว่าหลุมศพนั้นๆลูกหลานได้มากราบไว้แล้ว... ......หลายท่านคงเคยไดยินชื่อหลิวปัง(劉邦)..เป็นชื่อเดิมของจักรพรรดิเกาจู(高祖)แห่งราชวงศ์ฮั่น(漢朝อ่านว่าฮั่นฉาว)..คนไทยเราจะคุ้นกับชื่อจักรพรรดิฮั่นโกโจ..หลิวปังมีภูมิหลังเป็นลูกชาวนาย...ากจนที่สถาปนาราชวงศ์ฮั่น..ครอบครัวชาวนาที่ยากจนย่อมไม่ได้มีสุสานที่ใหญ่โต..และสมัยก่อน..แผ่นดินจีนมีแต่การรบรากัน..บางครั้งป้ายสุสานเองก็อาจถูกย่ำทำลายไปด้วยซ้ำ..เมื่อหลิวปังปราบข้าศึกจนสยบและตั้งตนเป็นกษัตริย์แล้ว..ท่านก็เริ่มคิดกลับไปกราบไว้หลุมศพพ่อแม่ที่ไม่ได้กลับไปไหว้มานาน..เพราะมัวแต่กรำศึก..ครั้นกลับไปถึงก็หาป้ายไม่พบ..เพราะมีป้ายสุสานที่หักอยู่หลายแห่ง..ไม่ทราบว่าอันไหนเป็นของพ่อแม่ตัวเอง..เมื่อจนปัญญา..ท่านจึงดึงดระดาษขึ้นมาปึกหนึ่ง..และทรงอธิษฐานว่า..เมื่อท่านโยนกระดาษกำนี้ขึ้นไปในอากาศ..ขอให้มีกระดาษสัก1ใบไปปักกับแผ่นป้ายสุสาน(บ่องป๋าย)ของบุพการีด้วย..เสร็จแล้วท่านก็โยนกระดาษกำนั้นไปบนอากาศ..ด้วยบารมีของพระองค์..มีแรงลมหอบกระดาษใบหนึ่งไปเสีบยบอยู่กับซอกหินอันหนึ่ง..เมื่อท่านพลิกมาดูก็พบว่าเป็นบ่องป๋ายของพ่อแม่ท่านจริงๆ..ตั้งแต่นั้นมา..เมื่อเขาไหว้เฉ่งเบ๋งแล้ว..เขาก็จะเต่ะ(เอาหินก้อนเล็กๆทับไว้)บ่องจั้วไว้..เป็นสัญญลักษ์ให้คนอื่นได้รู้....See More บ่อง......หมายถึงหลุมฝังศพนั้นๆ(Tomb).. .....บ่องป๋าย...เป็นป้ายหน้าหลุมฝังศพ..มักเป็นแผ่นหินแกรนิตที่ถูกจำหลักด้วยภาษาจีนกลาง..บอกให้ทราบถึงชื่อ..คู่ครอง..ถิ่นกำเนิด..เวลาที่ตาย..ลูกหลานของผู้ตาย..เรียกว่าเป็นprofileของผู้ตายก็ว่าได้..สามารถใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้อย่างดี.. .....พะเจ่วเหลง...พะแปลว่าตี..เจ้วะแปลว่าหิน..เหลงเป็นชื่อของนายเหลง..นายเหลงหรือแป๊ะเหลง..มีอาชีพสะกัดตัวอักษรบนแผ่นหินแกรนิต..บ่องป๋ายหลายอันเป็นฝีมือของท่าน..ท่านจึงชื่อนายเหลงมีฉายาว่าพะเจ้วะ(เพราะตีหรือแกะสลักบนหิน)..จึงเรียกรวมว่าพะเจ่วเหลง..ร้านของท่านอยู่ประมาณ3-4หลังก่อนถึงร้านสุนทรโภชนา..ถนนกระบี่.. .....บ่ิองจั้ว...อาจเรียกว่าชิดเซกจั้ว..เป็นกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า..กว้างประมาณ3นิ้วยาวประมาณ8นิ้ว..ตามชื่อก็มีอยู่เจ็ดสี..ใช้วางบนหลุมศพเมื่อเฉ่งเบ๋งเสร็จแล้ว..เป็นการบอกให้ทราบว่าบ่องนี้ลูกหลานได้มาไหว้แล้ว.. .....ท้อเต่ก๊ง...เป็นป้ายหินอยู่ด้านขวามือเวลาเราหันเข้าหาบ่องป๋าย..เป็นปางเล็กๆของปุ๊นเถ่าก๊ง(ตั่วแป๊ะก๊ง)..เวลาไหว้ต้องไหว้ท่านก่อนด้วยธูป3ดอก(เพราะท่านเป็นเทพ)..ก่อนไหว้บรรพบุรุษที่เป็นคนด้วยธูป1หรือ2ดอก..เวลาเผากระดาษ..ท่านเป็นเทพต้องใช้กระดาษทอง..ของคนตายใช้กระดาษเงิน..ส่วนของใช้หรือเงินปลอมไว้เผาให้คนตายเท่านั้น.. ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเทศกาลเฉ่งเบ๋ง.... .....1.เป็นวันที่เรามารำลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษ... .....2.จากข้อแรกจะปลูกฝังให้เกิดการเป็นคนรู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ... .....3.ญาติพี่น้องได้มาพบปะกันอย่างน้อยปีละครั้ง..ได้แนะนำให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้รู้จักกัน..สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันในภายภาคหน้า..ดังพุทธพจน์ที่ว่า..วิสาสาปรมาญาติ..การไปมาหาสู่กันก่อให้เกิดเป็นญาติ.. .....4.เป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่ก่อให้เกิดความสามัคคีแก่ลูกหลานรุ่นต่อๆไป.. .....5ได้รับฟังประวัติของบรรพบุรุษจากสมาชิกอาวุโสในครอบครัว..รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้กัน. น.พ.ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ *** พจนสารอันดามัน มทศ. วัฒนธรรม2วัฒน์ ภาษาสื่อสาร2
แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( จันทร์, 02 เมษายน 2012 )